11 เมษายน 2548 10:23 น.
numkangsai
ตามรักคืนใจ.
ระหว่างทางเดินของอาคารเรียน กลุ่มนักศึกษาทั้งชายและหญิงต่างเดินกันขวักไขว่ ด้วยประกอบกับเป็นช่วงเปลี่ยนชั่วโมงเรียน หญิงสาวร่างบางระหงกำลังเดินลัดเลาะไปตามทางเดินอย่างรีบเร่งตรงไปยังหอสมุดของมหาวิทยาลัย
ขอโทษนะนุช ที่มาช้า แล้วแกมานานรึยังเนี่ย พิมพ์ชนกถามเพื่อน ก่อนที่จะวางหนังสือลงบนโต๊ะ
ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษขอโพยอะไรฉันหรอกยายพิม เพราะฉันก็เพิ่งจะมาถึงก่อนหน้าแกเมื่อกี้นี่เองแหละ อากาศร้อนเป็นบ้าเลยว่ะ นุชนาถบอกเพื่อน แต่ก็ยังไม่วายบ่น
ฉันก็รีบแทบตายเหมือนกัน รถติดเป็นบ้าไม่รู้ว่าวันนี้เชียงใหม่มันเป็นอะไร รถรามันถึงได้เยอะนักเยอะหนาก็ไม่รู้ เอ่อ..เริ่มเลยดีมั้ย
เริ่มเลยก็ดีเหมือนกันว่ะ ขืนรอให้แกบ่นเสร็จก็ไม่ต้องเป็นอันได้แก้ไขมันล่ะวิทยานิพนธ์เนี่ย
แหม นี่ยายนุชเกินไปหรือเปล่าจ๊ะ บ่นนิดบ่นหน่อยทำเป็นมาพูดเหน็บ เดี๋ยวเถอะ
จะทำอะไรฉันไม่ทราบจ๊ะแม่สาวตาคม..นี่พิม งานที่ฉันสมัครไปน่ะพอมีลุ้นนะโว้ย ฉันได้ยินมาว่าเค้ามีตำแหน่งว่างพอดีน่ะ
งั้นก็ดีน่ะสิยายนุช งานนี้แกเป็นเจ้ามือแล้วนะโว้ย อย่าปฏิเสธเชียว
พิมพ์ชนกพูดน้ำเสียงตื่นเต้นระคนยินดี ก็แน่ล่ะจะไม่ให้ดีใจได้ยังไง ก็พิมพ์ชนกกับนุชนาถกำลังจะจบปริญญาโททั้งคู่ และก็กำลังหางานทั้งคู่เหมือนกัน เพียงแค่ส่งวิทยานิพนธ์ที่นั่งแก้กันอยู่ตอนนี้ แล้วก็ส่งบัณฑิตวิทยาลัย รออนุมัติจบก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พอรู้ว่านุชนาถพอจะมีลุ้นงานมันก็น่ายินดีกับเพื่อน แต่ตัวพิมพ์ชนกเองนี่สิ ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะยังไง จะหมู่หรือจ่าก็ยังไม่อยากคาดเดา
ว่าแต่แกสิยายพิม เป็นยังไงบ้างวะงานที่สมัครไปน่ะ
พิมพ์ชนกมองหน้าเพื่อนครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า แล้วแววตาที่ก่อนหน้านี้แวววาวสดใส มีอันต้องสลดวูบลง
คงไม่ได้แล้วล่ะนุช สงสัยคงได้ทำงานที่บริษัทคุณลุงนันทชัยตามที่ได้ตกลงกับแม่ไว้ก่อนหน้านี้แหง ๆ
พิมพ์ชนกนึกภาพของตัวเองที่ต้องไปทำงานที่บริษัทเพื่อนของพ่อแล้วชวนเสียวสันหลัง ก็จะอะไรล่ะโดยส่วนตัวพิมพ์ชนกเองก็ไม่อยากจะทำอยู่แล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าพิมพ์ชนกกลัวคำครหาจากพนักงานในบริษัท อีกอย่างถ้าเกิดนายภานุกลับมามีหวังบริษัทแตกแน่ ๆ
เอาน่าพิม ยังไงเราก็ต้องรอลุ้นไม่ใช่เหรอ
ฉันก็อยากลุ้นอยู่เหมือนกันแหละนะ แต่ดูยังไงมันก็ลุ้นไม่ขึ้นอยู่ดี
เอาน่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่อย่าเพิ่งเอามาเป็นกังวลตอนนี้เลย ที่สำคัญตอนนี้แก้ไอ้ที่มันวางไว้ตรงหน้าแกนี่ให้เสร็จก่อนแล้วกันนะเพื่อนรัก เอาให้มันจบก่อนแล้วกันอย่างอื่นค่อยพูดกันทีหลัง เอามาคิดตอนนี้เดี๋ยวก็พาลไม่จบกันพอดี
นุชนาถตัดบทก่อนที่จะยื่นวิทยานิพนธ์ที่กำลังรอการแก้ไขให้กับพิมพ์ชนก
พิมลูก หนูนุชโทร. มาแน่ะ
เสียงแม่เรียกพิมพ์ชนกให้รับโทรศัพท์ดังมาจากข้างล่าง
ค่ะแม่ ลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ
พิมพ์ชนกตะโกนบอกแม่ โดยที่ไม่ลืมเซฟงานพิมพ์ของตัวเองก่อนที่จะลงไปรับโทรศัพท์
ว่าไงจ๊ะยายนุช
แหม อารมณ์ดีเชียวนะแม่คุณ เสียงใสเชียว ว่าแต่เสร็จหรือยังล่ะ วิทยานิพนธ์ของแกน่ะ
เกือบ ๆ แล้วล่ะ เหลือแค่พิมพ์ออกมาเท่านั้นเอง
งั้นดีเลย เพราะว่าของฉันก็เหลือแต่พิมพ์เหมือนกัน งั้นยังไงพรุ่งนี้เจอกันที่มหาวิทยาลัยนะ 9 โมงเช้านะยะ เพราะฉันนัดอาจารย์ไว้เรียบร้อยแล้ว จะได้ส่งพร้อมกันเลย
โอเค ได้เลยเพื่อนรัก เจอกันพรุ่งนี้จ๊ะ
พิมพ์ชนกรับปากเพื่อนก่อนที่จะวางสาย เพื่อไปจัดการพิมพ์งานของตัวเองต่อ
เฮ้อ ! สบายใจไปเปาะหนึ่งแล้วล่ะ ก็เหลือแต่เรื่องงาน เอ่อ นี่ยายนุชตกลงได้แล้วใช่มั้ยงานที่แกสมัครไว้น่ะ
พิมพ์ชนกถามเพื่อนเมื่อนึกขึ้นได้ แล้วนุชนาถก็พยักหน้ารับ
งั้นงานนี้ฉลองก่อนเลยเป็นไง
ได้เลย
นุช ว่าแต่แกจะไปจริงเหรอ ตั้งประจวบ ฯ เลยนะ ไม่ไกลเลยนะแก
ทำไงได้ล่ะพิม ถ้าไม่ไปจะเอางานที่ไหนทำกันล่ะ ไม่เหมือนหล่อนหนิยะ ถึงไม่มียังไงก็ได้ทำอยู่แล้วน่ะ พ่อนายภานุเขาออกจะดูแลแกดีออกอย่างนั้น นุชนาถค้อนเพื่อน
ก็คนคุ้นเคยกันแหละนุช อีกอย่างพ่อคงจะฝากไว้ก่อนเสีย พิมพ์ชนกสีหน้าสลดไปแว้บหนึ่งเมื่อพูดถึงพ่อ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย
ฉันก็คิดถึงแกแย่ล่ะสิ
คิดถึงไม่กลัว กลัวจะไม่คิดถึงน่ะสิ เอ่อนี่พิมได้ข่าวของภานุบ้างรึเปล่า
ถามทำไม พิมพ์ชนกนึกฉุน ก็ไม่น่าจะเอ่ยถึงชื่อนายนุเลยนี่นา พาลหมดอารมณ์ไปเลยเรา
ก็ถามไปงั้นแหละ ก็เพื่อนกันถามไถ่ถึงไม่ได้เลยหรือไงจ๊ะ ว่าแต่พิมเถอะไม่คิดถึงนายนุคู่กัดตัวเองบ้างเลยหรือไง เห็นตอนที่ไปส่งนายนุขึ้นเครื่องตอนนั้นร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยหนิ
นุชนาถหยอกเพื่อนอย่างไม่จริงจังมากนัก แต่พิมพ์ชนกมาคิด ๆ ดูมันก็นานหลายปีเหมือนกันที่ภานุไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนนั้นเรียกได้ว่าพิมพ์ชนกกับภานุเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลยก็ว่าได้ ก็เป็นได้ทะเลาะกันทุกทีล่ะน่าที่เจอหน้ากัน และที่สำคัญทั้งสองก็มีโอกาสได้เจอกันมากขึ้นกว่าคนอื่นเพราะบางทีพิมพ์ชนกก็ต้องติดสอยห้อยตามผู้เป็นพ่อไปบ้านนายภานุอยู่บ่อย ๆ เพราะพ่อของพิมพ์ชนกกับพ่อของภานุเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึ๊กกันน่ะสิ แต่ถึงจะเป็นไม้เบื่อไม้เมายังไงก็เถอะ ทั้งสองก็ยังมีความเป็นมิตรต่อกันอยู่บ้าง มิตรภาพระหว่างพิมพ์ชนกกับภานุก่อตัวขึ้นมาโดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว จนมาถึงวันที่ภานุต้องเดินทางไปอเมริกา ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะพิมพ์ชนกร้องไห้โฮเหมือนเด็ก ๆ และทั้งคู่ยังกอดกันกลมดิกไปเลย
