21 กุมภาพันธ์ 2547 22:05 น.
Nonmin
เรื่องราวอันเศร้าของฉันมันเริ่มก็ตอนที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.3 ตอนนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งมาสมัครเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนของฉัน ตอนแรกที่ฉันเห็น ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เพราะก็เห็นเป็นเพียงแค่ "อาจารย์" คนหนึ่งเท่านั้น เขาอายุมากกว่าฉัน 8-9 ปีได้ วันแรกที่ฉันได้เจอกับเขาคือวันที่ 31 กรกฎาคม เขาเข้ามาสอนวิชาสังคมศึกษา และด้วยความที่ฉันเก่งวิชานี้และชอบมาขลุกเพื่ออ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยู่ในห้องสังคมตลอด ทำให้ฉันได้เจอกับเขาบ่อยๆ ทำให้เราค่อนข้างเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์ที่สนิทกัน และเป็นเหมือนพี่ชายกับน้องสาวเรื่อยมา
และฟ้าก็เล่นตลกกับชีวิตฉัน เมื่อฉันรู้สึก "หึง" ขึ้นมา เมื่อเห็นเขาคุยกับเด็ก ม.ปลาย และอาจารย์สาวๆ ทีแรกฉันคิดว่าตัวเองน่ะบ้า ไม่เข้าจิตใจของตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ ทำให้ฉันเก็บเอาไปคิดไปฝันทุกคืน จนในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองน่ะรักเขาเข้าไปแล้ว
ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันอยากจะมองเขาอยู่แทบทุกเวลา อยากจะรู้ว่าเขาทำอะไร อยากจะรู้ว่าเขาสบายดีมั้ย อยากจะรู้ว่าเขาสนใจฉันบ้างหรือเปล่า แต่ละความคิดมันโถมกระหน่ำเข้ามาเรื่อยๆ จนฉันกลัว และคิดว่า "ยังไงก็ต้องบอกความในใจออกไป ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไป"
เมื่อเรารู้จักกันมาได้ 2 ปี ฉันก็มีจิตใจที่แน่วแน่กับความคิดนี้ จึงตัดสินใจบอกความรักนี้ไปในวันวาเลนไทน์ "ฉันรักคุณ" ฉันเอ่ยคำๆ นี้ไปอย่างแผ่วเบาในตอนเย็นหลังจากที่เรากำลังเดินออกจากอาคารเรียน เราสองคนต่างสบตากันเงียบๆ แล้วเขาก็พูดว่า "ฉันก็ชอบเธอนะ" แต่คำพูดนี้กลับทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจ
"แต่เราอายุห่างกันมากเลย ฉันกลัวว่ามันจะเป็นไปไม่ได้" ฉันพูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง เขาโอบตัวฉันแล้วพูดว่า "อย่าไปสนใจ เราทำให้มันดีที่สุดก็พอ"
ฉันเชื่อคำพูดนั้นของเขา เราคบกันและคิดเสมอว่าเราจะรักกันให้ดีที่สุด เหมือนต้นไม้ที่ต้องคอยรดน้ำพรวนดินและใส่ปุ๋ยอยู่เสมอ ดูแลให้งอกงาม เติบโต แต่แล้วก็ถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน เมื่อฉันใกล้จะจบ ม.6 ฉันจะต้องไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ฉันให้สัญญากับเขาไว้ว่าให้เขารอฉันอีก 4 ปี ฉันจะเรียนจบกลับมาเป็นครูสอนอยู่ที่นี่เหมือนกับเขา แล้วฉันก็จะแต่งงานกับเขา เขายิ้ม แต่ไม่ได้พูดรับปากกับฉัน แล้วฉันก็ไปเรียนที่กรุงเทพฯ ตั้งใจเรียนอย่างหนัก และพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ความฝันของฉันเป็นจริง ฉันไม่ได้กลับมาที่บ้านเกิดของตัวเองเลย จนกระทั่งเรียนจบ
ฉันกลับมาจากกรุงเทพฯ ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบหน้าพ่อแม่ และที่สำคัญก็คือตัวเขาไงล่ะ ฉันได้แต่นึกถึงอนาคตของเรา เราจะทำงานที่เดียวกัน มีบ้านที่อบอุ่นด้วยกัน มีลูกด้วยกัน วันที่สองคือวันอาทิตย์หลังจากกลับมาจากกรุงเทพฯ ฉันไปที่บ้านของเขา กดกริ่งเรียกหลายที มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณเกือบๆ 30 อุ้มลูกเดินออกมา ทำให้ฉันชะงัก เมื่อฉันถามถึงเขาคนนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็ตอบว่า
"เขาไม่อยู่น่ะค่ะ เอ้อคุณคงจะเป็นแฟนเก่าของเขาสินะคะ ถ้าไม่รังเกียจเราเข้ามาคุยกันในบ้านดีกว่านะ" ฉันรู้สึกแปลกใจที่ถูกเรียกเป็นแฟนเก่าของเขา ทำให้ฉันพอจะเดาความจริงออก แต่ก็เดินตามผู้หญิงคนนี้ไปอย่างเงียบๆ
