14 ธันวาคม 2547 14:11 น.
pigstation
เธอเคยเห็นกาแฟสีแดงไหม สีแดงเหมือนเลือดสด แดงกว่าที่เธอเคยเห็นมา ในถ้วยกาแฟใบใดก็ตามแต่ เท่าที่เธอเคยเห็นมา ไม่ว่าจะเป็นกาแฟประเภทใด คงแปลกตากว่า ดอกไม้สีน้ำตาล ที่แห้งกรอบ หงิกงอ ด้วยถูกกาลเวลาแผดเผาเอาความสดใหม่ พรากเอาน้ำทิพย์อันชื่นเอี่ยม มลายไป เหลือไว้เพียงซากของมัน เอาไว้เพื่อทบทวนความเก่าครั้งก่อน
แล้วรสชาติของมันล่ะกาแฟสีแดง เป็นอย่างไร เคยลิ้มลองบ้างไหม ? กล้าพอหรือไม่ ?
แล้วดอกไม้ดอกใหม่ก็เริ่มแย้มกลีบบานรอท่า รอเธอไปคว้ามา จะจากลำต้นโดยตรง หรือผ่านมือเกษตรกร ก็ตามแต่ แล้วแจกันเธอจะได้พบรักใหม่เรื่อยไป มันต่างจากหัวใจของเธอไหม ? เคยพอกับคำว่ารักบ้างหรือเปล่า?
ควันลอยกรุ่นออกมาจากกาแฟถ้วยนี้ มันเป็นควันสีแดงฉาน ลอยอ้อยอิ่งก่อนม้วนตัวขึ้นสูง แล้วค่อยแผ่ขยายเรือนร่างกลุ่มควันสีแดงของตัวเองให้เจือจางลงไปทีละนิดจนกลืนหายไปในบรรยากาศรอบตัว ทว่าภาพมันยังเด่นชัดแจ่มแจ้งคาตา ว่า มันแดงพอๆกับเลือดสดๆ เธอเคยเห็นไหม
คนใหม่ของเธอหรือนั่น ดูดีนะ เหมือนกรอภาพกลับไปจุดเดิมที่รู้จัก ที่คุ้นตา จะเป็นรอยยิ้มลึกลับและลึกล้ำของเธอนั้น กับท่วงท่าการพลิกหนังสือเล่มโปรดในมือ จะบทบรรยายเรื่องราวสารพัด สาระพัน เหมือนตาน้ำทีมีน้ำผุดออกมาไม่ขาดสาย
ไม่ได้จำจารึกไว้จนเจียนจบสิ้นชีวิต เพียงแต่เธอคงไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง กาแฟถ้วยนี้คงเป็นสักขีพยานให้เธอรู้ว่า ความเป็นอื่นนั้นไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเรา นอกเสียจากว่า เราไม่อาจยอมรับความจริงได้ ผัสสะทั้งมวลเราจึงปร่าแปร่งออกไป
คัตเตอร์มันคมไม่หยอกนะ แล้วหลอดเลือดที่ข้อมือก็ไม่เหนียวพอ - - - กาแฟสีแดงนี้คงเป็นกาแฟที่ชงมาจากลิ้นหัวใจฉันแท้ๆ
เธอจะไม่ลองชิมดูหรือไร ?
( ความจริง เป็นเพียงกาแฟเย็นชืดในถ้วยใบโปรดวางอยู่ข้างแจกันเหงา ในวันที่เกิดความรู้สึกบางอย่างย้อมสี ยังคิดถึงเธออยู่ แม้เธอเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกที่เคยมีมันช่าง เหมือนเดิม คงไม่มีอะไรมาทำร้ายเราได้ - - - ว่างๆมาที่นี่อีกครั้งสิ
เธออาจได้ดื่มกาแฟสีแปลกๆดูบ้าง แต่ดอกไม้นั้นปล่อยมันอยู่อย่างนั้น ดีแล้ว บางทีสีน้ำตาลก็ดูอบอุ่นดีนะ )
อุทิศให้ผู้กล้าพลีชีพเพื่อความรัก แต่ขี้ขลาดเกินที่จะมีชีวิตอยู่ แรงบันดาลใจจากข่าวหน้าหนึ่ง เมืองพุทธ
14 ธันวาคม 2547 14:04 น.
