16 ธันวาคม 2547 14:11 น.
pigstation
แรกทีเดียวการสื่อสารของสัตว์คงเป็นเพียงการเปล่งเสียงออกมา พร้อมอากัปกิริยาสื่อออกมาให้คู่สนทนารับทราบถึง ความหมาย เช่น การส่งเสียงร้องของนก คือ การส่งสารต่อกันว่าขณะนี้พบแหล่งอาหาร หรือ มีศัตรู ก็แล้วแต่กรณีไป
ต่อมามนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ระดับของการสื่อสารเริ่มซับซ้อน เป็นเพราะขนาดของสมอง จึงทำให้ มนุษย์ใช้การสื่อสารด้วยวิธีการที่หลากหลาย
นานาเผ่าพันธุ์ นานาวัฒนธรรมที่เปลี่ยนผ่านมารุ่นต่อรุ่น จวบจนมาถึงวันนี้ อำนาจแห่งภาษาได้ครอบครองโลกมนุษย์ไว้สิ้นแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ภาษาเป็นทั้งประตูเปิดออกสู่โลกกว้าง เป็นกุญแจไขปริศนาจักรวาล หรือกระทั่งเป็นกับดักที่ปิดกั้นไม่ให้มี ความหมายอื่นใดมาอธิบายได้ นอกจากการกำหนดลงไปด้วยภาษาที่แปรรูปเป็น วาทกรรม ที่สถาปนาความจริง(ลวง)ให้คนเชื่อ คนฟัง คนทำตามนั้น
วาทกรรมกำลังเป็นพระเอก และตัวโกงในเวลาเดียวกัน ด้วยความเป็นมนุษย์ผู้ดำรงอยู่ด้วยเหตุผลผสมอารมณ์ โลกใบนี้จึงไม่อาจหนีพ้น อำนาจแห่งวาทกรรมที่คอยบงการ คอยบัญชาการ
เราต่างได้ยินคำว่า สิ่งแวดล้อมมานานแล้ว เป็นคำที่บรรจุความหมายถึง __________ ( เหตุที่ผู้เขียนปล่อยที่ว่างไว้ เนื่องจาก คำนี้นั้นมีนิยามอันเกิดจากการบัญญัติจาก สารพัดนัก-นักวิชาการ,นักปรัชญา,นักวิทยาศาสตร์ และบรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง ดังนั้น คำว่าสิ่งแวดล้อมคำเดียวกันนี้ ต่างมีหลายโฉมหน้า หลายรูปทรง ขึ้นอยู่ว่าผู้ใดจะมีระดับความเข้าใจ และภาวะประสบการณ์ภายในระดับใด )
การกล่าวถึง วาทกรรม นั้น คล้ายการหว่านข้าวลงไปในนา แล้วเรามองเห็นที่เมล็ดข้าวในรวงแต่เพียงเท่านั้น ทั้งที่ การงอกงามของต้นข้าวนั้นมีปัจจัยมากมายรายล้อม ไม่ว่าจะ ดินฟ้าอากาศ ไส้เดือน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นที่มาของ ข้าว เช่นกันวาทกรรมใดวาทกรรมหนึ่งนั้น อาจสื่อความหมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่แท้ที่จริงแล้ว วาทกรรมนั้นมีการครอบงำพื้นที่ มีการปิดบังความจริงอื่นที่อยู่นอกเหนืออีกมากมาย
วาทกรรมที่อยากยกตัวอย่างคือ วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย ที่กำลังก้าวไปสู่หลุมพรางทางด้านการก่อวินาศกรรมด้วยภูมิปัญญาจากต่างแดน..(รู้อยู่แก่ใจ)
ทั้งที่เรามีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ สามารถทำการเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารได้ร้อยพันธุ์ แต่เรากลับถูกกลไกจากองค์การค้าโลกมาใช้คำหวานเล้าโลมใจชาวเกษตรกรไทยว่า ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเถิดหนาเพื่อว่าได้ส่งออกตลาดโลกกันเถิดเพื่อเศรษฐกิจดีเลิศ แล้วในที่สุด มันสำปะหลังเอย อ้อยเอย ข้าวโพดเอย ราคาตกพร้อมน้ำตากสิกรไทยตกไปตามกัน ที่นา ที่ไร่ ล้วนแล้วแต่มีโฉนดอยู่ที่ธนาคาร..( ถูกต้องคร้าบบบ)
อีกประการคือการชี้นำจากการท่องเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจนั้น แบบแห่แหนตระเวณตามแต่แรงโหมโฆษณา พากันไปแบบฉิ่งฉับทัวร์ ความจริงคือการเปลี่ยนสถานที่ตั้งวงกินเหล้ากับตั้งวงเล่นไพ่ ไม่ต่างจากการย่ำยีธรรมชาติอันแสนล้ำค่าที่เป็นมรดกจากบรรพชนได้เเลกมาด้วยชีวิต ด้วยเลือดและน้ำตามาแต่ครั้งโบราณกาล
จาก ภูกระดึง จากภูเก็ต จากดอยสูง สู่ชายฝั่ง มีสถานที่ใดบ้าง หากเราไม่ลำเอียงต่อความเป็นจริงนักว่า สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นคือ เศษซากกากเดน ที่ถูกดูดเอาเม็ดเงิน ถูกกว้านทรัพยากรโกยเข้ากระเป๋านัก..(ถูกต้องคร้าบบบบ) ส่วน ชาวบ้านตาดำปี๋ นั่งทำตาปริบๆกับขยะปฏิกูล และความเสื่อมโทรมตามมา ยากที่จะเยียวยา ทั้งนี้ทั้งนั้นคือการหลงเพริศไปในคำว่า วาทกรรมการท่องเที่ยวทัศนาจราจลอันอุจาด
ไม่เคยมีความเข็ดหลาบเกิดขึ้นในจิตสำนึกของคนไทยส่วนหนึ่ง มีแต่เห็นว่าเรื่องของ สิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องของรัฐ เป็นเรื่องของนักวิชาการ เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงถลุงโลกกันต่อไปอย่างครื้นเครง ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำใต้ฝักบัว ครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุจชี่ แล้วมารับไอเย็นจากแอร์ 100,200 BTU รอสักพักก็ควบรถสปอร์ต 3,600 CC ที่ประหยัดน้ำมัน 1 กิโล 10 ลิตรเอง ว้าวววว
ความตระหนักต่อส่วนรวมว่าเราคือคนสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และ การมีส่วนร่วมด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำมือ ควบคู่ น้ำใจของแต่ละคนเท่านั้นคือวาทกรรมอันสำคัญยิ่ง ที่จะพาให้ประเทศไทย จนถึงโลกเบี้ยวๆใบนี้ไปสู่หนทางสว่างไสวไร้น้ำครำเหม็นโฉ่
เพราะที่ผ่านมานั้นวาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยมีแต่ การปลูกต้นไม้ปีละหน คนละต้น ( ส่วนคนตัดไม้นั้นตัดวันละป่าครับผม) ,การพากันเก็บเศษกระดาษในวัน BIG[?]CLEANING DAY คนละแผ่นสองแผ่น โอ๊ย ภูมิใจแย่เลย หรือ การเดินขบวนต่อต้านท่อก๊าซ ไทย-มาเลย์ ด้วยการพากันขึ้นรถ 4 WD มาร่วมเดินขบวนด้วยการแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท. แล้วสั่งแก๊สถังหนึ่งที่ร้านจับฉ่ายพานิชให้ไปส่งที่บ้านด้วยเพราะแม่บ้านสั่งมาว่าแก๊สหมด.
วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยยังอยู่ในจุดที่เรียกว่า แจวเรือกันคนละพาย มากกว่า ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
วันวานนั้นเป็นสายลมที่พัดผ่าน อยากให้สายลมเปลี่ยนทิศ พวกเราสร้างความหมายใหม่ให้วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยที่คล้ายจะลูบหน้าปะจมูกให้เป็นการลงแขกร่วมใจสร้างสิ่งแวดล้อมไทยให้ยั่งยืนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิห่ออาหารด้วยใบตอง ใช้ถุงผ้าบรรจุข้าวของตอนซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้า ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น อุดหนุนสินค้าไทย แล้วใช้ชีวิตอย่างพอเพียง บวกกับ ทำความดีถวายในหลวง SO แจ๋ว SO COOL มาก พลเมืองไทยใจงาม
มาร่วมสร้างวาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย จากเดิมที่เป็นเพียงถ้อยคำที่ประดิษฐ์มาอย่างสวยหรู จากเก่าที่เป็นการคลำทางอย่างมะงุมมะงาหรา จากกลิ่นน้ำครำท่วมฟ้าเมืองไทย จะเป็นวันดอกไม้บาน ทุ่งข้าวออกรวงเป็นแผ่นดินทอง วันที่สายรุ้งบรรจงโค้งข้ามฟ้า วันที่ผีเสื้อบินร่า วันที่เรานั้นรักเมืองไทยด้วยน้ำใจเปี่ยมล้นบนวาทกรรมสิ่งแวดล้อมที่ว่า น้ำใจ คือ สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด
16 ธันวาคม 2547 14:00 น.
pigstation
(หนังฟินแลนด์สกุล art )
.เขียนบท กำกับ .. เก็ธเธอร์คุนซ์ โธมัสเซ่นรีย์
วิจารณ์โดย นฬ.ประสาท ผลิตภัณฑ์การพิมพ์
ความละเอียดอ่อนใช่ว่าจะมีแต่ชาติตะวันออกเท่านั้น เมื่อพิจารณาดูว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น น่าจะเป็นคุณสมบัติเด่น ของชาวเอเชีย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าชนชาติใด ล้วนมีความละเอียดอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่ทั้งสิ้น นั้นคือสิ่งที่เรียกว่า ศิลปวัฒนธรรม
ความเป็นประเทศอันปกคลุมด้วยเงื่อนไขทางธรรมชาติ ความขาวโพลนชั่วนาตาปีของหิมะ ความหนาวเหน็บจิกเนื้อล้อมหัวใจนั้น มันสร้างความรู้สึกบางอย่าง แตกต่างไปจากบางมุมมองของเรา แต่เป็นแง่งามมุมประชิดเดียวกัน
ความเป็นภาพยนตร์ของชาวฟินน์ บ่งบอกถึง อาการชื่นชมถึง ความงอกงาม /เจริญเติบโต/หยั่งราก อาจเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศอันยากต่อการผลิใบ/หยั่งราก จึงเป็นเหตุให้ชาวฟินน์รักความสดชื่น รักการบังเกิดใหม่
ความจริงแล้วสัญญะ อันบ่งบอกถึงความเป็นฟินแลนด์คือ เจ้าพืชชนิดหนึ่งที่เรามองไม่เห็นความหมายมันในระดับพื้นผิวทางการดำรงอยู่ แต่ด้วยความเป็นนักคิดของเก็ธเธอร์ คุนซ์ นำเอาถั่วงอกมาแสดงนำร่วมกับ คน เพื่อสื่อสารถึงการดำรงอยู่ (หรืออีกนัยยะคือ ความดิ้นรน)
ความงามของการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ จากปุ่มปมที่เริ่มแตกตัว ขยายโต จากใบอ่อนเขียวนวลค่อยแผ่บาน เรียนก้านลำต้นจากขดงอ จึ่งเหยียดแข็ง ชูชัน อวบอิ่ม มันคือ ความงามแห่งการมีชีวิต ..ใช่จะมีจิตวิญญาณ ถั่วงอกจึงไม่ลำบากในการประคองชีวิต เพียง แดด/น้ำ/ก๊าซ มันก็สังเคราะห์แสงได้
ความเป็นมนุษย์ อาจหมายถึง การหนีตัวเองตลอดเวลา ดังเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครสองตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีมากกว่าความรัก
ความเป็นเพศสภาพ คือ การแบ่งภาคความเป็นมนุษย์อันสมบูรณ์ให้ยุ่งยากขึ้น ผู้หญิงอย่างนอร่าจึงใคร่ครวญตั้งคำถามว่า ผู้ชาย ไม่ต่างจากถั่วงอก มีชีวิตไม่มากมายหรือซับซ้อน อายุสั้น เปราะบาง เธอจึงรุกเร้าเอาคำตอบจากบียอนเซ่นตลอดเวลาว่า
1. อะไรที่ผู้ชายต้องการ
2. สิ่งใดที่ผู้หญิงต้องเสียสละ