พิมถ้าแกทนคิดถึงฉันไม่ไหวก็ลงไปเที่ยวที่ประจวบ ฯ สิ
ไปน่ะไปได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปเมื่อไหร่น่ะสิ อย่าลืมนะโว้ยว่าตอนนี้ต้องทำงานไม่ได้เรียนเหมือนแต่ก่อน
เอาน่า ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นล่ะตอนนี้ นี่ทานเถอะ วันนี้มาฉลองให้ฉันไม่ใช่เหรอ เอ้า ทาน
พิมพ์ชนกแหงนหน้าดูนาฬิกาที่แขวนไว้ที่ฝาผนัง ก่อนที่จะหันกลับมาเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ เกือบจะทุ่มแล้วหรือนี่ เวลาทำไมเร็วดีแท้ เผลอแป๊บเดียวมืดซะละ
ร่างบางหอบหิ้วกระเป๋าและแฟ้มเอกสารออกมาจากห้องทำงานอย่างทุลักทุเล ก็อย่างว่าล่ะนะ ทำงานเป็นลูกน้องเขามันก็ต้องทำให้ดี ๆ หน่อย เกิดทำไม่ดีขึ้นมาจะเสียชื่อคนฝากงานให้ คราวนี้ละพิมพ์ชนกเอ๋ย พ่อแกจะได้ตามมาด่าแกในฝัน
ให้ผมช่วยมั้ยครับ
เสียงทุ้มที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาพิมพ์ชนกชะงักงันไปทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะหันไปตามเสียง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
นายนุ
พิมพ์ชนกพูดได้แค่นั้น เพราะทั้งช็อกทั้งตกใจ และไม่คาดคิดว่าจะมาเจอภานุตอนนี้ แล้วตานี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า ตายยากจริงนะ เพิ่งพูดถึงไปเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง พิมพ์ชนกคิดอยู่ในใจ
ส่งมาสิครับพิม เดี๋ยวผมช่วยถือให้
เสียงทุ้ม ๆ ของภานุช่วยดึงให้สติของพิมพ์ชนกกลับมา
ไม่เป็นไร ฉันถือเองได้
พิมพ์ชนกพูด โธ่เอ๊ย จะใจสั่นไปทำไมนะยายพิม มั่นใจหน่อย
น่า ยังไงผมก็ดูท่าว่าคุณถือคนเดียวไม่ไหวอยู่ดี เอามาให้ผมถือดีกว่า
ภานุพูดเสร็จก็แย่งแฟ้มจากมือพิมพ์ชนกมาถือซะดื้อ ๆ ก่อนจะยิ้มให้ แล้วเดินนำออกไป แต่พิมพ์ชนกยังไม่ขยับไปไหน จนภานุต้องเดินกลับมาหาอีกครั้ง
ตกใจมากเลยหรือไงพิมที่เห็นผม
เอ่อเปล่า
ถ้างั้นก็มาสิ เดี๋ยวผมจะไปส่ง ภานุพูดก่อนจะเดินไป
เอ่อเดี๋ยวภานุ
เสียงนั้นทำให้ภานุหันมา พร้อมกับยักคิ้วให้เป็นเชิงถาม
คือฉันเอารถมา ฉันกลับเองได้
โอเค งั้นผมไปส่งพิม
เอ๊ ! นายภานุ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ฉันบอกว่าฉันกลับเองได้ พิมพ์ชนกแหวออกมา
พิมต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง ผมบอกว่าจะไปส่งไง
ภานุยังกวนพิมพ์ชนกเหมือนเดิม พร้อมกับดึงแขนพิมพ์ชนกให้เดินไปขึ้นรถ
นี่ปล่อยฉันนะภานุ ฉันเดินเองได้ พิมพ์ชนกแหวใส่ภานุอีก
อ่ะ ปล่อยก็ปล่อย พิมนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ดื้อเป็นเด็กไปได้
ภานุพูด แต่ก็เล่นทำเอาคนที่โดนว่าหน้างอไปทันที ไม่โตสักทีล่ะน่าพิม ภานุคิดในใจพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ
ยิ้มทำไม
เปล่า
ขอบใจนะที่ช่วยถือแฟ้มให้
พิมพ์ชนกกล่าวขอบใจภานุ เมื่อเดินมาถึงรถตัวเอง พร้อมกับยื่นมือไปรับแฟ้มจากภานุ แต่ภานุไม่ยอมคืนให้
บอกแล้วไงว่าผมจะไปส่ง
พูดเสร็จภานุก็เปิดประตูโยนแฟ้มไปไว้เบาะหลัง ก่อนที่จะหันมาคว้าแขนพิมพ์ชนกให้เข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ ส่วนตัวเองก็เดินอ้อมไปทำหน้าที่คนขับ โดยที่ไม่ใส่ใจว่าพิมพ์ชนกจะว่ายังไง
นี่นายนุ จะมากไปแล้วนะ แล้วนี่.
เงียบน่าพิม
ภานุไม่ฟังเสียง พร้อมกับออกคำสั่งเสียงเข้ม ทำเอาพิมพ์ชนกขยาดและก็ทำตามอย่างว่าง่าย ก็ไม่ให้เงียบได้ไงล่ะ หมอนี่เล่นส่งสายตาเอาเป็นเอาตายมาให้ ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันต่างคนก็ต่างพากันเงียบ ตกอยู่ในวังวนของความคิดตัวเอง บ่อยครั้งที่ภานุหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพิมพ์ชนก และก็แอบยิ้มกับตัวเอง ตลอดเวลาที่เขาอยู่เมืองนอก ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เหรอที่เขาเฝ้าแต่คิดถึง และก็ผู้หญิงคนนี้อีกเหมือนกันที่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วโดนเขาแกล้งจนต้องร้องไห้ทุกครั้ง ถือว่าเป็นโชคดีของภานุที่เจอกับพิมพ์ชนกวันนี้ เพราะตั้งแต่เขากลับมาเขาก็ยังไม่มีเวลาไปเยี่ยมพ่อแม่ของพิมพ์ชนกเลย และวันนี้เพียงแค่เห็นด้านหลังเขาก็จำได้แม่นว่าเป็นใคร ส่วนเจ้าตัวก็คงไม่รู้สักนิดว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมามีใครที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาและติดตามความเป็นไปของเธออยู่เสมอ
ถึงแล้วครับพิม
เสียงของภานุทำเอาพิมพ์ชนกสะดุ้ง
อ้าวยายพิมมากับใครล่ะนั่น เสียงคุณประไพถามลูกสาวเมื่อเห็นบุรุษหน้าตาคุ้น ๆ ลงรถมา
เอ่อ
ยังไม่ทันที่พิมพ์ชนกจะเอ่ยอะไร
สวัสดีครับคุณอา
ภานุยกมือไหว้คุณประไพ ทำเอาพิมพ์ชนกตาเขียว เสนอหน้าไม่เคยเปลี่ยนเลยนะนายภานุ
สวัสดีจ๊ะ อ้าวตานุนั่นเอง อานึกว่าใครที่ไหน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ ดูสิ มาเข้าบ้านก่อนลูก ยายพิมไปเอาน้ำมาให้ตานุหน่อยลูก คุณประไพพาภานุเข้าไปในบ้านพร้อมกับสั่งให้พิมพ์ชนกไปเอาน้ำมาให้ภานุ ทางด้านพิมพ์ชนกเมื่อโดนแม่สั่งก็หน้างอเลยทันที
อยู่กันสองคนแค่นี้เหรอครับ ภานุถามอย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นคุณปรเมศพ่อของพิมพ์ชนก
จ๊ะ คุณเมศเขาไปสบายแล้ว คุณประไพบอกภานุเสียงเรียบ
เอ่อ ผมเสียใจด้วยนะครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วครับคุณอา คุณพ่อไม่เห็นบอกผมเลย
เมื่อปีกลายนี่เองจ๊ะ ก่อนที่ยายพิมจะจบปริญญาโทด้วยซ้ำ ก่อนที่คุณประไพจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้พิมพ์ชนกก็เข้ามาพอดี
น้ำค่ะ
เอ่อ คุยกันไปก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวแม่ขอตัวไปจัดโต๊ะก่อน ตานุเดี๋ยวอยู่ทานข้าวด้วยกันเลยนะจ๊ะ คุณประไพพูดก่อนจะขอตัวเข้าไปในครัว
พิม ทำไมพิมไม่บอกผมสักนิดว่าอาเมศท่านเสียแล้ว
ก็นายไม่ถาม อีกอย่างเราก็เพิ่งจะเจอกันเมื่อกี้นี่เอง จะเอาเวลาที่ไหนมาคุยล่ะ นอกจาก..