pigstation
IN THE HEART OF GUN
หัวใจและไกปืน 2
1. สถานีรถไฟหัวลำโพง บางจุดเริ่มแห่งชีวิตจากภาคชนบทที่ไหลหลั่งละลิ่วปลิวสู่เมืองหลวง บางจุดจบของชีวิตที่แบกบรรจุหัวใจอัมพาตสองห้องหอบหิ้วสังขารอันราโรยล้าแรงถอยทัพกลับสู่มาตุคาม
2. ไสว วัยรุ่นมองเลิกลั่กไปทั่วในความพลุ่กพล่านของสถานีรถไฟหัวลำโพง ความใหญ่โตของมันเกินกว่าโรงสีที่ว่ายักษ์ในสายตาเขานัก
3. ในมือกำกระดาษที่ซุกแน่นิ่งในกระเป๋า มาเกือบ 10 ชั่วโมง จากวารินชำราป เมืองอุบลคนดอกบัว ก่อนตัดสินใจวานตำรวจประจำป้อมยามช่วยเหลือ แล้วเขาก็ไปถึงที่คุ้มหัว ในนามบ่อนป๋าเหลิม พญาไท
4. ขนส่งสายใต้ รถสีส้มเขยื้อนตัวอย่างเกียจคร้าน หวังกลืนกินเก็บเอาผู้โดยสารระหว่างทางมาใส่ตัวถังให้มากที่สุด สายลมอู้ร้อนของเดือนมีนาคม มันช่างเหมือนนั่งในเตาตีเหล็ก ทิดจ้อย หนุ่มกำยำจากเมืองเพชรกำลังครุ่นคิดถึงโฉนดในมือของเถ้าแก่มนูญ นายก อบจ. ที่มีกิจการนานานัปการ รวมทั้ง ไฟแนนซ์ ลิซซิ่ง (การเก็บดอกทบต้นอัตราพอกหางหมูในนามของกฏหมายคุ้มครอง) ตอนนี้เขามาถึงเมืองกรุงหวังหาเงินสักก้อนไปผ่อนผันมรดกแปลงสุดท้ายของอดีตเกษตรกรที่ล้มเหลวทางวิชาชีพ เนื่องจากสู้ราคาปุ๋ยเคมีไม่ได้ อีกทั้งกลไกตลาดโลกที่ผันผวนราวกระแสน้ำในคาบสมุทรลึกโพ้น
5. จำเนียรกาล ไสวฝึกปรือฝีมือของตัวเองจนก้าวมาเคียงบ่าเคียงไหล่สมุนคนโปรดของป๋าเหลิม พญาไท
6. ส่วนทิดจ้อย ยังคงหน้ามืดตาลายอยู่แถวย่านปากคลองตลาด กี่เที่ยวรถเข็นพืชผักผลไม้ ดอกไม้ ในนามกองทัพมดอย่างนี้ ถึงจะมีเงินเป็นกอบเป็นกำ เห็นคนวาดรูปนั่งสบาย เขี่ยเส้นไปมา ระบายสีไปมา นั่งเฉยๆ คนก็มานั่งเฉยๆ ให้วาดรูปอะไรหนักหนา แผ่นหนึ่งตั้งสองสามร้อย มันพอที่จะซื้อข้าวสารกินได้กว่าครึ่งเดือน แล้วทำไมกระดาษแผ่นเดียวนี้ คนถึงทำท่าหลงใหลได้ปลื้มหนักหนา ฤาโลกเรามันถ่วงสมดุลไว้ให้อีกคนแบกหามเข็นครกขึ้นภูเขาพระสุเมรุ ทว่าอีกคนนั่งอยู่บนเสลี่ยงทองคำ
7. ชะตาชักใยให้ทิดจ้อยมาปะหน้าไสว มือปืนหนุ่มหน้าใหม่เขย่าวงการ ที่ดิ โอลด์สยามพลาซ่า
8. ความเป็นคนนอกของเมืองกรุง ความเป็นคนที่ยังติดในอัธยาศัยไมตรี นำพาให้ทั้งคู่ต้องโคจรมาเจอกันหน้าร้านปืนเกษม ขณะที่ไสวกำลังคลำเครื่องมือทำกินอยู่อย่างชื่นชมในอำนาจแสนยากร ส่วนทิดจ้อยกลับเมียงมองผ่านทางตู้กระจกโชว์ จนกระทั่งสายตาความซื่อที่เคยมีมาบรรจบกัน ไสวพยักหน้ายิ้ม แล้วพระพรหมก็ขีดเส้นให้ทั้งสองได้รู้จักมักจี่ พร้อมวิญญาณเพชรฆาตของทิดจ้อยที่มีปู่เป็นมือปืนร้อยศพเริ่มแผ่ซ่านเข้าครองหัวใจเดิมที่มีแต่คำว่า สุจริตเป็นที่ตั้ง หลังจากบวชเรียนมา 3 พรรษาของทิดจ้อย
9. จากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มสนิทสนม กี่ปืน กี่กระสุน ทั้งคู่เล่นกับมันราวเด็กได้รถวิทยุบังคับ จากร้านปืน มาสู่ร้านเหล้า ร้านคาราโอเกะ จนทิดจ้อยเริ่มสนใจเงินในกระเป๋าของไสวที่หนา และมีมาง่ายราวกอบเอาใบไม้รายทางมา
10. ป๋าเหลิม เริ่มระแคะระคายอะไรบางอย่าง จึงสั่งการณ์ ไอ้วุฒิ หัวเสธฯ ประจำกองทัพเถื่อน ที่สุดแล้วคนเราลองได้คลุกคลีสิ่งใด ผิว่าเกลือกกลั้วสิ่งนั้น ตนแลมิอาจต้านทานกระแสได้ ทิดจ้อยตัดสินใจรับคำเชิญชวนเข้าสู่อาณาจักรมืดของป๋าเหลิม พญาไท และงานปลิดชีพแรกคือ.
