24 ธันวาคม 2547 22:39 น.
pigstation
เธอรู้ตัวบ้างไหม การได้มาซึ่งถ้วยรางวัลของนักกีฬาโอลิมปิคนั้น ไม่ใช่เพียงการได้ชูมือ จูบเหรียญ แต่หมายถึง ปริมาณน้ำเหงื่อที่ถูกรีดไหลออกมาจำนวนหลายตุ่มราชบุรี (ต้องลายมังกรจึงเป็นของแท้เป็นสำคัญ )
อย่าไปประเมินว่าภาพเบื้องหน้านั้นคือความสุขสดชื่น จนหลงเพลินไปว่าคงง่ายดายที่ได้มาซึ่งความสำเร็จตามที่มุ่งหมายไว้
การวาดภาพฝันนั้น เมื่ออยู่ในห้วงมโนภาพ ปัจจัย,ตัวแปร,อุณหภูมินั้น มันได้ที่ตามแต่เธอกำหนด ตามที่เธอควบคุม ก้อนขนมปังแห่งความฝันจึงสุกได้ที พองตัวออกมาเป็นรูปร่างสวยงามตามความปรารถนาของเธอที่อบขนมปังแห่งความฝันออกมาชิมลิ้มรส แต่เมื่อเธอลองนำความฝันมาแปรรูป ปัจจัยอื่นที่รายรอบตัวเธอ จะแทรกแซง แทรกซ้อน เข้ามาก่อกวนให้ก้อนความฝันของเธอกลายพันธุ์ได้ นั่นคือบทเรียนสำคัญที่เธอต้องรู้จักประมาณฝันให้สอดคล้องต่อความจริง
แต่ไม่ควรไปฟังความรอบข้างจนกระทั่ง เชื่อว่าความฝันนั้นมีสูตรสำเร็จ สามารถปรุงรสความฝันได้ตามขั้นตอน ถ้าเป็นอย่างนั้น มนุษย์ทุกคนก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เพราะแต่ละคน แต่ละความฝัน บางทีก็ช่างเบียดเบียนกันจนไปถึงความฝันขั้นหักล้างความฝันอื่นที่อยู่นอกเหนือให้สิ้นซาก
ดูการสึกกร่อนของหินขนาดเหมาะมือจนกลายเป็นเม็ดทราย จะต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ในการเปรียบเทียบแบบธรรมดา ถ้าจะให้ฟังดูหรูหรา ต้องเปรียบเปรยถึงเพชร ผลึกเพริศแพร้วอันพิลาส กว่าจะมาก่อตัวต้องผ่านวงรอบของนาฬิกาไม่รู้กี่รอบที่เกินนิ้วมือนับได้
อย่ามองดูดอกไม้แต่เพียงประการเดียว ให้สนใจ เอาใจใส่ราก..ลำต้น..อะไรก็ตามที่เป็นดอกไม้ อาจมองเห็นรังสีแสงแห่งตะวันที่คอยเป็นเชื้อเพลิงปรุงอาหารของดอกใบ จนรวมความไปถึงไส้เดือนที่พรวนดินให้ร่วนซุย เปิดห้องรับแขกให้มวลอากาศลงมานั่งเล่นในลานดิน เปิดโอกาสให้รากน้อยใหญ่ได้แยกย้ายไปค้นหาแร่ธาตุที่กระจายตัวทั่วแผ่นผิวของพื้นโลก
จะเบื้องหน้าอันสง่างามหรือเบื้องหลังที่ยังซ่อนตัว ., หากเธอถึงพร้อมด้วยความเพียร ค่อยผสานเอาสิ่งนั้น สิ่งนี้ มาประกอบสร้าง เพื่อจะมีความสำเร็จไว้เคียงบ่าเคียงไหล่ ก็ขอกระซิบด้วยความเป็นห่วงว่า ต่อให้ตะคริวจับ เหน็บกิน ก็ขอให้เธอ..,ลุยไปด้วยใจเปี่ยมสติ
แล้วฉันจะรอปรบมือชื่นชมเธอเอง.