กัดกัน ภานุต่อให้อย่างรู้ทัน ทำเอาพิมพ์ชนกหน้าบึ้งทันที หึทำเป็นรู้ทัน เดี๋ยวเถอะนายภานุ
ระหว่างที่รับประทานอาหาร ภานุเข้ากับแม่ของพิมพ์ชนกได้เป็นอย่างดี ทำเอาพิมพ์ชนกนึกหมั่นไส้ ก็จะไม่ให้หมั่นไส้ได้ไงล่ะ ก็อีตาภานุเล่นเอาใจแม่ของพิมพ์ชนกขนาดนั้น
แล้วนี่นุกลับมาบริหารงานให้คุณพ่อเต็มตัวแล้วหรือจ๊ะ
ครับคุณอา ทีแรกก็กะว่าจะต่อเอกเลย แต่ทนคิดถึงคนทางนี้ไม่ไหว พูดแล้วก็ชำเลืองไปทางพิมพ์ชนก ทำเอาเจ้าตัวหน้าร้อนผ่าว อีตาบ้านี่เดี๋ยวเถอะอย่ามาทำเจ้าชู้ประตูดินแถวนี้นะ พิมพ์ชนกคิดในใจ
พูดแบบนี้จะจีบลูกสาวอาหรือไงจ๊ะ คุณประไพพูดยิ้ม ๆ พลางมองหน้าลูกสาว ที่ตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงไปแล้ว
พิมอิ่มแล้วขอตัวนะคะแม่ จะรีบไปเคลียร์งานต่อน่ะค่ะ
อ้าวยายพิม แล้วตานุล่ะ
คุณแม่ก็คุยกับเขาไปสิคะ เห็นเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่เอาล่ะค่ะ พิมขอตัวดีกว่า อยู่ไปก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกยังไงก็ไม่รู้ พิมพ์ชนกย้ำคำว่า คนนอก ก่อนที่จะปรายตาไปทางภานุ แล้วก็เดินตัวปลิวขึ้นไปบนห้อง โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของผู้เป็นแม่
ดื้อจริง ๆ ลูกคนนี้ อย่าถือสาเลยนะตานุ คุณประไพพูดพร้อมกับหัวเราะ
อย่างนี้สิครับถึงจะเป็นพิมพ์ชนกที่ผมรู้จัก ภานุพูดพร้อมกับส่ายหน้ายิ้ม ๆ
ส่วนพิมพ์ชนกเมื่อขึ้นมาบนห้องก็ไม่เป็นอันได้เคลียร์งาน เพราะมีแต่หน้าของภานุมาวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เป็นอะไรของเรานะ เพราะนายแท้ ๆ เชียวนายนุ โอ๊ย.แล้วจะเป็นอันเสร็จมั้ยงานเนี่ย พิมพ์ชนกโอดครวญกับตัวเอง
หนูพิม เดี๋ยวลุงจะให้หนูย้ายห้องทำงานนะ
คะ อะไรนะคะคุณลุง พิมพ์ชนกถามน้ำเสียงแปลกใจ
คือลุงจะให้หนูไปเป็นเลขาของภานุน่ะ
หนูเนี่ยนะคะ พิมพ์ชนกพูดพลางชี้มือมาที่ตนเอง
ถูกต้อง เสียงภานุดังขึ้น
พิมพ์ชนกหันไปทางคุณนันทชัย พร้อมกับโอดครวญ
เอ่อ คุณลุงคะหนูว่าหนูเป็นเลขาของคุณลุงก็ดีอยู่แล้วนี่คะ ส่วนของภานุเราก็ประกาศรับใหม่ก็ได้หนิคะ พิมพ์ชนกยื่นข้อเสนอ
เรื่องนั้นเป็นเรื่องของฝ่ายบุคคล แต่ผมต้องการให้พิมไปเป็นเลขาของผม แล้วอีกอย่างคุณพ่อก็อนุญาตแล้ว เอาเป็นว่าผมให้เวลาพิมเก็บของสิบห้านาที แล้วพบกันที่ห้อง ตกลงตามนี้นะครับ ภานุสรุปเสร็จสรรพ ก่อนที่จะหมุนตัวออกไปจากห้องทำงานของผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว
เดี๋ยว.. ไม่ทันแล้วล่ะพิมเอ๋ย ทำไมต้องซวยแบบนี้นะ ทำงานที่นี่ก็ว่าซวยแล้วนะ แต่นี่ยังต้องไปทำงานเป็นเลขาหมอนี่อีกไม่ซวยยิ่งกว่าหรือไงนะ พิมพ์ชนกคิดในใจก่อนที่จะลงมือเก็บของ
ทนเอาหน่อยนะหนูพิม คุณนันทชัยปลอบหญิงสาวที่กำลังง่วนเก็บของอยู่บนโต๊ะอย่างเอ็นดู ลุงคิดว่าลุงทำดีที่สุดแล้วล่ะหนูพิม คุณนันทชัยคิดในใจก่อนที่จะหันไปสนใจกับงานบนโต๊ะของตัวเอง
เสียงเคาะประตูดังขั้น พร้อมกับเปิดออก ทำให้ภานุที่กำลังง่วนอยู่กับงานเงยหน้าขึ้นต้อนรับผู้เข้ามาเยือน
โต๊ะของพิมอยู่ทางขวามือนะ เอ่อ.. ผมว่าอย่าเพิ่งจัดของเลย นี่ก็เลยเที่ยงมาแล้วผมว่าเราไปหาอะไรทานก่อนดีกว่านะ พูดจบภานุก็เอาเอกสารของพิมพ์ชนกวางไว้บนโต๊ะ
เอ่อ ภานุ คือฉันอยากจัดของให้เสร็จก่อนน่ะ นายไปกินก่อนเถอะ
ไม่ ผมอยากไปทานกับพิม ภานุบอกพร้อมกับส่งสายตาบังคับมายังพิมพ์ชนก
ถ้าฉันไม่ไปนายจะทำอะไรฉันมั้ยห๊ะ พิมพ์ชนกพูดอย่างหัวเสียก่อนที่จะคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป ผมก็คงจะไม่ทำอะไรคุณหรอกพิม นอกจากจะแกล้งคุณซะให้หายคิดถึงให้สมกับที่รอมานานแรมปี ภานุคิดพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้า ก่อนที่จะเดินตามร่างบางระหงไปอย่างอารมณ์ดี
พิม เย็นนี้ผมไปส่งนะ
ไม่ต้องฉันกลับเองได้ อีกอย่างฉันก็ขี้เกียจออกมาส่งนายอีก
แต่ผมอยากไปนะพิมนะ ให้ผมไปส่งนะ
ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าไม่มีการไปส่งนายกลับ
โอเค พิมจะใจร้ายกับผมก็เชิญ
พอสิ้นเสียงของภานุ พิมพ์ชนกหันมามองภานุอย่างไม่เชื่อหูว่าภานุเป็นคนพูด ก็จะอะไรซะอีกล่ะ เมื่อก่อนนายภานุไม่เคยพูดแบบนี้กับพิมสักครั้ง ยกเว้นครั้งที่พิมพ์ชนกไปส่งที่สนามบินนั่นแหละ แต่นั่นมันก็นานมาแล้วตั้งสิบกว่าปีแล้วด้วย แต่จะว่าไปแล้วตั้งแต่ภานุกลับมาคราวนี้มีอะไรเปลี่ยนไปตั้งมากมาย เป็นต้นว่าแทนตัวเองว่าผม ทุกครั้งที่พูดกับพิม และก็จะเรียกชื่อพิมแทนคำว่า เธอ ซึ่งเมื่อก่อนภานุเคยเรียกจนติดปาก
มองอะไรพิม หน้าผมมันมีอะไรแปลกไปหรือไง
อ้อเปล่า พิมพ์ชนกปฏิเสธ ใบหน้าร้อนผ่าว แล้วก็แสร้งหันไปจัดการงานของตัวเองต่อ
กริ๊งงงงงงงงงงง..กริ๊งงงงงงงงงงง. เสียงโทรศัพท์ดังติดต่อกัน โดยไม่มีท่าทีว่าจะมีใครรับสาย พิมพ์ชนกจึงต้องรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวก่อนที่จะเดินลงไปรับโทรศัพท์ แต่พอมาถึงผู้เป็นแม่ก็รับเสียแล้ว
ใครโทร.มาคะแม่
ตานุน่ะจ๊ะ เขาฝากให้แม่บอกพิมว่าเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงเขาจะเข้ามารับ นัดกันไปไหนอีกล่ะเนี่ยฮึ
เปล่านี่คะแม่
ไม่ต้องมาทำไขสือเลยนะเราน่ะ พักนี้แม่เห็นเราไปไหนมาไหนกับตานุบ่อยนะพิม
แหม.. แม่ขาคิดมาก พิมไม่ได้นัดกับเขาไว้จริง ๆ ค่ะ แล้วเขาไม่ได้บอกเหรอคะว่าจะมารับพิมไปไหน
ไม่ได้บอกจ๊ะ เอาไว้เดี๋ยวตานุมาพิมก็ถามก็ได้หนิ
งั้นพิมขอตัวไปอาบน้ำต่อนะคะแม่ ร่างบางหมุนตัวเดินขึ้นไปข้างบน แต่สีหน้ายังแสดงออกว่ายังคิดไม่ตกว่าภานุจะมารับตนไปไหน
พิมแต่งตัวเสร็จหรือยังลูก ตานุมารอแล้วนะ
ค่ะแม่ เดี๋ยวลงไปค่ะ เมื่อพิมพ์ชนกลงมา ภานุก็ถือโอกาสลาคุณประไพ พร้อมกับฉุดพิมพ์ชนกออกมาจากบ้าน
นี่เดี๋ยว นายภานุ นายจะพาฉันไปไหน
เดี๋ยวก็รู้
ไม่ไป ถ้านายยังไม่บอกฉันให้รู้เรื่อง พิมพ์ชนกพยายามแกะมือของภานุออก
