13 กรกฎาคม 2546 16:02 น.
Nonmin
"พ่อกับแม่จะไปออสเตรเลียหรือคะ!?" ฉันถามด้วยความตกใจ พ่อกับแม่ยิ้มเศร้าๆ แล้วแม่ก็พูดว่า "ใช่พ่อกับแม่ได้งานที่นั่นแพร ลูกต้องเข้าใจพ่อกับแม่นะจ๊ะ มันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ไปเป็นครูของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ที่เราไม่รับลูกไปด้วยเพราะว่า ลูกจะต้องเรียนให้จบ ม.6 ปีนี้เสียก่อนจึงค่อยตามพ่อแม่ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย" เมื่อได้ฟัง หัวใจที่ไร้เดียงสาของฉันเหมือนแตกสลาย ไม่แพรเราจะต้องไม่ร้องไห้
"แล้วหนูจะไปอยู่กับใครในเวลาที่หนูเรียน ม.6 ล่ะคะ?" ฉันถามเสียงสั่นๆ พ่อรีบพูดขึ้นว่า "ไปอยู่กับพี่เอกของลูกที่บ้านพี่สะใภ้ไงล่ะพ่อรู้นะ ว่าพวกญาติๆ ของพี่สะใภ้เขาไม่ชอบลูก แต่ลูกต้องอดทน รออีกสองเดือนเท่านั้น ลูกก็จะเรียนจบ ม.6 แล้วจะได้ไปเรียนที่มหา'ลัยที่ออสเตรเลีย ไปอยู่กับพ่อแม่" เมื่อฉันได้ฟังก็รู้สึกเหมือนอิฐกระทบหัวอย่างจัง "เปรี้ยง!" ฉันต้องไปอยู่บ้านพี่สะใภ้เหรอ? ทั้งๆ ที่พวกเขาเกลียดฉันจะตาย?
สองวันต่อมาฉันก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของพี่นกซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของฉัน เมื่อมาถึงหน้ารั้ว คนรับใช้คนหนึ่งก็เอาจดหมายมาส่งให้ฉัน เป็นจดหมายจากพี่เอก พี่ชายของฉัน
'ถึง แพร
พี่ต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกข่าวร้ายให้แพรรู้ว่า พี่ต้องไปทำงานที่อเมริกากับนกอย่าเร่งด่วนก่อนหน้าที่แพรจะมาอยู่ที่นี่หนึ่งวัน พี่ขอโทษจริงๆพี่ไม่รู้ว่าแพรจะตัดสินใจอย่างไร แพรจะอยู่ที่บ้านของนกหรือเปล่า? แต่ถ้าแพรตัดสินใจจะอยู่ที่บ้านของนก แพรก็ไปเจรจากับคุณป้ากัลยาเอาเอง ถึงคุณป้าเขาจะไม่ชอบแพร แต่พี่ก็ขอให้แพรอดทนไว้ จนกว่าจะถึงวันสุดท้ายที่แพรจะได้ไปอยู่ที่ออสเตรเลีย
จากพี่เอก'
เมื่ออ่านจดหมายจบ ฉันก็อยากจะปล่อยโฮออกมาเดี๋ยวนั้น ฉันต้องไปพูดกับนางยักษ์กัลยา คุณแม่ของพี่นกผู้โหดร้ายนั่นด้วยตนเองน่ะหรือ? แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เมื่อเดินเข้ามาพบกับคุณกัลยา ฉันจึงยกมือสวัสดี แต่นางยักษ์กัลยาไม่สวัสดีตอบ แต่กลับพูดว่า
"ทำไมตาเอกถึงต้องเอายายเด็กคนนี้มาให้ฉันเลี้ยงด้วยนะนี่! ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเมตตาที่จะให้เด็กยากไร้มาอยู่! ฉันไม่ต้องการอุปการะเธอ!" เมื่อได้ฟัง ฉันก็เกิดอาการเลือดขึ้นหน้า ฉันจึงกัดลิ้นและพูดว่า "หนูไม่ใช่เด็กยากไร้ค่ะ และหนูไม่ได้ต้องการที่จะให้คุณมาอุปการะหนู เพียงแต่หนูต้องการให้คุณใจดีรับหนูเข้ามาอยู่ที่นี่เพียงสองเดือน หนูสัญญาค่ะว่าถ้าหนูจบ ม.6 เมื่อไหร่ หนูจะออกจากบ้านหลังนี้ไปทันที" เมื่อฉันพูดจบ ดูเหมือนคุณกัลยาจะโกรธนิดหน่อยที่ฉันกล้าพูดโดยไม่แสดงอาการสะทกสะท้านอย่างใดเลย
"ได้ที่ฉันให้เธอเข้ามาอยู่เพราะฉันเห็นว่าถึงยังไงเธอก็เป็นน้องสาวของตาเอกที่ดีกับฉันมาตลอด แต่ในเมื่อเธอไม่ใช่ญาติฉัน ฉันก็จะไม่ให้เธออยู่ฟรี! เธอจะต้องทำงานเหมือนคนรับใช้ที่นี่!" คุณกัลยาพูด ฉันคิดว่าถ้าฉันปฏิเสธฉันก็จะไม่ได้อยู่เอาเถอะแพร ตอบตกลงเขาไป ทนอีกแค่สองเดือนเท่านั้นแล้วฉันก็พยักหน้า
ฉันทำงานหนักทุกอย่าง ฉันต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาเก็บที่นอนที่ห้องของฉัน แล้วมากวาดพื้น ถูพื้น เตรียมอาหารเช้าให้คุณกัลยา กับลูกชายคนรองที่ชื่อว่าคุณพิท เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วหลังจากนั้นฉันก็เดินไปโรงเรียน พอกลับมาในตอน 4 โมงฉันก็ต้องปัด กวาด เช็ด ถูบ้านแล้วเตรียมอาหารเย็นอีกฉันทำงานหนักทุกวัน เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณกัลยาให้ฉันอยู่ที่นี่
จนเมื่อเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนฉันก็ได้ยินคนรับใช้คุยกันถึงเรื่องลูกชายคนเล็กของคุณกัลยา ฉันจึงถามว่าเรื่องเป็นอย่างไร พี่รินจึงเล่าให้ฉันฟัง "เขาชื่อคุณวาทิน เป็นลูกชายคนเล็กของคุณกัลยาน่ะ เขาไปอยู่ที่อเมริกากับพ่อของเขาเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้เขาเพิ่งเรียนจบ ม.6 กำลังจะกลับมาที่กรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้" เมื่อฉันได้ฟังก็เข้านอน แล้วก็ภาวนาอยู่ในใจ "ขอให้คุณวาทินเป็นคนใจดี อย่าให้เหมือนคุณกัลยา หรือคุณพิทเลยนะ"
วันต่อมาซึ่งเป็นวันเสาร์ ขณะที่ฉันกำลังทำความสะอาดหน้าบ้านอยู่ ก็เห็นรถเก๋งคันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน คนที่ลงจากรถมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี อายุพอๆ กันกับฉัน เขาแต่งตัวดีแล้วเดินเข้ามาในบ้าน ฉันหลบทางให้เขาเดินผ่าน และคิดในใจว่าคนนี้แหละคุณวาทิน แต่เขาไม่หันมามองฉันเลยเขาเข้าไปในบ้าน คุณกัลยากับคุณพิทออกมาต้อนรับ ในขณะที่ฉันแอบมองอยู่นั้นเอง คุณกัลยาก็ทำสีหน้าน่ากลัวจ้องมาที่ฉันเหมือนจะบอกว่า "อย่ามองลูกชายฉันนะ!" ดังนั้นฉันจึงทำงานต่อไป
คุณวาทินเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด แต่เขาก็ดีกว่าแม่และพี่ชายของเขา เขาไม่ได้รังเกียจฉัน บางวันที่ฉันเดินกลับจากโรงเรียนเขาจะยิ้มให้ฉัน บางครั้งก็พูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับฉัน ฉันคิดว่าตัวเองชอบเขา จึงแอบมองอยู่ห่างๆ เสมอๆ
ความสัมพันธ์ของฉันกับเขามันเริ่มขึ้นในคืนที่มีงานเลี้ยงของบริษัท ซึ่งคุณกัลยาเป็นประธาน คุณกัลยาสั่งให้ฉันเฝ้าบ้าน แต่คุณวาทินรีบมาพูด "โธ่! แม่ฮะ! แพรงามเขาไม่ใช่คนใช้สักหน่อย ให้เขาไปงานเลี้ยงนี่เถอะนะครับแม่" ดูท่าทางคุณกัลยาไม่อยากขัดใจลูกชายคนเล็ก จึงตามใจ แต่แล้วคุณพิทก็พูดกับคุณวาทินว่า "ไปดีกับยายนี่ทำไม" แต่คุณวาทินไม่สนใจคำพูดของคุณพิท แล้วเขาก็พาฉันไปร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเขาบ่นว่า "ฉันเบื่อแม่กับพี่ฉันจริงๆ ที่พวกเขาชอบทำตัวเหมือนกับว่าตัวเองดีเสมอ" ฉันมองหน้าเขาแล้วรู้สึกแปลกๆ
หลังจากที่ฉันถูกเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ถูกจับใส่ชุดงานเลี้ยงเลิศหรู ก็รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนร่างเป็นคุณหนูไปเลย ฉันรีบพูดกับคุณวาทินว่า "ฉฉันไม่รู้ว่าจะขอบคุณคุณยังไงดี" คุณวาทินยิ้มแล้วเราสองคนก็ไปที่งานเลี้ยงแห่งนั้นด้วยกัน