"เขาเล่าให้ดิฉันฟังตลอดเกี่ยวกับเรื่องของคุณ ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของเขาค่ะ และนี่ก็คือลูกสาวของเราสองคน" ผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างอ่อนโยนราวกับไม่อยากจะทำร้ายความรู้สึกฉันที่ใกล้จะหลอมเหลวไป "ฉันรู้ค่ะว่าเขารักคุณมาก เขารอแต่คุณตลอด แต่คุณต้องเข้าใจนะคะ ตอนนั้นเขาเป็นผู้ใหญ่กว่าคุณมาก ถึงวัยที่จะต้องแต่งงาน มีครอบครัว แต่เขาก็ได้แต่บอกกับพ่อแม่ของเขาว่าเขาจะไม่ยอมแต่งงานกับใครจนกว่าคุณจะกลับมา แต่ค่านิยมในเรื่องของความรักนั้นมันมีมาตั้งนานแล้ว รักต่างวัยไม่อาจเข้ากันได้ ในที่สุดเขาจึงถูกบังคับให้แต่งงานกับดิฉันเราอยู่กินกันมา 2 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลืมคุณ เขารักคุณมาก" ผู้หญิงคนนี้มีน้ำตาคลอ "แม้แต่ฉันซึ่งรักเขามาตั้งนานยังเทียบคุณไม่ได้เลย"
"เอ้อคุณอย่าร้องไห้เลยค่ะ คุณน่าจะดีใจนะคะที่เกิดมาเป็นคู่แท้ของเขา พูดตรงๆ ฉันก็เสียใจ แต่เวลามันดึงย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากจะจมกับมันอีก ฉันเชื่อนะคะว่าเขาก็รักคุณ ไม่อย่างนั้นลูกสาวตัวน้อยของคุณคนนี้ก็คงไม่ดูมีความสุขเท่านี้หรอก" ฉันพูดพลางยิ้ม ขณะมองดูเด็กทารกแก้มแดงซึ่งนอนหลับสบายอยู่บนตักแม่ "ฉันต้องไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ฉันพูดแล้วเดินออกไป เมื่อเอื้อมมือจะจับลูกบิดประตู เขาคนที่ฉันรอมาตลอด 4 ปีก็เปิดประตูเข้ามาพอดี เขาคนนั้น ที่ฉันรักเขาเหลือเกิน
เราสองคนนั่งอยู่หลังบ้าน ฉันบอกว่าฉันรู้ความจริงหมดแล้ว น้ำตาฉันไหลรื้นขณะพูดความในใจให้เขาฟัง "ฉันไม่ว่าอะไรคุณหรอกค่ะ เวลามันดึงย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว และมันก็สมควรเพราะเราสองคนต้องมาเจอกับความต่างของเวลา พูดตรงๆ ฉันยังรักคุณอยู่มาก ถ้าเลือกเกิดได้ฉันอยากโตกว่านี้อีก เอาให้แต่งงานกับคุณให้ได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้น เราอย่าไปคิดถึงมันเลยดีกว่านะคะ ฉันขอให้คุณมีความสุขมากๆ" เขายิ้มเศร้าๆ ให้ฉัน แล้วจับมือฉันไว้
"ฉันก็ขอให้เธอได้เจอกับคนที่เธอรักจริงๆ นะ" เป็นคำพูดของเขา ก่อนที่ฉันจะเดินกลับออกมา ความรู้สึกในตอนนั้นทำให้ฉันอยากหายไปจากโลกนี้ แต่ชีวิตยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้ทำ เรารักกันไม่ได้แล้ว ฉันรู้ดี เป็นเพราะค่านิยมที่เคยบอกว่า คนที่อายุห่างกันมักจะเข้ากันไม่ได้ และมันก็เป็นความจริงสำหรับฉัน ฉันรู้สึกเศร้าเหลือเกิน ยิ่งเดินจากไปเท่าไหร่ น้ำตามันก็ยิ่งรื้น ฉันอยากจะหนีไปให้ไกลๆ กว่านี้ เพราะฉันทนไม่ได้ที่ฉันยังรักเขาอยู่มาก ไม่อยากเจอหน้าเขา ไม่อยากอยู่ใกล้เขา ไม่อยากที่จะต้องจำความเศร้านี้ไปตลอดชีวิต แต่ฉันหลีกหนีมันไม่ได้เลย
4 กุมภาพันธ์ 2547 23:47 น.
Nonmin
ฉันได้แต่เหม่อลอย นอนบนเตียงตลอดทั้งวัน แต่ฉันไม่ได้ร้องไห้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงสิ่งของไร้ค่า เหมือนตุ๊กตาสกปรกเก่าๆ ตัวหนึ่งซึ่งไม่มีใครสนใจใยดี เฮ้อ เอาแต่คิดเรื่องบ้าๆ อยู่ได้นะเรา บอกตัวเองเสมอเลยไม่ใช่หรือว่าเราไม่ได้รักต้น แต่รักที่ใจเขาคือเซฟ
อ๊ะ ทุ่มนึงแล้วนี่ ต้องรีบเปิดคอมฯ
-- แพรงาม --
สวัสดีค่ะเซฟ มีเรื่องสนุกๆ อะไรมาคุยกันบ้างมั้ย
เงียบไม่มีการพิมพ์กลับมา
และฉันก็นึกขึ้นได้
ใช่เขาไปแล้ว เซฟไปจากฉันแล้ว ต้น พีรพล เจนิทีระคู่หมั้นของฉันไปจากฉันแล้ว ไปแล้ว ไปแล้ว ไปแล้ว และในที่สุดฉันก็ร้องไห้อย่างหนักที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอยู่หน้าคอมฯ
"ต้นไปแล้ว เซฟไปแล้ว ฮือๆ ฮึก ทำไมเธอต้องทิ้งฉันไปให้ฉันอ้างว้างอย่างนี้ด้วย เจ้า ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆ!!!" (จาก Nonmin: เซ็อนเซอร์อีกแล้วจ้า!) และอยู่ๆ ประตูห้องฉันก็เปิดออก พี่ลายผ้ากับพี่ลูกไม้น่ะเอง!