ก็ได้ บอกก็ได้ ไปเรื่องงาน
เรื่องงาน! งานอะไรของนาย นี่มันวันหยุดนะ
รู้ครับผม แต่มันด่วนจริง ๆ นะพิม พูดจบเขาก็เปิดประตูให้พิมพ์ชนกเข้าไปนั่ง ส่วนตัวเขาก็เข้าประจำที่คนขับ ภานุพารถออกนอกเมืองไปทุกที จนพิมพ์ชนกเริ่มไม่แน่ใจ ว่าภานุจะหลอกตนหรือเปล่า ก็หมอนี่ไว้ใจได้เสียที่ไหนล่ะ
ภานุ นายจะพาฉันไปไหนกันแน่เนี่ย นายออกนอกเมืองมาแล้วนะ
ไปฝาง คำตอบสั้น ๆ จากปากของภานุทำเอาพิมพ์ชนกอ้าปากค้าง
ฝาง ทำไมเราต้องไปไกลถึงฝางนู่นเลยล่ะ
ก็ผมอยากพาพิมไปเที่ยวไง ผมจะพาพิมไปดอยอ่างขาง พอภานุพูดจบ พิมพ์ชนกก็รู้ทันทีว่าตัวเองเสียรู้ภานุเข้าให้แล้ว ก่อนที่จะทุบหมัดเล็ก ๆ แต่หนัก ลงไปที่ไหล่ของภานุอย่างแรง
โอ๊ย! พิม ผมเจ็บนะ ผู้หญิงอะไรตัวเล็กนิดเดียว แต่มือหนักเป็นบ้า
ดี สมน้ำหน้าหลอกคนอื่นดีนัก
คนอุตส่าห์จะพาไปเที่ยว ยังมาว่าเขาอีก ภานุตัดพ้อ
ไม่ต้องพูดเลย จะพาไปเที่ยวก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องหลอกกันเลย นี่เลยพาลไปหลอกแม่ฉันด้วย
เปล่าผมบอกคุณอาไปแล้วว่าจะพาพิมไปเที่ยวที่ฝาง แล้วแม่พิมก็อนุญาตแล้วนะ
อ้อนี่ แสดงว่านายก็โกหกฉันใช่มั้ย พูดเสร็จพิมพ์ชนกก็รัวกำปั้นใส่ภานุเป็นพัลวัน
นี่แน่ะ โกหกเก่งดีนัก เอาให้ตายไปเลย
โอ๊ย! พิมพอแล้ว ผมขอโทษ แค่นั้นแหละพิมพ์ชนกจึงยอมหยุด
เฮ้อออ นึกว่าจะตีผมให้ตายคารถซะแล้วสิ
ฉันไม่ตีนายถึงตายหรอก เพราะฉันยังไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นฆาตกร
หายโกธรผมแล้วใช่มั้ยพิม
ใครบอก แค่ยอมยกโทษให้เฉย ๆ หรอกย่ะ นี่เห็นว่าอุตส่าห์มารับไปเที่ยวนะ
พูดจบพิมพ์ชนกก็สบัดหน้าไปอย่างงอน ๆ ภานุมองตามแล้วแอบยิ้มน้อย ๆ นี่ล่ะพิมพ์ชนกคนเดิม คนที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดเวลา ส่วนพิมพ์ชนกก็หันไปสนใจกับทิวทัศน์ข้างทาง จนภานุไม่อยากกวนใจปล่อยให้เจ้าตัวดื่มด่ำกับธรรมชาติต่อไป
ช่วงนี้อากาศกำลังดี เพราะกำลังเข้าช่วงฤดูหนาว อากาศที่เชียงใหม่เลยไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ แต่ออกจะหนาวเสียด้วยซ้ำ ภานุเลยตัดสินใจเลือกที่จะพาพิมพ์ชนกไปเที่ยวภูเขาแทนการไปเที่ยวน้ำตก ภานุพารถแล่นไปตามถนน พอรถเลี้ยวเข้าสู่ทางแยกไปดอยอ่างขาง ทางก็เริ่มคดเคี้ยว เพราะเป็นทางขึ้นเขา อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จนทำให้คนที่นั่งมาด้วยถึงกับห่อไหล่ ภานุชะลอรถหยิบเสื้อกันหนาวของตนที่เตรียมมายื่นให้กับพิมพ์ชนก
เอาใส่ก่อนสิพิม อากาศเย็นเดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี
พิมหันมาทางภานุ กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ภานุส่งสายตาดุมาให้ พิมพ์ชนกจึงยื่นมือมารับเสื้อจากภานุไปใส่แต่โดยดี
แล้วนายล่ะ ไม่หนาวเหรอ
ไม่ต้องห่วงผมหรอกพิม เสื้อที่ผมใส่ก็หนาอยู่แล้วไม่หนาวหรอก
อีกนานมั้ยล่ะ กว่าจะถึง
อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว พิมเบื่อแล้วหรือ
เปล่าฉันอยากไปถึงเร็ว ๆ อยากรู้ว่าอ่างขางตอนนี้เปลี่ยนไปมากแค่ไหน ตั้งแต่ฉันเรียนจบปริญญาตรีก็ไม่ได้ขึ้นมาอีกเลย ถึงแม้ว่าจะเรียนต่อโทที่นี่ก็เถอะ
พิม
อะไรเหรอ
เปล่า
แปลกคน เรียกแล้วจะพูดอะไรก็ไม่พูด
ภานุหันไปมองพิมแล้วก็ยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไร เขามีเรื่องอยากจะพูด อยากจะบอกพิมพ์ชนกมากมาย แต่ดูเหมือนพิมพ์ชนกจะไม่รับรู้เลยว่าภานุอยากบอกอะไรตน
พอภานุหันไปมองพิมพ์ชนกอีกทีเจ้าของร่างบางก็หลับปุ๋ยไปเสียแล้ว ขนตาดำยาวงอน ริมฝีปากบางได้รูปสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าคมรูปไข่ที่ซ่อนภายใต้เรือนผมสีดำสนิท ภานุจำได้ไม่เคยลืม เขาได้แต่ทอดสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความอาทรให้หญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเวลาที่ภานุกลับมาทำงานให้กับผู้เป็นพ่อได้ไม่ถึงปีเขาจะเกิดความรู้สึกมากมาย โดยเฉพาะเมื่อเขาได้พบกับพิมพ์ชนกผู้หญิงที่เขาเฝ้ารอมาตลอดระยะเวลาที่เขาเรียนอยู่ที่อเมริกา เฝ้านับวันรอที่จะได้กลับมาพบกับเธอตามที่ได้สัญญาไว้ แต่เขาก็แอบเสียใจนิด ๆ ที่พิมพ์ชนกไม่แสดงอาการดีใจเลยเมื่อเห็นเขากลับมา ผู้หญิงคนที่คอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก จนเมื่อมาเจอกันตอนนี้ภานุกับพิมพ์ชนกก็ยังไม่เปลี่ยน ยังคงความเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเหมือนเดิม แต่อาจจะน้อยลงเพราะทั้งคู่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจากความรู้สึกของภานุก็คือความรักที่เขามีให้กับพิมพ์ชนกตลอดมา แต่เขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าเขาเริ่มรักพิมพ์ชนกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะเป็นไรไปล่ะหากการที่เราจะรักใครสักคนไม่เห็นจำเป็นเลยที่จะต้องคอยหาเหตุผลว่ารักตั้งแต่เมื่อไหร่ และทำไม แล้วพิมพ์ชนกล่ะจะมีความรักให้กับเขามั้ยหนอ
พิม . ถึงแล้วครับพิม
ร่างบางขยับเมื่อได้ยินเสียงภานุเรียก
ถึงแล้วหรือ หลับซะยาวเลย
พิมพ์ชนกเปิดประตูลงมาจากรถ และภานุก็ตามมา
โห เปลี่ยนไปตั้งเยอะแน่ะ เปลี่ยนไปมากจนฉันเกือบจำไม่ได้ นายดูดอกไม้นู่นสิ สวยดีนะ พิมพ์ชนกว่าพร้อมกับชี้ให้ภานุดู แล้วทั้งคู่ก็เดินดูแปลงสาธิตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เมืองหนาวหลากหลายชนิดที่กำลังแข่งกันบานรับแสงอาทิตย์ แปลงสาธิตการปลูกสตอเบอรี่ ฯลฯ แล้วพิมพ์ชนกก็ออกมานั่งพักใต้ต้นไม้ พลางวางกระเป๋าถือไว้ข้าง ๆ กาย
