24 กันยายน 2553 04:26 น.
pigstation
สนามบาส แดดอ้าวๆ ต้นหางนกยูงกางร่ม
หนังสือเลข กับการติวให้ 2526
รถเครื่อง ด้นดั้นกับเพื่อน
เธอ เขา เรา เพื่อน
แว่นหนา สมองใส
หน้าตาดี คุยเก่ง
หล่อ นิ่ง ยิ้ม
สามคน
ดวงหน้าหวาน
โบสถ์นั้น วัดท่าโพ
บ้านพันสี
ชื่อเธอผุดพราย
รัตน์
สองครั้งจนเจอความเป็นจริง
แม่เธอภาคภูมิใจ
เรามั่นใจ
ยิ้ม แก้ม
20 กว่าปี
ยังชัดเจน
ฟ้าหลังฝน
คนเหนือจริง
ต้องเจอกัน
ตรงนั้นที่เราเห็น และทวีความแรงกล้า
บ้านพันสี
นักวิชาการ/ศิลปิน/นักบวช
และแม่เธอผู้ฉาดฉาน
18 กันยายน 2553 21:52 น.
pigstation
1.ไฟฟอนสลายเถ้า สถิตย์ไว้ซึ่งทรงจำ
เมฆคลั่งเต็มฟ้า ก่อนน้ำตาฝนจะหลั่งลงมาชโลมเศร้า
ต้นไม้เดียวดายไหวเอนสะอื้น หมื่นน้ำตาฟ้าหลั่งมาสะท้านดิน
ประกายเพลิงก่อตัวจากโคมตะเกียงเพื่อจ่อเข้ากองฟอน
ก่อนขยายตัวเป็นไฟฟอนสถายเถ้า
บางสิ่งอาจถูกกลืนโดยเปลวอัคนี หากอินทรีย์มอดไหม้ ยังคงไว้ความทรงจำ
ที่ยังเปล่งประกายในรัศมีความผูกพัน
สายลมแห่งความหลังค่อยม้วนตัวเข้ามาทางประจิมทิศ
ทั้งจอมยุทธ ทั้งจอหงวน ทั้งฮูหยินต่างมัดก้อนอดีตไว้ไม่ห่างใจ
นามกรนั้น "ทองฮื่อยี้" จอมยุทธเจ้าสำราญ ผู้สำเริงในการดำรงอยู่
ยิ่งกระดกจอกสุราดอกเหมยจอกแล้ว จอกเล่า
ราตรีนั้นยังอีกยาว ดื่มกับสหายรู้ใจพันจอกมิเมามาย
หากแต่ดื่มกับนักการเมืองสักตัว ให้ดื่มยาฆ่าหญ้ายังอิ่มเอมกว่า
เพราะนักการเมืองกังฉินเหล่านั้นดื่มเหล้าก็เหมือนเหล้าบูด
เช่นน้ำลายบูดของมันที่พ่นออกมาล้วนเป็นเล่ห์ลวง
ลูกปลาอวบเป็นสมญานามในความพริ้วไหวของเขา
กระบี่รีเจนซี่บรั่นดีไทย ผู้เคลื่อนไหวราวสายลมสลาตัน
ระหว่างสำนักไปมาด้วยวิชาตัวเบาขั้นเทพคารวะ
อย่ากระนั้นเลย สำนักระวินอ๋องโอสถนั้น
ได้รับมอบป้ายสำนักมาจากตั่วเฮียผู้พี่
"เล็กเจียวหงส์"คือผู้นั้น ผู้ผาดโผนในยุทธจักรตำรับยา
ก่อนหลบลี้หนีหายไปซ่อนกายยังถ้ำเหล็กสลบหินไสล
เพื่อพ้นจากความว้าวุ่นในยุทธภพที่หาความสงบไม่
แต่ก็เหมาะสำหรับมือกระบี่ผู้กำลังชิงตำแหน่งเทิร์นโปร
ส่วนจอมยุทธชรามักวางกระบี่ ล้างมือในอ่างรัชดา
ก่อนปลีกวิเวกแสวงหาความสงบ หลังผ่านพ้นเรื่องวุ่นวาย
ในการช่วงชิงบัลลังก์เจ้ายุทธภพ
กระบี่คู่กายของเขาวางไว้แนบสนิทกับจอกคู่ใจ
บัดนี้ตำนานกระบี่ยิ้มได้ เพลงดาบจี้เส้นเหลือเพียงตำนานเล่าขาน
"หมูเสี่ยวป้อ"ตวัดเก็บพัดไว้ แล้วรวบเข้าไพล่หลัง
เดินไป รำพันไปพลาง
"ไม่มีใครรู้วันเวลาข้างหน้า
รู้เพียงสิ่งที่ผ่านเลย แม้สักเสี้ยวเวลาก็ชี้เป็น ชี้ตายได้"
กอไผ่ครวญคราง ใบไผ่ปลิวคว้างกลางสายลม
ก่อนหล่นลงตรงริมธารนั้น
ปลาตัวหนึ่งมิทันระวัง เผลอฮุบเบ็ดไปพลัน อิสรภาพกับลมหายใจปลาตัวนั้น
กลายเป็นปลานึ่งบ๊วยในอีกไม่ช้า
......................................................................