23 ธันวาคม 2547 22:05 น.
pigstation
บางขณะของความไว้ใจ { Sometimes when we Trust }
เราเคยหลงใหลในความกว้างไกลของทะเลที่มีผิวหนังสีน้ำเงินเข้ม อันแสนหยาวเหยีดสุดลูกหูลูกตา มีริ้วคลื่นสีขาวสะอาดแตกฟองสนุกสลับไปมาไม่รู้เหนื่อย กับสายลมเอื่อยเฉื่อยออกอ้าวไอแดดและปะแล่มกลิ่นเกลือ ที่ตรงนั้นเรานอนแผ่หรา
แต่ว่าบางขณะ ทะเลก็แปลงกายด้วยการสมคบคิดกับคลื่นลมมรสุม จนเราต้องหวาดผวาไปกับท้องทะเลที่ได้รับคำกล่าวขานว่า .....คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล เช่นเดียวกับจิตใจของคนเรา..ยากจะเชื่อมั่น
คนสองคนบนการคบหาที่ผ่านระยะเวลาหนึ่ง บางเวลาดูเหมือนว่าสามารถพูดคุย พูดจา หัวร่อต่อกระซิกใส่กันอย่างชื่นมื่น ราวทุกความลับนั้นคือสิ่งที่ไม่เคยมีเลย ในสายสัมพันธ์
การไหลลื่นของกาลเวลานั้น ขึ้นตรงกับความรู้สึกเป็นสำคัญ ช่วงวันวัยที่เราเพลิดเพลินไปกับการเดินทางท่องเที่ยว มักผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนอยากหยุดเวลาไว้ตรงความทรงจำนั้นนานๆ ต่างจากการงานที่ดูเร่งเร้าและตอกหมุดตรึงเราไว้หลังโต๊ะทำงาน หลังกองเอกสาร รุมสุมล้อมเราไว้อย่างไม่มีท่าทีจะสยบต่อเรา ขณะหนึ่งนั้นราวกับเส้นแบ่งกาลเวลายืดตัวขยายออกเป็นความทรมาณอย่างยิ่ง
...,นี่กระมัง เสน่ห์บางประการของการอยู่บนโลกสามมิติ ที่บวกเอาอีกมิติ ให้เป็นมิติที่สี่คือ มิติของกาลเวลา
ชีวิตเช่นกันคือความผันแปร สิ่งที่คาดเดาไว้บางคราว เป็นเหมือนการล่องหนของปรากฏการณ์ ทิ้งให้เรา เศร้า เหงา เจ็บ อยู่ในกับดักแห่งความผิดหวัง ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คำว่าความหวัง เป็นเสมือนแผงปีกบางเบาที่คอบสยายคลี่คลุมให้เกิดความรู้สึกปลอบประโลมจิตใจว่า พรุ่งนี้...อาจมีบางสิ่งเยียวยา
ระหว่างการรู้จักกันของเรานั้น ถ้าไม่เว้นวรรคอะไรบ้าง ความอึดอัดก็จะบังเกิดขึ้น เช่นในประโยคที่ผ่านๆมา ย่อมต้องมีการเว้นวรรค การหยุดถ้อยคำไว้แต่ละท่อนของข้อความ ทั้งที่ความหมายนั้นต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ เป็นทิวแถวของการบอกเล่า การตั้งคำถาม...ในเมื่อเรียนรู้ถึงการปล่อยผ่านบางสิ่งให้ออกนอกบริเวณขอบเขตการรับรู้ คงเป็นการดีที่ให้โอกาสให้เราได้พบเจออะไรที่เป็นภาวะเอกสัมผัส ที่เราจะได้ซึมซับบ้าง พร้อมกับการปล่อยให้ใครบางคนออกจากวงล้อมของความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไปพบกับความเป็นไปที่พ้นล่วงจากการผูกขาดในความเป็นมิตร
จงรอบคอบในการตรวจสอบความผิดพลาดของตัวเราเอง มากกว่าจะไปเคร่งครัดพิสูจน์ทราบในความขาดเกิน หรือ ขาดตกบกพร่องของใครอื่น ที่อุตส่าห์มอบหมายคำว่า เพื่อน ให้เรา
เพราะบางขณะของความไว้ใจนั้น ไม่การมองเห็นด้วยตาเปล่าแต่เพียงประการเดียว ยังเป็นเรื่องของการเปิดองศาใจให้กว้างออก เผื่อว่าจักรวาลในใจของแต่คนจะได้เปิดโอกาสให้ดวงดาวแห่งความใหม่ชื่นได้กระพริบแสงบ้าง
ถึงเวลานัดหมายกัน เราจะได้มีอะไรอื่นๆ มาบอกเล่าให้กันฟัง มากกว่าการสัมปทานมิตรภาพแบบผูกขาด
ในบางขณะของความไว้ใจ คือการเว้นช่องว่างไว้เพื่อสร้างความหมายต่างกัน เช่นเพลงเดียวกันแต่ต่างทำนอง....,เนื้อร้อง แต่บรรเลงกล่อมให้เราเต้นรำบนความผูกพัน อย่างอบอุ่น เสมอ
19 ธันวาคม 2547 16:57 น.
