23 กุมภาพันธ์ 2548 10:37 น.
pigstation
ใครจะสนใจว่าห้องสมุดนั้นมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้างในแต่ละวัน ความศักดิ์สิทธิ์ที่โอบคลุมด้วยหนังสือตำรามากมายที่วางเรียงรายบนชั้นวางนั้น ทั้งตีวงล้อม ตั้งตัวตระหง่าน ดูจะจ้องเขม็งให้บรรยากาศห้องสมุดเหมือนดังห้องประกอบพิธีอันเข้มขลัง
หากจะนับดูสมาชิกขาประจำของห้องสมุดนั้นมีไม่มากนัก
ส่วนใหญ่เมื่อใกล้สอบแต่ละภาคเรียน เมื่อนั้นห้องสมุดจะเอ่อล้นด้วยความกระวีกระวาดของบรรดาคนที่ไม่ต่างจากหมูที่ดินพอกหาง
เมื่อนั้นตำราที่มีอยู่น้อยนิดไม่เพียงพอต่อการรองรับให้นักศึกษาได้ใช้บริการอย่างทั่วถึง
ฉัน - - บรรณารักษ์ต้องหัวหมุนคอยรองรับอารมณ์ต่างๆนาๆ ของผู้มาล่าช้า (แล้วทำไมไม่เตรียมตัวทบทวนตำราแต่เนิ่นๆ นะ )
หวัดดีฮะ.. เสียงเบาๆ ทักพอรู้ตัว อาจารย์หนุ่มวัยสามสิบต้นๆ เดินเข้ามาตามเคย เมื่อว่างจากภาระงานสอน งานวิจัย
คงมีแต่ผู้ใช้บริการลักษณะนี้กระมัง ที่จะเป็นความโปรดปรานส่วนตัวของบรรณารักษ์ ยามพบเห็นผู้เข้ามาหอบหิ้วหนังสือกองใหญ่ แล้วไปนั่งนิ่งตรงมุมใด มุมหนึ่ง จะมีเพียงเสียงแกรกกรากเป็นจังหวะตอนพลิกหน้ากระดาษ - - ช่างเหมือนหนอนกำลังแทะหนังสืออย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งวันนั้น เหมือนการประกอบพิธีกรรมครบองค์ประชุม วันนั้น บรรณารักษ์อย่างฉันจะอมยิ้มทั้งวัน
นี่บัตรครับ เขาจะยื่นบัตรประจำตัวอาจารย์เพื่อยืมหนังสือวิชาการ,วรรณกรรม และ ที่น่าสนใจ ไปเป็นตั้งๆ
แว่นตาเขาจะขมุกขมัวเปื้อนรอยนิ้วมือ อีกทั้งเส้นผมที่ไม่ค่อยเป็นทรงนัก ที่มักปรกหน้าปรกตาตอนที่เขาถูกตัวอักษรในบรรทัดสะกดจิตเอา
แล้วเขาก็อุ้มลูกน้อยไปหลายสิบเล่มเต็มจำนวนเท่าที่สิทธิ์พิเศษของอาจารย์จะยืมได้ จะเอาเวลาที่ไหนควงสาวไปทานดินเนอร์ - - ฉันแอบสงสัย
คุณว่างหรือเปล่าครับ เหลือเชื่อจริงๆ เขาเอ่ยปากถามฉันถึงวันว่าง วันที่ฉันไม่ค่อยจะเชื่อในความรู้สึกนัก
จากนั้น หนอนหนังสือ และคนเฝ้าสวนหนังสือ ต่างก็อยู่ใต้ร่มคันเดียวกันในวันฝนพรำ ต่างฟังเพลงเดียวกันในคืนดาวล้อมฟ้าท่ามกลางวงล้อมของหนังสือสารพัด สารพัน