"ทำไมไม่ไปส่งต้นล่ะแพร" พี่ลายผ้าถามพลางจับไหล่ฉัน ขณะที่ฉันรีบเช็ดน้ำตา "เธอรักเขาไม่ใช่เหรอ เซฟหรือต้นน่ะ" ฉันได้ฟังก็รู้สึกแปลกใจ
"ฉันไม่ได้รักเขานะคะพี่!" ฉันว่า "ว่าแต่พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาคือเซฟ เพื่อนอินเตอร์เน็ตของหนูน่ะ"
"เธอเคยเล่าเรื่องเซฟให้เราฟังไม่ใช่เหรอ" พี่ลูกไม้พูด "ที่พวกพี่รู้เพราะเธอมักจะด่วนเข้าห้องตอนทุ่มนึงเหมือนกับต้นประจำเลย ว่าแต่แพรเธอจะหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่"
"ใช่" พี่ลายผ้าพูด "ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอมีความรู้สึกดีๆ กับเขามาเสมอเลยไม่ใช่หรือ และเขาก็มีความรู้สึกดีๆ กับเธอ เขาช่วยเหลือเธอมาตลอดนี่นา ทั้งตอนที่เธอกับเซฟออนไลน์คุยกันตอนกลางคืน หรือตอนที่ต้นช่วยเหลือเธอในตอนกลางวันน่ะ"
"ยังไงซะ เซฟก็คือต้น" พี่ลูกไม้พูด "ถึงต้นจะเป็นยังไง แต่ใจเขาก็คือเซฟที่เธอรัก ใช่แล้วแพร อย่าหลอกตัวเองเลยเธอน่ะ รักต้น" ฉันได้ฟังก็นิ่งเงียบไป
ใช่ยังไงเซฟก็คือต้น ยังไงเขาก็ให้กำลังฉันมาตลอด ยังไงเขาก็ช่วยเหลือฉันมาตลอด ยังไงเขาก็มีความรู้สึกดีๆ กับฉัน ยังไงฉันก็รักเขาฉันรักต้น
"หนูไปก่อนนะคะพี่!" ฉันพูดพลางคว้าเสื้อโค้ท "หนูต้องรีบไปสนามบินก่อนเครื่องบินจะออก และก็ขอบคุณมากนะคะ พี่ลายผ้า พี่ลูกไม้" ฉันเห็นพวกพี่ยิ้มให้ฉัน ฉันยิ้มตอบแล้วรีบเอารถคันเก่าของพ่อขับออกไปทันที ใช่ถึงฉันจะขับไม่คล่อง แต่เมื่อตัดสินใจแล้วฉันก็ต้องทำ ฉันคือแพรงาม ชุวามนุษย์ คนแน่นอนนี่นา!
ตอนนี้ฉันอยู่ที่ดอนเมืองแล้ว ฉันวิ่งมองหาต้นไปทั่ว แต่ไม่เจอเลย วิ่งหาไปเรื่อยๆ แม้แต่ในห้องน้ำชาย และฉันก็เห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถือโทรโข่งไว้ รู้สึกว่าคนๆ นี้เขาจะนำคณะทัวร์ไปเที่ยวล่ะมั้ง ฉันจึงยืมโทรโข่งเขามาแล้วตะโกนไปทั่วดอนเมือง
"เจ้าต้น พีรพล เจนิทีระ นายฟังนะเจ้าคนบ้า ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอคิดยังไงถึงหนีฉันไป" ยิ่งฉันพูด น้ำตาฉันก็ยิ่งไหล "แต่ฉันคิดว่า เธอคงคิดว่าฉันเกลียดเธอสินะ เลยประชตฉัน ไปไกลๆ หน้าฉัน ฮึกแต่ถึงยังไงเราก็รู้สึกดีๆ ต่อกันไม่ใช่เหรอ ฮือๆ ถึงยังไง ฉันก็จะพบเธอให้ได้ ฉันจะไม่ให้เธอไป เข้าใจมั้ย ฮือๆ" ฉันหยุดพูด แล้วก้มหน้าร้องไห้พลางกุมสายสร้อยที่ต้นให้มา เมื่อเงยหน้า ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังลงบันไดเลื่อนมาพอดี
ต้นนี่!
