15 ธันวาคม 2547 14:07 น.
pigstation
ผ่านพ้นความฝัน ตื่นมาเช้าตรู่เจอตะวันทักทาย
ผ่านพ้นเรื่องราว หลากหลายสุดท้ายมาเจอเธอ
ทุกอย่างสว่างสดใสภายใต้ดวงตะวัน
ทุกความฝันเป็นจริงได้ด้วยศรัทธา
รวมพลังแรงกล้าเช่นพลังแสงอาทิตย์
ให้ชีวิต ให้ผู้คน ต้นไม้ ได้อาศัยในไออุ่น
ยามล้าแรงมีแสงละมุนยามเย็นปลอบโยน
เช่นตัวเรา ผ่านคืนเหงามายาวนาน
จนมาพานพบเธอ ผู้เปี่ยมล้นบนความเข้าใจ
ดุจแสงตะวันฉาย กลางใจมืดดำให้สว่างแจ้ง
เราคือแรงแห่งแสงอาทิตย์ ร้อนแรง
เราคือแสงแห่งชีวิตทั่วอาณา
เราคือเปลวไฟแห่งดวงใจหาญกล้า
เราคือศรัทธา และ หนึ่งเดียวบนฟ้าไกล
14 ธันวาคม 2547 14:01 น.
pigstation
น้ำใจคือสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด
เจ้าเมฆน้อยลอยไกลสูงลิบ เพียงเสียงกระซิบนกน้อย เจ้าก็กลายเป็นสายฝนพรำ
เจ้าลำธารน้อยค่อยไหลรินเย็นล้ำ ฝูงปลาว่ายนำ เจ้าก็กลายเป็นแม่น้ำกว้างไกล
เจ้าทรายหินดินกรวด ก้อนเล็ก ก้อนน้อย ปล่อยให้เวลาผ่านไปกลายขุนเขาใหญ่โต
เจ้าคือใคร แม้ไม่ใช่ราชา หรือเจ้าชาย หรือจะเป็นใครผู้วิเศษ ทำได้ เพียงมีน้ำใจ
(ท่อนแยก) กี่ครั้งที่มีน้ำใจ ถามตัวเองบ้างไหม
กี่คนจะมีใคร ทำดีได้โดยไม่เอาคืน
รู้ไหม เพียงเธอเปิดใจให้คนอื่น
ทุกวันคืน ตื่นมาจะสุขใจ
เจ้าเมล็ดพันธุ์หลับฝันในผืนดิน พอสายน้ำรดรินก็โผล่ดินเป็นต้นไม้ให้ร่มเงา
เจ้าดอกไม้ดอกสวยรวยสี ดอกไม้มากมีรวมตัวแต้มท้องทุ่ง สวยไม่เบา
เจ้าข้าวสารก่อนนั้น เคยประชันช่อ รวงทองเต็มทุ่งนา พาชื่นใจ
เจ้าคือใคร แม้ไม่ใช่ราชา หรือเจ้าหญิง จะเป็นใครผู้วิเศษ ทำได้ เพียงมีน้ำใจ
(ท่อนประสาน) คือความดี คือน้ำใจให้กัน ไม่ขาดสาย
คือความงาม คือน้ำใจ ให้สิ่งดีที่สร้างสรรค์
เป็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ให้กันทุกเวลา
น้ำใจ สิ่งเล็กๆแต่รวมตัวแล้วยิ่งใหญ่เกินกว่า
ไกล (ดวงจันทร์ฝันหาหมู่ดาว)
มองไปไกล ไร้ร้างผู้คนเคยมี เธออยู่ไหน
ลืมหรือไร ก่อนเคยใกล้ แล้วไยไกลเกิน
ดังฟ้าวันเพ็ญ เห็นแค่จันทร์ดวงเดียว
ไร้หมู่ดาว เคยพราวฟ้า
โดดเด่น แต่โดดเดี่ยว มันคือความเหงา
อยากกลับไปคืนวันของเรา ที่แสนธรรมดา
นับวันเวลา รอเวลาเก่าก่อนย้อนคืน
แรมจันทร์น่านฟ้า มีหมื่นพันดารา ไม่เหงาเลย
(ท่อนแยก) บอกตามตรงว่า พลั้งเผลอไป หลงรักตัวเองมากไป จึงไม่เห็นใครสำคัญ
สุดท้ายกลับกลาย มีกันและกัน สัมพันธ์ซึ่งความหมาย
พระจันทร์อย่างฉันจึงพรางตัว สลัวแสงราง แบ่งฟ้าให้ดาวกระจ่างแสง
คืนนี้เป็นคืนแห่งจันทร์ เต้นรำร่วมฝัน พร้อมกันกับหมู่ดาว
คืนนี้คือเรื่องราวแห่งเรา ที่ร่วมกัน สร้างสรรค์ความหมายในคำว่า เพื่อนเอย
14 ธันวาคม 2547 13:58 น.