ความพร้อมในฐานะของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐส่งผลให้ห้องสมุดขนาดใหญ่อย่างนี้ยกระดับเป็นหอสมุดไปในตัวอยู่แล้ว - - แต่ไม่ว่าจะเป็นตึกห้าชั้น ใหญ่โตเพียงไร บรรณารักษ์ทั้งตัวและหัวใจอย่างฉัน รักในคำเอ่ยขานว่า ห้องสมุด มากกว่าดูอบอุ่นและเป็นมิตรกว่ากัน
เราทั้งสองจึงหาโอกาสนำหนังสือดีๆ เหมาะสำหรับห้องสมุดต่างจังหวัด ตามแต่ความสะดวกที่เราจะตะลอนไป
แต่ละเที่ยวรถที่บรรทุกเอาทั้งความรู้และความรักไปสู่ชนบท นำพาให้เรารู้สึกถึงความขาดแคลนที่ยากจะถมให้เต็มได้ในช่วงชั้นของโอกาสการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม และทั่วถึง
ในส่วนของฉัน และเขา ซึ่งเป็นกำลังน้อยๆ จึงเต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ในส่วนเสี้ยวเล็ก ๆ ในสังคมที่กว้างขวางใหญ่โต ก็พึงพอ และอิ่มใจฝันดีแล้ว
แต่วันนี้ หนังสือกองนั้นบนโต๊ะ ไม่มีอยู่อีกแล้ว เขาอยู่ที่ไหน ? มีแต่ความว่างเปล่าตรงโต๊ะริมสุดนั้น
ฉันเฝ้ารออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ไม่เห็นเขาเลย แม้แต่นาทีเดียวของการเฝ้ารอ..
อาจารย์หนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะริมสุด สายตาเหม่อมองไป
สุดปลายฟ้า ผ่านหน้าต่างกระจกบานสูงใหญ่ แสงแดดสีทองลอดไล้เข้ามาสู่บรรยากาศภายใน - - - - - - ขับเน้นความเดียวดายให้ปรากฏชัด
ไร้เงาเธอที่หลังเคาน์เตอร์บริการยืมคืนหนังสือ ไร้รอยแย้มยิ้มทักทาย ไร้การอคอยที่แช่มชื่น ไร้คำเจรจา
พระภิกษุรูปหนึ่งสวดมนต์พิธี แล้วปะพรมน้ำมนต์ไปทั่วห้องสมุดแห่งนั้น เพื่อขจัดข่าวลือเรื่องความอาลัยในการจากลาที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวของคู่รักคู่นี้ ที่ประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน ในวันที่กลับจากการนำหนังสือไปบริจาคให้โรงเรียนต่างจังหวัด
แม้จะอยู่ร่วมชาติภพ แต่ด้วยแรงบุญกรรมต่างกัน ช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดคือตอนยังมีชีวิต น่าจะทำดีต่อกันไว้ เพราะหลังจากนี้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าโลกหลังความตายนั้นคืออะไร เป็นอย่างไร
รอให้ถึง..พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว.
22 กุมภาพันธ์ 2548 14:59 น.