เมื่อต้นลงจากบันไดเลื่อนมาถึงพื้น เขาก็ยืนมองหน้าฉัน ฉันก็มองหน้าเขา แล้วเขาก็เดินมาที่ฉัน ก่อนจะทิ้งกระเป๋าแล้วกอดฉันไว้ในอ้อมแขนของเขา หน้าฉันซบลงบนไหล่ของเขา
"ตู๊ด เจ้า ตู๊ดๆๆ" ฉันว่า "ปล่อยนะ อายชาวบ้านเขา!" ต้นยิ้มนิดๆ แล้วปล่อยฉัน
"ฉันว่าที่เธอตะโกนเมื่อกี๊น่าอายกว่านะ เอ้อฉันไม่ได้ตั้งใจจะประชตเธอนะ" ต้นอธิบาย "แต่ฉันไม่กล้าสู้หน้าเธอตะหากล่ะ และอีกอย่างที่ฉันจะไปอังกฤษเพราะฉันอยากไปอยู่อย่างพร้อมหน้ากันกับพ่อแม่" ขณะเขาพูด เขาจับแก้มฉันแล้วเอานิ้วโป้งเช็ดน้ำตาฉัน
"ฉันเข้าใจ" ฉันพูดพลางจับมือเขา "จริงๆ ฉันก็คิดว่าเธออยากไปอยู่กับพ่อแม่เธอแหละนะ แต่อีกอย่างฉันแค่คิดว่าเธอคิดว่าฉันเกลียดเธอ ฉันอยากมาอธิบายว่ามันไม่ใช่นะ คือ" ฉันนิ่งเงียบมองหน้าเขา ต้นทำสีหน้างงๆ พอเขาทำหน้าอย่างนี้ รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักจริงๆ เล๊ย!
"จุ๊บ!" ครั้งนี้ฉันจูบแก้มต้นบ้าง เขาเขินสุดๆ เลยหละ "ฉันรักใจเธอที่เป็นเซฟ และฉันก็รักเธอที่เธอเป็นต้นด้วย" เมื่อต้นได้ฟังเขายิ้ม เราได้แต่สบตากันอยู่อย่างนั้น ไม่กล้ากอดหรือจูบแล้ว อายคน -_-"
"ฉันต้องไปแล้วนะ อีก 4 ปีเจอกันนะแพร" เขาพูดแล้วหยิบกระเป๋า
"บ๊ายบาย ฝากสวัสดีพ่อแม่เธอด้วยล่ะ" ฉันพูด "อีก 4 ปีนะ อย่าลืมนะต้น" ต้นเดินหันหลังไปแล้วโบกมือให้ฉัน ฉันโบกมือตอบ แล้วเขาห็หันหลังให้แล้ววิ่งไปเลย
ฉันมองเครื่องบินที่ต้นนั่งอยู่พลางกุมสร้อยคอไว้ ฉันแน่ใจนะว่าเราจะต้องได้พบกันอีก
---------------------------------------------------------------
4 ปีผ่านไป
ฉันเดินออกจากโรงเรียนตอน 4 โมงกว่าๆ วันนี้ฟ้าโปร่งดีเหลือเกิน ดาวคงสวยแน่ๆ เลย
"สวัสดีค่ะ อาจารย์แพรงาม" นักเรียนคนหนึ่งกล่าวเมื่อเจอฉัน
"สวัสดีจ้ะ" ฉันตอบไป
เย็นนี้ฉันมาซื้อของกินเล่นแถวบางแสน กะว่าจะไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านน่ะ เฮ้อ! ตั้งแต่พี่ลายผ้ากับพี่ลูกไม้ออกไปแต่งงาน ฉันก็ต้องทำงานบ้านช่วยแม่ด้วยนะ วันนี้ก็สอนนักเรียนมาเหนื่อย กลับไปก็ต้องไปสอนกังฟูอีกที่บ้าน ฉันจึงหันไปมองทะเลเพื่อจะได้ผ่อนคลาย แล้วอยู่อย่างนั้นตั้งนานจนมืดค่ำ ดาวสวยอย่างที่คิดไว้เลย แต่แล้ว ฉันก็นึกอะไรบางอย่างที่นึกมาตลอด 4 ปี
ฉันกุมสร้อยคอสีดำจี้รูปดาวสีฟ้าที่ต้นให้ฉันมาเมื่อ 4 ปีก่อน พอมองดาวแล้วจิตใจฉันรู้สึกสบายใจขึ้นนะในเวลาปกติน่ะ แต่ก็รู้สึกเหงาเหลือเกิน
"ต้น ฉันคิดถึงเธออยากเจอเธอเร็วๆ จัง" ฉันกระซิบกับดวงดาว แต่แล้วก็มือของใครไม่รู้มาปิดตาฉันทางด้านหลัง "ใครน่ะ!?" ฉันร้อง เมื่อหันกลับไป คนๆ นั้นคือ
ต้นยืนอยู่ตรงหน้าฉัน เขาดูเท่ห์กว่าแต่ก่อนอีกนะ เขายิ้ม แล้วพูดว่า "ฉันกลับมาแล้ว"
3 กุมภาพันธ์ 2547 22:53 น.
