16 ธันวาคม 2547 00:54 น.
pigstation
รู้ดีว่าฉันไม่เริ่ดหรูเป็น
เพียงทิชชู่กลางโต๊ะร้านก๋วยเตี๋ยว
ใช่ผ้าไหมลวดลายเลิศเลอหนึ่งเดียว
ได้ไปเที่ยวโชว์ในโอท๊อป
ทั้งขี้มูก ขี้ตา เรียกหาฉัน
เสร็จธุระพลันขยำทิ้ง
หลงลืมกันไปไม่ประวิง
ง่ายดายจริงนังทิชชู่ผู้ง่ายเกิน
ฝากไปถึงเยาวชนอย่าหลงเพลิน
จะยับเยินยู่ยี่ไม่ดีแน่
ดูอย่างทิชชู่ผู้นี้ที่ย่ำแย่
เยาวชนดีแท้ต้องตั้งใจเรียน
ให้ก้าวไปไกลเกิน
ให้เจริญวัยดังไหมผ้า
จะได้สวยงามเป็นหน้าตา
แค่ใช่ว่าขายผ้าเอาหน้ารอด
ปล่อยทิชชู่ผู้อาภัพ
ได้ซึมซับความเหลวแหลก
เป็นความจริงไม่เห็นแปลก
อย่าไปแลกพิมเสนกับเกลือเอย
15 ธันวาคม 2547 14:18 น.
pigstation
เริ่มจากความรักภายในเขยื้อนออกมาไกลตัวเกิน
หวังว่าจะได้รับคืนกลับสนองตอบ
คลื่นนับแสนล้านจางหายไปจากชายฝั่ง นานนับ
วันเวลามีค่าหมายของมันเอง
เราไม่อาจชี้บอกได้
ก้อนหินไม่ได้นิ่งเฉย มันหายใจ มันจำศีล มันมีพลังงานศักย์ของมันเอง
นก,ปลา ต่างเคลื่อนไปในหนทางวิถี ลีลาเฉพาะเรื่องราวแห่งบทเพลงชะตากรรม
ในที่สุดหัวใจถูกขยำวางไว้บนทางเท้า
โดนเขี่ยไปมา อย่างธุลี
ปราณีต่อผู้อื่นมากมายเหลือคณา แล้วตัวเราเล่า
ฉันนั่งอยู่เตรียมบรรจุสิ่งฝันบนคืนวันแท้จริง
จวบจนความจริงแท้ไหลเลื่อนมาประสานความอ่อนไหว
จากความอ่อนหวานผสานความแกร่งกล้า
เรายิ้ม และบอกว่าต่อแต่นี้
ความหวัง กำลังใจ ความหมาย
ต่างมีที่มาที่ไปต่างกัน
ม้าไม่ได้พยศ ตัวตนของตัวเองนั่นแหละไม่กล้าแม้จะปะทะทานความเป็นจริงได้
ฉันฝากละอองน้ำไปบอกเธอว่า ไม่นานเราจะเจอกัน
ยามลมโลมไล้ให้เส้นผมเธอปลิวปราย
ยามรังแคเธอร่วงหล่นบนบ่าระหง
จะมีฉันไปปัดให้ พร้อมแชมพูไนเชอรัล
15 ธันวาคม 2547 14:07 น.
pigstation
ผ่านพ้นความฝัน ตื่นมาเช้าตรู่เจอตะวันทักทาย
ผ่านพ้นเรื่องราว หลากหลายสุดท้ายมาเจอเธอ
ทุกอย่างสว่างสดใสภายใต้ดวงตะวัน
ทุกความฝันเป็นจริงได้ด้วยศรัทธา
รวมพลังแรงกล้าเช่นพลังแสงอาทิตย์
ให้ชีวิต ให้ผู้คน ต้นไม้ ได้อาศัยในไออุ่น
ยามล้าแรงมีแสงละมุนยามเย็นปลอบโยน
เช่นตัวเรา ผ่านคืนเหงามายาวนาน
จนมาพานพบเธอ ผู้เปี่ยมล้นบนความเข้าใจ
ดุจแสงตะวันฉาย กลางใจมืดดำให้สว่างแจ้ง
เราคือแรงแห่งแสงอาทิตย์ ร้อนแรง
เราคือแสงแห่งชีวิตทั่วอาณา
เราคือเปลวไฟแห่งดวงใจหาญกล้า
เราคือศรัทธา และ หนึ่งเดียวบนฟ้าไกล
14 ธันวาคม 2547 14:01 น.