11. โกดังท่าเรือ ไสวมาซุ่มรอสังหาร ใคร ตามใบสั่งเก็บอย่างนิ่งเฉย เป็นทองไม่รู้ร้อน รอนาทีสำคัญนาทีเดียวเป็นจบกัน
12. ที่ตรงนั้น บรรยากาศอึมครึม สายฝนโปรยปรายจากเบาเม็ดเป็นหนาตา เทลงมาราวฟ้ารั่ว ทิดจ้อยค่อยรวบรวมความกล้ากระชับปืนในมือ
13. ไสวยังคงนั่งรอ เมื่อทิดจ้อยปรากฏตัว ทำเอาแทบผงะ หรือต้องใช้ถึงสองแรง สงสัยฝ่ายอริมีดีเกินรับมือได้คนเดียว
14. แต่แว่บของเปลวไฟ กระตุกสัญชาติญาณของนักฆ่าให้โผนตัวหลบวิถีกระสุนอย่างเฉียดฉิว มันเรื่องอะไร ทำไมทิดจ้อยถึงเล่นอย่างนี้
15. ป๋าเหลิมยิ้มกริ่ม มือถือแก้วบรั่นดีคลึงไปมา ไอ้วุฒิ หัวเสธฯ บอกเล่าถึงเกมส์ปั่นหัวคนบ้านนอก หากทิดจ้อยจัดการไสวได้ นั่นคือการผ่านการทดสอบ หากไสวจัดการทิดจ้อยได้ นั่นหมายถึงการสอบตกภาคปฏิบัติของทิดจ้อยเอง อีกอย่าง มีข่าวลือมาแต่ไกลว่า ฝ่ายตรงข้ามชอบใจในฝีไม้ลายมือของไสวที่ว่าแม่นเหมือนจับวาง เลยเตรียมซื้อตัว ถ้าเป็นจริง ยืมมือทิดจ้อยจะได้ไม่เหนื่อย เพราะเห็นว่าทั้งคู่ไว้เนื้อเชื่อใจกันอยู่แล้ว
16. ฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง ไฟดับทั่วเขตราชเทวี เสียงปืนดังก้องคำรามติดๆกัน
17. เลือดแดงฉานกลางหลังของคนทั้งสอง ดวงวิญญาณสัญจรออกจากร่างไปสู่เขตแดนพิพากษาชะตากรรม
18. หัวรถจักรเคลื่อนตัวออกจากหัวลำโพง รางรถไฟมองไปจนทิ่มสู่เส้นขอบฟ้า
19. ล้อขนาดใหญ่หมุนตัวเอี๊ยด พร้อมเสียงแตรแปร๋น ตัวถังรถสีส้มแจ๋น
20. เท้าที่ก้าวลงย่างเหยียบบนถิ่นฐานบ้านเกิด แม้ห่างกันคนละโยชน์ แต่มันก็แนบแน่น ไสวยิ้มให้ทุ่งกว้างนาไกล ส่วนทิดจ้อยก็โบกมือทักทายดงตาลตามประสา
21. ประพันธ์โดย กิตติคุณ ธรรมศิริ (หมู ปั๊มหนังสือ) เพื่อบอกเล่าถึงภาวะย้อนแย้งทางพฤติกรรมสังคม ที่ถูกครอบงำโดยอำนาจทุนนิยม ทำให้เกิดอาชญากรรมกัดกินโครงสร้างของสังคม(วัณโรคร้ายทางสังคมอีกหนึ่งอาการ) ซึ่งมีผลกระทบต่อความเป็นชนบทนับสืบเนื่องมาจากแผนพัฒน์ ฉบับแรกๆ แต่บอกผ่านทางน้ำเสียงของภาพยนตร์แอ๊คชั่น-ดราม่า .
13 ธันวาคม 2547 13:49 น.