Nonmin
วันต่อมา ผมเห็นแพรแต่งตัวซะสวยปิ๊งเชียว เธอใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเหลือง ทำให้ผิวเธอดูสว่างขึ้น กับกางเกงยีนส์สีดำทำให้สะโพกดูเล็กลงหน่อย แล้วเธอก็ออกไป ผมแอบตามเธอไปทีหลัง
เมื่อมาถึง ผมเห็นแพรเดินไปมาแถวหาดบางแสน หน้าเป็นสีชมพูด้วยความตื่นเต้น แล้วในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินไปข้างหลังเธอ เธอหันมายิ้ม แต่ก็หุบยิ้มนั้นลง เมื่อเห็นผม
"เธอมาทำอะไรที่นี่ต้น" เธอถาม "เอ๊ะหรือว่าเธอเอ้อ คงไม่ใช่หรอกเนอะ" เธอพูดอีก ผมทำหน้าเศร้า เพราะความรู้สึกที่มันตื้นตันมันยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แล้วแพรก็พูดอีก "เธอคงไม่ใช่เซฟหรอกเนอะ"
"ฉันนี่แหละ เซฟ" ผมพูด แพรนิ่งเงียบไป น้ำตาเริ่มคลอ "นึกแล้วเชียวว่าเธอต้องเกลียดฉัน" ผมพูด ชักอยากจะร้องไห้ขึ้นมาบ้าง แล้วแพรก็ตบหน้าผม
"นายมันบ้า ทำไมถึงไม่เคยบอก ทำไมโกหกกันมาตลอด บ้าที่สุด" แพรว่าแล้วร้องไห้ก่อนจะวิ่งหนีไป ผมจับแก้มตัวเอง รู้สึกอยากจะร้องไห้จริงๆ ไม่เคยมีใครทำให้ผมเศร้าขนาดนี้เลย
ผมกลับมาบ้านในตอน 5 ทุ่ม เพราะเอาแต่เที่ยวไปทั่วจะได้ผ่อนคลายอารมณ์ ทุกคนในบ้านคงนอนกันหมดแล้ว เมื่อผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและจะเข้าห้อง ก็มาเจอแพรยืนรออยู่หน้าห้อง
"เราต้องคุยกันนะ" แพรว่า แล้วเราก็เข้าห้องผมด้วยกัน แพรใส่เสื้อกระโปรงยืด ปล่อยผมยาวสีน้ำตาล ดังนั้นทุกครั้งที่ผมของแพรสะบัด ผมจะรู้สึกชื้นใจบ้าง "ทำไมนายถึงคิดว่าฉันเกลียดนายน่ะ" แพรร้อง และทำหน้าย่น ผมมองหน้าเธอ
"ก็เธอเย็นชากับฉันมาก เฮอะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ราชินีเหรอ? เธอทำให้ฉันรู้สึกแย่ แทบทุกครั้งที่เราพูดกัน เธอรู้ตัวบ้างมั้ย ฮ้า!" ผมว่า แพรได้ฟังก็ก้มหน้า หน้าเธอหายย่นแล้ว แต่ดูเหมือนน้ำตาจะไหลอีก เธอนั่งลงบนเตียงผม กริยาของเธอทำให้ผมเก้อมาก เธอปาดน้ำตา ร้องฮึกๆ T_T
"ฉันทำตัวแบบนั้นก็จริงแต่ฉันไม่ได้เกลียดเธอนะ" แพรสบตาผม แล้วอยู่ๆ ร่างกายของผมมันก็ไปเอง เพราะเธอน่ารักจริงๆ ครับ ร่างกายผมมันเข้าไปกอด สัมผัสผมนุ่มๆ ของเธอ เรานอนกอดกันบนเตียงของผม
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด เห็นแพรนั่งอยู่ตรงปลายเตียง เมื่อคืนนี้เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยก็จริงแต่ดูท่าทางเธอยังกะถูกข่มขืนงั้นแหละ ผมจึงเอื้อมมือไปจับตัวเธอ แพรใช้กังฟูจัดการผม "ตุ้บ!พลั่ก!โครม!เปรี้ยง!"แล้วรีบออกไปทันที
เรานี่บ้าจริง! ทำอย่างนั้น-อย่างนั้น เมื่อคืนทำไมฟะ! แพรเลยเกลียดจริงๆ เลย โฮ~!
เหมือนสวรรค์แกล้งเราจริงๆ ครับ แม่ผมซึ่งอยู่ที่อังกฤษมาหาผมถึงบ้านชุวามนุษย์ เพื่อชวนผมกับพ่อไปอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ
"พูดตรงๆ ฉันก็อยากไปนะที่รัก แต่เจ้าลูกชายเรามันก็รักคนอื่นเป็นนะ จะให้ไปทั้งๆ ที่อาลัยอาวรณ์อย่างนี้เหรอ?" คุณพ่อพูดขณะที่เราสามคนพ่อแม่ลูกนั่งอยู่ในห้องรับแขก
"ช่างแพรเขาเถอะพ่อ เขาไม่ได้รักผมหรอก เขาออกจะเกลียดผมด้วยซ้ำ" ผมพูดแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อคืน "ผมจะไปอังกฤษฮะแม่ จะได้หาประสบการณ์" ผมพูดรัวๆ
"จริงๆ นะจ๊ะลูก แม่ดีใจจริงๆ" แม่พูด แล้วเราทั้งสามก็ตกลงว่าจะไปคืนนี้เลย
ผมกับพ่อแจ้งข่าวให้คนในบ้านได้รับรู้ ขณะที่แม่ไปจองตั๋วเครื่องบิน เมื่อแพรได้ฟังเธอเฉยมากครับ เธอเดินเข้าห้องไปทันที ผมเลยยิ่งแน่ใจว่า เธอเกลียดผมจริงๆ โธ่! อย่าโกรธกันเลยแพร เมื่อคืนฉันไม่ได้ XXX เธอซะหน่อย! (แต่ไม่ได้พูดไปหรอกนะครับ ^_^")
ผม พ่อและแม่ออกจากบ้านกันตั้งแต่ 1 ทุ่ม ทุกคนในบ้านชุวามนุษย์มาส่งเรา ยกเว้นแพรซึ่งอยู่ในห้องคนเดียว เมื่อเรากำลังจะขึ้นรถไปดอนเมือง ผมมองมาที่หน้าต่างห้องของแพรเป็นครั้งสุดท้าย แล้วน้ำตาลูกผู้ชายมันก็ไหลมาหยดหนึ่ง
ฉันแค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันรัก
อยากให้เธอได้ประจักษ์รักแค่ไหน
ฉันแค่อยากให้เธอรู้ฉันห่วงใย
รักแค่ไหนไงก็ตายได้แทนเธอ
ลาก่อนนะแพร เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว
3 กุมภาพันธ์ 2547 22:48 น.