pigstation
น้ำใจคือสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด
เจ้าเมฆน้อยลอยไกลสูงลิบ เพียงเสียงกระซิบนกน้อย เจ้าก็กลายเป็นสายฝนพรำ
เจ้าลำธารน้อยค่อยไหลรินเย็นล้ำ ฝูงปลาว่ายนำ เจ้าก็กลายเป็นแม่น้ำกว้างไกล
เจ้าทรายหินดินกรวด ก้อนเล็ก ก้อนน้อย ปล่อยให้เวลาผ่านไปกลายขุนเขาใหญ่โต
เจ้าคือใคร แม้ไม่ใช่ราชา หรือเจ้าชาย หรือจะเป็นใครผู้วิเศษ ทำได้ เพียงมีน้ำใจ
(ท่อนแยก) กี่ครั้งที่มีน้ำใจ ถามตัวเองบ้างไหม
กี่คนจะมีใคร ทำดีได้โดยไม่เอาคืน
รู้ไหม เพียงเธอเปิดใจให้คนอื่น
ทุกวันคืน ตื่นมาจะสุขใจ
เจ้าเมล็ดพันธุ์หลับฝันในผืนดิน พอสายน้ำรดรินก็โผล่ดินเป็นต้นไม้ให้ร่มเงา
เจ้าดอกไม้ดอกสวยรวยสี ดอกไม้มากมีรวมตัวแต้มท้องทุ่ง สวยไม่เบา
เจ้าข้าวสารก่อนนั้น เคยประชันช่อ รวงทองเต็มทุ่งนา พาชื่นใจ
เจ้าคือใคร แม้ไม่ใช่ราชา หรือเจ้าหญิง จะเป็นใครผู้วิเศษ ทำได้ เพียงมีน้ำใจ
(ท่อนประสาน) คือความดี คือน้ำใจให้กัน ไม่ขาดสาย
คือความงาม คือน้ำใจ ให้สิ่งดีที่สร้างสรรค์
เป็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ให้กันทุกเวลา
น้ำใจ สิ่งเล็กๆแต่รวมตัวแล้วยิ่งใหญ่เกินกว่า
ไกล (ดวงจันทร์ฝันหาหมู่ดาว)
มองไปไกล ไร้ร้างผู้คนเคยมี เธออยู่ไหน
ลืมหรือไร ก่อนเคยใกล้ แล้วไยไกลเกิน
ดังฟ้าวันเพ็ญ เห็นแค่จันทร์ดวงเดียว
ไร้หมู่ดาว เคยพราวฟ้า
โดดเด่น แต่โดดเดี่ยว มันคือความเหงา
อยากกลับไปคืนวันของเรา ที่แสนธรรมดา
นับวันเวลา รอเวลาเก่าก่อนย้อนคืน
แรมจันทร์น่านฟ้า มีหมื่นพันดารา ไม่เหงาเลย
(ท่อนแยก) บอกตามตรงว่า พลั้งเผลอไป หลงรักตัวเองมากไป จึงไม่เห็นใครสำคัญ
สุดท้ายกลับกลาย มีกันและกัน สัมพันธ์ซึ่งความหมาย
พระจันทร์อย่างฉันจึงพรางตัว สลัวแสงราง แบ่งฟ้าให้ดาวกระจ่างแสง
คืนนี้เป็นคืนแห่งจันทร์ เต้นรำร่วมฝัน พร้อมกันกับหมู่ดาว
คืนนี้คือเรื่องราวแห่งเรา ที่ร่วมกัน สร้างสรรค์ความหมายในคำว่า เพื่อนเอย
14 ธันวาคม 2547 13:58 น.
pigstation
ทะเลสีดำ
ไม่ใช่ว่าสายตาเธอบอดใบ้ ต่อสิ่งนี้
เพราะ แสงได้หนีจากไปชั่วคราว
เธอจึงเห็นความมืดดำของทะเลได้
แต่ทะเลยังคงอยู่ คงเดิมตามแต่คุณสมบัติที่มี
ชีวิตสีดำ
ไม่ใช่ว่าเธอขาดซึ่งคุณค่า ไร้ซึ่งความหมาย
เพราะโชคเปลี่ยนเส้นทางไปสู่ผู้อื่นบ้าง
เธอใช่คนเศร้าเพียงลำพัง
ขอจงค่อยลุกขึ้นมา รวบรวมแรงศรัทธา
ปลุกหัวใจเธอฟื้นสู่ สู่ความมุ่งหมาย
พระจันทร์สีเงิน แขวนตัวกลางฟ้า โปรยแสงลงมา จับ ท้องน้ำ พริ้มเพราเป็นประกายสีเงินวิ่งเล่น ทะเลคงอารมณ์ดี
เมฆขี้เล่นมาบังจันทร์ชั่วพลัน อากาศเย็นลง จู่ๆ ฝนเม็ดน้อยนึกอยากสนุกด้วย
บทเพลงบรรเลงฝนก็โหมโรง แต่ละหยดใสกระทบผิวน้ำ
จ๋อมจ๋อมจ๋อมจ๋อม..จ๋อม .จ๋อมไม่รู้จบสิ้น
ต่างยินดีที่เห็นโลกเป็นสีน้ำเงินถ้วนทั่ว หัวใจที่ร้อนรุ่มก็ชุ่มเย็นลง หลับตาพริ้มเก็บน้ำตาไว้ ณ วันยินดีกว่านี้