pigstation
ทำไมหนอวันนี้ เมื่อพยายามจะตั้งเทียนบนกำแพงโบสถ์ ต้องประสบความยากลำบากเพียงนี้
พอทีเถิดอย่างไรด้วยจิตใจเราที่พร้อม มาสักการะเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันมาฆบูชา เพียงเทียนดับเพราะลมพัดเป่าก็ช่างเถิด
เดือนฉาย ป้อมคำ เด็กหญิงวัยแรกรุ่น พลางเดินออกมาจากประตูโบสถ์หลังจากเสร็จพิธีเวียนเทียน และรับศีลรับพลแล้ว
แสงระรัววูบไหวไปตามแรงลมกระพือ เงาวูบไหวซ้อนซ้ำดูน่าฉงน เงาบางคนยืดโย้ออกจนน่าขัน แต่ที่งามจับใจคือประกายแสงเทียนที่แม้ดูไม่สว่างจ้า แต่เมื่อไปจับทอที่จีวรผ้าไตร กลับดูขรึมขลัง น่าศรัทธายิ่ง
เอหายไปไหน เธอชะเง้อแลหาเจ้าปอนด์ เด็กน้อยวัยซนที่ติดตามมาด้วย เป็นเพราะเป็นชุมชนขนาดกลาง ผู้คนต่างรู้จักมักคุ้นกัน แล้วน้านวลจะไม่ตะเพิดเอาหรือ เล่นพาลูกเค้ามา แล้วปล่อยปละละเลยให้ลูกเขาไปไหนต่อไหนกับใครก็ไม่รู้
ลองดูแถวๆนี้ดูก่อน เดือนฉายเดินสอดส่ายสายตาฝ่าไปยังหมู่คน บ้างก็ต้องส่งยิ้มเป็นพัลวัน ก็ใครนั้นใช่ใครอื่น ละแวกเดียวกันทั้งสิ้น
หรือเจ้าปอนด์จะไปหาลุงอินที่ฟากท้ายเหมือง เห็นมันโปรดปรานนักกับกรงนกเขา นกขุนทองช่าง
จำนรรค์ อีกอย่างก็ไม่ไกลนักจากที่นี่ แล้วเธอก็บ่ายหน้าไปทางนั้น ทันเท่าความคิด
ถนนเล็กๆเลียบไปตามคลองเล็กสายเก่าที่นับวันจะตื้นเขิน และขุ่นคล้ำ ด้วนระบบประปาเข้ามาแจกจ่ายสายน้ำสะดวกดาย เพียงแค่หมุนก๊อก ก็พรั่งพรูออกมาให้ได้ใช้ ไม่ต้องไปหาบน้ำเช่นยามก่อนเก่า
เมื่อความเจริญเข้ามา ความเป็นส่วนตัวก็มีมากขึ้น ต่างคนต่างอยู่ในชายคาของตัวเอง บัดนี้ธรรมเนียมแกงไก่แลกต้มยำปลาหดหายไปหมดแล้ว ต่างคนต่างอยู่
สายน้ำลำคลองของส่วนรวมถูกทิ้งร้าง จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งที่ตลิ่งคือสวนสนุกของเด็กทะโมน คือแหล่งพูดคุยของกลุ่มแม่บ้านยามซักล้าง
..ลุงอิน ลุงอิน เดือนฉายร้องเรียกพอได้ยิน มีเสียงขยับเคลื่อนไหวออกมา
ใครวะ เสียงอ้อแอ้ดวงตาแดงกร่ำฉ่ำดีกรีของแกมองเขม็งมายังสาวน้อยจนเธอหลบตาวูบรู้สึกถึงความร้อนแรงบางอย่าง จนต้องสะกดใจไว้แทบไม่อยู่
เมื่อบอกกล่าวเล่าขาน ลุงอินก็ฉวยเอาเสื้อเก่าคร่ำคร่ามาสวม พร้อมเหน็บพร้าขัดหลังตามเคย ออกตัวช่วยตามหาไอ้ปอนด์ เด็กตัวดีที่ไม่รู้ไปหลงเพลินที่ไหน
เรืองนวลของแสงจันทร์เต็มดวงที่ทอฟ้า อาบจับให้ทุกสิ่งดูเป็นเงาสีเงินเย็นตา ลมยังคงโบกพัดอย่างเหมือนไม่รู้ว่าใจที่ไม่นิ่งของคนร้อนรนในจุดหมายจะยิ่งกระพือไปเท่านั้น