เมื่อมาถึงคุณกัลยากับคุณพิทถึงกับอึ้ง คุณกัลยาเกิดอาการหมั่นไส้ฉันนิดหน่อยจึงทาบทามคุณวาทินให้รู้จักกับคุณหนูคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของประธานบริษัทที่ชื่อว่า คุณวิลาสินี เมื่อเธอเห็นฉันเข้าก็เข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นแฟนคุณวาทิน หล่อนจึงถามว่า "เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใครกัน มาทำตัวสนิทกับคุณวาทิน?" ฉันได้ฟังก็โมโหนิดหน่อยแล้วพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า "พ่อแม่ของฉันเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ออสเตรเลียส่วนการที่ฉันจะสนิทหรือจะพูดคุยกับใครนั้นมันเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่คุณไม่ควรจะยุ่ง" เมื่อวิลาสินีได้ฟังก็สาดน้ำใส่ฉันแล้วทำท่าจะตบ จนคนข้างๆ ต้องรีบมาห้ามไว้ฉันตกใจนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกสะใจที่ได้พูดคำๆ นั้นออกมา
แล้วพวกเราทั้งหมดก็กลับบ้าน คุณพิทกับคุณกัลยาเปลี่ยนทีท่าเมื่อรู้ว่าพ่อกับแม่เป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในออสเตรเลีย ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก เพราะอีกไม่กี่วันนี้ฉันก็ต้องจากบ้านหลังนี้ไปแล้ว จากกับคุณวาทิน
ฉันตั้งใจว่าจะบอกความรู้สึกจากใจของฉันที่มีให้เขาก่อนวันที่ฉันจะไปและในที่สุดฉันก็ได้รับพิธีจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 วันนั้นเองพ่อโทรเข้ามือถือมาหาฉัน "แพรหรือลูกพ่อดีใจด้วยนะ ที่เรียนจบเสียทีเออ แพร พรุ่งนี้พ่อจะให้คุณลุงข้างบ้านเก่าของเรามารับหนูไปที่ดอนเมืองนะลูก" พ่อพูดขึ้น ฉันได้แต่คิดในใจ "พรุ่งนี้แล้วหรือเร็วจัง" แต่แล้วฉันก็คิดว่าเช้าวันพรุ่งนี้ฉันจะสารภาพรักกับคุณวาทินให้ได้
คืนนั้นเองขณะที่ฉันสางผมอยู่ที่ห้องนอน ก็มีเสียงเคาะประตู ฉันจึงออกไปรับ แต่แล้วก็ตกใจสุดขีดที่พบว่าคนที่เข้ามาหาฉันเป็นคุณวาทิน"เธอจะไปแล้วหรือ" เขาถามฉันเสียงเศร้าๆ ฉันพยักหน้า คิดอยู่ว่าเราจะบอกเขาตอนนี้ก่อนที่มันจะสายไปดีมั๊ย แต่แล้วเขาก็กอดฉันแล้วพูดว่า "ก่อนที่เธอจะไปฉันอยากบอกว่าฉันรักเธอ" ดูเหมือนน้ำตาฉันจะรื้นออกมาฉันกอดตอบเขา
ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ยังคงนึกถึงภาพเมื่อคืนเขาอยู่กับฉันบนเตียงนี้ตลอดแต่ตอนนี้เขาออกไปแล้วหยุดคิดเถอะรักแรกของเธอมันสิ้นสุดแล้ว แพรถึงเธอกับเขาจะมีอะไรกันเมื่อคืน แต่เธอควรตระหนักว่า 'เธอกับเขาต้องแยกจากกัน'
ตอนนี้ฉันอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว และกำลังนั่งรถจะไปที่บ้านของพ่อกับแม่ แล้วทันใดนั้นฉันก็ได้รับเมล์จากมือถือเป็นของวาทิน
"ฉันจะรอเธอจนกว่าเธอจะกลับมานะ แพรงาม"
เมื่อฉันได้อ่านก็ยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกแปลกใจตัวเองแพรงามผู้ไม่เคยร้องไห้แล้วฉันก็ส่งเมล์กลับไป
"ถ้าฉันเรียนจบจากที่ออสเตรเลียแล้วฉันจะกลับไปหาคุณฉันรักคุณค่ะ วาทิน"
2 เมษายน 2546 23:14 น.
Nonmin
"ว้าว! คืนนี้ดาวสวยจังนะ" ฉันพูดขณะมองดูดาวอยู่บนระเบียงบ้าน ซักพักหนึ่งก็มีเสียงหนึ่งเรียกฉัน "มิซึกะ มาทานข้าวได้แล้วลูก" ฉันได้ยินดังนั้นจึงรีบลงจากระเบียงไปทันที หลังจากนั้นเมื่อฉันกินกับข้าวฝีมือแม่จนหมดจานแล้ว แม่ก็พูดกับฉันว่า "มิซึกะ พ่อกับแม่จะไปที่อาโอโมริซักอาทิตย์หนึ่ง ลูกพอจะอยู่คนเดียวได้ไหม" ฉันได้ยินดังนั้นจึงยิ้ม แล้วตอบไปว่า "ไปเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอก" พ่อจึงพูดขึ้นว่า "งั้นพ่อจะซื้อของฝากมาให้มิซึกะนะ ช่วงเวลาที่เราไม่อยู่หวังว่าหนูคงจัดการอะไรเองได้"
วันต่อมา พ่อกับแม่ก็เดินทางไปที่อาโอโมริ ฉันรู้สึกเหงานิดหน่อย เพราะไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อน อีกอย่างนึงช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนด้วย ฉันจึงไม่ได้ไปโรงเรียน ไม่ได้ไปเจอเพื่อนๆ ด้วย "เอาเถอะ! เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว เรามาคิดทำโครงงานให้เสร็จดีกว่า" ฉันว่าก่อนจะเข้าห้องนอนไปเตรียมทำงานอะไรบางอย่าง
ฉันอยู่ชมรมดาราศาสตร์ มีความสนใจเรื่องอวกาศเป็นพิเศษ เมื่อไม่นานมานี้ประธานชมรมของฉัน ก็ได้จัดการประกวดทำโครงงานเรื่องอวกาศในโรงเรียน โดยให้ไปทำมาในช่วงเวลาที่ปิดเทอม ฉันซึ่งมีความสนใจเป็นพิเศษอยู่แล้ว จึงรีบสมัครเข้าร่วมประกวดด้วยทันที แต่รู้สึกว่าวันนี้หัวของฉันจะไม่แล่นเลย ทำให้ฉันคิดโครงงานเรื่องอวกาศไม่ออกเสียที
"โอ๊ย! แล้วแบบนี้จะชนะได้ยังไงล่ะเนี่ย" ฉันร้อง เมื่อมองนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มแล้ว จึงเดินออกไปที่ระเบียงอย่างเช่นทุกๆ วัน ฉันมองดูดวงดาวแล้วก็พบว่าคืนนี้เป็นคืนที่สวยงามเหลือเกิน ฉันเห็นดาวตกด้วย ฉันจึงอธิษฐานขอให้ตัวเองชนะเลิศในการแข่งประกวดโครงงาน แต่เมื่อมองดูดีๆ ดาวนั่นไม่ใช่ดาวตก มันเป็นยานอวกาศขนาดย่อมตะหาก!
"ฉันตกใจมากเมื่อเห็นมันพุ่งมาตรงสวนหลังบ้านฉัน ฉันรีบคว้าไม้กวาดแล้วลงไปดูด้วยความกลัวๆ "มันต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มาขโมยของๆ มนุษย์แน่ๆ ดีละ" ฉันว่าพลางค่อยๆ ย่องไปที่ยานอวกาศนั้น แล้วก็เห็นร่างๆ หนึ่งลุกขึ้น ฉันตกใจรีบเอาไม้กวาดฟาดหัวทันที! "โอ๊ย!" มันร้อง ฉันสังเกตเห็นว่ามันมีแผลอยู่เต็มไปหมด ฉันรู้สึกผิดจึงถามอย่างกลัวๆ ว่า "ขขอโทษนะ ธเธอเป็นอะไรรึเปล่า?" มันหันมาที่ฉัน ตัวของมันถูกคลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ มันพูดว่า "ขข้าไม่เป็นไร" แต่มันก็หมดเรี่ยวแรง ล้มลงไปทันที
ฉันจัดการพามันไปรักษาตัวที่ห้องของฉันแม้จะกลัว ฉันถอดผ้าคลุมหน้าของมัน แล้วก็เห็นใบหน้าของมัน ฉันรู้สึกแปลกใจที่เห็นว่ามนุษย์ต่างดาวผู้นี้ช่างมีหน้าตาที่เหมือนกับคนบนโลกมาก แต่อีกความรู้สึกฉันก็เสียววูบขึ้นมาเฉยๆ เมื่อพบว่ามนุษย์ต่างดาวทำไมถึงหล่อนักนะอ๊ะ! มัวแต่คิดอะไรไร้สาระอยู่ได้ รีบๆ ทำแผลให้เขาเร็ว มิซึกะ!