pigstation
โครงการพับคนดับไฟใต้
ใครเลยจะรู่ว่าในเมื่อเราสามารถพับกระดาษเปล่าๆแผ่นหนึ่งให้กลายเป็นนกได้ นอกจากจะรูปร่างละม้ายคล้ายนกแล้ว ยังแทนความหมายของคำว่าสันติภาพได้ แล้วไม่ใช่แค่นกกระดาษตัวสองตัว แต่นี่นับเป็นล้านๆตัว ที่ไม่ใช่นำไปใส่ขวดโหลขนาดใดๆได้ แต่ได้นำไปโปรยปรายสู่ชายแดนภาคใต้ของแหลมทอง ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีในสำนวนที่ว่า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ กล่าวคือพับนกเป็นนก โปรยนกเป็นสันติภาพกำราบไฟใต้ เอ้าไชโย
เมื่อกาลเป็นอย่างนี้เสีย ทำไมเราไม่เร่งเอาดัชนีการพับนกมาประยุกต์เพื่อเร่งรัดการแก้ปัญหาที่นัวเนียอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ของเรา โดยการดัดแปลงพันธุกรรมทางความคิดของท่านผู้นำว่า หากเราพับนกได้ เราก็ควรพับคนได้เช่นกัน
ช้าก่อนไม่ได้หมายความว่าจะนำคนเป็นๆมาพับครึ่งผ่ากลางไปมาอย่างเช่นนกกระดาษหรอก เพราะคนนะไม่ใช่กระดาษ หรือ แผ่นโรตีมะตะบะ จะพับจะง้างได้ง่ายปานนั้น
อุปมาอุปมัยว่า เราจะจัดโครงการพับคนขึ้นมาด้วยการอาศัยความร่วมมือแกมบังคับด้วยความหวังดีเป็นที่ตั้ง ซึ่งมีที่มาจากการเลียนแบบเด็ก AFS หรือ เด็กนักเรียนทุนแลกเปลี่ยนที่เราคุ้นหูคุ้นตากันมาช้านานว่า ทางต่างประเทศ เช่น สหรัฐได้จัดครอบครัวอุปถัมป์ขึ้นมาเพื่อรับเอาเยาวชนที่มีพื้นฐานทางภาษา(อังกฤษ ไม่ใช่ สันสกฤต) ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิต ไปเรียนรู้ ที่ประเทศเขา ประมาณ 1 ปี และเราเชื่อกันว่าบรรดาเด็ก AFS ส่วนใหญ่เมื่อกลับมาแล้ว มีจำนวนไม่น้อยมีทัศนคติ มีความคิดบางอย่างแปรรูปเปลี่ยนไปจากเดิม คือจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เป็นอย่างดี ถ้าจะยกตัวอย่างก็ไม่เห็นว่าจำเป็น ไม่อยากพึ่งพาอาศัยชื่อเสียงคนดังมาการันตี
ว่ากันต่อ เด็ก AFS เหล่านี้จะมีความผูกพันต่อผู้คนในครอบครัว เนื่องจากไปพำนักพักอาศัย ไปกินนอน ไปเป็นหวัดคัดจมูกที่ประเทศนั้นๆ ย่อมต้องมีความเข้าใจ ความผูกพัน จนเกิดอาการงอกงามทางด้านความรักใคร่เมตตาขึ้น ไม่มากก็น้อย ดังนั้นผลประโยชน์ในด้านบวกก็ตามมาอย่างไม่ต้องสงสัย (ถึงจะมีเด็ก AFS บางคน เมื่อเติบโตแล้ว ต่อต้านนโยบายของผู้นำสหรัฐก็ตาม แต่ก็เป็นไปโดยสันติวิธี และตามครรลองของสิทธิมนุษยชน ไม่เลยเถิดอย่าง คุณบิน ลาเดน)