พิมพ์ชนกเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า ซึ่งบัดนี้เป็นสีฟ้าสะอาดตา มีริ้วเมฆสีขาวพาดเป็นเส้นยาวสุดขอบฟ้าอีกด้าน พิมพ์ชนกละสายตามาหยุดอยู่ที่ร่างสูง ๆของใครคนหนึ่งที่คุ้นตา แล้วภาพความทรงจำเก่า ๆ ก็ผุดขึ้นมา ภาพเด็กนักเรียนชายม. ปลายตัวสูง ๆ ที่คอยแกล้งพิมพ์ชนกขณะที่รอพ่อมารับกลับบ้านที่หน้าโรงเรียน แต่บางครั้งที่พิมพ์ชนกโดนคนอื่นรังแกก็จะมีเขาคนนี้แหละที่คอยปกป้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะโดนภานุแกล้งเสียมากกว่า จนมาถึงปีสุดท้ายของการศึกษา ตอนนั้นจะว่าเด็กไปก็คงไม่ใช่เพราะก็สิบเจ็ดสิบแปดปีกันแล้ว พิมพ์ชนกนึกถึงภาพที่ตัวเองร้องไห้จะเป็นจะตาย แล้วโผเข้ากอดภานุ ที่สนามบินดอนเมือง
นุนายไปแล้วใครจะคอยไปส่งเราที่บ้านล่ะนายไม่ไปไม่ได้หรือไง ฮื่อ ๆ ๆ ๆ
เสียงสะอึกสะอื้นของพิมพ์ชนกพูดออกมาอย่างยากลำบาก
ฉันไปไม่กี่ปีน่าพิม อย่าร้องสิ เดี๋ยวตาบวมนะ ฉันสัญญานะว่าจะกลับมาหาเธอ
สัญญานะนุ นายสัญญาแล้วนะ แล้วฉันจะรอนายนะ
พิมพ์ชนกพูด ยิ้มทั้งน้ำตา ท่าทางดีใจเหมือนกับเด็กเพิ่งได้ของเล่นชิ้นใหม่ พิมพ์ชนกนึกไปก็ขำตัวเองไป จนทำให้คนที่ตามมาแปลกใจว่าพิมพ์ชนกนั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียว
พิม . เป็นไรหรือเปล่าน่ะ เสียงทุ้ม ๆ ของภานุทำให้พิมพ์ชนกตื่นจากภวังค์
ฮึ นุว่าไงนะ พิมฟังไม่ถนัดน่ะ
เอ่ออ้อ นายว่าไงนะนายภานุเมื่อกี้ฉันฟังไม่ค่อยได้ยิน พิมพ์ชนกเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอแทนชื่อตัวเองออกไปกับภานุ จึงรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่อย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้ภานุอดยิ้มไม่ได้
ช่างเถอะ เอ่อ พิม ผมอยากให้พิมเรียกผมเหมือนเมื่อกี้ที่พิมเรียก และแทนตัวเองกับผมว่าพิมด้วย
พิมพ์ชนกหันมาจ้องหน้าภานุเขม็ง
จำเป็นด้วยหรือไงที่ฉันต้องทำตามที่นายขอ
จำเป็นสิ
ฉันไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นอะไรเลย พูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นนิด ๆ
จำเป็นสิ ถ้าพิมไม่ยอมทำตามที่ผมขอ มีหวังงานนี้พิมไส้แห้งทั้งเดือนแน่ ภานุพูดพร้อมกับชูกระเป๋าเงินของพิมพ์ชนกให้เจ้าตัวดู
นายนุ เอาคืนมานะ พิมพยายามแย่งกระเป๋าเงินคืนมาจากภานุ แต่ไม่สำเร็จ
ไม่ให้ จนกว่าพิมจะยอมตกลง
เอ๊ะ นายนี่ท่าจะพูดไม่รู้เรื่อง ฉันบอกให้เอาคืนมา นี่นายภานุ จะให้หรือไม่ให้ พิมพ์ชนกขึ้นเสียง พร้อมกับลุกขึ้นเท้าสะเอว
ไม่ให้ ภานุตอบก่อนที่จะออกวิ่ง
นี่เอาคืนมานะ นายภานุบ้า เอาของเขาคืนมานะ
พิมพ์ชนกวิ่งตามไปแย่งกระเป๋าเงินจากมือภานุ ทั้งคู่แย่งกันไปแย่งกันมา แล้วพิมพ์ชนกก็คว้ากระเป๋าเงินได้ พร้อมกับผลักภานุโดยหวังจะแกล้งคืน แต่ภานุไวกว่าเขาฉุดข้อมือพิมพ์ชนกได้ก่อนที่ทั้งคู่จะล้มลงไปพร้อมกัน
เจ็บมากมั้ยพิม ภานุถามเสียงห่วงใย แต่คนถูกถามตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปแล้ว ก็จะไม่ให้หน้าแดงได้ไงล่ะ ก็ตอนนี้พิมพ์ชนกอยู่ในอ้อมแขนของภานุเสียแล้ว
เอ่อ.. ไม่เป็นไร ปละปล่อยฉันได้แล้ว
ไม่ปล่อย จนกว่าพิมจะยอมตกลงตามที่ผมขอ
ภานุยังคงต่อรอง เพราะยังไงเขาก็ยังเป็นต่ออยู่ดี ส่วนพิมพ์ชนกเริ่มจ้องหน้าภานุอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับพยายามดิ้นเพื่อให้ตัวเองหลุดจากอ้อมแขนของภานุ แต่ก็ไม่สำเร็จดูเหมือนว่ายิ่งพิมพ์ชนกดิ้นมากขึ้นเท่าไหร่ ภานุก็ยิ่งกระชับวงแขนให้แน่นมากขึ้นเท่านั้น แล้วยังทำหน้าทะเล้นใส่พิมพ์ชนกอีก
นี่ ! นายภานุ อย่าแกล้งฉันได้มั้ย ปล่อยฉันได้แล้ว
พิมพ์ชนกเริ่มโวย ก็ไม่ให้โวยได้ไง คนเขินก็เขิน อีตาบ้าที่ก็ยังไม่ยอมปล่อยอีก
ผมยังยืนยันคำพูดเดิม เพียงแค่พิมตอบตกลงผมก็จะปล่อยพิมทันที
ก็ได้ ตกลง พอใจรึยังล่ะ มัดมือชกกันชัด ๆ เลย แล้วก็ปล่อยฉันสิ พิมพ์ชนกพูดพร้อมกับผลักภานุให้ออกห่าง
ยัง
เฮ้ย ! จะเอายังไงอีก เล่ห์มากนักนะ นายจะแกล้งฉันไปจนตายเลยหรือไงฮึ
แล้วพิมจะอยู่กับผมให้ผมแกล้งพิมจนตายมั้ยล่ะ ภานุถามพร้อมกับส่งสายตาเป็นประกาย ทำเอาพิมพ์ชนกหน้าแดงอีกรอบ
บ้า .. ใครจะอยู่กับนาย นี่ปล่อยฉันได้แล้ว
ไม่พิมต้องพูดก่อนว่า นุปล่อยพิมเถอะนะคะ
อะไรนะ นายจะบ้ารึไง ไม่ ยังไงฉันก็ไม่พูด นี่ปล่อยฉันได้แล้ว
ไม่ปล่อย ถ้าพิมยังไม่พูดผมก็จะกอดพิมอยู่แบบนี้ล่ะ ดีเหมือนกันไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปีไม่ได้กอดพิมเลยหลังจากที่กอดพิมที่สนามบินตอนที่พิมไปส่งผมขึ้นเครื่องไปอเมริกาครั้งแรก วันนี้ก็ขอกอดให้หายคิดถึงทีเถอะนะ พูดจบภานุก็กระชับวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เลยทำให้พิมพ์ชนกโวยใส่อีกรอบและก็ยอมพูดตามที่ภานุบอก และก่อนที่ภานุจะปล่อยให้ร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาเป็นอิสระ เขาก็ก้มลงมาหอมแก้มพิมพ์ชนกเสียฟอดใหญ่
นายภานุ นาย พิมพ์ชนกชี้หน้าภานุ ตัวสั่นราวกับเจ้าเข้าด้วยความโกรธ
อ๊ะ ๆ พิม ผมให้โอกาสพิมพูดใหม่นะ ไม่งั้นผมจะหอมแก้มพิมอีกข้างที่เหลือแน่ ๆ
พิมพ์ชนกทั้งโกรธทั้งอาย แต่ก็ทำอะไรภานุไม่ได้ ทำได้แค่สะบัดหน้าแล้วก็เดินหนีไปที่รถ
อ้าวพิม รอผมด้วยสิ อยากกลับก็บอกกันดี ๆ ก็ได้
ภานุตะโกนไล่หลังพิม พร้อมกับหัวเราะกับกริยาของหญิงสาว พลางก้าวเท้าตามพิมพ์ชนกไป
อ้าวพิมตื่นแต่เช้าเชียวลูก แล้วทำอะไรอยู่น่ะนั่น คุณประไพถามเมื่อเห็นลูกสาวกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่ซุ้มดอกเอื้อง
พิมกำลังใส่ปุ๋ยให้มันน่ะค่ะแม่ ดูสิคะเอื้องกำลังออกดอกสวยเลย
พิมงั้นเดี๋ยวช่วยปลูก ต้นดอกแก้วให้แม่หน่อยนะ ซื้อจากกาดคำเที่ยงมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังไม่ได้เอาลงดินเลยลูก พูดพลางเดินไปหยิบต้นดอกแก้วมาวางไว้ให้พิมพ์ชนก
ค่ะแม่ เดี๋ยวหนูจัดการให้
เอ๊ะใครมาแต่เช้าเชียว เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนนะ
พิมพยักหน้ารับ และก็หันไปสนใจกับการใส่ปุ๋ยต่อ
สวัสดีครับคุณอา