ผ่านไปสองฟากข้าง หญ้าเริ่มชูตัวขึ้นสูง ผ่านจากตรงนี้ ก็เป็นคุ้มหนึ่งที่ไม่แน่จะเจอเจ้าปอนด์ที่ชอบมานั่งดูเด็กวัยรุ่นที่นั่งกดเกมส์อย่างลืมวันลืมคืนลืมหน้าที่
ความจริงแล้วเจ้าปอนด์มันมานอนหลับสนิทอย่างไม่รู้สะดุ้งที่บ้านแม่นวลอย่างไม่สนใจไยดีต่อความกังวลของเดือนฉาย
ถ้าเอามือถือมาด้วยก็ดีสิลุงจะได้โทรถามคนนั้น คนนี้ได้
จริงด้วย เสียงของลุงอินดูแฝงท่าทีอะไรไว้
เงามืดตรงโค้งนั้นเหมือนมีอะไรรออยู่ แต่ด้วยความเป็นห่วง เดือนฉายลืมนึกถึงอะไรอื่นทั้งสิ้น รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ในวัด ก็ละลืมเสีย ด้วยคิดว่าใกล้กันแค่นี้ไม่ต้องใช้รถราให้เกะกะ ไม่คล่องตัว
มีการจู่โจมอย่างไม่รู้ตัว โผใส่ร่างเธอจนล้มลง ตามมาด้วยวงแขนหื่นกระหาย เสื้อผ้าเธอถูกกระชากออกอย่างไม่แยแส สติเธอวูบดับลง เหมือนเทียนน้อยถูกลมแรงรังแกเอา วูบดับมืดลงไป
ตะวันฉายขึ้นมาเมื่อเช้าใหม่ ผู้คนยังไม่เอะใจ จนกระทั่งหลวงน้ามาเห็นรถมอเตอร์ไซค์เบาะชื้นน้ำค้าง ตรงตะกร้าหน้ามีมือถือวางอยู่บนหนังสือเรียนอาชีวะ
ถึงเวลานี้ทุกคนต่างเคลื่อนไหว.
น้ำค้างพรมร่างน้อยๆให้กระตุกขึ้น ร่างสั่นระริก เดือนฉายเบิกตาโพลง ก่อนทำนบน้ำตาจะไหลมาไม่ทันตั้งตา
เรือนร่างขาวบางเดินเข้ามาพร้อมโอบเธอไว้
ปลอดภัยแล้วหนู..ทำใจดีๆไว้
สักพักเรื่องเริ่มปะติดปะต่อ นายตำรวจเข้ามาสอบปากคำ เพื่อตามหาคนร้าย
เป็นไงแขนแทบหัก หัวแทบระเบิด เสียงระโหยโรยแรงจากลุงอิน จากสภาพพันหัวขาวโพลนมีเลือดซึม แล้วคล้องแขนไว้ด้วยผ้ายืดอิลาสติกแก้เคล็ด
น้ำตาเอ่อล้นมา เดือนฉาย เธอรอดพ้นจากทุรชนที่เห็นว่า ลำพังลุงอินแก่ๆจะมีน้ำยาอะไร แต่ลุงแกก็สวมหัวใจสิงห์ ยืนหยัดสู้จนกลุ่มวายร้ายที่เมายาบ้ากระเจิงไป ดีที่พวกมันมามือเปล่า จึงเสียทีมีดพร้าลุงอินที่ฉวัดเฉวียนฟาดคมเข้าสู่ใส่
..พี่เดือน..กินติมเป่า.. เสียงเดียงสาของอ้ายหนูปอนด์ต้นเรื่องยังกังวานก้องที่ข้างเตียงผู้ป่วย ทั้งที่เรื่องร้ายนั้นผ่านพ้นไปอย่างเฉียดฉิว แทบจะสังเวยตัวเองให้ความเขลาโฉด
หรือจะเป็นผลบุญทันตาเห็นที่เธอเพียรพัฒนาจิตใจในร่มพุทธธรรมอยู่เป็นนิจ จึงดลบันดาลให้เธอ มีกัลยาณมิตรอยู่ช่วยเหลือทั้งยามคับขัน และยามสุขสม.
อาการดีขึ้นแล้ว เดือนฉาย ป้อมคำ อธิษฐานจิตจะไปปวารณาตัว อุทิศบุญกุศลให้อภัยทานอโหสิกรรมพวกเดนคนนั้น จะทุเลาบาปกรรมลงบ้าง
สาธุ..