เมื่อพิจารณาข้อดีของเด็ก AFS แล้ว เราหันมาโมดิฟายใหม่ในการแก้ปัญหาไฟใต้ที่ใช้การพับนกกระดาษคงยังไม่เพียงพอต่ออุณหภูมิองศาความร้อนที่เกิดขึ้น
เราจึงเห็นชอบให้เกิดโครงการพับคนขึ้นมา โดยเริ่มจากการคัดสรรครอบครัวอาสาอุปถัมป์พับคนดับไฟใต้จากเขตภาคกลาง,ภาคเหนือ,ภาคอีสาน ที่มีความรักปรองดองในความเป็นชาติเชื้อไทย ที่มีความพร้อมทางคุณวุฒิ วัยวุฒิ เพื่อรับอุปการะเด็กจากภาคใต้ที่ครอบครัวถูกลอบสังหาร หรืออุ้มหาย มาเลี้ยงดู ให้การศึกษาตามแต่วัย สัก 1 ปี เพื่อสร้างสายใยความผูกพันให้เกิดขึ้น ภายในดวงใจน้อยๆของพวกเขาเหล่านั้น ให้รู้สึกว่า ไม่มีใครเหินห่างหมางเมินกัน ไม่มีใครจะพากันเอาตัวรอดเพื่อไปเสวยสุขแต่เพียงผู้เดียว
ลองคำนวณดูว่าหากโครงการพับคนนี้มีครอบครัวอาสาอุปถัมป์เด็กน้อยจากภาคใต้สัก 500 ครอบครัว ยินดีตอบรับ เราสามารถสร้างเด็กคนหนึ่งที่หวาดหวั่นต่อภัยรอบตัวได้มาสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นพอจะกระตุ้นเตือนว่า หากเราสมานฉันท์ ให้ความช่วยเหลือเผื่อขาดต่อกัน ในวันที่ใครคนนั้นเกิดความสั่นคลอนในจิตใจแล้ว อ้อมกอดที่ว่าจะเป็นเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีที่จะขยายภูมิคุ้มกันนี้ออกไปสู่ผู้อื่นต่อไปเป็นแชร์ลูกโซ่ชนิดดีเยี่ยมอย่างไม่รู้สิ้น
ด้วยว่าครอบครัวอาสา ย่อมจะการติดต่อบอกเล่าข่าวสารต่อกัน ทั้งในยามเด็กในโครงการพับคนมาพักพิง จนกระทั่งกลับไปสู่บ้านเกิด ครอบครัวทั้งสองก็จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีความหมายมากกว่าการส่งเสียงร้องเพลงสันติภาพ/การพับนก ที่เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น
ใครเลยจะไม่เชื่อว่า ทัศนคติที่เด็กในโครงการพับคนได้ถูกพับขึ้นมาใหม่จะมีความหมายลึกซึ้งเพียงไรว่า ทุกถิ่นขวานทอง คือพี่น้องเดียวกัน
โครงการพับคน ที่นำเสนอครั้งนี้ แม้จะเป็นผลอันแตกหน่อมาจากความคิดจินตนาการ ทว่าความเป็นจริง เรายังคิดว่าไฟที่ไหม้นั้นอยู่นอกรั้วนอกบ้านเรา ไม่ใช่บ้านเราสักหน่อย แล้วจะไม่คิดต่อไปอีกสักนิดหรือว่า เมื่อวัตถุที่ถูกความร้อนสุมอยู่ เมื่อถึงจุดสันดาปก็จะติดไฟขึ้นมาเองโดยไม่ต้องใช้ไฟสุม ?
เสียดายจริงๆ ที่ตัวเองยังไม่มีครอบครัว จึงไม่อาจจะเป็นครอบครัวอาสารับเด็กมาพับได้แต่ยังมีความโสดเป็นที่ตั้ง หากสาวใต้ที่คมขำยังโสดจะมาร่วมสร้างครอบครัว เพื่อพับคนที่มีจิตใจรักในความงามของสันติภาพก็ติดต่อมาได้( ไฟใต้อาจจะมอดแต่ไฟสวาทอาจจะลุกโชนแทน)
16 ธันวาคม 2547 14:11 น.