3. อะไรที่ผู้ชายละทิ้ง
4. สิ่งใดที่ผู้หญิงปรารถนา
ความเป็นศิลปะของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ละวัตถุที่นำเสนอนั้น ไม่ต่างจากสัญญะ อันแทรกซึมลึกล้ำดำดิ่งไปในจิตใจของผู้คน มันสะท้อนถึงภาวะ วัตถุนิยม ที่ทดแทน ความดีงามที่เริ่มดำดิ่งมุดลงจนสูญหายกระทั่งพร่าเลือนไป ราวไม่เคยมีมันมาก่อน
ความเป็นพืชของถั่วงอก เริ่มจากการเป็นวัตถุทรงมนกลม นอนแน่นิ่ง เกลี้ยงเกลา แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเจาะเข้าไปในชั้นโมเลกุล ภายในมีพลังงานมหาศาลที่สะสมตัวรอความเหมาะสม รอปัจจัยทั้งมวล เพื่อแปรเปลี่ยนสภาพ
ความเป็นมืออาชีพที่เริ่มจับภาพแก้วบรรจุดิน ที่อาบแดดข้างหน้าต่าง บนโต๊ะเหงาๆ มีลมพัดผ้าม่านเข้ามา แล้วมีฝนกระเซ็นเข้ามา แล้วเจ้าถั่วงอกก็ออกโรง จากปุ่มปม ค่อยขยายร่าง ขาวอวบ
ความเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ของบียอนเซ่น ประหลาดใจต่อ กระถางต้นไม้ชั่วคราวนี้มาก ทำไมดอกไม้มากมี นอร่า ครูสอนวรรณคดี ไม่สนใจจะเพาะปลูก กลับมาสนใจ ไอ้ต้นไม้พิลึก รูปทรงพิกล หาความหมายอะไรได้ นอกจากความขาวกับหัวมนๆ ป้อมๆ ไม่ต่างจาก ไอ้จ้อนย่อส่วน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นไปตามสังคมยุคใหม่ ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีกิจกรรมใดๆที่จะต้องร่วมทุกข์ ร่วมสุข เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของการตอบสนองความต้องการด้วยการใช้บัตรเครดิตรูดเอา เปรอปรนตัวเอง มันช่างง่ายดาย
ความรักนั้นเป็นองค์ประกอบรองลงไป นอร่า และบียอนเซ่น กำลังอยู่ในระยะก่อตัว/แยกตัว เพียงค่ำคืนของความเมา ค่ำคืนของความฉาบฉวย จนสู่เช้าที่หมิ่นเหม่ ทั้งคู่จึงยึดเอาเจ้าถั่วงอกเป็นระฆังยกแรกของความรัก(ใคร่) จนกระทั่งวันความตายของมัน- - ถั่วงอก คือวันจากลา
ความเป็นไปแต่ละเช้า เริ่มจากความเร่งรีบ ร้อนรนเพื่อออกไปสู่การงาน ขณะที่การติดต่อใช่ระยะประชิดหน้า ประจันความรู้สึก เพราะ มือถือ มันย่อความสัมพันธ์ไว้ที่ฝ่ามือ และมันก็ช่างไกลหัวใจนัก
ความคืบหน้าวันต่อวันของทั้งสอง มันบอกเล่าถึง ความไม่มีอะไรมากมายไปกว่า การบริโภค..จากห้องที่ว่างเปล่า เริ่มมีการครอบครองพื้นที่จากบรรดา วัตถุ แต่ละชิ้น มันเริ่มพรากเอาเวลาที่มีต่อกันห่างออกไป
ความช่างคิดของผู้กำกับหนัง ค่อยแทะเล็มความเป็นผู้หญิงว่า มีแต่จะดูแลสิ่งของไม่ต่างจากบุตรของเธอ แต่ละชิ้น มันคือความประณีต บรรจง และเปี่ยมด้วยความเข้าใจในมัน ต่างจากวัตถุตัวแทนของความเป็นชาย มันแข็งทื่อ มันร้ายกาจที่สำคัญมันไม่ค่อยมีหัวใจเท่าไรนัก
ความเป็นจริงแล้ว การได้ชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ในฐานะตัวแทนเรื่องราวหนึ่งที่อาจเป็นมายาภาพ แต่มันทาบทับซ้อนอยู่บนโลกความเป็นจริง จนยากจะบอกตัวเองว่าอย่างดีที่สุดมันคือ หนังเรื่องหนึ่ง หากแต่มันคือชีวิตก็ไม่ผิดที่จะกล่าวได้
ความเห็นที่มีนั้น อยากจะบอกว่า ถั่วงอกน่าจะเป็นความสุขชั่วพลัน แต่ประโยชน์นั้น เจ้าถั่วงอกมีทั้งสารอาหารและแร่ธาตุอย่าง โปตัสเซียม,แมงกานีส รวมไปถึงรสชาติของมัน เมื่อนึกถึงภาพยนตร์เรื่องGrowthเราอดไม่ได้ที่จะสั่ง หมี่ ชิ้นสด น้ำตก งอกเยอะๆ.หรือ กระทั่งผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้ตรานางพยาบาล ตามร้านข้ามต้มโต้รุ่ง ด้วยความประทับใจตราตรึงใน Growth
ขอได้รับความขอบคุณจาก เก็ธเธอร์คุนซ์ โทมัสเซนรีย์ เพื่อนชาวฟินแลนด์ ผู้สร้างงานนี้ ที่ส่งแผ่นภาพมาให้ ก่อนสำทับมาว่า เพิ่งได้รางวัลจากเทศกาลหนังที่ชื่อว่า คานส์ สมคำคุยโต
15 ธันวาคม 2547 14:21 น.
pigstation
1.