pigstation
อันคนเรา ย่อมมีคุ้มดีคุ้มร้าย เมื่อได้เอนกาย ก็หลับพ้นล่วงโลกแห่งความเป็นจริง การทำนายฝันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ช่วยได้ อย่าช้า รับประกันความแม่นโดยสมาคมแม่นปืนแห่งประเทศไทยการันตี
1.ฝันเห็นรัฐวิสาหกิจแปรรูป ต้องรีบสะเดาะเคราะห์ด้วยการพากันไปลงรายชื่ออัญเชิญคณะรัฐบาลออกจากวาระ เนื่องจากภาวะขายของเก่ากินเข้าแทรก อีกหน่อยอาจจะมีการแปรรูปป่าสงวน แปรรูปหญิงไทยขายบริการ เมื่อนั้นคุณอาจจะฝันไม่ได้อีก ระวัง
2.ฝันเห็นระหัส DNA เรียงลำดับเบสคู่ลำดับในร่างกายมนุษย์จนครบ เป็นเรื่องน่ายินดีว่าคุณได้รู้จักตัวเองเป็นอย่างดีทุกรูขุมขน คุณมีความสามารถเทียบเคียงกับผู้สถาปนาสร้างแผ่นดินโลก ,มนุษย์ และบรรดาสิ่งมีชีวิต แต่จงพึงสังวรณ์ว่าบางครั้งคุณอาจลืมไปว่าการรู้จักอะไรลึกเกินไป ทำให้คุณมีผนังศรีษะที่แคบลง พร้อมกับขนาดของหัวใจที่ลดลงจนถึงใจแคบ มันส่งผลให้คุณมองข้ามหัวทุกสิ่งทุกอย่างไป แล้วสิ่งที่คุณเชื่อจะย้อนศรกลับมาเล่นงานคุณได้
3.ฝันเห็นหมีแพนด้าข้างถนน เชื่อได้เลยว่าคุณมีจิตใจดีแต่ขาดวิจารณญาณ อย่างไรก็ตามหากหมีแพนด้าแพร่พันธุ์จนเกลื่อนโลก ความน่ารักของมันอาจทำให้สหรัฐอเมริกาพบว่าตัวเองป่าเถื่อนอยู่แต่เพียงผู้เดียว เพราะหมีแพนด้ามีอนุภาคสันติภาพในตัวสูง ใครเห็นก็รัก ใครเห็นก็หลง มีเสน่ห์มากทางด้านเมตตานุภาพ
4.ฝันเห็นหนังสือในเมืองไทยขาดตลาด เพราะคนไทยแห่อ่านหนังสือกันมืดฟ้ามัวดิน คุณต้องรีบสั่งการปิดหมู่บ้านฉลอง อีกไม่นานหากฝันเป็นจริง ประเทศไทยของเรากำลังจะมีเอกราชทางเศรษฐกิจ-วัฒนธรรมแล้วในไม่ช้า
5.ฝันถึงทนายสมชาย/เสี่ยชูวิทย์ และ ศพเลือดสาด ขอแนะนำคุณควรบอกเลิกรับหนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับ แล้วหันมาบอกรับวารสารคนรักบอนไซ หรือวารสารชมรมเหล็กดัดบางขุนนนท์แทนจะดีต่อสภาพจิตใจคุณ ช่วยกล่อมเกลาให้คุณฝันอย่างอื่นที่ดีต่อการปกครองส่วนท้องถิ่น
6.ฝันถึงหมอนพพร ระวังเปียก !
7.ฝันเป็นชาเขียว ขณะนี้คุณกำลังถูกสะกดจิตทางการตลาด ขอความกรุณาให้คุณไปเลิกชาเขียวที่ถ้ำเขากระบอก สระบุรี โดยด่วน ก่อนมีอาการชาเขียวเรื้อรัง อันตรายต่อความเป็นอยู่ และเอกลักษณ์ของชาติ
8.ฝันหาอัตตลักษณ์ของตัวคุณเอง ท่ามกลางเสื้ออาร์มานี่ กางเกงคาลวิน ไคน์ นาฬิกาแท็ก ฮอยเออร์ โทรศัพท์โนเกีย 97528345692158 (รุ่นนี้สามารถใช้รีดผ้า/สูบลมยาง/พายเรือ/ดูดส้วมได้) หนังสือแปลจากต่างชาติ และบรรดาสินค้าแบรนด์เนม ที่บรรพบุรุษเราไม่ได้ผลิตสร้าง ขอแสดงความยินดีที่คุณมีความสุขที่สามารถซื้อหาได้โดยง่าย ไม่ต้องปวดศรีษะบ่อยๆกับการเสาะหาอุดมคติประทังชีวิต คุณจะมีความสุขตลอดไป เพราะความสุขของคุณมีให้สัมผัสและครอบครองได้ ตามศูนย์การค้าหน้าเลือดทั่วไป
9.ฝันว่างานศิลปะ/วรรณกรรม ไทยใหม่แต่POST MODERN ได้รับความนิยมอย่างสูง คุณต้องฟั่นเฟือนไปแน่ๆ ขอเตือนว่าถ้าฝันอย่างนี้บ่อยๆ แล้วยังไม่ยอมสร้างงานศิลปะ/วรรณกรรม ที่เปี่ยมคุณค่า ด้วยการทำงานหนักๆ มากกว่าพร่ำบ่นก่นด่าสาธยายถึงความไม่เอาไหนของงานชาวบ้าน อย่างน้อยก็อาย เจ. เค. โรลลิ่ง ที่นั่งเขียนแฮรี่ พ็อตเตอร์
ตอนเพิ่งหย่าสามี เพื่อหาค่านมเลี้ยงลูก ด้วยจิตวิญญาณที่หวังว่า เด็กทุกคนจะได้มีความหาญกล้า และใช้จินตนาการเป็น ความฝันอย่างนี้มักเกิดขึ้นในหมู่(เกือบ) ศิลปิน/นักเขียน (ซ่ำแซะ) บริเวณสุวรรณภูมิ
10.ฝันแล้วมองไม่ชัด หรือ มัวซัว จนถึงขั้นมองไม่เห็นอนาคต หากสายตาสั้น หรือยาว ควรสวมแว่นก่อนนอนเสมอ ปรับโฟกัสให้ชัดได้ หรือใช้คอนแท็คเลนส์จะฝันอย่างทะมัดทะแมง แต่ถ้าฝันหาอนาคตแล้วยังมองไม่เห็น มีทางเดียวที่จะช่วยได้เป็นการเร่งด่วน คือ การศึกษา เท่านั้น เมื่อคุณใช้การศึกษาในการดำเนินชีวิต ในการสร้างสานสังคมแล้วไซร้ ความใฝ่ฝันทั้งมวลนั้นจะได้ตามประสงค์ในวันหน้า
หมายเหตุ การทำนายฝันเป็นเพียงการพยากรณ์ตามหลักมั่วซั่ววิทยา อย่าปักใจเชื่อ จนไม่เป็นอันทำมาหากิน เพราะความเป็นจริงกินระยะเวลายาวนานกว่าความฝัน และมีผลโดยตรงต่อระบบประสาท/ผิวหนังชั้นกำพร้า ดังนั้น อย่าฝันเฟื่องกันอยู่เลย คิดอยากทำอะไร ลงมือ ลงแรง ลงใจ ไม่นานครับ ความฝันจะมานอนแอ้งแม้งให้เราเชยชมแน่นอน ไม่เชื่อโทร 1900 ปรภพฮ็อตไลน์ ขอสาย โทมัส แอลวา เอดิสัน ดูได้ครับ เรื่องจริง.