แล้วฉันก็ตัดสินใจนอนบนพื้นที่ห้อง ในขณะที่มันนอนบนเตียงของฉัน แล้วในตอนเช้าฉันตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหลังบ้าน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามนุษย์ต่างดาวมันมาที่บ้านเราตัวนึงนี่นา ฉันจึงรีบวิ่งไปหลังบ้านทันที "นี่! นายจะทำอะไรน่ะ!" ฉันร้องขึ้นเมื่อเห็นมนุษย์ต่างดาวตัวเมื่อวานกำลังใช้เครื่องอะไรบางอย่างจัดการยานของมัน จนทำให้เสียงดังลั่นไปหมด มันได้มองหน้าฉันและพูดขึ้นว่า "ข้าชื่อเซป ไม่ได้ชื่อนาย! เธอไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของข้า" ฉันได้ยินดังนั้นจึงโมโหทันที "ฉันไม่ได้ชื่อเธอ ฉันชื่อมิซึกะย่ะ!" แต่รู้สึกมันจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย "นี่ จะทำอะไรน่ะ รู้มั๊ย เสียงดังชะมัดน่ารำคาญมากๆ เลยนะ" ฉันว่า มันจึงตอบว่า "ก็ซ่อมยานน่ะสิ" แล้วซักพักมันก็ยิ้ม ก่อนจะหยุดเครื่องนั้น ฉันสังเกตเห็นว่ายานของมันดูดีกว่าเมื่อวานนี้เสียอีก "โอ้โห ยอดเลย นายซ่อมยานได้โดยไม่ต้องออกแรงเลยหรือ" ฉันชม แต่มันกลับตอบว่า "มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนดาวเอิธ ข้าต้องไปแล้ว" มันว่า แต่ฉันรีบห้ามไว้ "อย่าเพิ่งไปสิ แผลของนายยังไม่หายเลยนะ" มันจึงลงมาจากยานแล้วมากินของอะไรในตู้เย็น ฉันรีบห้ามไว้เพราะหวงขนม แล้วจึงทำโจ๊กให้กินแทน
"อืม อาหารของคนชาวโลกนี่อร่อยจริงๆ เลยนะ" มันพูดขึ้นพลางกินโจ๊กอย่างเอร็ดอร่อย ฉันนึกดีใจที่ทำให้มันอารมณ์ดีได้ ฉันจึงพูดว่า "คุณช่วยเล่าเรื่องที่คุณมาบนโลกหน่อยได้มั๊ย?" มันจึงเล่าให้ฟังอย่างเต็มใจ "ข้ามาจากดาวเอิธที่อยู่ห่างจากโลกนี้มาก วันหนึ่งพวกก่อการร้ายจากดาวนัวร์มาขโมยริงเอิธ ซึ่งเป็นแหวนศักดิ์สิทธิ์ของชาวเอิธ และเป็นแหวนที่พลังมาก ข้าจึงได้รับบัญชาจากพระราชาให้มาตามหาริงเอิธ ไม่เช่นนั้นดาวของเราจะเกิดภัยพิบัติในอีก 7 วัน ข้าจึงขับยานไล่ตามพวกมันมาถึงดาวโลก แต่ก็พลาดถ้าถูกพวกมันยิงยานจนทำให้ข้าตกลงมาไงล่ะ" ฉันได้ฟังก็ขนลุกทันที "น่ากลัวจังแต่ว่าโลกนี้กว้างใหญ่มากนะ คุณจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันอยู่ที่ไหน?" ฉันว่า "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันได้จับสัญญาณของริงเอิธพบว่ามันยังอยู่ในที่โตเกียวแห่งนี้" แต่แล้วก็มีปืนพุ่งเข้ามาที่บ้านของฉัน "ว้าย!" ฉันร้อง เซปรีบจับตัวฉันแล้วกระโดดไปยังหลังคา เขาได้รับบาดแผลจากปืนนั้นด้วย
"ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าไง นักรบมือหนึ่งแห่งดาวเอิธ นามเซป" มนุษย์ต่างดาวตัวหนึ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้าพวกเราพูดขึ้น "ถ้าเจ้าอยากได้ริงเอิธคืนก็มาสู้กับข้าซะสิ" มันพูดพลางหยิบแหวนวงหนึ่งมาสวมไว้ เซปร้องเมื่อเห็นแหวนดวงนั้น "อ๊ะ! นั่นมัน ริงเอิธ!?!" เขาพูดขึ้น "แกบังอาจนัก" เขาพูดพลางคว้าดาบเล่มหนึ่งมาแล้วทั้งคู่ก็สู้กันอยู่บนอากาศ ฉันรู้สึกกลัวมาก ไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดขนาดนี้มาก่อน แล้วเซปก็เสียหลักให้ไอ้มนุษย์ต่างดาวตัวนั้น เขาตกลงมาบนพื้น "ฮ่าฮ่าฮ่า ยอมจำนนเสียเถิด เจ้าเซป!" มันพูดพลางชูแหวนขึ้น แล้วปล่อยพลังออกมา ฉันคิดว่าอาการของเซปสาหัสเหลือเกิน ถ้าเขาโดนต้องตายแน่ ฉันจึงโดดไปบังตัวเขาไว้ ทำให้พลังของริงเอิธโดนฉันอย่างจัง ดูเหมือนว่าเจ้ามนุษย์ต่างดาวตัวนั้นจะหนีไปแล้ว แล้วสติของฉันก็ดับวูบไป
ฉันมารู้สึกตัวอีกทีในตอนที่ฉันมาอยู่ในยานของเซปแล้ว "อ๊า! นี่เธอจะพาฉันไปไหนน่ะ" ฉันร้อง แต่ฉันก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าร่างกายของฉันไม่เป็นไรเลยทั้งๆ ที่ถูกพลังของริงเอิธอย่างจัง "รู้สึกตัวแล้วรึ ฉันจะไปปราบเจ้าพวกนั้นแล้วพาเธอไปด้วย เพราะเธอได้โดนพลังนั้นแทนฉัน อาจทำให้พวกกลุ่มร้ายนั่นเข้าใจผิดได้ ฉันจึงพาเธอมาด้วยไม่งั้นเธอคงเป็นอันตราย" เซปพูดขึ้น "ส่วนเรื่องที่เธอโดนพลังนั่นจนทำให้กระดูกแหลกนั้น ฉันใช้สมุนไพรของชาวดาวเอิธทาทั่วตัวเธอ สมุนไพรนี้ทำให้กระดูกของเธอฟื้นตัวได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง" ฉันหน้าแดงขึ้นทันที "งงั้นก็แสดงว่าเธอเห็นหมดแล้วใช่มั๊ย" ฉันถามอย่างโกรธๆ เซปมองหน้าฉัน "ถ้าใช่แล้วจะทำไม?" ฉันร้องขึ้นทันที "กรี๊ดดดดด!!!!" "โอ๊ย! หนวกหูน่า!"