แดดเริงแรงแสงระยับ สาดแสงลงมากลางลานหญ้าหน้าสถานีอนามัยบ้านบึง ลมอ้าวพัดมาจากหัวเขาไกวกิ่งไม้ไหวเอน มันเป็นลมแล้ง ดอกคูนบานสะพรั่ง เหลืองจัดจ้านเป็นพวงมาลัยช่องามประดับทุ่ง
ผมคลี่การ์ดสีขาวตัดขอบดำลายเทพพนม ทบทวนดูหมายกำหนด ตระเตรียมไปร่วมงานประชุมเพลิงฌาปนกิจ นายอ่วม ลุงขี้เมาประจำหมู่บ้าน คงไม่มีใครโศกเศร้าเกินความจำเป็น เพราะเป็นไปตามแก่สังขารและวารวัยที่ล่วงมาจน 86 ปีโดยประมาณ
เสียงแม่บ้านเร่งเร้ามาจากครัวบ้านพักของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีอนามัยชายเขาดังโหวกเหวกมา ผมตื่นจากภวังค์ที่ว่า..
(.ในภวังค์ที่ว่าวัยหนุ่มฉกรรจ์ การมาบรรจุตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชนอย่างผมนั้น เป็นที่ใส่ใจของชาวบ้านร้านถิ่น ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี จนผมรู้สึกผูกพันตั้งแต่เริ่มแรกชีวิตการทำงานรับใช้แผ่นดินในนามข้าราชการ คนของหลวง เพื่อปวงชน
จวบจนวันเวลาล่วงเลย จนผมเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ชีวิตผมดำเนินไปตามครรลองแห่งสภาพชนบทกาลอย่างไม่หวือหวา เป็นไปตามลำดับขั้นตอนของมันอย่างธรรมดาสามัญ
ต่างกันตรงที่ว่าแต่ละวัน ลุงอ่วมจะเมาเป๋มาที่สถานีอนามัยทุกวัน มาแต่ละวันก็วันละเรื่อง บางครั้งผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม ชาวบ้านตาสีตาสาอย่างตาลุงสาวก 40 ดีกรีอย่างตะแกจะมีเรื่องราวอะไรมาถกปาฐะกับหมออนามัยหนุ่มตอนปลายอย่างผมได้ทุกวี่วัน
หมอออโผมน่ะเบื่อไอ้พวกนักการเมืองเหลือเกิน.. ดีแต่ตอนเลือกตั้ง พอเลือกเสร็จก็ไม่เห็นทำตามนโยบาย อย่างนี้มันไข่แล้วทิ้งนี่นา เอิ้กกก
แหม..ลุง ไอ้สำนวนไข่แล้วทิ้งมันน่าจะเป็นเรื่องหนุ่มทิ้งสาวนาผมติง
มันก็ครือกันแหละ
เป็นอย่างนี้ทุกวี่วัน จนกระทั่งผมมีโอกาสเป็นพ่อคน แกก็ยังรักษาระดับความเมาไว้อย่างสม่ำเสมอ จนลูกผมเข้าเรียนในระดับชั้นประถม
เด็กวันนี้ คือผู้ใหญ่อัปรีย์ในวันหน้า เอื๊อกก ลุงอ่วมล่อประเด็นหาเรื่องแต่หัววัน
อ้าว..ไปกินรังแตนที่ไหนมาลุง เล่นแรงนา
นี่ดูสิ ผลงานนังจันทร์ ลูกสาวลุง มันเอาลูกมาทิ้งไว้ ทำไงดีหว่า..ฝากหมอช่วยๆดูหน่อย มันก็คงรุ่นราวคราวเดียวกะลูกชายหมอแหละ เอาบุญนะพ่อคุณ ที่ปลายมือลุงอ่วมมีมือเรียวเล็กบอบบาง พร้อมดวงตาไม่รู้อิโหน่อิเหน่จ้องมายังผมอย่างหวาดๆ ตกลงผมก็เลยต้องอุปการะไอ้แกละหลานตาอ่วม ผลงานของนังจันทร์ลูกสาวคนกลางที่ไปทำงานเมืองกรุง ขายแรงแลกเงินวันต่อวัน ส่วนลูกนั้นคงต้องพลัดพรากจากอ้อมอกก่อนวัยอันควร มันคือผลกระทบสืบเนื่องมาจากการรีบเร่งพัฒนาให้สังคมเราก้าวกระโดดสู่ความเจริญทางวัตถุ จนละลืมการสร้างคน การสร้างครอบครัว ให้เป็นหน่วยย่อยของสังคมที่ดีพอที่จะเป็นเรี่ยวแรงทั้งกำลังกายและกำลังสติปัญญาในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้สู่ความเป็นอารยะอย่างครบถ้วน สมบูรณ์พร้อม