Nonmin
ต้นแทบไม่พูดอะไรเลย เขาหาเศษกิ่งไม้มาปั่นแล้วไฟก็ขึ้น ทำให้เราสองคนรู้สึกอุ่นสบายบ้าง แต่ภายในกลับรู้สึกอึดอัด เราสองคนได้แต่มองดูดาวท่ามกลางป่าอย่างเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่แล้วฉันก็เห็นต้นกำลังเอาผ้าเช็ดหน้าเปียกของเขา พยายามจะพันหัวเข่าด้านซ้ายที่มีเลือดออก
"นายนี่ล่ะก็! ทำไมไม่บอกล่ะ" ฉันว่า "ไปโดนอะไรมาเนี่ย!"
"ตอนที่ตกลงมาจากน้ำตก ขามันไปโดนโขดหินน่ะ" เขาตอบเสียงแผ่วๆ ฉันทำเสียงฮึดฮัดแล้วคว้าผ้าเช็ดหน้าของเขามา "ฉันทำให้นะ"
ฉันเช็ดแผลให้เขาแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าพันตามที่แม่เคยสอน "เอาล่ะ! เสร็จแล้ว" ฉันพูดพลางยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองต้น อยู่ๆ เขาก็มองลึกเข้าไปในดวงตาฉัน แล้วจับมือฉันเอาไว้ "ทำอะไรของนายนายคิดจะแกล้งฉันอีกแล้วใช่มั้ย" ฉันว่าแล้วน้ำตาก็ไหลมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะไปนึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อน แล้วพยายามดึงมือออกจากมือของต้น แต่เขาไม่ยอมปล่อย
"ครั้งนี้ฉันไม่ได้โกหกนะแพร ฉันฉันเอ้อฉันฉันรักเธอนะ!" เขาพูดเสียงดัง
"นายจะหลอกฉันไปอีกถึงไหนฮึ เจ้าคนจอมหลอกลวง!" ฉันว่าเสียงดังบ้าง แต่เขาก็จูบฉัน
เฮ้ๆๆๆๆ!
"เธอเชื่อฉันสักครั้งได้ไหม" เขากระซิบแล้วกอดฉันไว้แน่น จริงๆ นะ มันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลย คืนนี้ฉันจึงนอนกอดกับเขา แต่ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นนะ อย่าเข้าใจผิด! >///
เช้าวันต่อมา เราสองคนต่างก็ปีนโขดหินไปด้วยกัน โขดหินทั้งลื่นและเปียกเพราะน้ำตกกระเด็นมาโดนเมื่อกระทบก็โขดหิน ต้นพยายามจับมือฉันไว้ตลอด แล้วในที่สุดเราก็ขึ้นมาข้างบนได้ ก็เราสองคนเป็นนักกังฟูนี่นาถึงทำได้ เราแข็งแรงพอตัวอยู่แล้วน่ะการกลับมาค่ายของเราตอนนี้เป็นที่ดีใจของเพื่อนๆ และอาจารย์มาก แล้วเราก็กลับบ้านอย่างปลอดภัย และครั้งนี้ก็ทำให้ฉันแน่ใจว่า ต้นรักฉันจริงๆ แล้วแต่ฉันไม่ได้รักเขาเลย ถึงจะผูกพันธ์มากนักก็เถอะ
วันหนึ่งในวันเสาร์หลังจากที่เราจบการศึกษาจากชั้น ม.6 แล้วนั้นเอง ต้นก็เดินมาที่ฉันที่โต๊ะหินอ่อนในสนามหลังบ้าน แล้วเขาก็ใส่สร้อยคอสีดำจี้รูปดาวสีฟ้าให้ฉันทันที "ฉันให้เธอแพร" เขาพูดเขินๆ "เอ้อเธอเธอรับรรรักฉันดได้ไหม" คำพูดนั้นของเขาทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจ
"ฉันมีคนรักอยู่แล้ว เธอเอาคืนไปเถอะ" ฉันพูดตรงๆ มันจะได้ไม่เกินเลยไปมากกว่านี้ ต้นนิ่งเงียบไป เขาเบิกตาแล้วหันหลังให้ "เธอเก็บมันไว้เถอะ เธอเป็นคนมีเสน่ห์นี่ คงมีคนที่โรงเรียนมาชอบเธอหลายคนสินะ" ก่อนจะวิ่งไป
"ไม่ใช่คนที่โรงเรียนนะต้น แต่เป็นเพื่อนอินเตอร์เน็ตของฉัน!" ฉันตะโกนไล่หลัง ต้นหยุดเดิน "เราเปิด MSN คุยกันเสมอตั้งแต่ 1 ทุ่มของทุกคืน ฉันรู้จักเขามา 2 ปีได้แล้ว ทุกคำที่เขาพิมพ์มาทำให้ฉันรู้สึกรักเขา คือ มันไม่ใช่คำหวานๆ อะไรหรอกนะ แต่มันเป็นคำแนะนำดีๆ ที่เขาให้ฉันต่างหากล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน หรือกังฟู ทำให้ฉันชอบเขาถึงกับขนาดจะเรียกว่ารักเลยก็ได้"
"หมอนั่นชื่ออะไร" ต้นถาม
"ใน MSN น่ะ เขาใช้ชื่อว่า Safe" พอพูดจบ ต้นก็เดินต่อไป ฉันรู้นะว่ามันอาจจะทำร้ายจิตใจต้นมากไป
ขอโทษนะ ต้น
เวลา 1 ทุ่มตรง
-- แพรงาม --
หวัดดีค่ะเซฟ แพรมีเรื่องมาเล่าให้ฟังแหละ!