เรามาถึงที่ที่หนึ่ง ซึ่งเซปบอกว่าเขาจับตำแหน่งที่อยู่ของริงเอิธได้ แต่แล้วก็มีพวกตัวอะไรก็ไม่รู้สีเทาๆ มีตา 8 ตาหลายตัวมาที่เรา ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจ "อย่ากลัว เจ้าพวกนี้มันเป็นแค่สัตว์รับใช้ของดาวนัวร์ ฉันจะจัดการมันเอง" เซปพูด แล้วจัดการเจ้าตัวพวกนั้นทีละตัว มันทำลายยานอวกาศของเซปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก มันพ่นเยลลี่สีเทาหนึบๆ ออกมาใส่ฉันด้วย เซปรีบจัดการพวกมันทันที "อย่ามาถูกตัวมิซึกะนะ!" เขาร้องก่อนจะใช้ดาบฟันมัน เมื่อกำจัดมันได้หมดแล้ว เซปก็มองหน้าฉัน "เธอไม่เป็นไรนะ" เขาพูด ฉันส่ายหน้า และเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมันคืออะไรกันแน่นะ "เอาละ เราไปกันต่อเถอะ เห็นทีต้องเดินไปแล้วละ ยานเราถูกทำลายแล้ว" เขาพูด แล้วเราก็เดินไปด้วยกัน แต่เราเดินมาตั้งไกลก็ยังไม่ถึงตำแหน่งของริงเอิธเสียที ฉันจึงหมดแรงและล้มลง เซปเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า "งั้นเราพักอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้" แล้วเขาก็กอดฉัน ฉันกอดตอบเขา เรานอนกอดกันในที่แห่งนั้น
ฉันตื่นขึ้น แต่ฉันก็มองไม่เห็นเซป ฉันมองเห็นแต่มนุษย์ต่างดาวสีดำๆ แปลกๆ และฉันก็ถูกมัดไว้ด้วย "นี่มันอะไรกันนี่ เซป! ช่วยฉันที!" ฉันร้องขึ้น มนุษย์ต่างดาวที่มีท่าทีเหมือนหัวหน้ามองฉัน "อยากพบมันงั้นหรือ? พาตัวมันออกมา!" แล้วพวกมนุษย์ต่างดาวก็นำตัวเซปออกมา เขาเรียกฉัน "มิซึกะ เธอ" เขามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ "เจ้าปล่อยตัวมิซึกะเดี๋ยวนี้นะ!" เจ้าหัวหน้าหัวเราะทันที "ปล่อยน่ะปล่อยได้แน่ แต่เจ้าต้องมอบริงเอิธให้ข้า! ไม่เช่นนั้นนังนี่ก็ตาย" ฉันคิดว่าถ้าไม่มีริงเอิธคนบนดาวเอิธก็ต้องตาย ฉันจึงร้องว่า "อย่าสนฉัน เซป รีบเอาริงเอิธไปเร็ว!" แต่เจ้าหัวหน้าก็เอาดาบมาปิดปากฉัน "หุบปากน่า! หึว่าไง เจ้าเซป เจ้าจะช่วยคนบนโลก หรือจะฆ่าผู้หญิงของเจ้าล่ะ?" มันว่า ฉันมองหน้าเซป เซปทำสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะตอบว่า "เจ้าเอาริงเอิธไปเถอะ แต่ขออย่างเดียว ปล่อยมิซึกะเดี๋ยวนี้นะ" แล้วพวกสมุนของหัวหน้าตนนั้นก็ปล่อยฉันเป็นอิสระ "ดีมาก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" เจ้าหัวหน้าร้อง ฉันรีบว่า "จะบ้ารึเซป! ถ้าทำอย่างนี้คนบนดาวเอิธก็ตายนะ!" เซปไม่สนใจ เขาพูดว่า "ฉันจะให้เธอตายไม่ได้" ฉันมองหน้าเขาทั้งน้ำตา แล้วก็รีบวิ่งไปที่เจ้าหัวหน้าที่กำลังกุมริงเอิธด้วยความสำราญใจอยู่ ฉันแย่งมันมาทันทีและรีบส่งให้เซป "เอาไป!" เซปรับด้วยท่าทีประหลาดใจ เจ้าหัวหน้าฟันฉันทันที "นังเด็กบ้า เจ้าทำให้" แล้วเซปก็ใช้ริงเอิธทำเจ้าพวกนั้นจนหมดสติไป แล้วเขาก็รีบมาที่ฉัน "มิซึกะ เธอ" เขาคงตกใจมากที่เห็นฉันเลือดออกเต็มไปหมด ลมหายใจของฉันแผ่วเบาเหลือเกิน ฉันคงตายแน่แล้ว เขากุมมือฉันไว้ "พลังริงเอิธมีพลังดีด้วย มันจะช่วยรักษาเธอให้หายได้ทันที" เขาพูดขึ้นแล้วใช้พลังนั้น ฉันจึงรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากนั้น พวกตำรวจแห่งดาวเอิธก็มาจับตัวกลุ่มก่อการร้ายไป คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายที่ฉันได้เห็นเซป "ลาก่อนนะ มิซึกะ เธอทำให้ฉันติดใจรสชาดของโจ๊กจากโลกมนุษย์มาก ขอบคุณนะ" เขาพูดขึ้น ฉันหัวเราะก่อนจะพูดว่า "เซป คือว่าฉัน" ฉันพูดต่อไม่ได้ ฉันอยากบอกความรู้สึกจากใจของฉัน "ลาก่อน" ฉันพูด น้ำตาไม่รู้มาจากไหนมากมาย เขาจากไปแล้วฮือๆ เซป ฉันอยากบอกว่าฉัน
"ฉันรักเธอ" เสียงหนึ่งพูดขึ้น ก่อนจะมาจูบฉัน "และจะรักเธอตลอดไป" เซปพูดขึ้น ฉันร้องไห้หนักขึ้น "ฉันก็รักเธอเหมือนกัน" ฉันว่าก่อนจะจูบเซป คราวนี้เซปจากไปจริงๆ แล้ว เขาโบกมือให้ฉัน ฉันมองยานของเขาจนลับตา "บ๊ายบายเซปที่รัก"
"เดี๋ยวๆๆ ยังไม่จบนะ! ในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึง ฉันเอาโครงงานส่งประกวดได้รางวัลชนะเลิศด้วย เป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์อวกาศ แต่งเป็นเรื่องด้วยนะ เป็นเรื่องราวของนักรบเซปไงล่ะ!
30 มีนาคม 2546 18:48 น.
Nonmin
"ฮ้าว~ วันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเลย ปกติเราตื่นเก้าโมงนี่หว่า น่ากลัวฝนจะตก" ฉันพูด ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเดินออกไปหน้าบ้าน ฉันสูดอากาศยามเช้า ฮ้า! สดชื่นจัง ทีหลังต้องตื่นเช้าๆ ทุกวันแล้วสิ
"เฮ้! วันนี้ตื่นแต่เช้าเชียวนะ แม่พิณ!" เสียงหนึ่งทักขึ้น เมื่อฉันหันไปตามเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเสียงของเพื่อนบ้านฉันเอง เขากำลังกวาดพื้นหน้าบ้านอยู่
"แหม! ขยันแต่เช้าเลยนะ ต้น!" ฉันพูดกับเพื่อนบ้านคนนั้น
"เฮอะ! ฉันก็ตื่นแต่เช้ามากวาดพื้นทุกวันแหละ ว่าแต่เธอเถอะปกติก็ตื่นสาย วันๆ เอาแต่ขี่จักรยานกับเล่นเกมส์อยู่ได้" ต้นว่า ฉันทำสีหน้าโมโหนิดหน่อย
"ขี่จักรยานเล่นบ้าอะไรยะ ปิดเทอมนี้ฉันช่วยแม่ส่งดอกไม้ตะหาก ไม่ได้เล่นอะไรซะหน่อยนายเองก็เหมือนกัน ต้องช่วยแม่ส่งขนมนี่!" ฉันว่าแต่ก็จริงทีเดียวบ้านฉันทำอาชีพส่งดอกไม้ ฉันจึงเป็นผู้ส่งดอกไม้ให้ตามบ้านต่างๆ ที่เขาโทรมาสั่งซื้อดอกไม้ที่แม่จัดเป็นช่อน่ารักๆ ฮื้อ! แต่ก็อย่างที่ต้นว่าแหละ พอส่งเสร็จฉันก็กลับมาเล่นเกมส์สบายใจเฉิบ
"อ๋อเหรอ!" ต้นพูดกวนๆ "เอ้อ! วันนี้แม่ฉันทำขนมมาใหม่ เธอจะมาลองชิมดูไหมล่ะ เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี๊นี้เอง" ฉันยิ้มแก้มปริทันที "จริงเหรอ! งั้นไปนะ!" ฉันว่า
คุณพ่อคุณแม่ของต้นเปิดร้านเบเกอรี่ที่บ้าน เป็นร้านเบเกอรี่เล็กที่น่ารักมาก แถมขนมแต่ละอย่างก็อร่อยมากเสียด้วย ช่วงปิดเทอมนี้ต้นก็ต้องไปส่งขี่จักรยานไปส่งขนมเหมือนๆ กับฉันนั่นแหละ
พอฉันเข้ามาในบ้าน คุณแม่ของต้นก็เอาขนมเค้กสูตรใหม่ให้ฉัน ฉันลงมือสวาปามทันที
"ว้าว! อร่อยมากๆ เลยค่ะ คุณป้า!" ฉันพูดขึ้น
"แหงอยู่แล้ว ป้าคิดสูตรเองเลยนะเนี่ย" คุณป้าพูดอย่างภูมิอกภูมิใจ "เออ โรงเรียนของต้นกับพิณจะเปิดอาทิตย์หน้าแล้วใช่ไหมจ๊ะ ยังไงก็ช่วยโฆษณาขนมของป้าที่โรงเรียนบ้างล่ะ?" คุณป้าพูด ฉันยิ้มพลางกินอย่างเอร็ดอร่อย
ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่มา 2 ปีก่อนนี้เอง แล้วก็ได้รู้จักต้นและครอบครัวของต้น ฉันได้เข้าเรียน ม.1 ที่โรงเรียนเดียวกับต้น แล้วเราก็เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่นั้น ต้นนั้นเป็นคนเรียนเก่ง เขาเก่งแทบทุกด้านตั้งแต่เรียนยันกีฬา แถมหน้าตาก็เอ่อ ก็พอใช้ได้น่ะนะ (จะบอกว่าหล่อ) ฉันอยู่ห้องเดียวกับต้น และคอยช่วยเหลือกันเสมอมา แต่ก็มีหลายครั้งที่เราทะเลาะกัน
ในตอนเที่ยง ฉันต้องไปส่งดอกไม้ เมื่อลากจักรยานไปหน้าบ้านก็เจอกับต้น
"อ้าว? จะไปส่งขนมเหรอ?" ฉันถาม "อืม ไปส่งในเมือง น่ะ" ต้นบอก "งั้นไปด้วยกันสิ ฉันก็ต้องไปส่งดอกไม้ในเมืองเหมือนกัน" ฉันว่า แล้วเราก็ขี่จักรยานไปด้วยกัน และคุยกันตลอดทาง จนกระทั่งจะเลี้ยวเข้าไปในเมือง ต้นหยุดคุย และหยุดจักรยาน
"มีอะไรเหรอ?" ฉันถามและหยุดรถ เมื่อเห็นสีหน้าของต้นเปลี่ยนไป ต้นไม่ตอบฉัน ฉันมองไปทางที่ต้นมอง แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวยชะมัด "ต้น!" เด็กคนนั้นเรียกและวิ่งมาที่ต้น ต้นทิ้งจักรยานและวิ่งไปที่เด็กคนนั้น จักรยานของต้นมาโดนตัวฉัน จนฉันเกือบล้ม ฉันมองไปที่สองคนนั่น พวกเขากำลังกอดกันอยู่
ฉันอึ้งไป อะไรเนี่ย ผู้หญิงคนนี้ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ไม่เคยเห็นหน้า คงไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเดียวกันแน่ ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันเหลือเกินจนฉันชักหมั่นไส้
เด็กผู้หญิงคนนั้นมองที่ฉัน และถามต้นว่า "ใครเหรอจ๊ะต้น แฟนเธอเหรอ?" ต้นหงายหลังไปทันที แต่ฉันขอให้มันเป็นจริงเอ๊ย! ฉันขอให้เด็กผู้หญิงคนนั้นถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ และให้รู้เสียบ้างว่าตัวเองพูดอะไรออกมา
"ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย ยัยนี่เป็นเพื่อนบ้านฉันตะหาก ชื่อพิณ เราต้องมาส่งของที่เดียวกันเลยมาด้วยกัน อย่าเข้าใจผิดนะฝน!" ต้นพูด ฉันเริ่มรู้สึกว่า ต้นเสียมารยาทอย่างมากที่พูดแบบนั้น
"สวัสดีจ้ะ พิณ" ฝนทักอย่างเป็นกันเอง ฉันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวและยิ้มให้ฝน
คนอะไรสวยอย่างนี้
เมื่อส่งของเสร็จ เราขี่จักรยานกลับบ้าน ต้นเริ่มเล่าเรื่องของน้ำฝนให้ฉันฟัง
"เราเป็นเพื่อนกันสมัยอนุบาลเราสนิทกันมากเลย ฝนเป็นคนมีน้ำใจ บ้านเธอรวยด้วย แต่ก็มีความเป็นกันเอง เธอเข้าได้ดีกับเพื่อนๆ เราสนิทกันตอนที่ไปนั่งชิงช้า ฝนชอบเล่าเรื่องหลายอย่างให้ฉันฟัง เธอน่ารักมากแต่แล้วเธอก็ต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่ญี่ปุ่น" ต้นเล่า ฉันมองหน้าต้นทั้งๆ ที่ขี่จักรยานไปด้วย และรู้สึกหมั่นไส้นิดหน่อย "เธอชอบเขาล่ะสิ! แต่คนอย่างเธอ ไม่มีใครเขาชอบหรอก!" ฉันว่า ต้นโมโห และถีบฉันด้านข้าง ทำให้ฉันล้มลงไปที่กองขยะทันที ฉันหน้าคว่ำ ล้อหลังจักรยานก็บิดๆ เบี้ยวๆ ต้นหยุดรถมองฉันด้วยสายตาเวทนา "โถ! ยายลูกหมาน้อย!"
ฉันรู้สึกเจ็บขานิดหน่อย เขาให้ฉันซ้อนท้าย และเขาก็ขี่จักรยานพร้อมกับลากจักรยานของฉันไปด้วย ฉันพิงหัวที่หลังของเขาด้วยความเหนื่อยล้า แต่แทนที่จะรู้สึกสบายขึ้น กลับรู้สึกเกร็งๆ และเกิดความรู้สึกแปลกๆ จนต้องยกหัวขึ้นและนั่งนิ่งอยู่บนอานหลัง
เมื่อกลับถึงบ้าน คุณแม่ของฉันตกใจที่เห็นสภาพจักรยาน และเห็นเนื้อตัวฉันมอมแมม ฉันจึงแก้ตัวไปว่าฉันขี่จักรยานล้มฉันคิดว่าวันนี้ตัวเองแปลกจริงๆ เพราะปกติถ้าฉันขี่จักรยานล้มฉันก็ต้องโทษต้นอยู่เสมอ แต่วันนี้ฉันกลับออกหน้าแทนเขางั้นหรือ !?! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !?!
ตกดึกฉันหลับตานอนบนเตียง คิดถึงจักรยานที่ต้นอาสาพาไปซ่อม ฉันไม่เคยไว้ใจเขาเลย โดยปกติถ้าจักรยานฉันเสีย เขามักจะอาสาไปซ่อมให้เสมอ แต่ฉันก็ซ่อมเองทุกครั้ง แต่วันนี้ไม่รู้เป็นไง ฉันกลับไว้ใจเขาให้ซ่อมจักรยาน
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันแปลกใจที่ตัวเองตื่นเช้าอีกแล้ว เมื่อไปหน้าบ้านก็เห็นจักรยานของฉันที่ดูใหม่เอี่ยมกว่าเดิม ว้าว! ต้นทำได้ขนาดนี้เชียวหรือ ฉันจึงคิดที่จะไปขอบคุณเขา แต่พอไปที่บ้าน
"อ๋อ! ต้นออกไปแต่ 6 โมงแล้วละจ้ะ เห็นบอกว่าจะไปเจอเพื่อนที่สวนสาธารณะ" ฉันแปลกใจ เพราะปกติต้นะไม่ออกไปไหนเลยยกเว้นไปส่งขนม ฉันจึงโกหกแม่ว่าฉันจะไปหาเพื่อนที่สวนสาธารณะ เพื่อจะได้ติดตามต้นไงล่ะ!
เมื่อขี่จักรยานไปถึงสวนสาธารณะ ฉันก็เห็นต้นกำลังนั่งคุยกับน้ำฝนอย่างออกรส พวกเขาคุยกันเรื่องที่โรงเรียนของตัวเอง ฉันแอบฟังตั้งนาน จนกระทั่งพวกเขาขี่จักรยานไป ฉันก็ขี่ตามไป ฉันเห็นน้ำฝนพิงศีรษะไว้ที่หลังของต้น น่าหมั่นไส้นัก! หลังนั้นน่ะ คนที่จะพิงได้มีแต่ฉันตะหาก! พวกเขามานั่งกินอาหารกันในร้านหรูร้านหนึ่ง พวกเขาสั่งเมนูอาหารเช้า ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะห่างๆ สั่งเพียงคาปูชิโนปั่นมากิน แต่แทบจะร้องกรี๊ดออกมาเสียให้ได้ เมื่อพบว่าเพียงแค่คาปูชิโนแก้วเดียวราคาตั้งเกือบร้อย แล้วที่พวกเขาสั่งกินกันมันจะเท่าไหร่กันหนอ
ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้ตัวจากในร้านอาหารว่าให้ถอยดีกว่า เพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ไปแต่ที่ๆ ไม่เหมาะกับฉันทั้งนั้น แต่มันก็เหมือนกับว่าจิตใจของฉันมันบังคับให้ฉันตามไป พวกเขาไปร้านหนังสือ ฉันก็ตามไป ไปร้านกิ๊ฟช็อป ฉันก็ตามไป และไม่ว่าจะเป็นที่ไหนๆ ฉันก็ตามไป จนชักเวียนหัว และพวกเขาก็มาที่สุดท้าย พวกเขาไปกันที่สะพานแห่งหนึ่ง นัยน์ตาของทั้งสองเอาแต่มองสายน้ำและก็พูดคุยกัน ฉันจอดจักรยานแล้วมาแอบฟังแถวๆ ถังขยะบนสะพาน ฉันได้ยินพวกเขาคุยกัน
"คนที่ชื่อพิณน่ะ เขาน่ารักดีนะ" ฝนพูด "ฉันว่าเธอคงชอบเขาอยู่ใช่มั๊ย?"
ขอร้องเถอะต้น อย่าปฏิเสธเลย
"เปล่านะ ฉันไม่ชอบยายคนน่าเกลียดนั่นซะหน่อย" ต้นว่า ฝนยิ้มแล้วพูดว่า "แล้วเธอรู้สึกยังไงกับเขาล่ะ?" ฝนถาม ต้นเงียบไป ก่อนจะตอบว่า "ก็มีบางครั้งที่หวั่นไหวบ้าง พิณเองก็เป็นคนน่ารักดี แต่ฉันไม่เคยพูดออกไปเลยนะ พิณชอบหาเรื่องทำให้ฉันโกรธอยู่เรื่อย เราทะเลาะกันบ่อยเหมือนกัน แต่ในใจจริงๆ แล้วฉันเองก็ชอบพิณอยู่ไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าพิณเขารู้สึกยังไงกับฉัน" ฉันรู้สึกว่าน้ำตารื้นมาจากข้างใน ความกล้าที่มีอยู่ในตัวหายไปไหนหมดนะ แปลกดี ปากฉันปากเขาก็เอาแต่ทะเลาะกัน แต่ในใจเราตรงกันดีนะ ต้น
พวกต้นกลับไปแล้ว ฉันเหม่อตั้งนานก่อนจะขี่จักรยานกลับ พอกลับไปถึงบ้านก็เห็นต้นออกมาจากร้านฉัน ต้นมองฉัน ฉันหลบตาเขาเขาเดินเข้ามาแล้ว ว้าย!