12 ธันวาคม 2547 14:40 น.
pigstation
1.พยายามคิดว่า คุณเป็นมะเร็งที่ท้ายทอยระยะสุดท้าย มีชีวิตได้อีกไม่นานต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ให้คุ้มค่า
2.ในเวลาเช้าตรู่ขอให้คุณตื่นแต่เช้า ไปเดินเล่นรับอากาศบริสุทธิ์ ( ซึ่งเป็นอากาศที่ยังไม่เสียตัวให้มลพิษ )เพื่อหายใจเอาไปฟอกเลือดให้ดีพอจะสร้างพลังงานให้อวัยวะคุณคิดดีได้ ส่งผลถึงกมลสันดานต่อไปจะได้ใฝ่ทำดีโดยไม่มีเงื่อนไข
3.เชื่อเสมอว่าคุณเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ ที่มีไฝตรงติ่งหูซ้ายเป็นรูปเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าคั่วสด ไม่นานมรดกก็จะตกเป็นของคุณ ไม่นานไม่เกินชาติภพนี้
4.หมั่นเป็นเจ้าของเลขเด็ดทุกงวด เพราะรางวัลที่หนึ่งไม่เข้าใคร ออกใคร ไม่แน่ 30 ล้านงวดหน้าคุณคือผู้โชคดีอย่าลืม เลขนำโชคเด่นของคุณ คือ 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 จำไว้ ไม่ถูกให้รู้ไป
5.ชาเขียวเท่านั้นคือผลิตภัณฑ์ที่สร้างความสดชื่นเสมอ ตามเทรนด์ ไม่ว่าจะตื่นมาแปรงฟันด้วยยาสมุนไพรชาเขียวคู่ อาบน้ำด้วยสบู่เหลวโชกโชนโกบุทสึชาเขียว ใช้โรลออนกลิ่นชาเขียว เอาเป็นว่า ชาเขียวคือหนึ่งในใจคุณ
6.ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง(แต่บั่นทอนสติปัญญา)ยี่ห้อไหน จะควายแดง,แรงทุย หรือ กระบือบุก จงดื่มให้หนำใจ เพื่อความกระปรี้กระเปร่าในตัวคุณจะได้เพ่นพ่านออกมา
7.บัดนี้กาแฟได้ออกสู่ท้องตลาดมากมายจะเป็น กาแฟสด ที่เด็ดมาจากบราซิล หรือ กาแฟในอัญรูปต่างๆ สอยมาใช้งานใช้การ คาเฟอีนเท่านั้นจะกระตุ้นให้คุณคึกคัก จนคนรอบข้างคุณอดทึ่งไม่ได้ หากแย่ๆลองใช้ผ้าเย็นกลิ่นกาแฟโปะขมับ ดีขึ้นแน่ หากยังไม่ดี ลองใช้กาแฟผสมน้ำมนต์ดื่ม ชัวร์
8.เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์ผสมพันธุ์อยู่ทุกชนิดในปริมาณเหมาะสม มันช่วยคุณได้ จะเป็นกามิกาเซ่สักเหยือก หรือ บาร์คาดี้รสมะขาม เชื่อสิ คุณจะคงความสดชื่นได้ หากดื่มพอเป็นกะษัย แต่ถ้าดื่มเป็นนิสัย นอกจาก ตับแข็งแล้ว คุณอาจนิสัยเสียจนเสียนิสัยไปจนถึงเสียชีวิต เอาพอเบาะๆ
9.หากคุณเป็นชาย เชื่อมั่นเถิดว่า อย่างน้อยคุณสามารถยืนปัสสาวะได้อย่างสมชายชาตรี นั่นก็ทำให้คุณสดชื่นได้อย่างแรง และเมื่อคุณอายุครบเกณฑ์ทหาร คุณก็มีโอกาสช่วยชาติด้วยการจับใบดำใบแดง ช่วงนั้นเลือดคุณจะสูบฉีดโลหิตอย่างแรง ดีใจด้วย
10.หากคุณเป็นหญิง อย่ากังวล ศัลยกรรมมีจริง คุณจะมีรูปโฉมสวยด้วยแพทย์ หรือ สวยด้วยเงินบันดาลก็ตามแต่ อย่างน้อย คุณยังมีโอกาสเป็นแม่คนได้ ประเสริฐจริงๆ ที่คุณคือผู้ผดุงครรภ์สร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล ถนอมเนื้อถนอมตัวไว้