pigstation
แรกทีเดียวการสื่อสารของสัตว์คงเป็นเพียงการเปล่งเสียงออกมา พร้อมอากัปกิริยาสื่อออกมาให้คู่สนทนารับทราบถึง ความหมาย เช่น การส่งเสียงร้องของนก คือ การส่งสารต่อกันว่าขณะนี้พบแหล่งอาหาร หรือ มีศัตรู ก็แล้วแต่กรณีไป
ต่อมามนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ระดับของการสื่อสารเริ่มซับซ้อน เป็นเพราะขนาดของสมอง จึงทำให้ มนุษย์ใช้การสื่อสารด้วยวิธีการที่หลากหลาย
นานาเผ่าพันธุ์ นานาวัฒนธรรมที่เปลี่ยนผ่านมารุ่นต่อรุ่น จวบจนมาถึงวันนี้ อำนาจแห่งภาษาได้ครอบครองโลกมนุษย์ไว้สิ้นแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ภาษาเป็นทั้งประตูเปิดออกสู่โลกกว้าง เป็นกุญแจไขปริศนาจักรวาล หรือกระทั่งเป็นกับดักที่ปิดกั้นไม่ให้มี ความหมายอื่นใดมาอธิบายได้ นอกจากการกำหนดลงไปด้วยภาษาที่แปรรูปเป็น วาทกรรม ที่สถาปนาความจริง(ลวง)ให้คนเชื่อ คนฟัง คนทำตามนั้น
วาทกรรมกำลังเป็นพระเอก และตัวโกงในเวลาเดียวกัน ด้วยความเป็นมนุษย์ผู้ดำรงอยู่ด้วยเหตุผลผสมอารมณ์ โลกใบนี้จึงไม่อาจหนีพ้น อำนาจแห่งวาทกรรมที่คอยบงการ คอยบัญชาการ
เราต่างได้ยินคำว่า สิ่งแวดล้อมมานานแล้ว เป็นคำที่บรรจุความหมายถึง __________ ( เหตุที่ผู้เขียนปล่อยที่ว่างไว้ เนื่องจาก คำนี้นั้นมีนิยามอันเกิดจากการบัญญัติจาก สารพัดนัก-นักวิชาการ,นักปรัชญา,นักวิทยาศาสตร์ และบรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทุกแขนง ดังนั้น คำว่าสิ่งแวดล้อมคำเดียวกันนี้ ต่างมีหลายโฉมหน้า หลายรูปทรง ขึ้นอยู่ว่าผู้ใดจะมีระดับความเข้าใจ และภาวะประสบการณ์ภายในระดับใด )
การกล่าวถึง วาทกรรม นั้น คล้ายการหว่านข้าวลงไปในนา แล้วเรามองเห็นที่เมล็ดข้าวในรวงแต่เพียงเท่านั้น ทั้งที่ การงอกงามของต้นข้าวนั้นมีปัจจัยมากมายรายล้อม ไม่ว่าจะ ดินฟ้าอากาศ ไส้เดือน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นที่มาของ ข้าว เช่นกันวาทกรรมใดวาทกรรมหนึ่งนั้น อาจสื่อความหมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่แท้ที่จริงแล้ว วาทกรรมนั้นมีการครอบงำพื้นที่ มีการปิดบังความจริงอื่นที่อยู่นอกเหนืออีกมากมาย
วาทกรรมที่อยากยกตัวอย่างคือ วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย ที่กำลังก้าวไปสู่หลุมพรางทางด้านการก่อวินาศกรรมด้วยภูมิปัญญาจากต่างแดน..(รู้อยู่แก่ใจ)
ทั้งที่เรามีแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ สามารถทำการเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหารได้ร้อยพันธุ์ แต่เรากลับถูกกลไกจากองค์การค้าโลกมาใช้คำหวานเล้าโลมใจชาวเกษตรกรไทยว่า ปลูกพืชเชิงเดี่ยวเถิดหนาเพื่อว่าได้ส่งออกตลาดโลกกันเถิดเพื่อเศรษฐกิจดีเลิศ แล้วในที่สุด มันสำปะหลังเอย อ้อยเอย ข้าวโพดเอย ราคาตกพร้อมน้ำตากสิกรไทยตกไปตามกัน ที่นา ที่ไร่ ล้วนแล้วแต่มีโฉนดอยู่ที่ธนาคาร..( ถูกต้องคร้าบบบ)
อีกประการคือการชี้นำจากการท่องเที่ยวแบบพักผ่อนหย่อนใจนั้น แบบแห่แหนตระเวณตามแต่แรงโหมโฆษณา พากันไปแบบฉิ่งฉับทัวร์ ความจริงคือการเปลี่ยนสถานที่ตั้งวงกินเหล้ากับตั้งวงเล่นไพ่ ไม่ต่างจากการย่ำยีธรรมชาติอันแสนล้ำค่าที่เป็นมรดกจากบรรพชนได้เเลกมาด้วยชีวิต ด้วยเลือดและน้ำตามาแต่ครั้งโบราณกาล