-- Safe --
เรื่องอะไรครับแพร อยากรู้ๆๆ ^_^
-- แพรงาม --
คือคู่หมั้นของแพรที่เคยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ เขามาสารภาพรัก แต่แพรมีคนรักอยู่แล้ว ดูเขาเศร้าจริงๆ
-- Safe --
ฮ้า! แพรมีคนรักอยู่แล้วเหรออืม แต่ในกรณีนี้ผมว่าทำเป็นเพื่อนกับเขาดีกว่าครับ จะดีที่สุด
-- แพรงาม --
ขอบคุณมากนะ เซฟ ^/I^
-- Safe --
เว่อร์ไปมั้งครับ ว่าแต่แพรรักใครเหรอ อยากรู้ๆๆๆๆ ^_^
ฉันคิดว่า สงสัยคงต้องบอกแล้วหละ
-- แพรงาม --
เซฟรู้มั้ยคะ ตั้งแต่วันแรกที่คุยกับคุณ แพรรู้สึกดีมากเลยนะ
-- Safe --
ฮ้า อย่าบอกนะว่าแพรรักผมน่ะ ฮุฮุ (ล้อเล่นนะครับ)
-- แพรงาม --
ก็ใช่น่ะสิ
-- Safe --
โธ่ แพรอย่าล้อผมเล่นน่า
-- แพรงาม --
จริงๆ ค่ะ แพรชอบคุณถึงจะไม่เคยเห็นหน้มาก่อน เพราะคุณให้กำลังใจแพรเสมอเลย ขอบคุณมากนะคะ
-- Safe --
ฮะ
-- แพรงาม --
เรามาพบกันหน่อยที่หาดบางแสนพรุ่งนี้ได้มั้ยคะ แพรรักคุณจริงๆ จะได้ถอนหมั้นกับต้น
-- Safe --
น่าสงสารต้นเขาออก แต่ก็ได้ครับ พรุ่งนี้ 10 โมงนะครับ
-- แพรงาม --
จ้า ราตรีสวัสดิ์นะคะ เซฟ
ฉันปิดคอม แล้วล้มตัวนอนบนเตียงพลางมองไปนอกหน้าต่าง ดวงดาวสุกใสระยิบระยับเหมือนทุกๆ วัน แต่สวยงามกว่าเก่า ฉันดีใจจริงๆ ที่จะได้พบเซฟเสียที
2 กุมภาพันธ์ 2547 22:31 น.
Nonmin
วันต่อมา เมื่อเราเดินมาโรงเรียน ผมก็แกล้งทำเป็นโอบไหล่เธอ ฮ่าๆ คุณน่าจะเห็นหน้ายายนั่นนะครับ แดงยังกะก้นลูกลิง แพรกระซิบเบาๆ ว่า "ทำอะไรของนายน่ะ"
"ก็เราเป็นคู่หมั้นกันนี่จ๊ะ ดาร์ลิ่ง! จุ๊บ" ผมทำเป็นจุ๊บแก้มแพรอีก ไม่อายหรอกครับ ตอนประถมผมเองก็ใช่ย่อยนะ จูบแก้มเพื่อนผู้หญิงมาเยอะแล้วเหมือนกัน ยังเคยเผลอหอมแก้มกะเทยด้วยซ้ำ ฮือ T_T
"ว้าย!" แพรร้องแล้วผลักผมก่อนจะวิ่งหนีไปด้วยใบหน้าที่แดงเป็นก้นแม่ลิง
เฮอะ ยายแพรบ้า คิดเป็นจริงเป็นจังไปได้ ใครเขาอยากจะหลงรักผู้หญิงชอบใช้กำลังอย่างเธอกัน
แต่แก้มยายแพรก็นุ่มดีนะ ///
ตอนกลางวัน ผมก็ว่าจะแกล้งยายแพรอีกซะหน่อย ว่าจะชวนไปกินข้าวกันนะครับ แล้วพอยายแพรเผลอก็สาดน้ำใส่ ฮ่าๆ คงมันส์น่าดู แต่ผมดันหาแพรไม่เจอนี่สิ จึงลองมาหาแถวกรงกระต่ายหลังโรงเรียน เห็นแพรกำลังให้อาหารกระต่ายอยู่ ผมจึงแอบมองอยู่ห่างๆ
"เต้าหู้ เต้าทึง เต้าส่วน เต้าเจี้ยว มากินนี่สิจ๊ะ" แพรพูดอย่างอ่อนหวานซึ่งผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอเอามือลูบหัวเจ้ากระต่ายทีละตัวเบาๆ แล้วยิ้ม
น่ารักเหมือนกันนะ
แล้วอยู่ๆ ยายแพรก็หันมาทางผม ดูท่าทางเธอเขินสุดๆ เลยครับ แพรลุกขึ้นออกจากกรงกระต่ายเดินมาที่ผม แล้วยิ้มให้ก่อนจะพูดว่า "ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย"
"เอ้อไปสิไป"
ผมเป็นอะไรไปเนี่ย