11.อย่างน้อยพรุ่งนี้ มือถือรุ่นใหม่ที่ถ่ายรูปได้,รีดผ้าได้,เติมลมล้อรถได้ อีกสารพัดที่จะไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่จำเป็นต่อการมีหน้ามีตาของคุณก็ทยอยออกมาตามสายพานการผลิต คุณจะได้ COOL ทั้งปี น่าอิจฉาชะมัดเลย
เห็นไหมคุณไม่ใช่คนซึมกระทือเป็นปลิงขาดน้ำ มองอะไรให้มันประหลาดเข้าไว้ แม้ไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่คุณก็สดใสกว่าใคร อย่าให้ชีวิตแห้งแล้ง ยิ้มไว้ก่อนสบายใจ.
12 ธันวาคม 2547 14:35 น.
pigstation
เรื่องสั้น
".. พันคำพูด ฤา เท่า หนึ่งคนทำ.. "
โดย นายวาทกรรม ธรรมวาทะ
1. วันนี้ "นิอร" เดินยิ้มออกจากห้องสอบ เป็นวันสุดท้ายที่ภาระทั้งมวลปลิวหายออกจากอก หลัง
จากแบกมันเอาไว้ เพื่อวันนี้ วันแห่งความภาคภูมิใจในคำว่า"มหาบัณฑิต"
จากก้าวแรกเข้ามาในรั้วสถาบันแห่งนี้ ความอิ่มเอมใจแรกยังคงอบอวลไปถ้วนทั่ว ยามพบใครต่อใครเธอไม่ลืมจะย้ำคำว่า
"ตอนนี้เรียนโทอยู่ค่ะ สาขาสิ่งแวดล้อม" นับเป็นประโยคสำเร็จรูปที่ต้องถูกวางไว้บน
โต๊ะสนทนาทุกคราวไป เพื่อประกาศว่า เธอทั้งเก่ง ทั้งสวย มีทั้งรูปโฉมและเนื้อสมอง
แต่หลังจากนั้นไม่นานกว่าจะผ่านเวลายาวเหยียดในห้วงความรู้สึก แม้เพียงสองปีเท่านั้น ความอิ่มเอมใจของเธอจางหายลงไปมากเมื่อได้พบพานเรื่องราวของ.สิ่งแวดล้อมในการศึกษาระดับปริญญาโท
หลายหน ยามแบ่งกลุ่มทำรายงาน เพื่อนนักศึกษาแต่ละคนไม่เคยจะแบ่งปันวิชาความรู้ให้กัน ให้สมค่าบัณฑิตคือ ผู้ใฝ่หาความรู้ให้ ผู้รู้จักสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ส่วนมากมักจะแย่งเอาหนังสือ แย่งเอาเอกสารทางวิชาการที่มีเพียงหยิบมือเดียวในห้องสมุด บางคนถึงกับแอบยืมหนังสือบางเล่มที่เป็นหัวข้อเรื่องของเพื่อนร่วมชั้น เพื่อตัดคะแนน เพื่อกลั่นแกล้ง แทบไม่น่าเชื่อ แต่เป็นเพราะ "นิอร" เจอเองกับตัวจึงสั่นคลอนความหมายของคำว่า "เพื่อน" ลงไปไม่น้อย หากไม่มาพบ "นายวาทกรรม" ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากที่ราบสูง
"หวัดดีครับคุณลืมหนังสือไว้ที่โรงอาหาร นี่ครับ" แล้วเขาก็ผินหลังไป โดยที่เธอไม่ทันเอ่ยคำขอบคุณ อย่างว่าสมัยนี้ใครๆแทบไม่มีเวลาเจียดให้กัน ยังไงก็ได้ของคืน ดีกว่าหายเปล่า
จนเวลาเดินทางเคลื่อนที่ไปพร้อมการโคจรของหัวใจ บัดนี้ นายวาทกรรม มายืนยิ้มเผล่ รอแสดงความยินดีที่มุมตึกของคณะ ฯ แล้ว
"ยินดีด้วยนะ จบเสียทีเก่งจัง" เธอแทบตัวปลิว คิดไม่ถึงว่า เรื่องราวเล็กๆน้อยๆกลับกลายขยายออกมาเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในหัวใจเธอได้ เห็นจะเป็นเพราะคำว่า "น้ำใจ"นี่เองกระมัง ?