"เป็นอะไรของเธอ ยายบ๊อง?" เขาว่าเมื่อเห็นฉันทำหน้าตกใจ พลางโยนสร้อยเงินจี้ดาวที่ซื้อจากร้านเครื่องประดับใส่หน้าฉัน "วันนี้ฉันไปเที่ยวกับฝนมา และนี่ก็ของฝากเมื่อกี๊ฉันเข้าไปในร้านเธอ แม่เธอบอกว่าเธอไม่อยู่ ไปหาเพื่อน" ต้นพูด แต่แล้วก็หยุดเฉยๆเรามองหน้ากัน ก่อนฉันจะพูดว่า "ขอบใจนะต้น ที่ซื้อมาให้เนี่ย อ้อ! แล้วก็ขอบคุณเรื่องจักรยานด้วย!นายทำได้ดีมาก เอ้อ! ทีหลังล้างจักรยานให้ฉันทุกวันนะ เข้าใจมั๊ย?"
"ยายเบ๊อะ!" ต้นว่า พลางทุบหัวฉัน "ฉันไม่ใช่คนใช้ของเธอนะ ฝันไปเถอะ แบร้!" เขาแลบลิ้นใส่ฉัน ฉันแลบลิ้นใส่เขาบ้าง ก่อนจะลากจักรยานเข้าบ้าน แล้วเอาหลังพิงประตู ฉันยิ้มอย่างเป็นสุข
"หวังว่าเราจะได้บอกความในใจของเราให้แก่กันนะ ต้น"
17 มีนาคม 2546 22:01 น.
Nonmin
คือเรื่องมันเป็นฉะนี้หนอ
"ฤารักฉันจักเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้นวันที่ใจเต็มดวง"
เพลงจันทร์ของวง The world นั้นลอยมาจากข้างบ้าน ถึงแม้ว่ามันจะไพเราะสักแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันเบิกบานใจกับท่วงทำนองของเพลงมันเลย
ฉันชื่อแตงกวา เป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่บ้าน ฉันนั้นอายุ 29 เกือบจะ 30 แล้ว แต่ยังหาแฟนไม่ได้เสียที (ก็เพราะอย่างนี้ถึงเกลียดเพลงรักๆ ไงล่ะ) ฉันเคยได้ฝันว่าสักวันหนึ่งฉันจะได้แต่งงานกับหนุ่มเมืองกรุง หน้าตาหล่อๆ รวยๆ ประมาณว่าเป็นทายาทของประธานบริษัทอะไรซักอย่างนึงนี่แหละ
แต่เทพเจ้าท่าจะเล่นตลกกับชีวิตฉัน ฮึแน่นอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันคิดมันกลับเป็นตรงกันข้ามหมด
มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาจากต่างจังหวัด ชื่อปิง มันได้เข้ามาทำงานราชการในเมืองนี้ ตอนแรกๆ ฉันไม่เห็นจะสนใจตรงไหน ท่าทางเป็นคนจน ดำก็ดำ แถมขี้เหร่อีกตะหาก นึกแล้วอี๋!!!
แต่ก็มีอยู่วันหนึ่ง ฉันไปช่วยป้าทำทุเรียนกวนอยู่แถวๆ ริมคลอง ขณะที่ฉันกำลังเหนื่อยจากงานแล้วเดินเพื่อจะไปดื่มน้ำปัสสาวะ (ผู้อ่าน --->หา! น้ำเยี่ยวรึ???ผู้เล่า ---> กินน้ำ แล้วไปเยี่ยวโว้ย!)
ฉันก็เดินชนกับไอ้ปิงคนนั้น แล้วตาต่อตาก็มาประสาน ฉันจึงรู้สึกแปลกๆ กับไอ้หมอนี่ ส่วนไอ้ปิงก็ทำท่าชอบฉันแล้วด้วย มันหยอดคำหวานใส่ฉัน จนฉันหลงคารมมัน จนชักจะชอบมันบ้างแล้วสิ
แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งที่ฉันอยู่บ้านคนเดียวในตอนค่ำๆ เนื่องจากพ่อกับแม่ไปงานที่กาญจนบุรี ขณะที่ฉันกำลังเต้นแอโรบิดตามทีวีอยู่ ไอ้ปิงก็เข้ากระโดดมากอดฉัน
"โอ๊! แตงกวาจ๋า ฉันรู้สึกว่าฉันรักเธอแล้วหละ" มันว่า
"อุ๊ยตาย! อย่ามาทำอย่างนี้นะ เดี๋ยวใครเขามาเห็นเข้า!" ฉันว่า
"ไม่มีใครเห็นหรอกแตงกวาจ๋า" มันว่าอีก แล้วคืนนั้นฉันก็ตกเป็นของมัน
ฉันว่าตัวเองรักผู้ชายคนนี้จนสุดหัวใจ แม้ว่าจะทำความรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน อาจจะเป็นเพราะคารมคมคายของมันที่ว่าผู้หญิงคนไหนฟังแล้ว อาจเกิดความรู้สึกอบอุ่น จนเกิดเป็นความรักก็ได้ฉันกับไอ้ปิงคบกันอย่างเปิดเผย แต่ก็มีแต่คนว่าและตักเตือนฉันว่าไอ้ปิงนั้นมันเป็นคนไม่ดี มันเอาผู้หญิงมาเยอะแยะ และมันทำผู้หญิงท้อง ถึงได้หนีมาที่หมู่บ้านของเราเมื่อฉันได้ฟังก็รู้สึกใจหาย แต่ฉันรักผู้ชายคนนี้สุดหัวใจจริงๆ ฉันคงไม่อาจทิ้งเขาได้และฉันก็ทนฟังใครเขาว่าอีกไม่ไหวเช่นกัน เราจึงหนีไปอยู่ที่อื่น
เราได้มาอยู่กันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง เราเช่าบ้านแห่งหนึ่ง อยู่กินกันอย่างลับๆ แล้วเราก็ได้ทำพิธีแต่งงานอย่างเงียบๆ เช่นกันเรามีความสุขกันมาก
แต่แล้วไอ้ปิงมันก็นึกขึ้นได้ว่ามันจะต้องกลับไปทำงานราชการที่หมู่บ้านของฉัน ถ้าไม่ไปภายใน 15 วันก็จะต้องโดนข้อหาว่า "หนีราชการ" ดังนั้นเราจึงกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ตัวฉันเองก็รู้สึกเป็นกังวล กลัวว่าพ่อกับแม่จะว่า คนในหมู่บ้านจะเกลียด แต่ฉันก็คิดว่าไปกับผัวเถอะ ไปตายเอาดาบหน้า!
พอมาถึง คนในหมู่บ้านมองเราเป็นตาเดียวด้วยสายตาที่เกลียดชัง คุณป้าเมื่อเจอฉันก็เอาแต่ด่า
"มึงกลับมาทำไมอีตัวสกปรกของหมู่บ้าน ทั้งกูและก็คนในหมู่บ้านเขาเกลียดมึงกันแทบทุกคน ไม่เว้นแต่พ่อกับแม่มึง ทำไมมึงไม่คิดถึงความรู้สึกเขาเลยเหรอ? ไม่ได้นึกเลยหรือไงว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่เขาจะเจ็บปวดแค่ไหน อีนังผู้หญิงใฝ่ต่ำ! คบหาผู้ชายเลวๆ ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ กูบอกมึงหลายทีแล้วนะ! แล้วมึงรู้มั๊ยว่าแม่มึงคิดมากจนเป็นมะเร็งเนื้องอกในสมอง อี" ป้าแกด่าต่อไป พอฉันได้รู้ถึงเรื่องแม่เท่านั้นฉันก็รู้สึกแย่มากๆ ที่ทำร้ายจิตใจท่าน ฉันร้องไห้ แล้วรีบไปที่โรงพยาบาลที่แม่อยู่ ฉันเข้าไปเยื่ยมดูอาการแม่ แต่แม่ก็กลับว่าฉัน
"อีลูกสารเลว มึงไปให้พ้นหน้ากู กูไม่ต้องการลูกอย่างมึง!" แม่ว่าทั้งน้ำตา แล้วพ่อก็ออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นฉันก็ด่าฉันอีกเช่นกัน "มึงไปให้พ้นหน้ากูเดี๋ยวนี้ ทีอีอย่างนี้มาทำเป็นห่วง เห็นผู้ชายดีกว่าพ่อแม่ไป๊!" พอฉันได้ยินเข้าเท่านั้นก็รีบวิ่งไปทันที ฉันกลับมาที่หมู่บ้าน นั่งอยู่ริมคลอง ร้องไห้หนักที่ทำร้ายจิตใจท่าน แต่แล้วเมื่อฉันมองออกไปที่อีกฝั่งของคลอง ฉันก็เห็นไอ้ปิง ไอ้ปิงกำลังกอดเอวผู้หญิงคนนึงอยู่ แล้วก็กอดจูบกัน ฉันร้องไห้หนักขึ้น ชีวิตเราคงไม่มีค่าแล้วจริงๆ ใช่สิ ใช่ฉันมันอีตัวสกปรก ฉันอยู่ไปก็รกโลก ฉันมันไม่ดีที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ และฉันมันโง่ที่ทุ่มเทหัวใจให้กับไอ้ผู้ชายชั่วๆ ฉันทำตัวเองทั้งนั้นไม่มีใครต้องการฉันหรอกฉันยืนขึ้นและมองลงไปในน้ำก่อนจะกระโดดลงไป แม้จะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็ช่าง เพราะนี่ฉันก็กำลังฆ่าตัวตายลาก่อน คุณพ่อคุณแม่ หนูไปให้พ้นตามที่พ่อกับแม่บอก
--->หลังจากนั้นก็มี่คนพบร่างที่ไร้วิญญาณของแตงกวาแตงกวาพูดถูก เธอทำตัวเองถึงได้เป็นอย่างนี้ ถึงต้องมานั่งเสียใจภายหลังเราก็เหมือนกันเรื่องนี้เราเอามาดัดแปลงของชีวิตจริงของคนๆ หนึ่ง ที่เราไม่ควรทำตาม และจงจำไว้ว่า "เราควรที่จะคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นอยู่เสมอ"
28 มกราคม 2546 22:15 น.