แต่ละวันที่ไอ้แกละมาขลุกอยู่กับลูกชายผม จนเติบโตเป็นหนุ่มน้อย ทั้งคู่เป็นเสมือนฝาแฝดอิน-จัน จนใครๆต่างทักว่าผมมีลูกแฝด แต่ที่น่าปลื้มใจคือ ไอ้แกละมันรักดี จนผมอดที่จะภูมิใจไม่ได้ว่า คงเป็นเพราะบทบาทหน้าที่ของหมออนามัยคนเล็กใจโตอย่างพวกเรา นอกเหนือจากหน้าที่ภาระความรับผิดชอบที่ต้องตอบสนองเบื้องบนแล้ว งานชุมชนจิปาถะเราต้องลงไปขลุกอยู่กับชุมชน จนรู้แจ้งแทงตลอดว่า บ้านนี้มีควายตกลูกกี่ตัว มีหนี้ธกส.กี่แสน อะไรทำนองนี้
สถานีอนามัยเปรียนเสมือนศูนย์กลางที่ไม่จำเพาะเจาะในการรักษาพยาบาลแต่เพียงสถานเดียว ยังมีบทบาทเสริมไม่ว่าจะเป็นแหล่งส่งเสริมข้อมูลการเรียนรู้ด้านสุขภาพ เป็นแหล่งส่งเสริมประชาธิปไตยแบบไม่สังกัดพรรค เป็นทุกสิ่ง คือทุกอย่าง เท่าที่จะทำได้ เท่าที่ชุมชนขอมา
เป็นบุญของไอ้แกละแท้ ถ้าไม่ได้หมอล่ะแย่ลุงอ่วมก็ยังอ้อแอ้ตลอดศก
เด็กมันเอาถ่านด้วยลุง จบหกแล้ว ถ้าสอบอะไรติด ผมยินดีส่งมันจนจบเลย..จะได้เอาวิชาความรู้มาช่วยบ้านเกิด ผมตกปากรับคำ ทั้งที่เงินเดือนจะพอชักหน้าให้ถึงหลังหรือเปล่า อย่างไรก็ตกบันไดพลอยโจนแล้ว ส่งลูกส่งหลานให้ได้ร่ำได้เรียน ให้อนาคตด้วยการให้การศึกษาแก่เด็ก มันดีกว่าส่งดอก ส่งแชร์ เล่นหวยตั้งพะเรอเกวียน ผมคิดในใจตามประสา คนเคยเป็นเด็กวัด เคยอาศัยข้าวก้นบาตรมาก่อน
โมทนาสาธุนะหมอนะ ไม่เปรี้ยวปากเร้อ เลิกงานแล้ว มะ ซักกรึ๊บ ว่าแล้วลุงอ่วมก็ยื่นน้ำทิพย์มา มีหรือผมจะให้เสียน้ำใจ สักหน่อยจะเป็นไรไป คลายเครียด
ผลการสอบเอ็นทรานซ์ออกมา เจ้าลูกชายผมติดคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ส่วนเจ้าแกละ มันออกจะเกรงใจผมอยู่เลยตัดสินใจไปสอบอาชีวะ เรียนด้านออกแบบนิเทศศิลป์ เผื่อลู่ทางทำมาหากินแต่โดยเร็ว จะได้ลดภาระให้ผม ในฐานะพ่อบุญธรรม .ภวังค์ของผมก็ค่อยจางหายไปเมื่อเสียงแปร๋นของภรรยาผมเข้ากรอกเต็มสองหู ระยะประชิด )
2.
คนเราเมื่อพิจารณาดูก็เพียงเท่านี้ ร่างที่เห็นว่าสวยงาม ใจที่เห็นว่ามี ว่าเป็น ตามแต่จิตปรุงแต่ง พอสุดท้าย เหลือเพียงร่างที่ไม่ต่างจากวัตถุ เมื่อจิตดับ ธาตุต่างๆที่มาประชุมเป็นขันธ์ 5 ก็พากันเสื่อมสิ้นสลายคืนสู่ดิน สู่น้ำ สู่ไฟ สู่ลม ตามเดิม เหลือเพียงบุญกุศล เวรกรรมที่สะสมไว้ก่อนเบื้องปลายเป็นเครื่องชี้นำว่าจะ นรก สวรรค์-นิพพาน
เมรุประดับด้วยดอกไม้พอประมาณ จากแรงรวมของคนละแวกเดียวกัน ที่เคยเห็นหน้าค่าตา งานบาป งานบุญก็คนหน้าเดิมทั้งนั้น
เสียงพระสวดชักบังสกุลค่อยจบลงตามธรรมเนียมประเพณี ทุกคนเดินขึ้นไปวางดอกไม้จันท์ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามวาระแห่งกาลเทศะ
สีสุกปลั่งของจีวรใหม่ที่อาบคลุมร่างของเณรหนุ่มทั้งสอง ช่างอร่ามเรืองยิ่ง ผ่องผิวนวลเนื้อของเจ้าพระคุณให้น่าเลื่อมใส เณรแกละ และเณรลูกชายของผมบวชหน้าไฟให้บุพการีตามประเพณีสืบมา
แม้ชายผ้าเหลืองจะนำพาขึ้นสวรรค์วิมานแมนหรือไม่กับคนขี้เหล้าเมายาอย่างตาอ่วม แต่กับตัวผมแล้ว บัดนี้เณรแกละ ผู้เป็นหลานสืบเชื้อสายได้ก้าวมาถึงปฐมวัยแห่งการเริ่มต้น
ส่วนตัวผมเมื่อเข้าสู่มัชฌิมวัยล่วงพ้น คงต้องคอยประคับประคองให้หน่อเนื้อนาบุญ ให้เจริญวัย เติบใหญ่เป็นคนรักดี เผื่อว่า ถิ่นฐานบ้านเกิด หรือ มาตุภูมิจะได้มีกำลังของแผ่นดิน คอยรับใช้เบื้องยุคลบาทสืบไปให้ชาติได้วัฒนา
3.