2. ย้อนเวลากลับไปในระหว่างที่นิอรนั่งหน้าดำคร่ำเครียดอยู่บนกองตำรา กองรายงานแทบท่วมหัว พร้อม
น้ำหนักตัวที่ลดลงไปจากการออกตระเวณจัดอบรมหลักสูตรต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาสิ่งแวดล้อมที่เธอศึกษาอยู่
"พักทานนมนะจ๊ะ ลูกอร.." ผู้เป็นมารดาเดินมาลูบหัวบุตรสาวด้วยความเอ็นดู
"อีกนิดค่ะคุณแม่ เอ..หน้าไหนหว่า"
"แหม ขยันเหมือนใครน้า ลูกคนนี้"
"ขยันเหมือนคุณแม่ และสวยเหมือนคุณแม่ด้วยค่ะ" เสียงอ้อนหวานของสาวเจ้า ทำเอารอยยิ้มบนความรักปานดวงแก้วของผู้เป็นแม่นั้น ผลิบานไสว กระแสความอบอุ่นท่วมท้น ต่างเป็นกำลังใจถ่ายทอดให้กันและกัน
คงเป็นเยื่อใย ความเอาใจใส่จากคุณแม่ของเธอ แม้อุปสรรคใดๆ คงยากจะบั่นทอนให้เธอถอนตัวหลีกหนี จะมีก็ซวนเซบ้าง ตามประสา ผู้อ่อนประสบการณ์ ด้วยคำว่า"แม่ลูกผูกพัน" กี่หมื่นแสนปัญหาอุปสรรคถูกขจัดปัดเป่า ราวมีมนต์วิเศษมาร่ายเวทย์
"..อ้าวหัวข้อรายงานที่แบ่งกันค้นคว้า เธอก็จับฉลากแล้วนี่" นิอรทักท้วง
"พอดีเราไม่ถนัดเรื่องนี้ มาดูอีกที อรช่วยทำเพิ่มอีกเรื่องนะ เพื่อน.."
"เอ่อก็ได้ " นิอรเซ็งมาก แต่ไม่รู้ทำไง เพราะเพื่อนคนนี้ไม่ค่อยมีใครคบหาแล้ว อีกอย่างเกรดก็แย่ด้วย ถ้านิอรไม่ช่วยดึงไว้ คงถูกรีไทร์แล้ว
"ขอบคุณจะพาไปเลี้ยง" ว่าแล้วเพื่อนจอมป่วนก็เดินตัวปลิวไป พร้อมโทรศัพท์ฉอเลาะแฟนหนุ่มไปพลาง เดินไปพลาง ไม่ได้เห็นแก่หัวยุ่งๆของเธอเลย
"เฮ้อ." เธอถอนหายใจเบาๆ
" กลุ้มใจอะไรเหรอ มีอะไรให้รับใช้ครับ" เสียงทุ้มนุ่มถึงกลางใจของนายวาทกรรมแว่วมา ราวอัศวินม้าขาวปรากฎกายอย่างทันท่วงที
"อ๋อ..เรื่องรายงาน ด่วนจี๋เลย ดูสิ"
"อืมมเรื่องนี้ต้องไปที่สถาบันพัฒนาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พอดีเรามีเพื่อนทำงานอยู่
ซี้ปึ้ก สบายมาก ข้อมูลมีเพียบวางใจเหอะ"
บางครั้ง ความรักในวัยเรียน หรือ วัยหนุ่มสาวนั้นไม่ใช่เรื่องของการออกนัดไปเดินในห้างสรรพสินค้า วางท่าโก้หรู หรือปรนเปรอเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงแสดงความรัก(ใคร่)ต่อกัน แต่โชคดีที่นิอรได้พบความรักที่เอื้ออาทร เป็นความรักที่มีความปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง
เธอจึงมีกำลังใจฟันฝ่ามาถึงวันแห่งความยินดี.พร้อมรักแท้ๆเคียงข้าง
3. หลังจากที่นิอรเดินออกมาจากการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ ในห้องสอบ คณะอาจารย์กำลังให้ความเห็นต่อกันว่า หัวข้อวิทยานิพนธ์ของเธอ สมควรจะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน แต่น่าจะเป็นเพราะ แรงดลใจจากชื่อพระเอกในใจของนิอร คือ "วาทกรรม" จึงทำให้เธอสนใจที่จะนำชื่อนี้มาผสมผสานกับองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อพิสูจน์ว่า สื่อมวลชนนั้น สามารถสื่อสารให้"ผู้คน"ทั่วไปหันมาสนใจ เอาใจใส่ต่อการดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ?