pigstation
ทะเลสีดำ
ไม่ใช่ว่าสายตาเธอบอดใบ้ ต่อสิ่งนี้
เพราะ แสงได้หนีจากไปชั่วคราว
เธอจึงเห็นความมืดดำของทะเลได้
แต่ทะเลยังคงอยู่ คงเดิมตามแต่คุณสมบัติที่มี
ชีวิตสีดำ
ไม่ใช่ว่าเธอขาดซึ่งคุณค่า ไร้ซึ่งความหมาย
เพราะโชคเปลี่ยนเส้นทางไปสู่ผู้อื่นบ้าง
เธอใช่คนเศร้าเพียงลำพัง
ขอจงค่อยลุกขึ้นมา รวบรวมแรงศรัทธา
ปลุกหัวใจเธอฟื้นสู่ สู่ความมุ่งหมาย
พระจันทร์สีเงิน แขวนตัวกลางฟ้า โปรยแสงลงมา จับ ท้องน้ำ พริ้มเพราเป็นประกายสีเงินวิ่งเล่น ทะเลคงอารมณ์ดี
เมฆขี้เล่นมาบังจันทร์ชั่วพลัน อากาศเย็นลง จู่ๆ ฝนเม็ดน้อยนึกอยากสนุกด้วย
บทเพลงบรรเลงฝนก็โหมโรง แต่ละหยดใสกระทบผิวน้ำ
จ๋อมจ๋อมจ๋อมจ๋อม..จ๋อม .จ๋อมไม่รู้จบสิ้น
ต่างยินดีที่เห็นโลกเป็นสีน้ำเงินถ้วนทั่ว หัวใจที่ร้อนรุ่มก็ชุ่มเย็นลง หลับตาพริ้มเก็บน้ำตาไว้ ณ วันยินดีกว่านี้
13 ธันวาคม 2547 17:48 น.
pigstation
กระดูกคือแกนกลางของร่างกาย
มีมากมายจำนวนชิ้น
กระดูกหนึ่งซึ่งพังภิณฑ์
หักกลางสิ้นคือสันหลัง
ไม่รู้ใครมาตีเอา
กระดูกเราป่นปี้ทันทีเลย
ต้องไปหาหมอขอเข้าเฝือก
เหมือนมีเปลือกหุ้มสีขาวโพลน
ผลเอ๊กซ์เรย์ใช่แค่หลังหัก
ที่เจ็บหนักก็ อกที่หนึ่ง
อกก็หักเพราะหลงรักคนึง
เศร้าอวลอึงเพราะอะไรใครทำเรา
13 ธันวาคม 2547 13:41 น.