เสร็จสิ้นจากงานทำบุญร้อยวัน เจ้าหนุ่มน้อยก็ถึงวันเปิดเทอมใหญ่ บทบาทใหม่ของพวกเขาคนรุ่นใหม่หัวใจชนบทกำลังจะเริ่มต้น
ริมทุ่งนาในเย็นวันหนึ่ง วันที่ไร้เสียง ไร้เงาลุงอ่วมมาทักทาย มาป่วน ขาดหายไปนับแต่นี้จนสืบไป มีต้นยางใหญ่กำลังออกลูก ออกผลสะพรั่งเต็มก้าน สายลมหนาวกรูเกรียวมาอย่างหงอยเหงา และเปล่าเปลี่ยว
ลูกยางถูกปลิดขั้ว ลอยหมุน ปลิวไปตามแต่แรงเหวี่ยงของกลีบเจ้า จะไปไกลสุดฟ้าไหนก็ตามแต่ใจเจ้า ผมเห็นปีกสีแดงของลูกยาง ดังความงามอันร้อนแรงที่จะเติบใหญ่เป็นต้นกล้าต่อไป
ย้อนกลับมายังสถานีอนามัยชายเขา ผมเงยหน้าจากเอกสารบนโต๊ะ พบแววตาหมองของน้าศรี ที่ปล่อยเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา
คุณหมอ..ลูกชั้นติดยาบ้า ทำไงดี
บางลูกไม้ไม่ทันเติบใหญ่ ก็ถูกแมลงกัดกิน..เสียแล้ว หน้าที่ตรงนี้คงไม่ใช่เรื่องของหมออนามัยคนเล็กหัวใจโตอย่างผมแต่ลำพัง คงเป็นเรื่องของทุกคนที่จะช่วยเป็นร่มเงาให้ลูกไม้ได้หล่นไม่ไกลต้น หรือจะไกลต้นได้เติบโต ได้งอกงามขึ้นมา บนด้ามขวานทองนี้.
15 ธันวาคม 2547 14:13 น.
pigstation
ประคอง
นายรู้สึกถึงความหมายของคำนี้อย่างไร ? แล้วรู้ไหมทำไมถึงมีคำถามอย่างนี้เกิดขึ้นระหว่างเรา ทั้งที่ผ่านมาเราไม่เคยสงสัย หรือ ซักถาม ต่อกัน ด้วยว่าความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งนั้น ได้เข้าแผ่ซ่านเป็นส่วนหนึ่งระหว่างความสัมพันธ์ที่ผ่านมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เวลานี้ดูนายหดหู่เกินกว่าความจำเป็น อดคิดถึงความร่าเริงที่ดูไร้แก่นสารของนายที่มีต่อโลกรอบตัว ยิ่งทำให้แสนเสียดายมาก หากว่านายยังคงก้มหน้ามุดลงต่ำ วางสายตาแจ่มใสไร้ตะกอนขุ่นสู่พื้นดิน น่าสงสารนายเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นกับคนที่สามารถชักจูงเสียงหัวเราะร่าจากคนรอบข้างอย่างง่ายดาย กลายเป็นคาถาเสื่อมมนต์ขลัง ทั้งที่สิ่งที่นายเผยออกมาจากตัวเอง จากสิ่งต่างๆที่นายรู้จักมากกว่าครึ่งโลกที่ได้มาจากการสะสมข้อมูลด้วยการตะบี้ตะบันอ่าน แต่ละวลีที่ผลิบานออกมาจากวจีนาย ดูจะปลุกเร้าความแช่มชื่น ความมีชีวิตชีวาให้เกิดขึ้น เสียดายไหม
นั่งลงก่อน ที่นัดมาเจอกันวันนี้ เพียงอยากตรวจสอบดูว่า สิ่งต่างๆที่นายเคยสร้างสรรค์ออกมาโดยไม่ใช่การฝืนความต้องการภายใน สิ่งที่ลุล่วงออกมาจากเบื้องลึกภายในของนาย ที่เพียงจะให้เกิดความรื่นรมย์ รวยริน รายรอบทั้งผู้คน สถานที่ และบรรยากาศ ซึ่งตอนนี้จากการพลิกกลับ 360 องศาของนายนั้น มันก่อเกิดความรู้สึกห่วงใย เพราะภาพที่นายเป็นผู้ปรุงบรรยากาศนั้น เป็นเสน่ห์ลงตัวอย่างหาตัวจับยาก แล้วทำไมจู่ๆสวิทช์ของนายจึงตัดเองกระทันหัน - - ใจหายจริงๆ
เอาล่ะ ทบทวนดูดีๆอีกทีสิ ว่ามีคลื่นอะไรมาแทรกซ้อน เลยทำให้อาการแปร่งๆเกิดขึ้น ในขณะที่ควรจะลื่นไหลไปยาวเหยียด เพลงอารมณ์ดี มียิ้มแจกนั้นกลายเป็นเสือปืนฝืด สิงห์อมมุขไปได้ ค่อยๆคิดช้าๆ หายใจลึกๆ เรายังมีเวลาเจรจากันทั้งคืน
ตกลงสิ่งรบกวนนั้นน่าจะเป็นความมักง่าย ความเห็นแก่เงิน ที่ไร้ยางอาย ที่นายเข้าไปพัวพันเลยสร้างความอับเฉาเข้าปกคลุมจิตใจสว่างไสวของนาย จริงอยู่เคยเห็นนายระเบิดอารมณ์อยู่บ่อยๆ แต่รับรองได้ว่าอารมณ์ของนายไม่แปรปรวนลับหลังใคร หรือใช้วิธีการสกปรก ใช้การแทงข้างหลัง หรือใช้วิธีสวมหน้ากาก สร้างกลลวง หว่านล้อมให้นายตกเป็นเครื่องมือ สุดท้ายสิ่งที่นายคิดว่าคืองานแห่งลมหายใจ ก็มลายไป ถ้าอย่างนั้นหันกลับมามองภาพสมัยก่อน งานแต่ละชิ้นของนายคือของกำนัล คือของฝาก คือสิ่งที่กลั่นออกมา อาจจะเปรียบเทียบไปเกินเลยกว่าความเป็นจริง แต่คงไม่เกินว่า คือการเสนอความบริสุทธิ์ใจ แม้ว่าไม่ใช่ของโปรด ของตามธรรมเนียม แต่สิ่งนี้คือตัวแทนของนายในระยะก่อตัว ก่อนไปสู่สถานะที่นายเคยวาดไว้
คำว่าสูญเสียการทรงตัวด้วยแรงกระทำของคนอื่น ที่เป็นเพียงสวะบางชิ้นลอยมาเกะกะเรา หากเป็นกัลยาณมิตร ย่อมจะเหนี่ยวนำกุศล ย่อมจะชี้ทางประเสริฐ ใช่จะไปคลุกคลีทำอะไรที่พ้นไปจากคำว่าสุจริตเป็นไม่มี ความเคลือบแคลงนั้นคือความเป็นธรรมชาติของเขา เราจะไปตามทันได้หรือ ทุกขณะจิตเราเพียงแต่ว่า ใช้ใจแลกใจ ทำไปทั้งมวลแลกหมัดกันไป ไม่มีคิดคำนวณอะไรให้ซับซ้อน สุดท้ายเมื่อทุกอย่างมันถึงกาล บทพิสูจน์ของผลกรรมย่อมแสดงตัวออกมา ไม่มีใครผิดถูก ต่างเป็นบทเรียนซึ่งกันและกัน ยังมีที่ทางอีกกว้าง ยังมีเส้นทางอีกหลายสาย ค่อยๆลุกยืนอีกหนสิ อย่าซึมเซาอยู่อย่างนี้ เสียดายความบรรเจิดที่นายเคยผลิตออกมาอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย การทดลองย่อมมีบ้างที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ พยายาม เชื่อมั่นในสิ่งที่เป็นอยู่ เสียมั่นในคนรอบข้างที่ยังยินดีหัวเราะร่า ใช่จะไปใส่ใจพวกฉกฉวย หรือพวกลอบกัด วิธีการซึ่งๆหน้าของนายนั่นเอง จะเป็นเกราะกันภัย เพราะเท่าที่เห็นมา อะไรๆก็ดูไม่ยากเย็นเท่าความวิตกจริตที่นายมักพลาดท่าให้อยู่เสมอ
ความเงียบลอยตัวเหนือบรรยากาศ แล้วคำว่าประคอง ยังต้องอธิบายความอะไรอีก เข้าใจแล้ว.