Nonmin
เมื่อนิชานมาถึงงานตามที่อยู่ที่มีในบัตร เธอก็ถึงกับต้องตกใจ เมื่อพบว่างานที่เธอถูกรับเชิญให้มาช่างใหญ่โต มันเป็นคฤหาสน์ภายใต้แสงจันทร์ นิชานรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที เมื่อก้าวขาเข้าไปข้างในก็มีคนเฝ้าประตูคอยต้อนรับเธอ "อย่างกับว่าฉันกลายเป็นเจ้าหญิงจริงๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบงานอะไรที่ใหญ่โตเท่านี้มาก่อน เป็นงานของใครกันนะ? คงจะเป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านแน่ๆ" นิชานคิด "แล้วทำไมต้องให้ฉันมาร่วมงานด้วย?" เธอชักสงสัยแต่ก็ได้เข้าไปในงาน
แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าในงาน มีแต่สาวๆ สวยๆ กันทั้งนั้น มีไอวี่กับแพนซี่ร่วมอยู่ด้วย แล้วก็มีพวกผู้ใหญ่ประปรายอยู่บ้าง นิชานได้แต่ยืนอยู่แถวๆ โต๊ะอาหารอยู่เฉยๆ เธอดื่มแต่น้ำเปล่าเท่านั้น แล้วอยู่ๆ พิธีกรก็พูดขึ้นมาว่า "ขอต้อนรับทุกๆ ท่านเข้าสู่งานเลี้ยงวันเกิดของทายาทเพียงคนเดียวของคุณพัลลภ เวสารัชครับ!" แล้วสักพักพิศก็เดินออกมา ผู้หญิงหลายคนเอาแต่กรี๊ดวี้ดว้าย แต่นิชานกลับทำท่าตกใจ "นนายพิศ? อะไรกัน ทำไมฉันต้องมางานเลี้ยงวันเกิดของอีตานี่ด้วยเนี่ย" เธอคิดในใจ อยากจะปลีกตัวออกไปจากงานเลี้ยงทันที แล้วคุณพัลลภก็พูดกับไมค์ว่า "ขอขอบคุณทุกๆ คนมากครับที่มาร่วมงานวันเกิดครบ 20 ปีของลูกชายผม โดยเฉพาะสาวๆ จากมหาวิทยาลัยสวนจันทรา เผื่อว่าใครบางคนในที่นี้อาจจะได้เป็นภรรยาอนาคตประธานบริษัท" แล้วทั้งหมดก็หัวเราะขึ้น พวกผู้หญิงเริ่มเกร็งกันมากขึ้น แต่นิชานแทบจะอ้วกแตกพลางคิดว่า "เว่อร์ชิบเป๋ง!" พิศตกใจมากที่รู้ว่าพ่อใช้แผนนี้กับเขา แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรได้แต่หน้าแดง "ตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะให้สาวๆ มาเต้นรำกับลูกชายผม" ยังไม่ทันที่นายพัลลภจะพูดจบ สาวๆมากมายต่างก็พากันวิ่งไปที่พิศจนเขาตกใจ จึงรีบหนีออกมาจากฝูงของวัวเอ๊ย! ฝูงของพวกผู้หญิงจนมาชนกับนิชานที่เอาแต่เดินวน คิดจะแอบกลับ "ยยายตัวแสบ เธอมาที่นี่ได้ไง???" พิศร้องขึ้น "เหาะมามั้ง? เชอะ! อยู่ๆ ก็ได้บัตรอะไรก็ไม่รู้ถึงได้มาไงล่ะ แต่พอรู้ว่าเป็นนายฉันแทบจะอ้วก" เธอพูดขึ้น "อ๋อ! ยังงั้นเหรอ ทำอย่างกับว่าฉันอยากจะให้เธอมาเข้ามาเหยียบในบ้านหลังนี้ของฉันนักนี่" พิศพูด "แล้วใครว่าฉันอยากมาบ้านนายล่ะยะ? คิดว่าตัวเองรวยมากนักเหรอ ก็อีแค่งานวันเกิดของตัวเองถึงกับต้องจัดยิ่งใหญ่โตมโหฬาร ทุเรศ!" นิชานว่าเข้า "ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะมางานที่ยิ่งใหญ่และเว่อร์ของฉันทำไม รู้ทั้งรู้ว่ารสนิยมของตัวเองมันชั้นต่ำ น่าเกลียด กับชุดเฉิ่มๆ และหน้าจืดๆ แบบเนี้ยน่ะเหรอ?" พิศกล่าวว่าเธอ "นายว่าชุดเฉิ่มๆ เหรอ นี่มันเป็นชุดซินเดอเรลล่าย่ะ เป็นชุดของนางเอกที่ใส่ในงานแสดงละคร เจ้าโง่!" นิชานว่า "ซินเดอเรลล่า?" ทุกคนพูดขึ้น พิศเห็นว่าคนรอบข้างเริ่มมองเขากันยกใหญ่ เขาจึงรู้สึกผิดๆ และอาย จึงพูดไปว่า "งั้นซินเดอเรลล่าจะมาเต้นรำกับเจ้าชายสักเพลงได้มั๊ยล่ะ?" "อะไรนะ?" นิชานพูดตกใจ พิศจึงกระซิบกับเธอ "ฉันไม่อยากให้งานของฉันต้องปั่นป่วนหรอกนะ และยิ่งงานนี้ก็มีผู้ใหญ่ด้วย ฉันไม่อยากให้คุณพ่อต้องเสียหน้า เต้นรำกลบเกลื่อนสักเพลงจะเป็นไร" พิศพูด นิชานรู้สึกเกร็งจึงพูดว่า "อ๊ะ! ก็ได้ เห็นแก่พ่อนายนะเนี่ย" แล้วอยู่ๆ เสียงดนตรีก็เริ่มขึ้น เป็นเพลงช้าๆ เบาๆ มีเสียงเปียโนประกอบ ทั้งสองทำท่าเคารพซึ่งกันและกัน แล้วก็เต้นรำ คนทั้งหมดเปลี่ยนสีหน้า และแปลกใจที่ทะเลาะกันอยู่ดีๆ ก็กลายมาเต้นรำกัน แต่ก็เคลิ้มกับเสียงเพลงที่แสนจะไพเราะนี้ "ฉันเต้นรำไม่เก่งนักหรอกนะ" นิชานกระซิบ "เอาเถอะน่า ถ้าเท้าไปดี เดี๋ยวก็ได้เอง" พิศกระซิบตอบ นิชานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นซินเดอเรลล่าไปจริงๆ
นิชานรู้สึกอายนิดหน่อยที่ต้องมาเต้นรำอยู่คู่เดียวท่ามกลางงานที่มีผู้คนจ้องอยู่กันตั้งหลายคน และยิ่งท่ามกลางพวกผู้หญิงที่แอบชอบพิศอยู่ด้วย "เดี๋ยวก็โดนเกลียดเข้าไปใหญ่หรอก" เธอคิด แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไอวี่กับแพนซี่หมั่นไส้มาก ทั้งคู่จึงแอบเดินไปที่เบรกเกอร์ แล้วดับไฟ ทั้งงานจึงมืด เสียงดนตรีหายไป ผู้คนดูตื่นตระหนก พวกผู้หญิงร้องกรี๊ด แล้ววิ่ง นิชานจับมือพิศไว้แน่น เพราะมันมืดจนมองไม่เห็นทาง แต่ก็มีคนวิ่งมาขัดขาทำให้ทั้งพิศและนิชานล้มลง แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น "เพ็ญ นายไปยกเบรกเกอร์ขึ้นเลย เอาไฟฉายนี่ไป" เป็นเสียงของนายพัลลภ แล้วสักพักไฟก็สว่างขึ้น
ภาพที่เห็นทุกคนล้มกันเกลื่อนกลาด ไม่เว้นแม้แต่ไอวี่กับแพนซี่ แต่ก็ตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่า พิศอยู่บนตัวนิชานและริมฝีปากของเขาก็ถูกกับปากของเธอ