pigstation
ปลิวคว้างละลิ่วเวิ้งฟ้าทางไกลด้วยใจใหม่สด
ท่วงทำนองของความทรงจำไหลรี่ไปตามท่วงทำนอง ช่างคล้องจองจังหวะกระเพื่อมแห่งสายน้ำ ซ้ำยังกระพริบพราวเช่นดาวยอแสง
บันทึกไว้ซึ่งสิ่งดีๆอันเต้นไหวตามห้วงหัวใจบีบเต้นฉีดเร้าเอาเลือดแดงไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้ชีพยัง
อย่ากินอยู่อย่างประทังความทุกข์มาโถมทับให้อึดอัดแน่นในเปล่าๆ
ด้วยที่ว่างยังมีที่สร้างสมให้ได้แหวกว่ายไปตามทางเสรี
กำกับทำนองไว้เช่นไหวพริบของนกตัวน้อยที่มีต่อสายตาไวของพรานผู้ล่าสังหาร
สู่ท้องทุ่งกว้างไกลอย่าประวิงตรงที่เคยคุ้น
สายลมลูกใหม่พัดพาความหอมหวานจากแดนไกลกู่ขานส่งข่าวมาซึ่งความชื่นสด
โดยลำพังตัวเราเองแล้วไม่อาจผ่านซึ่งความหมายที่ไม่เกี่ยวพันกันแต่ละสิ่ง แต่ละส่วนที่นำมาร้อยเรียงสลับรวม เพาะความหมายขึ้นมาใหม่เป็นแบบเฉพาะชีวทัศน์ของเราเอง เป็นแค่เรื่องประจักษ์รู้เฉพาะแบบ หมายถึง
เอกเทศบนความเชื่อมโยงที่ผูกพันทบเข้ากนอย่างเป็นหนึงเนื้อเดียวเกาะเกี่ยวกระหวัดรัดรวมเป็นร่างแห่คลุมไว้สุดที่จะประมาณการได้กับกาหลุดพ้นจากแรงเหนี่ยวนำ เหมือนมีระยะประชิดของความโน้มถ่วงสูงคอยดูดกลืนสู่สภาวะเอกภาพอันอเนกอนันต์ สุดท้ายห้วงหาวคือหุบเหวดำมืดร้างไร้ความเป็นตัวเรา
คือการหลอมรวมเป็นแกนกลางหนาแน่น ละลายความหลายเข้าสู่มวลรวม
ดั่งแต่ละเม็ดใสในสายฝนไหลรด ค่อยสลายตัวลงร่างบนหลังคาสังกะสี บนเปลือกคอนกรีต บนผิวถนน กลางชลธี แต่ละหยดแผ่สยายเคลื่อนไหวรุกรานและรวบรวมตัวเองเข้าเป็นมหานทีกว้างใหญ่ไพศาลกว่า
กลุ่มก้อนแผ่นดินกว่าเจ็ดในสิบส่วนประกอบสร้างเป็นลูกโลกหมุนวนคว้างในแบบแผนจักรดารา
เป็นฝุ่นคว้างผงกระจิ๋วกลางความกว้างกว่ากว้างที่คะเนได้ แล้วจะจับยึดความหมายใดนอกเหนือการดำรงตามเอกสภาวะสมบูรณ์ที่มีอยู่แต่เดิม ค่อยสืบสานขานรับการเรียกร้องภายในให้กู่ก้องเป็นภาษาแห่งตัวตน
บนปริภูมิวิญญาณ อย่าเพิกเฉยต่อหน่อเชื้อส่วนลึกแต่ปฐมกาล
เปลี่ยนแปลงได้เป็นเรื่องสมมุติ พึงละไว้สิ่งสร้างทำล้วนมีเสื่อมสิ้น สลายสูญ
คงเป็นหนึ่งในอนันตกาล กระเพื่อมเพียงวิบเดียว แต่ยาวนานจนเจ็บปวดท่วมท้นบ่าไหล ล้นหลามทับลงกลางจิต
สุดแบกรับไว้ ราวขยี้เต็มแรงบนจุดศูนย์กลาง ในปราณอันรู้เจ็บปวดเท่าทวี
ยอม