เธอเปล่งเสียงในใจเบาๆแต่อิ่มเอมในใจมี่เย็ยสงบลง แล้วหลับตายิ้มน้อยๆ แผ่เมตตา.
22 กุมภาพันธ์ 2548 01:14 น.
pigstation
สีเขียวของใบไม้หายไปไหน ขาดทุนทางสายตาเหลือเกิน ที่มองไปทางไหนพบแต่ความแห้งแล้ง โลกกลายเป็นสีน้ำตาลที่มีแต่ความแห้ง ไร้ซึ่งความหมาย
อากาศร้อนถูกขยับมาแทนลมหนาวที่ออกเดินทางไปยังภูมิภาคอื่น จึงทำให้เขตร้อนชื้น กลายเป็นเขตร้อนสะอื้น เหลือทนที่ผดผื่นคันขึ้นลามตามแผ่นหลัง และบางซอกที่บอกไม่ได้
แต่ละวันเหมือนเป็นขาประจำของฝักบัว ต้องวิ่งเข้าซบ-อกอันเปียกแฉะของห้องน้ำ เพื่อคลายร้อน คิดแต่จะพึ่งไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็คิดสะระตะดูแล้ว เหมือนคนแอบรังแกโลก งกความเย็นที่เพียงฝ่ายเดียว
ด้วยการติดแอร์สักเครื่อง ต้องซื้อหากระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานประหลาด ที่ไม่อาจเก็บไว้เหมือนถ่านหุงข้าวดำๆที่ซุกไว้ในกระสอบได้ ก่อนนำมาหุง
การกำเนิดของกระแสไฟฟ้าที่ไหลมาจ่อตรงเต้าเสียบนั้น ต้องใช้แหล่งกำเนิดที่ผลาญน้ำมันมหาศาล
นาทีที่เราเย็นสะดือนั้น คือนาทีเดียวกันของการเหงื่อแตกสะพรั่งจากต่อมเหงื่อของคนข้างบ้านที่ต้องรับไอร้อนจากหม้อคอมเพรสเซ่อร์แอร์ที่พ่นออกมา หนึ่งเครื่องต่อเหงื่อหนึ่งตุ่ม แล้วถ้าร้อยพันหมื่นเครื่องล่ะ
เห็นใจกันบ้าง
ฉันจึงฝันถึงฝน คนดี คนที่โลเล เรรวน เอาใจยาก เริ่มจากน้ำผิวดินที่ถูกแดดจีบ จึงใจอ่อนยอมลอยตัวเป็นละอองไอน้ำขึ้นไปให้ตะวันควงเล่น
สักพักเจ้ากลุ่มน้ำก็ควบแน่น รวมตัวเป็นก้อนเมฆนุ่มหนา สีนวลตา ต่อมาอารมณ์หล่อนก็แปรปรวน กลายเป็นเมฆใจดำ จนได้ที่ถึงอารมณ์ เจ้าหล่อนก็บีบน้ำตา
แล้วเราก็จะได้เย็นฉ่ำกลางสายฝนที่เราฝันถึง
ส่วนฝนจะฝันถึงแผ่นดินที่จากมานานหรือยังก็ไม่รู้
หรือจะเป็นไอน้ำลอยตัวเบาบาง เคียงฟ้าคู่ดาว อยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความแห้งแล้งแฝงตัวเข้าควบคุมบรรยากาศโลกอยู่อย่างนี้
แต่ยังดีที่ทุกวันจะมี น้ำมาค้างที่ปลายหญ้า กลีบดอก เนื่องจากว่ายังคงเป็นฝนหมู่น้อยที่ไม่เคยลืมฝันว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนแผ่นดินมาเนิ่นนาน
ส่วนฝนหมู่มากที่ยังเป็นหมอกบางเบาก็ยังคงฝันเรื่อยไป ไม่ยอมโปรยปรายลงมาเสียที
หรือจะรอให้ฝนเทียมมาแย่งบทบาทเสียก่อน.จึงจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวลงมาอาบโลกแห้งผากให้คืนสู่สีเขียวชื่นบานอีกครั้ง
ฝันถึงฝนอยู่เสมอ แล้วฝนล่ะฝันถึงอะไรอยู่ ?