พิศรีบลุกขึ้น เขาตกใจมาก แล้วนิชานก็ตกใจเช่นกัน เธอรีบวิ่งออกจากงานไปทันที แล้วไปที่จักรยานซึ่งจอดอยู่ข้างนอก แล้วขี่จนไปเรื่อยๆ จนล้อเหยียบชายผ้าไปล้มที่แห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้ๆ กับทะเล นิชานลุกขึ้นยืน ภาพนั้นยังติดตา เธอวิ่งไปที่หาดทราย "บ้าที่สุด!" เธอตะโกนเสียงดังทั้งน้ำตาไปทางทะเล "ทำไมต้องเป็นหมอนั่นด้วย ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้เกี่ยวกับตัวฉัน ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยไม่เคยเลยบ้าที่สุดเลย!" แล้วเธอก็ปาก้อนหินไปที่ทะเล ก่อนจะสงบสติอารมณ์ได้ แล้วขี่จักรยานอย่างระมัดระวังกลับไปที่บ้าน เมื่อไปถึงก็พบว่าแซนดี้ เดซี่และเชอรี่นอนหลับอยู่บนโซฟา เธอจึงจัดการไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะนำผ้ามาห่มให้ทั้งสามคน แล้วตัวเธอก็นอนลงในห้องของตนเอง "หลับไม่ลงเลย ทำไมถึงรู้สึกอย่างนี้เกลียดตัวเองจังเลย รู้งี้ ฉันไม่ไปดีกว่าโธ่! หยุดคิดซักทีเหอะน่า!!!" เธอคิด แล้วอยู่ๆ ก็ผลอยหลับไป
ทางด้านพิศ เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ หลังจากเสร็จงานก็อาบน้ำแต่งตัวและเอาแต่นั่งอยู่บนเตียงไม่ทำอะไรเลย แล้วก็ล้มตัวลงไปที่เตียง แล้วพูดเบาๆ ว่า "ทำไมต้องเป็นนิชานด้วย" แล้วเขาก็นอนตะแคงแล้วยิ้มน้อยๆ
เช้าวันต่อมา นิชานตื่นสายกว่าทุกวัน เธอหน้าขาวซีด และมาอาบน้ำแต่งตัว ปล่อยผม และใส่เสื้อสายเดี่ยวสีขาว และใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียวทับ กับกางเกงขาม้าสีเขียวแก่คู่ใจ เชอรี่รู้สึกตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของนิชานตอนเธอเดินออกมา "นิชานเธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า?" เธอถาม "ไม่นี่ แล้วแซนดี้กับเดซี่ล่ะ?" "กลับไปตอนเช้ามืดแล้วล่ะจ้ะ เธอดูแปลกๆไปนะ เมื่อคืนนี้มีอะไรหรือเปล่า?" เชอรี่ถาม นิชานเห็นภาพของวันนั้น เธอก็ส่ายหน้า จนสีแดงเริ่มปรากฎอยู่บนหน้า "บอกฉันมาเถอะ มีเรื่องอะไร ฉันจะได้ช่วยเธอได้นะ" เชอรี่พูดอย่างจริงใจ "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ! แล้วนี่เธอจะกลับกี่โมงล่ะเนี่ย?" นิชานเปลี่ยนเรื่อง "ก็จะกลับแล้ว กินอะไรเสียก่อนมั๊ย?" "ไม่เอาอะจ้ะ ฉฉันไปแล้วนะ แล้วนิชานก็เดินออกไป โดยไม่เอาจักรยานไปด้วย เชอรี่เห็นความผิดปกติของนิชาน ก็รู้สึกเอะใจ แต่ก็ไม่ได้ตามซักไซ้ และกลับบ้านไป
เมื่อมาถึง เธอมาที่ตึกคณะอักษรศาสตร์ มาเจอไอวี่กับแพนซี่พอดี ทั้งคู่กำลังนินทานิชานอยู่ "น่าเกลียดจริงๆ เลยเนอะ พวกผู้หญิงหน้าไม่อาย คว้าผู้ชายสุดหล่อไปจูบต่อหน้าคนตั้งมากมายขนาดนั้น" ไอวี่พูด "นั่นน่ะสิ ฉันเห็นเต็มตาเลย ยายผู้หญิงคนนั้นนะจับแขนคุณพิศซะแน่น นี่คงคิดที่จะให้เขามาสนใจตัวเองสินะ" แพนซี่พูด นิชานได้ยิน แต่เธอก็ไม่ว่าอะไรสักคำ เอาแต่เดินเฉยไปอย่างเดียว ไอวี่ จึงพูดว่า "แล้วมีการบอกด้วยนะ ว่าชุดของตัวเองเป็นชุดซินเดอเรลล่า ฮะฮะฮะ" ไอวี่หัวเราะ "ฮิฮิ นั่นสิ คงคิดว่าตัวเองเป็นเป็นซินเดอเรลล่าล่ะสิ น่าขำจริง จริ๊ง!" แล้วทั้งคู่ก็ระเบิดหัวเราะออกมา นิชานหยุดเดิน "เออ แต่เรายังเรียกไม่เต็มยศนะ" ไอวี่พูด "มันต้องเรียกว่า" แพนซี่พูด "ซินเดอเรลล่าตกถังขยะ อ๊าฮะฮะฮะ!" ทั้งสองพูดพร้อมกัน นิชานหันไปมองสองคนนั้น ด้วยสายตาที่น่ากลัวผสมกับหน้าที่ขาวซีดทำให้ดูเหมือนผี ไอวี่กับแพนซี่จึงรีบวิ่งหนีไปทันที
วันนี้นิชานรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นสัตว์ประหลาด มีผู้หญิงมากมายจ้องมองเธอ คงจะซุบซิบกันเรื่องเมื่อคืนที่เธอจูบกับพิศ แต่ความคิดก็เตลิดไปจนทำให้นิชานรู้สึกหน้าแดงไปหมด เมื่อหมดเรียน เธอรีบเดินมาทางด้านหลังของตึก "ทำไมฉันต้องคิดอย่างนั้นด้วยนะหยุดคิดเรื่องนี้ได้แล้ว!" เธอพูดขึ้น แล้วอยู่ๆ ก็มีนักศึกษาชายสองคนเดินเข้ามา "ว่าไงจ๊ะ แม่นิชานสุดสวย" คนหนึ่งพูดขึ้น "อะไรน่ะ?" นิชานตกใจ "อย่าตกใจไปเลย พวกเราก็แค่อยากจะมาช่วยทำให้เธอมีความสุขเท่านั้นเอง" อีกคนพูด แล้วก็เดินเข้ามา นิชานเตะท้องคนหนึ่งจนเขาถอยหลัง "อย่าเข้ามาทำอะไรฉันนะ!" เธอพูดแล้ววิ่งหนี แต่สองคนนั้นไวมาก เขาจับเธอไว้ แล้วกดเธอลงกับพื้น พยายามจะดึงเสื้อเธอออก นิชานร้อง แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น "พวกแกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!" เป็นเสียงของพิศนั่นเอง แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า "ถ้านายไม่อยากมีเรื่องล่ะก็ อย่ามายุ่งกับนิชาน! ไม่อย่างนั้นคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกแก!" เขาพูด สองคนนั้นรู้จักพิศดี เขาจึงรีบวิ่งหนีไป นิชานมองพิศ เขาพูดว่า "ไม่เป็นไรนะ ลุกขึ้นสิ!" เขาพูดแล้วยื่นมือมาที่นิชาน นิชานจับมือเขาแล้วลุกขึ้นยืน "อะไรกันทำไมหัวใจเต้นตุบ ตุบ อย่างนี้ สงบสติอารมณ์ไว้ นิชาน" เธอคิด "ขขอบใจ" นิชานพูดขึ้น พิศหันหลังให้ "ฉันว่าเธอดูเปลี่ยนไปมากอย่างเนี้ย มันก็สมควรแล้วที่ว่าจะมีคนจะคิดมิดีมิร้ายกับเธอ ฉันว่า ทางที่ดีเธอเป็นตัวของตัวเองดีกว่า เป็นเธอคนเดิมก็ดีอยู่แล้ว ฉันฉันแค่ไม่อยากให้ใครเอ้อ ฉันไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นในที่นี้เท่านั้น" เขาพูดตะกุกตะกักแล้วเดินจากไป นิชานมองเขาจนลับตา น้ำตาไหลพราก แต่ก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นที่หน้าของเธอ