เมื่อกล่าวถึงคำว่า "วาทกรรม" คำๆนี้ดูเหมือนมีความศักดิ์สิทธ์อยู่ในตัว จึงไม่ค่อยแพร่หลายนักในวงกว้าง มีเพียงแวดวงนักวิชาการ และ ผู้สนใจจริงจังเท่านั้นที่จะมาตรวจสอบเจ้าวาทกรรมว่า สร้างความจริงแทนที่ความเป็นจริง บัญชาการให้คนทำตามโดยไม่เอื้อนเอ่ยได้
"..ผมเห็นว่านิสิตคนนี้ มีความคิดสร้างสรรค์ดี หัวข้อที่คิดเป็นลักษณะสหวิชาการ โดยเฉพาะการใช้สื่อมวลชนมาเป็นกระบอกเสียงในประเด็นสิ่งแวดล้อม หากเป็นไปตามบทสรุปที่ว่า วาทกรรมมีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงความคิด และมีอิทธิพลให้ผู้รับวาทกรรมทำตามแล้ว ที่ผ่านมานั้น เรามัวแต่ต่างคน ต่างทำ คิดว่า สื่อมวลชนได้แต่ประโคมข่าวกันปาวๆ ขายข่าวไปวันๆ..ไม่ได้มีความปรารถนาดีต่อสังคมอย่างพวกเรา เอ่อผมอาจจะพูดกว้างไปนิด แต่คิดว่า วิทยานิพนธ์ฉบับนี้บอกให้เรารู้ว่า สิ่งแวดล้อมนั้นคือเรื่องของทุกคน เป็นเรื่องของการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎีลอยๆหรือคำพูดสวยหรูในห้องแอร์.."
ด้วยความคิดเห็นของบรรดาคณาจารย์ ทุกสิ่งทุกอย่างจากบรรทัดแต่ละบรรทัดที่คัดมาจากสติปัญญา จากขดสมองก้อนน้อยสีเทาที่นิอรมี กำลังได้รับการยอมรับ กำลังได้รับการประทับตราลงไปว่า เธอควรค่าแก่คำว่ามหาบัณฑิต
บรรยากาศในห้องสอบ ค่อยคลี่คลายลง หลังจากการลงความเห็นจบลง อาจารย์หญิงผู้หนึ่ง เอ่ยขึ้นมา
"แหม..ตอนที่นิอรเค้ายกวาทกรรม เรื่องคุณสืบ นาคะเสถียรนั้น คำว่า"สืบทอดเจตนา"นั้นเด่นชัดในด้านสื่อความจริงออกมาว่า สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งมือทำ"
"แล้วตอนที่นักศึกษาเอามิวสิควีดีโอของ ใครน้า" อาจารย์ชายกล่าวเสริม
"แอ๊ด คาราบาวค่ะ เพลงสืบทอดเจตนา"
"ผมว่า เป็นการสร้างวาทกรรมด้วยบทเพลง ใครได้ฟังเพลงนี้ก็จะรู้สึกไปพร้อมๆกันว่า ชีวิตไม่สำคัญเท่าจิตสำนึกส่วนรวม.."
"กะว่าพอกลับบ้านจะพาลูกชายที่กำลังหัดเล่นกีต้าร์ไปซื้อหนังสือเพลงมาหัดเล่นเพลงนี้กัน"
และเสียงต่างๆค่อยจางลงตามสายลมที่พัดมา นำความเย็นมาสู่ผิวกาย ส่วนจิตใจนั้นเล่าคงเป็นสายลมแห่งปัญญา สายลมแห่งความหวังดีเท่านั้น ที่จะพอบรรเทาดวงใจที่ร้อนรุมเหมือนสุมไฟจากกองเพลิงปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษบ้านเราให้คลายลงได้
เราคงต้องร่วมกันพูด,คิด และสร้างทำ "วาทกรรมสิ่งแวดล้อม"ให้เป็นจริงขึ้นมาร่วมกัน ด้วยใจที่รักความเป็นจริงและศรัทธาในความเป็นธรรม เพื่อบ้านเมืองเรา ใช่อื่นใด
4. วาทกรรมเดินผ่านแปลงนาข้าว เดินผ่านแปลงพืชผักสวนครัว เดินผ่านพืชผลไม้ผสมผสาน เดินผ่านสระน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงเรือกสวนไร่นา เดินผ่านทุกสิ่งไปสู่ทางเดินแสงตะวัน แสงสีทองโอบล้อมวาทกรรมไว้ดูเจิดจ้า เปล่งประกายรัศมีฉายฉานออกมา
นิอรเดินตามมาข้างหลังรู้สึกดีใจ และอบอุ่นใจที่ได้เดินเคียงข้างวาทกรรม และยินดีให้เขาเป็นผู้นำไปสู่ความหวังครั้งยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีให้หัวใจตัวเอง
"ชั้นรักคุณค่ะ..วาทกรรม" นิอรกระซิบบอกหัวใจตัวเองอย่างเปรมกมล
เบื้องบนฟ้ากว้าง ภายใต้ดวงตะวัน ที่ดินของหนุ่มสาวสองคน บนการเกษตรกรรมแผนใหม่แบบพอเพียงกำลังงอกงามขึ้นมาฝังรากฝากต้น..ผลิใบ ณ มาตุภูมิอันเป็นที่รักยิ่ง.