17 กุมภาพันธ์ 2548 14:06 น.
pigstation
นับประสาอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่ขับเคลื่อนความรู้สึกด้วยเชื้อเพลิงอารมณ์อย่างมนุษย์เราจำต้องทนอยู่กับของเก่าแก่
ดูตัวอย่างเครื่องยนตร์ที่รับใช้การขับเคลื่อนขนส่งนั้น เมื่อผ่านระยะทางได้ที่ จะต้องเข้าอู่เพื่อถ่ายน้ำมันเครื่องที่หมดประสิทธิภาพ
หากฝืนใช้ต่อไปในน้ำมันขี้โล้อย่างนั้น เครื่องพังแน่ ใครก็ต่างรู้ดี ยิ่งสมัยนี้ตีนมนุษย์มีไว้เพียงเหยียบย่ำเพื่อนร่วมโลกด้วยกันเท่านั้น การจะไปไหนมาไหนเป็นเรื่องของตีนยางกลมๆในกล่องเหล็ก ( รถยนต์ )
แล้วเราคงไม่ปล่อยให้การดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางกาลเวลาต้องถูกหมักหมมด้วยอิริยาบถเดิมๆไปชั่วชีวิต ( ถึงจะอ้างเพื่อความอยู่รอด เพื่อรายได้ เพื่อความมั่นคง )
ยังมีมนุษย์พันธุ์หนึ่งที่มักเปลี่ยนอิริยาบถอยู่เรื่อย หากเปรียบได้คงเป็นน้ำมันเครื่องตราอิริยาบถที่ถูกถ่ายออก ไม่ใช่คนเหล่านี้ขาดประสิทธิภาพ หรือไม่มีมนุษยสัมพันธ์เอาเสียเลย
แต่เนื่องจากความเง้างอนทางอารมณ์ และจิตใจที่ไหวเอนได้ง่าย เห็นอะไรที่แปลกใหม่ หัวใจของคนเหล่านี้จะติดปีกไปสูดดมความหอมชื่นที่ใครๆอื่นมองว่า สุ้มเสื่ยง
สำหรับพจนานุกรมส่วนบุคคลของคนพันธุ์ A บวก อย่างพวกนี้คำเดียวกันนั้นคือคำว่า อิสระอันเอกเทศต่อการหายใจด้วยจมูกส่วนตัว
หลายต่อหลายความหวังดีเข้ารายล้อม เข้าหว่านล้อม แต่พวกเขาก็ยังฝ่าวงล้อมด้วยสวัสดิภาพ ดังนั้นการถ่ายเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตราอิริยาบถจึงจำเป็นสำหรับพวกเขาเหล่านั้น
นักบินอวกาศรู้ดีว่า อวกาศมีแต่อากาศที่ไม่มีจริง แล้วจะเสี่ยงไปทำไม
นักไต่เขารู้ว่ายิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งเสี่ยงต่อการตาย แต่ก็ยังปีนป่ายท้าทายมฤตยู
นักหลายๆนักที่เราคนตอกบัตร/รับเงินเดือนประจำทั้งหลายได้แต่กรอกตามองผ่านไปอย่างทึ่งแต่เมินเฉยว่า จะหาเหาใส่กบาลอะไรนักหนา play safe สิวะ ลูกเมียพ่อแม่ญาติพี่น้องก็อยู่ดีมีสุข อบอุ่นมาก
วันนั้นไม่มีอยู่จริง มันยังมีไอ้หอกคนหนึ่งที่ชื่อมาร์โคโปโล ออกตระเวณย่ำไปตามเส้นทางสายไหม นำเอาสองอารยธรรม ตะวันตกผงกหัวให้ตะวันออก ( ทั้งที่ก็ตะวันดวงเดียวกันแหละว้าา )
วันนั้นที่ทุกคนจะมัวแต่หาข้าวสารกรอกหม้อ หรือตุนเนื้อเค็มไว้กินข้ามปี