อ้าว ตานุ แหมวันนี้มาแต่เช้าเชียวนะ ติดใจอะไรบ้านนี้รึเปล่าจ๊ะ คุณประไพแซวภานุอย่างรู้ทัน ก็อย่างว่าแหละนะ ผู้ใหญ่เขาเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนทำไมเขาถึงจะดูไม่ออก ส่วนภานุก็ได้แต่ยิ้มก่อนที่จะถามหาพิมพ์ชนก
พิมล่ะครับคุณอา
โน่นแน่ะ กำลังใส่ปุ๋ยดอกเอื้อง ไปช่วยเขาหน่อยสิ อาก็เพิ่งจะสั่งให้เขาปลูกต้นดอกแก้วให้
คุณประไพบอกภานุพร้อมกับพยักพะเยิดให้ภานุไปช่วย เมื่อได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นแม่ของสาวเจ้าขนาดนี้ ภานุก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่ว่ายังไงผู้ใหญ่ก็เห็นชอบด้วยอยู่แล้วเพราะคู่นี้คุณนันทชัยพ่อของภานุกับคุณปรเมศพ่อของพิมพ์ชนกได้วางแผนกันไว้ตั้งแต่ก่อนภานุจะไปเรียนที่อเมริกาแล้ว ก็ตั้งแต่พ่อของพิมพ์ชนกยังมีลมหายใจอยู่นั่นแหละ แต่โชคดูเหมือนจะเข้าข้างทางผู้ใหญ่เสียเหลือเกินเพราะไม่ต้องมาเสียเวลาทำตามแผน เพราะดู ๆ แล้วทั้งคู่ก็ดูจะมีใจให้กันอยู่แล้วหนินะ เพียงแค่รอลุ้นเฉย ๆ เท่านั้นเอง
พิมมีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ
พิมพ์ชนกหันไปพอรู้ว่าเป็นภานุ ก็หันกลับ
ไม่มี นายมาทำไม
โธ่ พิมพูดดี ๆ กับผมหน่อยก็ได้ ผมขอโทษเรื่องเมื่อวาน
ไม่ยกโทษให้
จะให้ผมทำยังไงพิมถึงจะหายโกรธผม ภานุอ้อน
ก็ไม่ต้องทำอะไร นายกลับไปได้แล้วภานุ พิมพ์ชนกพูดก่อนที่จะเดินหนีเข้าบ้าน คนอะไรหอมแก้มเขาไปเมื่อวาน วันนี้ยังมีหน้ามาหาเขาอีก
พิม เดี๋ยวสิพิม ภานุเรียก พิมพ์ชนกหยุด
อย่าตามมานะ ไม่งั้นนายได้เรื่องแน่ พิมพ์ชนกขู่
พิมผิดสัญญานะ
ใครผิดสัญญา นายต่างหาก นี่นายภานุยังไงฉันก็จะไม่ทำตามที่นายขอ เพราะนายเป็นคนผิดสัญญาก่อน งานนี้ถือว่าโมฆะ
ผมผิดสัญญาตรงไหนล่ะพิม
ก็ใครใช้ให้เอ่อ ชั่งเถอะ พิมพ์ชนกพูดค้างไว้แค่นั้น ก่อนที่แก้มเริ่มจะมีสีชมพูระเรื่อขึ้น ก็ใครจะกล้าพูดออกมาล่ะว่าอีตาบ้านี่มาหอมแก้ม ก็คนเขาก็ยังมียางอายนะ
ภานุพอจะรู้ว่าพิมพ์ชนกโกรธเขาเรื่องอะไร โธ่เอ๊ย ! จะให้ทำยังไงล่ะก็คนมันรักหนิห้ามใจอยู่ซะที่ไหน แต่ก็ไม่น่าจะลืมว่าพิมพ์ชนกน่ะโกรธนานขนาดไหน แล้วทีนี้จะง้อยังไงกันล่ะเนี่ย ภานุเอ๊ยแกไม่น่าจะหาเหาใส่หัวเลย กำลังทำท่าว่าจะดี ๆ อยู่แล้วเชียว กลับทำเสียเรื่องจนได้
อ้าว เสร็จแล้วหรือจ๊ะพิม แล้วนั่นใครไปทำอะไรให้เราไม่พอใจอีกล่ะหน้าบึ้งมาเชียว คุณประไพถามเมื่อเห็นลูกสาวทำหน้าบึ้งเข้ามาในบ้าน
เปล่าค่ะ แม่คะพิมขอตัวนะคะ พิมพ์ชนกปฏิเสธ ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องตัวเองไป
อ้าวตานุ มีเรื่องอะไรกันรึเปล่าจ๊ะ คุณประไพถามภานุบ้าง เมื่อเห็นคนที่ตามมาท่าทางก็ไม่ค่อยจะดีเหมือนกัน
เปล่าครับคุณอา พิมเขาโกรธผมนิดหน่อยน่ะครับ ภานุบอก
ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันนะจ๊ะ ยายพิมก็เป็นแบบนี้แหละขี้งอนก็ที่หนึ่งละ ว่าแต่เราไปทะเลาะกันเรื่องอะไร พอจะเล่าให้อาฟังได้มั้ยเผื่ออาจะช่วยได้ คุณประไพให้กำลังใจภานุพร้อมกับถาม
เอ่อ.ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ทะเลาะกันนิดหน่อย เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะครับ ภานุตอบก่อนที่จะขอลากลับ ขืนภานุเล่าให้แม่พิมพ์ชนกฟังสิ มีหวังโอกาสได้เป็นลูกเขยบ้านนี้เท่ากับศูนย์ไปเลยทันที
ยายพิม . ยายพิม สายแล้วนะลูก เดี๋ยวก็ไม่ทันไปทำงานหรอก คุณประไพเรียกลูกสาวเป็นครั้งที่สามแล้ว และก็อดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติพิมพ์ชนกไม่เคยนอนตื่นสาย หรือว่าเป็นอะไรไป คุณประไพคิดพร้อมกับขึ้นไปดูลูกสาวตัวเอง และก็ต้องตกใจ
ตายแล้วยายพิม ทำไมตัวร้อนแบบนี้ คุณประไพอุทานอย่างตกใจ พร้อมกับเขย่าตัวลูกสาวเบา ๆ แต่ร่างที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังไม่มีการรับรู้แต่อย่างใด โชคดีที่ภานุมา ทั้งคุณประไพและภานุจึงช่วยกันนำพิมพ์ชนกส่งโรงพยาบาล
หมอว่ายังไงบ้างจ๊ะตานุ
เป็นไขัหวัดใหญ่น่ะครับคุณอา หมอให้นอนดูอาการสัก 2 3 วันน่ะครับ ภานุบอกคุณประไพพร้อมกับอาสาที่จะเป็นคนเฝ้าไข้พิมพ์ชนกเอง
อาว่ารบกวนภานุเปล่า ๆ นะ
ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอา ผมเต็มใจ อีกอย่างที่บ้านคุณอาก็ไม่มีใครอยู่ด้วย เอาเป็นว่าทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมดีกว่าครับ
จริงอย่างที่ภานุพูด คุณประไพจึงไม่ปฏิเสธ อีกอย่างคุณประไพรก็พอจะรู้ว่าภานุกับลูกสาวตัวดีของตนมีเรื่องผิดใจกันอยู่ ไหน ๆ ก็แอบเชียร์อยู่แล้ว ก็ถือโอกาสให้ภานุได้ง้อพิมพ์ชนกซะเลยจะเป็นไรไปล่ะ
ร่างบางนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียง ภานุคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ใบหน้าหน้าซีดเซียวเนื่องจากพิษไข้ของพิมพ์ชนกทำให้ภานุสงสารจับใจ สักพักพิมพ์ชนกก็เริ่มรู้สึกตัว
พิมเป็นยังไงบ้าง ทันทีที่พิมพ์ชนกตื่น พิมพ์ชนกก็เจอภานุอยู่ข้าง ๆ เตียง สายตาของภานุมองมาที่พิมพ์ชนกอย่างห่วงใย
ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แต่ปวดหัวเป็นบ้าเลย
ทนเอาหน่อยนะพิม ภานุพูดพร้อมกับจับมือพิมพ์ชนกบีบเบา ๆ ก่อนที่จะรินน้ำมาให้พิมพ์ชนกดื่ม
แล้วนายไม่ไปทำงานเหรอ
ไม่ล่ะ ผมอยากอยู่ดูแลพิม ภานุบอกพร้อมกับมองหน้าพิมพ์ชนก พิมพ์ชนกเลยต้องสบตากับภานุอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกี้ตอนตื่นมาก็ทีหนึ่งละนะ ทำเอาเจ้าตัวหน้าร้อนผ่าวไปทันที แล้วพิมพ์ชนกก็แกล้งหันไปทางอื่น ก็จะให้ทำไงล่ะคนมันเขินหนิ
แล้วฉันต้องอยู่โรงพยาบาลนี่อีกกี่วันล่ะเนี่ย
หมอบอกว่าสัก 2- 3 วันน่ะ
โห ฉันไม่ต้องเป็นง่อยตายไปเลยหรือไง พิมพ์ชนกบ่น ภานุหันมามอง ก่อนที่จะเอามือขยี้ผมหญิงสาวเบา ๆ อย่างเอ็นดู
บอกแล้วไงว่าทนหน่อย มีผมอยู่เป็นเพื่อนพิมไม่เหงาหรอกน่า ภานุบอก ทำเอาพิมพ์ชนกหน้าเบ้
แล้วแม่ล่ะ