ผมแกล้งแพรไม่ลงเลย อยู่ๆ คนที่หวั่นไหวขึ้นมาดันเป็นผมเสียเอง คงเพราะผมยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่น่ารัก อ่อนหวาน โรแมนติกถึงขนาดชอบดูดาวตอนดึกๆ อย่างแพรล่ะมั้งครับ แต่อีกด้านหนึ่งเธอกลับเป็นคนที่อามรมณ์ร้าย เข้าใจยากแถมยังชอบใช้กำลังแบบนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาจริงๆ
ตอนเย็นก่อนเลิกเรียน อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนถิรพิทยาประชาสัมพันธ์ผ่านไมโครโฟนว่า "สวัสดีตอนเย็น นักเรียนที่รักทุกคน วันนี้ครูมีประชาสัมพันธ์ให้เด็ก ม.6 คนใดที่สนใจไปค่ายที่ป่า XXX เพื่อทำพิธีอำลาจากโรงเรียน ก็เชิญมาติดต่อได้ที่ห้องธุรการนะครับ"
"เฮ้ย! ต้น นายจะไปมั้ย" เพื่อนคนหนึ่งถาม ขณะนั้นเรานั่งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน
"ไปสิ" ผมตอบไป
"เจ้าต้นต้องไปอยู่แล้วหละ" เพื่อนอีกคนพูด "เมื่อเช้าเห็นนายทำเป็นเกี้ยวแพรงามอยู่เลยนี่ แหม ที่นั่นมีทั้งต้นไม้เขียวขจีเหมาะแก่การจู๋จี๋กันดีเนอะ ฮ่าๆ"
"จเจ้าบ้า!" ผมว่าเสียงดัง หน้าแดง "ที่ฉันทำเป็นเกี้ยวยายแพรเพราะแค่อยากจะแกล้งเล่นเท่านั้นเองเฟ้ย! ใครจะไปสนยายผู้หญิงที่ชอบใช้กำลัง"
"ตูม"
"อ๊าก!" ผมร้อง เพราะอยู่ๆ กระเป๋าก็ฟาดลงบนหัวผมอ๊ะ แพร
ยายแพรยืนอยู่ ผมรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิต แต่แล้วอยู่ๆ ก็เห็นแพรน้ำตาคลอ "คน ตู๊ดๆๆๆๆๆ" แพรร้องด่าผม (จาก Nonmin: เซ็นเซอร์อีกแล้วค่ะ คำด่าแบบนี้) แล้วแพรก็วิ่งไปทันที
ผมรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันทีขอโทษนะแพร
แล้วในที่สุด วันที่ไปเข้าค่ายที่ป่า XXX ก็มาถึง พวกนักเรียน ม.6 แห่งโรงเรียนถิรพิทยาทุกคนต่างสนุกสนานกันยกใหญ่ ผมเห็นแพรกระโดดโลดเต้นกับเพื่อนๆ อย่างมีความสุข พอเห็นรอยยิ้มของเธอ เป็นไงไม่รู้ ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทำให้ต้องยิ้มไปพร้อมกับเธอ แม้จะรู้ว่าตอนนี้เธอสุดแสนจะเกลียดผมมากนักก็ตาม
ตกค่ำ แพรอาสาไปล้างจานให้กลุ่มของเธอที่ธารน้ำ ผมจึงแอบตามเธอไปห่างๆ พูดตรงๆ เลยนะครับ ที่ผมตามเธอไป เพราะผมเป็นห่วงเธอ มืดค่ำป่านนี้แล้วนี่ แล้วอยู่ๆ ผมเห็นเจ้าลิงบ้าตัวหนึ่งทำท่าจะกระโดดข้ามธารน้ำ แต่มันคงกลัวตกน้ำมั้งครับ เลยต้องต้องไต่หลังแพรแล้วโดดไป ยายแพรเลยตกลงไปในน้ำเลยครับ "กรี๊ด! ช่วยด้วย" เสียงร้องของเธอแหลมดีจริงๆ ครับ แถมว่ายน้ำป๋อมแป๋มทั้งที่กระแสน้ำแรงขนาดนั้น ฮ่าๆ ฮ่า -_-"
เฮ้ย! แพรตกน้ำ!!!!!!!!!!!!!!!
ผมรีบโดดลงไปช่วยเธอทันที แต่เป็นไงไม่รู้ เหมือนฟ้าแกล้งกันเลย กระแสน้ำแรงขึ้นทุกทีๆ ผมจึงพาแพรขึ้นไปไม่ได้ แพรกอดผมไว้แน่น แล้วเราสองคนก็ลอยตามน้ำมาเรื่อยๆ แต่ข้างหน้าเฮ้ย! น้ำตกนี่!!!!!!!
เราตกลงไปในน้ำตกด้านล่างด้วยกันโธ่! เราต้องไม่ตายนะ ผมรู้สึกรักแพรจริงๆ แล้ว จะให้ตายโดยที่ยังไม่สารภาพความในใจอย่างนี้น่ะเหรอ!? อ๊ะ
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!" แหม เกือบลืมร้องแน่ะ -_-"