2.สำนักวิทยาพรเซียนเภสัช เมื่อลมพัดหวน ทวนเข็มนาฬิกา
ใครจะคาดคิดว่า กระบี่เดียวดายนาม "เล็กเจียวหงส์" จะก่อตั้งสำนัก
ได้ถึงสองสำนัก ก่อนวางมือถอนตัวจากยุทธภพ
ด้วยเหตุผลเกินเข้าใจ
ต่อมา "สูลิ้วเฮียง" ผู้สุขุมคัมภีรภาพได้สร้างสานสำนักวิทยาพรเซียนเภสัช
ต่อเนื่องอย่างยาวนานจนเป็นหนึ่งในบู๊ลิ้ม
"ทองฮื่อยี้" ได้ฝึกปรือวรยุทธ์ขั้นต้นที่นี่ก่อนไปสร้าวเพลงดาบส่วนตัว
จากนั้นสำนักระวินอ๋องโอสถก็ระบือลือลั่นยุทธภพอีกครา
เมื่อ กระบี่เดียวดายผู้เป็นตั๋วเฮียตัดสินใจอีกครั้งกับการแขวนกระบี่ไร้รีเทิร์น
ราวกับฟ้าลิขิต เมื่อทั้งสองสำนักต่างครองความเป็นหนึ่งให้ผู้คน
เลื่องลือว่า เฉียบทุกเพลงดาบ คมทุกท่วงท่า
ทว่าความสำเร็จเป็นเพียงเศษส่วนหนึ่งของบุรุษ
ด้วย มิตรภาพ นั้นสำคัญยิ่ง คล้ายเหล็กกล้าย่อมเกิดคราบคมสนิม
เช่นกันคนกล้าย่อมมีคนคบหาสนิทเสน่หา
คำโบราณกล่าวว่า นกต้องมีขน คนต้องมีเพื่อน เรือนต้องมีเสา
"ทองฮื่อยี้"แย้มยิ้ม แววตาเป็นประกาย หัวเราะพุงกระเพื่อม
ด้วยสมใจในวิถีแห่งนักดาบอิสระผู้ร่าเริง ผู้แหวกว่ายไปในราตรีกาล
ด้วยครีบคู่แสนเบิกบาน ส่งผ่านคลื่นความสุขเข้าท่วมท้นคนรอบตัว
ใครจะเห็นความเดียวดายแฝงไว้ยามเขาล้มตัวลงกอดกระบี่ร่าเริงเล่มนั้น
เมื่องานเลี้ยงถึงวันเลิกรา
ป้ายสำนักทั้งสองยังยืนยงคงไว้เช่นหินผา
ผลงานนั้นอาจยาวนาน หากชีวิตอาจแสนสั้น
"หมูเสี่ยวป้อ" โน้มคออิสตรีนางหนึ่งลงมาชมจันทร์กลางน้ำนั้น
ก่อนรำพันผ่านน้ำค้างค่ำว่า
"คำว่าเพื่อนไม่มีวันเลือนหาย ชายใดไร้คู่ยังจะดีเสียกว่าไร้เพื่อน
ใครขาดเพื่อน ก็เหมือนพระจันทร์ขาดแสง ...เหมือนคนข้างแรมไร้ราศี"
พลัน ผ้าไหมบางเบาของนางนั้นขาดฟึ่บด้วยคมคำของมันในทันที
ก่อนเผยผิวเนื้อที่เนียนกว่านวลจันทร์
เงาทั้งสองกลายเป็นเงาเดียวกันในคืนจิ้งหรีดระงม
.................................