เพิ่งกลับไปเมื่อกี้นี่เอง เดี๋ยวตอนเย็นเห็นบอกว่าจะเข้ามาใหม่
พิมพ์ชนกพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะหันไปสนใจรายการโทรทัศน์ต่อไป
ตลอดระยะเวลาที่พิมพ์ชนกนอนอยู่โรงพยาบาล ภานุก็คอยดูแลพิมพ์ชนกอยู่ไม่ห่าง พอตื่นมาพิมพ์ชนกก็เห็นแต่ภานุ
วันนี้หลังจากที่พิมพ์ชนกทานยาเรียบร้อยแล้วภานุจึงขอตัวเข้าบริษัท เพราะเห็นว่าคุณประไพมาพอดี
ขอบใจมากนะตานุ
ไม่เป็นไรครับคุณอา เดี๋ยวตอนเย็นผมจะเข้ามาใหม่นะครับ ภานุกล่าวก่อนจะลากลับ
ลับหลังภานุ พิมพ์ชนกก็เริ่มต่อว่าผู้เป็นแม่
แม่คะ ทำไมแม่ให้นายนุเขามาเฝ้าพิมล่ะ แล้วแม่ทำไมไม่เฝ้าล่ะคะ
พอดีตานุเขาอาสา แม่เห็นว่าเขาอยากเฝ้าจริง ๆ ก็เลยให้เขาเฝ้าแทน อีกอย่างบ้านเราก็ไม่มีใครอยู่ด้วย แม่ก็ไม่อยากทิ้งบ้านน่ะจ๊ะ แต่ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรหนิ แม่เห็นตานุเขาดูแลเราดีออก
เข้าข้างนายนุอีกแล้วนะคะ
เรานี่จริง ๆ เลยนะ แล้วดีขึ้นรึยังลูก
ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ
แหมไม่ให้ดีขึ้นได้ยังไงเนอะ ก็กำลังใจดีขนาดนี้
เสียงใส ๆ ฟังดูคุ้นหู พิมพ์ชนกหันไปตามเสียง
ยายนุช พิมพ์ชนกเรียกเพื่อนเสียงดัง
แหมยายพิม ไม่ต้องตะโกนขนาดนั้น เดี๋ยวหมดแรงแล้วจะแย่ ยิ่งหวานใจไม่อยู่ด้วย
ใครหวานใจใคร พิมพ์ชนกถามเพื่อนท่าทางเอาเรื่อง
เอ้า ก็นายนุไงหวานใจแก
ปากมอมจริงนะแก เอาอะไรมาพูด
เอาปากฉันเนี่ยแหละพูด แหมอย่าทำเป็นปากแข็งหน่อยเลยแม่สาวตาคมคนเก่ง นุชนาถยังแซวไม่หยุด
บ้า นี่หยุดได้แล้ว ว่าแต่แกมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันเข้าโรงพยาบาล
เอ้า ถามกันเข้าไป แหมไม่เว้นช่องเลยนะยะ ฉันมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน พอดีโทร.เข้ามือถือแกก็ดันปิดเลยโทร.เข้าบ้านก็ไม่มีคนรับสาย จนตอนสายน่ะแหละนายนุก็โทร.มา ฉันจึงรู้ว่าแกอยู่ที่นี่ นุชนาถร่ายยาวให้พิมพ์ชนกฟัง พิมพ์ชนกพยักหน้ารับ แต่ว่านายนุมีเบอร์โทรศัพท์ของยายนุชได้ยังไง ปากไวเท่าความคิด
นุช นายนุมีเบอร์แกได้ไง
อ้าว ก็เพื่อนกันมีเบอร์กันมันเสียหายตรงไหนจ๊ะ
ไม่ใช่อย่างนั้น
หรือว่า..นั่นแน่ หึงล่ะสิ
นี่ยายนุช ฉันถามเฉย ๆ ไม่ได้หึง ฉันจะไปหึงอะไรนายนั่น ไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อยจะหึงทำไม พิมพ์ชนกเริ่มหน้าแดง
พิมแล้วไปเที่ยวอ่างขางสนุกมั้ย นุชนาถถาม ทำเอาพิมพ์ชนกหันหน้ามาหาเพื่อนทันที
แกรู้ได้ไง
มีเรื่องอะไรที่ยายนุชนาถคนนี้ไม่รู้บ้าง นี่พิมฉันจะบอกอะไรแกให้นะว่านายนุน่ะเขารักแกมากขนาดไหน ขนาดอยู่อเมริกาเขายังโทร.มาถามถึงแกเลย แล้วช่วงหลัง ๆ นี่แกไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าไปทำอะไรให้นายนุเขากลุ้ม นี่พิมใจอ่อนซะบ้างเถอะ เล่นตัวอยู่ได้ อย่างน้อยน่าจะสงสารไอ้นุมันนะดูดิมันอุตส่าห์มาดูแลเฝ้าไข้แก จะบอกอะไรให้คนเขาไม่รักไม่ห่วงกันน่ะ เขาไม่มาเฝ้าไม่มาดูแลขนาดนี้หรอก คิดหน่อยสิจ๊ะยายพิม ทีเรื่องอื่นล่ะฉลาดเอาฉลาดเอาแล้วอย่าลืมถามตัวเองล่ะว่ารักภานุเขาบ้างหรือเปล่า นุชนาถว่าเพื่อน พิมพ์ชนกเริ่มนิ่ง คิดตามที่นุชนาถพูด ใช่มันก็จริงแหละ แต่ว่ามันก็น่าโกรธไม่ใช่เหรอ มาฉวยโอกาสกับเราชัด ๆ ถึงจะรักยังไงก็ช่างเถอะมันก็ไม่ควรที่จะทำกันแบบนี้นี่นา แล้วแกรู้ได้ยังไงยายนุชว่าฉันไม่ได้รักนายนุ ก็ฉันเป็นผู้หญิงหนิมันต้องไว้ฟอร์มกันบ้างล่ะน่า
นี่พิม . ยายพิม เสียงของนุชนาถทำให้สติของพิมพ์ชนกกลับมา
ใจลอยไปถึงไหนแล้วล่ะเนี่ย เฮ้อออเพื่อนฉัน อ้าวดูสิว่าใครมานู่น นุชนาถพูดพลางมองไปยังภานุ
เป็นไงบ้างครับพิม ดีขึ้นหรือยัง ไหนดูสิ ภานุถามพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะหน้าผากพิมพ์ชนก
ตัวไม่ร้อนแล้วหนิ ว่าแต่พิมทานข้าวหรือยัง ภานุถาม พิมพ์ชนกพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ภานุจึงถอยออกมาแล้วหันมาคุยกับนุชนาถ
หวัดดีนุช มานานแล้วเหรอ
หวัดดีเช่นกันย่ะ ฉันมาได้สักพักหนึ่งแล้วล่ะ
ว่าแต่นุชล่ะจะกลับไปเมื่อไหร่
แหมอะไรกันนุ มาถึงก็มาไล่กันเลยนะ นุชนาถแกล้งเย้าเพื่อน
ไม่ใช่อย่างนั้น ที่ถามน่ะหมายถึงกลับไปประจวบ ฯ น่ะ
อ๋อ. นึกว่าจะไล่กันซะละ ก็อีก 2 วันน่ะ ไปเที่ยวด้วยกันมั้ย นุชนาถบอกพร้อมกับชวนเพื่อน
อืมก็น่าไปอยู่เหมือนกันนะ ว่าแต่คนที่จะชวนไปด้วยเนี่ยสิ ไม่รู้จะยอมไปด้วยมั้ย ภานุพูดพลางหันไปทางพิมพ์ชนก
พิมไปเที่ยวประจวบ ฯ ด้วยกันมั้ย นุชนาถหันไปถามเพื่อน
ไม่อยากไปอ่ะ
ไปหน่อยน่า ไปเปิดหูเปิดตาซะบ้าง ทำงานมาเกือบปีแล้วนะ นุชนาถขยั้นขยอเพื่อน
นี่ยายนุช ฉันกำลังจะฟื้นไข้นะ พิมพ์ชนกให้เหตุผล
แต่แม่ว่าไปก็ดีเหมือนกันนะจ๊ะลูก เป็นการพักฟื้นไปในตัว คุณประไพสนับสนุนอีกเสียง
แต่ว่างานล่ะคะแม่
นี่ยายพิมไม่เห็นต้องห่วงเลย มีแฟนเป็นถึงผู้บริหารบริษัทแกจะกลัวไปทำไม ใช่มั้ยนุ นุชนาถหันไปขอความเห็นจากภานุ โดยที่ไม่สนใจว่าพิมพ์ชนกจะว่ายังไง
ไปเถอะครับพิม เรื่องงานไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมให้คนอื่นทำแทนได้ ภานุหันไปบอกพิม
เห็นมั้ยยายพิม พรุ่งนี้แกก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว มะรืนเราก็เดินทางไปกันเลย โอเคมั้ยนุ
นุชนาถพูดพร้อมกับหันไปถามภานุ ภานุพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าตกลง
งั้นก็ตามนี้เลย นุนายอย่าลืมไปรับฉันด้วยนะ นุชนาถบอกภานุ ก่อนที่จะลาทุกคนกลับบ้าน
ระหว่างการเดินทาง มีแต่นุชนาถเท่านั้นที่คุยจ้อตั้งแต่เชียงใหม่ยันประจวบ ฯ ส่วนพิมพ์ชนกนั้นปิดปากเงียบมาตลอดทาง ภานุแอบมองพิมพ์ชนกอยู่บ่อย ๆ จนนุชนาถจับสังเกตได้