ไม่มีจริงๆ มันมีแต่มนุษย์เผ่าพันธ์หนึ่งที่พร้อมเป็นตัวเห็บทางประวัติศาสตร์ที่พร้อมจะกระโจนจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งที่ยังไม่แน่นอนใจว่ามันคืออะไรกันนี่ ? ( ที่มาของเกมส์ reality show อย่าง fear factor )
โชคดีที่เอดิสันไม่กลัวไฟดูดตาย มานะมานังจนได้หลอดไฟ จนได้ความสว่างไสวจนกลายเป็น LOGO หลอดไฟสว่างวาบขึ้นมาบนหัว ตอนคนเราคิดอะไรออกได้ ตามหน้าหนังสือการ์ตูน
ถึงวันนี้คุณยังมีความสุขติดรีโมทก็ตามที จะไม่หันมามองมนุษย์ผ่าเหล่าที่หมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตราอิริยาบถดูบ้าง เพื่อว่าอาจมีสิ่งใหม่ชุบล้างให้วัฒนธรรมตายด้านบางอย่าง ฟื้นจากความอับเฉามาส่องประกายทอแสงใหม่ๆบ้าง
ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะรุกฮือมาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตราอิริยาบถนี้หรอก แค่กำลังใจและเสียงปรบมือชื่นชมกันบ้างก็ดีอักโขแล้ว
เหตุที่ไม่ต้องการให้ใครต่อใครแห่มาเป็นนักผจญภัย/คนหน้าใหม่พลิกโฉมประวัติศาสตร์ เพราะเราเกรงว่าจะไม่มี พนักงานเก็บตั๋วที่วันๆได้แต่เก็บตั๋วไปวันๆ พนักงานออฟฟิซที่ทำงานซ้ำเดิมทุกวัน เพื่อให้โลกจำเจได้คงอยู่ เราจึงเห็นว่ามนุษย์ซ้ำซ้อนยังคงความสำคัญอยู่ตรงที่ความกล้าหาญที่จะดำรงอยู่บนความซ้ำเดิมอย่างไม่ย่อท้อ
เพราะน้ำมันเครื่องตราอิริยาบถไม่จำเป็นสำหรับท่าน เนื่องจากพวกท่านใช้ระบบไขลาน !
8 กุมภาพันธ์ 2548 19:57 น.
pigstation
เนื่องในโอกาสครบรอบสามปี และเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ ตั้งแต่วันนี้ - 28 กพ. 48 ร้านหนังสือเดินทางขอเชิญชมนิทรรศการ "สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นขณะเดินทาง" นิทรรศการศิลปะจากการร่วมใจกันจากศิลปินกว่า 70 คน อาทิ ธีรภาพ โลหิตกุล ศุ บุญเลี้ยง วรพจน์ พันธ์พงศ์ เรืองรอง รุ่งรัศมี หมอ-ทิววัฒน์ ภัทรกุลวนิช จิตติ พัวสุทธิ กิตติคุณ ธรรมศิริ ศักดิ์ชัย ศรีวัฒนาปิติกุล อิศเรศน์ ช่อสไว สองยิปซี ชุมพล อักพันธานนธ์ เกีรติภูมิ แก้วปลั่ง สมิทธิ ธนานิธิโชติ ธนกร แสงสินธ์ ไกรฤกษ์ พงศ์ทอง กระบี่ไม้ไผ่ ก้องคาร์ไว ฯลฯ
ร่วมเปิดนิทรรศการ วันเสาร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ เวลา 17.00 น. พร้อม เสวนา "การเดินทางกับแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือ" กับ ธีรภาพ โลหิตกุล และ วรพจน์ พันธ์พงศ์
ร้านหนังสือเดินทางขอใช้โอกาสนี้เพื่อเชิญทุกคนตามวันเวลาดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02- 629 0694 ขอบคุณครับ