3.ยุทธจักรมหัศจรรย์ พัวพันวงศาคณาญาติ
ไผ่แตกกอ หน่อไม้แตกใบ จากเจ้าสำนักสวนยางหาดใหญ่
และสองฮูหยิน ต่างมีลูกหลานสืบทอดกันนับสิบๆ
"ก๋งไต้ซือ" และ "อาม่าใหญ่" "อาม่าเล็ก" มีทายาททั้งเก่งกาจ และสามัญ
ต่างออกเผชิญในบู๊ลิ้ม
ล้วนมากมายความสุข ล้วนก่ายกองความทุกข์เป็นธรรมดา
"อ้วนโป๊ยเอี๊ยง" กระบี่รวยไร้เทียมทานก็นับเป็นศิษย์ผู้พี่ผู้หนึ่ง
ได้เอ่ยถึงศิษย์ผู้น้องว่า
"ร่าเริงดีจริง ๆ ไม่มีสลด ขนาดเกี้ยวตกเขาก็ยังหัวเราะทั้งรอยถลอก"
หรือ ตั่วโกว ยังอดยิ้มมิได้ เมื่อรำลึกถึงความหลัง
"เซี๊ยะอิ๋ว" ศิษย์ผู้น้องยังคงแว่วยินแว่วเสียงหัวเราะจากสวรรค์ชั้นฟ้า
ซึ่งป่านนี้เง็กเซียนฮ่องเต้อาจหัวร่องอหายอยู่กับ
"เซียนใหม่ป้ายแดง- - เซียนทองฮื่อยี้ กระบี่หัวเราะได้" ลั่นสวรรค์
..........................................................จอหงวนหมูเฉาเหว่ยบันทึก
ไว้ ปลายรัชสมัยราชวงศ์หลินฮุ่ย.
13 กันยายน 2553 06:38 น.
pigstation
เหนื่อยเหลือเกิน นายกระเสิน ชายผู้เรียนกฎหมายที่ราม
เมื่อพบรักกับ นส.ศุลีดารา สาวศิลปากรผู้คาบสีและพู่กันมาเกิด
แรกทีเดียวตรงเก้าอี้นั้นที่สตาร์บัค
เว้นวรรคไว้สองที่ตรงมุมหลบใน
นอกนั้นเต็มไปด้วยไอ้พวกกางจอโน๊ตบุ๊ค
เหมือนที่บ้านมันไม่มีโต๊ะวาง
เมื่อคำพูดแรกสวนทางกัน
เคลิ้มฝันครอบคลุมรุมล้อมเนื้อเยื่อหัวใจไอ้หนุ่มนิติ
ส่วนสาวมัณฑนากรหล่อนคล้ายเห็นของเล่นชิ้นใหม่
........
ประตูหอพักไม่ได้ใส่กลอนหรือล็อค
ทั้งสองผ่านเวลาเร่าร้อนตามประสายุคเร่งรีบ
หลังจากนั้น
ทั้งสองก็คายกันทิ้ง
เดินสวนทางกันเหมือนรถไฟฟ้าสองฟากนั้นกลับอย่างไม่มีสัมผัสเดิม
จนที่ปิ๊ซ่าแคมปานี่ นายกระเสินพบ นส.นุจิรุจา
ทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่คล้ายกับ นส.ศุลีดาราเจอนายอังตวน แบกูใส่
ลูกครึ่งอิตาลี/เกาหลีเหนือ
รักหืนระเหิดให้เมืองหลวงยุคใหม่ได้อุดจมูกเมือง