จาก ภูกระดึง จากภูเก็ต จากดอยสูง สู่ชายฝั่ง มีสถานที่ใดบ้าง หากเราไม่ลำเอียงต่อความเป็นจริงนักว่า สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นคือ เศษซากกากเดน ที่ถูกดูดเอาเม็ดเงิน ถูกกว้านทรัพยากรโกยเข้ากระเป๋านัก..(ถูกต้องคร้าบบบบ) ส่วน ชาวบ้านตาดำปี๋ นั่งทำตาปริบๆกับขยะปฏิกูล และความเสื่อมโทรมตามมา ยากที่จะเยียวยา ทั้งนี้ทั้งนั้นคือการหลงเพริศไปในคำว่า วาทกรรมการท่องเที่ยวทัศนาจราจลอันอุจาด
ไม่เคยมีความเข็ดหลาบเกิดขึ้นในจิตสำนึกของคนไทยส่วนหนึ่ง มีแต่เห็นว่าเรื่องของ สิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องของรัฐ เป็นเรื่องของนักวิชาการ เป็นเรื่องของนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงถลุงโลกกันต่อไปอย่างครื้นเครง ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำใต้ฝักบัว ครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยแช่น้ำอุ่นในอ่างจากุจชี่ แล้วมารับไอเย็นจากแอร์ 100,200 BTU รอสักพักก็ควบรถสปอร์ต 3,600 CC ที่ประหยัดน้ำมัน 1 กิโล 10 ลิตรเอง ว้าวววว
ความตระหนักต่อส่วนรวมว่าเราคือคนสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อม และ การมีส่วนร่วมด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำมือ ควบคู่ น้ำใจของแต่ละคนเท่านั้นคือวาทกรรมอันสำคัญยิ่ง ที่จะพาให้ประเทศไทย จนถึงโลกเบี้ยวๆใบนี้ไปสู่หนทางสว่างไสวไร้น้ำครำเหม็นโฉ่
เพราะที่ผ่านมานั้นวาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยมีแต่ การปลูกต้นไม้ปีละหน คนละต้น ( ส่วนคนตัดไม้นั้นตัดวันละป่าครับผม) ,การพากันเก็บเศษกระดาษในวัน BIG[?]CLEANING DAY คนละแผ่นสองแผ่น โอ๊ย ภูมิใจแย่เลย หรือ การเดินขบวนต่อต้านท่อก๊าซ ไทย-มาเลย์ ด้วยการพากันขึ้นรถ 4 WD มาร่วมเดินขบวนด้วยการแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท. แล้วสั่งแก๊สถังหนึ่งที่ร้านจับฉ่ายพานิชให้ไปส่งที่บ้านด้วยเพราะแม่บ้านสั่งมาว่าแก๊สหมด.
วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยยังอยู่ในจุดที่เรียกว่า แจวเรือกันคนละพาย มากกว่า ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
วันวานนั้นเป็นสายลมที่พัดผ่าน อยากให้สายลมเปลี่ยนทิศ พวกเราสร้างความหมายใหม่ให้วาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทยที่คล้ายจะลูบหน้าปะจมูกให้เป็นการลงแขกร่วมใจสร้างสิ่งแวดล้อมไทยให้ยั่งยืนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิห่ออาหารด้วยใบตอง ใช้ถุงผ้าบรรจุข้าวของตอนซื้อสินค้าที่ห้างสรรพสินค้า ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็น อุดหนุนสินค้าไทย แล้วใช้ชีวิตอย่างพอเพียง บวกกับ ทำความดีถวายในหลวง SO แจ๋ว SO COOL มาก พลเมืองไทยใจงาม
มาร่วมสร้างวาทกรรมสิ่งแวดล้อมในสังคมไทย จากเดิมที่เป็นเพียงถ้อยคำที่ประดิษฐ์มาอย่างสวยหรู จากเก่าที่เป็นการคลำทางอย่างมะงุมมะงาหรา จากกลิ่นน้ำครำท่วมฟ้าเมืองไทย จะเป็นวันดอกไม้บาน ทุ่งข้าวออกรวงเป็นแผ่นดินทอง วันที่สายรุ้งบรรจงโค้งข้ามฟ้า วันที่ผีเสื้อบินร่า วันที่เรานั้นรักเมืองไทยด้วยน้ำใจเปี่ยมล้นบนวาทกรรมสิ่งแวดล้อมที่ว่า น้ำใจ คือ สิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด
16 ธันวาคม 2547 14:00 น.