15 ธันวาคม 2547 14:10 น.
pigstation
( ภาพยนตร์รางวัล Nippon Motion Picture Festival ปี 2003 )
แสดงนำ อันโดะ ทาดาโอะ , เนเนโกะ ซาดาโกะ
กำกับ กิโตะคุโนะ โตมัสซึริ
เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า ครั้งสุดท้ายที่ร้องไห้อย่างเต็มสุขและอิ่มเอมตอนไหน ไม่ยากคงเป็นตอนที่ได้เห็นลูกชายคนแรกถือกำเนิดออกมาจากคนรักของผมเอง ไม่อายที่ผู้ชายตัวโตๆอย่างผมจะปล่อยน้ำตาไหลปรี่มาเมื่อยินเสียงแรกของเขา ดวงใจ ดวงหนึ่งที่หล่อหลอมจากความรักของผู้เป็นพ่อเป็นแม่
เช่นกันภาพยนตร์เรื่อง the PAINTER ได้สร้างรอยประทับใจให้กรีดรอยลึกลงกลางรอยหยักสมองว่า ความรัก ความงาม นั้นคือ การลงฑัณฑ์ทรมานอีกอย่างหนึ่ง ในยามสูญเสียซึ่งการครอบครอง ของรัก ไป จะด้วย มัจจุราชแห่งอายุขัย หรือ โรคภัยไข้เจ็บ ล้วนตรงกับคำพระที่ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย
อันโดะ ทาดาโอะ ( นักร้องนำรูปหล่อมากความสามารถแห่งวงร็อคนามกระเดื่องวง ครัวซองต์ ) รับบทเป็น อิจิ จิตรกรวัยเยาว์ผู้กำลังมีอนาคตสดใสกับวิชาชีพของตัว แต่ต้องประสบภาวะความเป็นความตายจากความบกพร่องทางอวัยวะสำคัญ นั่นคือ ภาวะ ลิ้นหัวใจรั่ว
เพื่อนรักข้างบ้าน คือ นัทซึมิ (แสดงโดย เนเนโกะ) ที่เติบโตมาด้วยกัน เห็นสภาพของ อิจิ แล้ว จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอมุ่งมั่นจะเป็นศัลยแพทย์หญิงมือดี เพื่อคอยดูแลเยียวยาเพื่อนรัก (คนรัก ?) ของเธออย่างสุดความสามารถ
ในที่สุดแม้จะคาดเดาได้ว่า สุดท้าย ความตายอันเป็นนิรันดร์จะต้องพรากทั้งสองจากกัน และทั้งสองไม่อาจจะครองรักกันเช่น คู่อื่นๆได้ แต่วิธีการดำเนินการทางความรักของทั้งสองนั้น มันช่างนุ่มนวลต่อเนื้อเยื่อหัวใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยรู้ว่า อิจิ มีความเปราะบาง และไวต่อความเจ็บปวด ซึ่งนัทซึมิ คือ ยาใจคุณภาพเยี่ยม ที่หล่อเลี้ยงสภาพคล่องของการเต้นเพื่อยังชีพของ อิจิ ในการลงมือสร้างงานอันงามล้ำ
ด้วยการประคับประคอง ชีวิต อันแตกต่างไปจากผู้อื่นของ อิจิ มันแสดงให้เห็นถึง การเต้นของหัวใจที่เค้นเอาแต่ความเจ็บปวดเท่าทวี ช่างต่างจากคนอื่นที่หัวใจเต้นเพื่อเสพสุข สายตาของ อิจิ จึงเห็นความงามอันแตกต่าง และรู้ซึ้งถึงทุกอะตอมของออกซิเจน และเข้าใจว่าเลือดแต่ละหยดคือคุณค่าที่แลกมาอย่างปวดปร่า
ในวัยเด็กแทนที่ อิจิ จะได้ไปวิ่งเล่นกระโดดโลดแล่นกลางแจ้ง เขาต้องเฝ้ามองเพื่อนอยู่ห่างๆ ด้วยสภาพร่างกายไม่เอื้อให้ เขาจึงหันมา เล่น บนแผ่นกระดาษ แต่ละเส้นคือตัวแทนของความรู้สึกทั้งมวลที่อัดแน่น กระดาษเป็นกองๆในฉากที่ อิจิ ขีดเขียน ลงสีนั้น มันช่างสื่อความหมายให้เห็นถึง แรงเค้นทางชีวภาพ เมื่อพละกำลังทางกายภาพไม่อนุญาติให้ได้มีโอกาสเลือกกระทำ
ส่วน นัทซึมิ นั้น ได้แต่เฝ้าเพียรพับนกกระสา นับแต่จำความได้ ตัวแล้วตัวเล่า พร้อมคำอธิษฐานให้ ปาฏิหารย์สักวันว่า อิจิ จะหายเป็นปลิดทิ้ง
ทั้งสองคือ หัวใจสองดวงที่เต้นจังหวะเดียวกัน แต่ต่างกันที่หัวใจหนึ่งเต้นเพื่อพออยู่ได้บนความสาหัส แต่อีกดวงเต้นเพื่อส่งผ่านความหวังให้กันและกัน