โอ๊ย ! เบื่อพวกฟอร์มจัดเหลือเกิน นี่อย่าหัดปากหนักกันนักเลย คิดอะไรอยู่ก็รีบ ๆ พูดกันให้มันเข้าใจซะ เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้กันพอดี นุชนาถพูดขึ้นมาลอย ๆ พลางลอบสังเกตดูพฤติกรรมของพิมพ์ชนกและภานุว่าทั้งคู่จะมีปฏิกิริยายังไงกับคำพูดของตน และก็ได้ผล เพราะทั้งพิมพ์ชนกและภานุหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะหันกลับไปตามเดิม หึ ๆ ฉันคงมีงานเสริมเป็นกามเทพจำเป็นซะแล้วล่ะงานนี้ นุชนาถคิดในใจ
ภานุพารถเข้ามาจอดบริเวณบ้านพักตากอากาศของเขา บ้านหลังนี้พ่อของภานุซื้อไว้ก่อนที่จะไปตั้งรกรากอยู่ที่เชียงใหม่
สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า
อ้าวคุณภานุ มายังไงคะ ทำไมไม่โทร.มาบอกป้าก่อน ตาฝั้นช่วยคุณเขาขนของหน่อยเร็ว แกหันไปบอกลูกชายให้ไปช่วยภานุขนของ
เอ่อ พิม นุช นี่ลุงฉ่ำกับป้าปริก ลุงกับป้าเขาเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้
สวัสดีค่ะ พิมพ์ชนกและนุชนาถยกมือไหว้ลุงกับป้าพร้อมกัน
เอ่อ พิมฉันคงไม่ได้พักที่นี่กับเธอหรอกนะ เพราะฉันมีงานค้างอยู่ต้องรีบไปเคลียร์เพราะต้องส่งพรุ่งนี้ ไม่งั้นหัวหน้าได้เฉ่งกะบาลฉันเละแน่ ๆ นุชนาถหันไปบอกเพื่อนหลังจากขนของลงรถเรียบร้อยแล้ว
อ้าว แล้วฉันจะอยู่ยังไงล่ะ เฮ้ย ! อย่าบอกนะว่าฉันต้องอยู่กับนายนุสองคนที่นี่ นุชแกกลับไปเอามาทำที่นี่ไม่ได้เหรอ พิมพ์ชนกเริ่มโวยใส่เพื่อนพร้อมทั้งขอร้อง
โอยไม่เอาล่ะ ขี้เกียจขนไปขนมา นี่พิมฉันมาทำงานนะจ๊ะ ไม่ได้มาเที่ยวเหมือนเธอ นุชนาถปฏิเสธพร้อมกับขยิบตาให้กับภานุ ถึงเวลาเริ่มทำงานเสริมของนุชนาถแล้วล่ะ
นุ ดูแลยายพิมให้ดีล่ะ อย่าปล่อยให้เป็นไข้กลับเชียงใหม่นะ นุชนาถหันไปบอกกับภานุ ก่อนที่จะช่วยถือกระเป๋าของพิมพ์ชนกขึ้นบ้านไป
นุช เดี๋ยวอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ ภานุชวนนุชนาถ
แน่นอนอยู่แล้ว ถึงนายไม่ชวนฉันก็จะอยู่ เอ่อ เดี๋ยวฉันกับพิมออกไปซื้ออาหารสดนะ ส่วนนายก็จัดของไปก่อนก็แล้วกัน
พูดจบนุชนาถและพิมพ์ชนกก็พากันขับรถออกไป โดยมีนุชนาถเป็นคนขับ เพราะถือว่าชำนาญที่สุดก็ไม่ให้ชำนาญได้ไง ทำงานอยู่ที่นี่เกือบปีแล้วนี่นา ไม่รู้ก็เกินไปล่ะ
พิมพ์ชนกออกมาเดินเล่นที่ชาดหาด ตอนเช้าที่นี่อากาศดีจริง ๆ ไม่แพ้ที่เชียงใหม่เลย อยู่เชียงใหม่เห็นแต่ป่าแต่เขา ก็ดีเหมือนกันเปลี่ยนบรรยากาศ พิมพ์ชนกเดินไปเรื่อย ๆ พลางคิดอะไรไปเพลิน ๆ จนลืมเวลา ทางด้านภานุก็ออกตามหาพิมพ์ชนกใหญ่ ไปเดินเล่นถึงไหนของเขานะ ภานุคิดขณะที่เดินหาพิมพ์ชนก
พิม มาอยู่นี่นี่เอง ผมตามหาแทบตาย
ใครใช้ให้นายมาตาม
นี่พิมยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ
ยัง พิมพ์ชนกตอบ ก่อนที่จะเดินหนีภานุกลับไปทางเดิม
พิมพ์ชนกเดินออกมานอกระเบียง จากจุดนี้ของตัวบ้านมองออกไปก็จะหาดทรายสีขาวยาวสุดลูกหูลูกตา คลื่นม้วนตัวเข้าฝั่งลูกแล้วลูกเล่า พิมพ์ชนกยืนมองภาพข้างหน้าได้ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันกลับมาแล้ววางหนังสือเล่มโปรดไว้บนโต๊ะ ความคิดที่จะลงไปเล่นน้ำตอนนี้เป็นอันต้องยกเลิกไปเลย เพราะดูแล้วคงไม่ไหวแดดแรงเหลือเกิน เอาไว้ตอนเย็นก่อนเถอะ พิมพ์ชนกคิด ก่อนที่จะเอนตัวลงนอนบนฟูกข้างโต๊ะกลมเตี้ยนั่นเอง
พิม เสียงทุ้มคุ้นหูของภานุ ทำให้พิมพ์ชนกหันไป
นายมาทำไม พิมพ์ชนกถามพร้อมกับเดินต่อ
ก็มาเดินเล่นเป็นเพื่อนพิมไง ผมกลัวว่าพิมจะเหงา พิมพ์ชนกหันไปมองหน้าภานุแว้บหนึ่ง แต่ก็ไม่พูดอะไร ทั้งคู่เดินเล่นกันอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยวาจาใด ๆ ออกมาอีกเลย แล้วภานุก็ยื่นมือไปจับมือพิมพ์ชนก
นี่นายจะทำอะไร พิมพ์ชนกเริ่มหน้าเสีย
นั่งตรงนี้เถอะ ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรกันอีก จนภานุรู้สึกอึดอัด
พิม
ฮึ
ผมมีอะไรอยากจะบอกพิม ภานุพูด พร้อมกับเอามือของพิมพ์ชนกไปกุมไว้
อะไรของนาย นี่อย่ามาทำซึ้งใส่ฉันนะ พิมพ์ชนกพูด พร้อมกับดึงมือกลับ โธ่เอ๊ย ! นายภานุฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ นี่ดูสิยังมาทำตาหวานใส่อีก แต่ภานุก็ไม่ยอมปล่อย กลับจับแน่นกว่าเดิมอีก
พิม ผมรักพิมนะ พอจบคำพูดของภานุ พิมพ์ชนกก็ได้แต่อ้าปากค้าง
เอ่อนี่นุ อย่ามาแกล้งพิมเล่นน่า ไม่ตลกนะ พูดจบพิมพ์ชนกก็เดินหนีภานุไปเสียดื้อ ๆ เพราะทั้งอายทั้งเขิน ก็ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครบอกรักพิมพ์ชนกเลย ก็มีครั้งนี้แหละและก็แอบโรแมนติกซะด้วย
พิม เดี๋ยว ผมพูดจริง ๆ นะไม่ได้แกล้ง ผมรักพิมตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันแล้วนะ ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ ผมเฝ้านับวันนับคืน ว่าเมื่อไหร่ผมจะได้กลับมาหาพิม พอเจอกัน พิมก็ทำท่าไม่อยากจะญาติดีกับผมจนถึงวันนี้พิมยังจะใจร้ายเดินหนีผมไปอีกเหรอไง ภานุวิ่งตามพร้อมกับตะโกนบอกพิมพ์ชนก คำพูดของภานุทำให้พิมพ์ชนกหยุดชะงักก่อนที่จะหันหลังกลับ ภานุค่อย ๆ สวมกอดพิมพ์ชนก คราวนี้เจ้าตัวยอมให้กอดแต่โดยดี ไม่มีการขัดขืนแต่อย่างใด แล้วน้ำใส ๆ ที่เกิดจากความดีใจและตื้นตันก็ไหลลงมาอาบแก้มใส ๆ ของพิมพ์ชนก
พิมก็รักนุเหมือนกัน และก็รักมาตลอดเลย พิมพ์ชนกบอกภานุเสียงอุบอิบ ภานุกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นรับรู้กับวาจาที่เอื้อนเอ่ยมาจากปากของหญิงสาว ก่อนจะคลายอ้อมแขนออก
พิมหายโกรธผมแล้วใช่มั้ยครับ
พิมพ์ชนกพยักหน้ายิ้มทั้งน้ำตา ก็จะไม่ให้หายโกรธได้ไงล่ะ ก็รักเขาซะขนาดนี้ แล้วทั้งคู่ก็นั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วยกัน
ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่าคนที่คอยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีที่แล้วจะมาลงเอยด้วยกันได้ ถ้านุชนาถรู้เข้าคงได้แซวกันตายไปข้างหนึ่งแน่ ๆ หรือว่าพิมพ์ชนกและภานุกลัวมีลูกไม่ทันใช้ เหมือนอย่างที่นุชนาถพูดหรือเปล่านะ พิมพ์ชนกยิ้มก่อนจะเอนศีรษะซบลงบนไหล่ของภานุ .