pigstation
(หนังฟินแลนด์สกุล art )
.เขียนบท กำกับ .. เก็ธเธอร์คุนซ์ โธมัสเซ่นรีย์
วิจารณ์โดย นฬ.ประสาท ผลิตภัณฑ์การพิมพ์
ความละเอียดอ่อนใช่ว่าจะมีแต่ชาติตะวันออกเท่านั้น เมื่อพิจารณาดูว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้น น่าจะเป็นคุณสมบัติเด่น ของชาวเอเชีย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าชนชาติใด ล้วนมีความละเอียดอ่อนเป็นทุนเดิมอยู่ทั้งสิ้น นั้นคือสิ่งที่เรียกว่า ศิลปวัฒนธรรม
ความเป็นประเทศอันปกคลุมด้วยเงื่อนไขทางธรรมชาติ ความขาวโพลนชั่วนาตาปีของหิมะ ความหนาวเหน็บจิกเนื้อล้อมหัวใจนั้น มันสร้างความรู้สึกบางอย่าง แตกต่างไปจากบางมุมมองของเรา แต่เป็นแง่งามมุมประชิดเดียวกัน
ความเป็นภาพยนตร์ของชาวฟินน์ บ่งบอกถึง อาการชื่นชมถึง ความงอกงาม /เจริญเติบโต/หยั่งราก อาจเป็นเพราะสภาพภูมิอากาศอันยากต่อการผลิใบ/หยั่งราก จึงเป็นเหตุให้ชาวฟินน์รักความสดชื่น รักการบังเกิดใหม่
ความจริงแล้วสัญญะ อันบ่งบอกถึงความเป็นฟินแลนด์คือ เจ้าพืชชนิดหนึ่งที่เรามองไม่เห็นความหมายมันในระดับพื้นผิวทางการดำรงอยู่ แต่ด้วยความเป็นนักคิดของเก็ธเธอร์ คุนซ์ นำเอาถั่วงอกมาแสดงนำร่วมกับ คน เพื่อสื่อสารถึงการดำรงอยู่ (หรืออีกนัยยะคือ ความดิ้นรน)
ความงามของการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ จากปุ่มปมที่เริ่มแตกตัว ขยายโต จากใบอ่อนเขียวนวลค่อยแผ่บาน เรียนก้านลำต้นจากขดงอ จึ่งเหยียดแข็ง ชูชัน อวบอิ่ม มันคือ ความงามแห่งการมีชีวิต ..ใช่จะมีจิตวิญญาณ ถั่วงอกจึงไม่ลำบากในการประคองชีวิต เพียง แดด/น้ำ/ก๊าซ มันก็สังเคราะห์แสงได้
ความเป็นมนุษย์ อาจหมายถึง การหนีตัวเองตลอดเวลา ดังเช่น ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครสองตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่มีมากกว่าความรัก
ความเป็นเพศสภาพ คือ การแบ่งภาคความเป็นมนุษย์อันสมบูรณ์ให้ยุ่งยากขึ้น ผู้หญิงอย่างนอร่าจึงใคร่ครวญตั้งคำถามว่า ผู้ชาย ไม่ต่างจากถั่วงอก มีชีวิตไม่มากมายหรือซับซ้อน อายุสั้น เปราะบาง เธอจึงรุกเร้าเอาคำตอบจากบียอนเซ่นตลอดเวลาว่า
1. อะไรที่ผู้ชายต้องการ
2. สิ่งใดที่ผู้หญิงต้องเสียสละ
3. อะไรที่ผู้ชายละทิ้ง
4. สิ่งใดที่ผู้หญิงปรารถนา
ความเป็นศิลปะของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ละวัตถุที่นำเสนอนั้น ไม่ต่างจากสัญญะ อันแทรกซึมลึกล้ำดำดิ่งไปในจิตใจของผู้คน มันสะท้อนถึงภาวะ วัตถุนิยม ที่ทดแทน ความดีงามที่เริ่มดำดิ่งมุดลงจนสูญหายกระทั่งพร่าเลือนไป ราวไม่เคยมีมันมาก่อน
ความเป็นพืชของถั่วงอก เริ่มจากการเป็นวัตถุทรงมนกลม นอนแน่นิ่ง เกลี้ยงเกลา แต่ในความเป็นจริงแล้วเมื่อเจาะเข้าไปในชั้นโมเลกุล ภายในมีพลังงานมหาศาลที่สะสมตัวรอความเหมาะสม รอปัจจัยทั้งมวล เพื่อแปรเปลี่ยนสภาพ