กาลเวลารุดหน้าผ่านไป จากรอยแผลแรกจากการผ่าตัดซ่อมลิ้นหัวใจที่กรีดประทับแหวกทรวงอกของ อิจิ ในวัยเด็ก จนยามวาระอันแสนทรมานใจกว่าเมื่อ รอยกรีดมีดจากอาจารย์หมอนารุฮิโต้ ศัลยแพทย์มือหนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ริวกิว และ เธอ นัทซึมิ ศัลยแพทย์หญิง ผู้ประสบอุบัติเหตุบนเส้นทางการจราจรในสภาพโคม่า และก่อนดับสูญ เธอยินดีมอบหัวใจเธอ เพื่อ อิจิ และการเร่งรีบดำเนินการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัวใจ ตัดสลับกับภาพปลายภู่กันตวัดลงเส้นระบายสีบนผ้าใบ มันช่างตัดบาดอารมณ์ให้แยกขาดเป็นริ้ว ทั้งความงามแห่งเนื้อเยื่อ และ เนื้อสี มันกระทบเอาทั้ง ความประณีต ความปวดแปลบ ในคาบเกี่ยวเวลาเดียวกัน
ทั้งสองร่างเคียงคู่กันในขณะที่หัวใจดวงหนึ่งที่บกพร่องกำลังจะได้รับการเปลี่ยนถ่ายจากหัวใจอีกดวงที่เปี่ยมรัก สองคน แต่ต่อจากนี้จะมีเพียงหัวใจเดียวเท่านั้นที่จะต้องเต้นอยู่ต่อไปตามลำพัง
แม้อิจิจะฟื้นคืนมาพร้อมดวงใจของ นัทซึมิ มาอยู่ในทรวงอกของเขาแล้วก็ตาม แต่เมื่อสิ้นเธอไป ทุกอย่างก็ล้วนพร่าเลือนลงไป กี่เรี่ยวแรงที่มี เขาถาโถมลงสู่งานจิตรกรรมอย่างไม่รู้วันรู้คืน จนกระทั่ง ลมหายใจห้วงสุดท้ายในเรือนร่างที่ทรุดโทรมของเขา
ณ หัวใจนัทซึมิ ใจกลางร่างกายอันบอบบางของเขาหยุดนิ่งลงแล้ว สายใยความรักพุ่งตัวม้วนบรรจบเข้าหากันไปสู่ความนิรันดร์เบื้องปลาย ณ สัมปรายภพ
ฉากสุดท้ายที่มีแต่นิทรรศการศิลปะอันมีเพียงผลงานเท่านั้น ส่วนจิตรกรได้อำลาจากไปแล้ว ส่วนบนพื้นเต็มไปด้วยนกกระเรียนกระดาษ มันคือความงามที่บาดลึกเร้นลงไป ความงามไม่อาจสูญเสียตัวมันเองไปได้ และความเจ็บปวดนั้นก็ไม่คงทนเท่าความรักที่หนาแน่นอันมีไว้เป็นเกราะกันภัย ซึ่งทั้งสองได้ประคับประคองมาด้วยกันแต่เยาว์วัย
ระหว่าง หัวจิต หัวใจนั้น ความเป็นศัลยแพทย์ และจิตรกร ต่างใช้มันได้อย่างละเอียดอ่อนวิจิตรบรรจง ผ่านทาง มือ ออกมาแต่งเสกสรรค์ปั้นแต่งสร้างผลงาน ผ่านความคิด ผ่านปัญญา เราจึงไม่อาจเจ็บปวดถาวรได้ เพราะความงามมันไม่เคยสูญเสียตัวมันเองให้กับอุปสรรคหรือความเลวร้ายใดๆ หากมีความรักเป็นที่ตั้ง
แล้วคนที่หัวใจแข็งแรงสมบูรณ์ทุกประการอย่างเรา นอกจากการเต้นเพื่อหล่อเลี้ยงชีพตัวเองให้คงอยู่แล้ว เคยเผื่อแผ่น้ำใจออกไปสู่คนรอบข้างบ้างหรือเปล่า ลองตั้งคำถามกับตัวเองดู
หมายเหตุ ในนัยยะแห่งถ้อยคำ กลับสืบพบว่าเมื่อออกเสียง PAIN/PAINT คือ ความเจ็บปวด / การระบาย ซึ่งล้วนถูกบีบออกมากโพรงประสาท/กรวยความรู้สึก จึงมีแรงดาลใจเขียน กวีให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้ สักบท
น้ำตาระบายไหลออกมาพร้อมความเจ็บช้ำ
กาลเวลาส่งผ่านความแข็งแกร่งสู่จิตใจ
แม้เธอจักเจ็บปวดปานใด
หัวใจฉันเจ็บปวดปานนั้น
เรารับรู้ เรียนรู้ ร่วมกัน
มือหนึ่งของเธอจักระบายโลก
มือหนึ่งของฉันจักรักษาร่าง
แล้วหัวใจของเราก็เต้นพร้อมกัน
แม้นเธอเจ็บปวด ระบายมันออกมา
หัวใจฉันพร้อมรับ และรู้สึกตามได้
เพราะเรามีหัวใจที่บรรจุรักไว้เต็มเปี่ยม
จึงไม่มีความทุกข์ใดมาแผ้วพาลได้ นิรันดร์.