ความเป็นมืออาชีพที่เริ่มจับภาพแก้วบรรจุดิน ที่อาบแดดข้างหน้าต่าง บนโต๊ะเหงาๆ มีลมพัดผ้าม่านเข้ามา แล้วมีฝนกระเซ็นเข้ามา แล้วเจ้าถั่วงอกก็ออกโรง จากปุ่มปม ค่อยขยายร่าง ขาวอวบ
ความเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ของบียอนเซ่น ประหลาดใจต่อ กระถางต้นไม้ชั่วคราวนี้มาก ทำไมดอกไม้มากมี นอร่า ครูสอนวรรณคดี ไม่สนใจจะเพาะปลูก กลับมาสนใจ ไอ้ต้นไม้พิลึก รูปทรงพิกล หาความหมายอะไรได้ นอกจากความขาวกับหัวมนๆ ป้อมๆ ไม่ต่างจาก ไอ้จ้อนย่อส่วน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นไปตามสังคมยุคใหม่ ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีกิจกรรมใดๆที่จะต้องร่วมทุกข์ ร่วมสุข เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของการตอบสนองความต้องการด้วยการใช้บัตรเครดิตรูดเอา เปรอปรนตัวเอง มันช่างง่ายดาย
ความรักนั้นเป็นองค์ประกอบรองลงไป นอร่า และบียอนเซ่น กำลังอยู่ในระยะก่อตัว/แยกตัว เพียงค่ำคืนของความเมา ค่ำคืนของความฉาบฉวย จนสู่เช้าที่หมิ่นเหม่ ทั้งคู่จึงยึดเอาเจ้าถั่วงอกเป็นระฆังยกแรกของความรัก(ใคร่) จนกระทั่งวันความตายของมัน- - ถั่วงอก คือวันจากลา
ความเป็นไปแต่ละเช้า เริ่มจากความเร่งรีบ ร้อนรนเพื่อออกไปสู่การงาน ขณะที่การติดต่อใช่ระยะประชิดหน้า ประจันความรู้สึก เพราะ มือถือ มันย่อความสัมพันธ์ไว้ที่ฝ่ามือ และมันก็ช่างไกลหัวใจนัก
ความคืบหน้าวันต่อวันของทั้งสอง มันบอกเล่าถึง ความไม่มีอะไรมากมายไปกว่า การบริโภค..จากห้องที่ว่างเปล่า เริ่มมีการครอบครองพื้นที่จากบรรดา วัตถุ แต่ละชิ้น มันเริ่มพรากเอาเวลาที่มีต่อกันห่างออกไป
ความช่างคิดของผู้กำกับหนัง ค่อยแทะเล็มความเป็นผู้หญิงว่า มีแต่จะดูแลสิ่งของไม่ต่างจากบุตรของเธอ แต่ละชิ้น มันคือความประณีต บรรจง และเปี่ยมด้วยความเข้าใจในมัน ต่างจากวัตถุตัวแทนของความเป็นชาย มันแข็งทื่อ มันร้ายกาจที่สำคัญมันไม่ค่อยมีหัวใจเท่าไรนัก
ความเป็นจริงแล้ว การได้ชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ในฐานะตัวแทนเรื่องราวหนึ่งที่อาจเป็นมายาภาพ แต่มันทาบทับซ้อนอยู่บนโลกความเป็นจริง จนยากจะบอกตัวเองว่าอย่างดีที่สุดมันคือ หนังเรื่องหนึ่ง หากแต่มันคือชีวิตก็ไม่ผิดที่จะกล่าวได้
ความเห็นที่มีนั้น อยากจะบอกว่า ถั่วงอกน่าจะเป็นความสุขชั่วพลัน แต่ประโยชน์นั้น เจ้าถั่วงอกมีทั้งสารอาหารและแร่ธาตุอย่าง โปตัสเซียม,แมงกานีส รวมไปถึงรสชาติของมัน เมื่อนึกถึงภาพยนตร์เรื่องGrowthเราอดไม่ได้ที่จะสั่ง หมี่ ชิ้นสด น้ำตก งอกเยอะๆ.หรือ กระทั่งผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้ตรานางพยาบาล ตามร้านข้ามต้มโต้รุ่ง ด้วยความประทับใจตราตรึงใน Growth
ขอได้รับความขอบคุณจาก เก็ธเธอร์คุนซ์ โทมัสเซนรีย์ เพื่อนชาวฟินแลนด์ ผู้สร้างงานนี้ ที่ส่งแผ่นภาพมาให้ ก่อนสำทับมาว่า เพิ่งได้รางวัลจากเทศกาลหนังที่ชื่อว่า คานส์ สมคำคุยโต