25 กันยายน 2548 14:00 น.
Nonmin
คุณคิดบ้างไหม? ว่าคนเรานั้นเกิดมาเพื่อเรียนรู้อะไรมากมาย ได้รับรู้ความรู้สึก ทั้งรัก ชอบ โกรธ เกลียด ฯลฯ ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกทุกๆ อย่าง แต่ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมาเนี่ย มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยได้รู้มาก่อนเลย จนกระทั่งได้พบกับเขาคนนี้
เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราไปอ่านเรื่องของฉันกันเลยดีกว่า
อ้อ! ต้องบอกไว้ก่อน ว่าเรื่องนี้มันก็แค่เรื่องบ้าๆ ของเด็กผู้หญิงบ้าๆ คนหนึ่ง และเด็กบ้าๆ คนนี้ก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเช่นกันว่าเรื่องนี้มันก็เหมือนไดอารี่ระบายความรู้สึกนั่นแหละ
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกก็คือ
เขาไม่รู้จักฉันเลยแม้แต่น้อย
ฮือๆๆๆ T__T ฮือๆๆๆ T__T มันไม่เคยบอกฉันเลยไม่เคยบอกเลยว่ามันมีแฟนแล้ว ToT ฟองด์เพื่อนของฉันกำลังร้องไห้พลางงึมงัมอยู่กับเสื้อของเพื่อนอีกคนที่ชื่อทิพย์ ฉันว่าหลังจากฟองด์ร้องไห้เสร็จแล้ว จะแนะให้ทิพย์เอาเสื้อไปซักโดยด่วน เห็นคราบเหนียวๆ แล้วรู้เลยว่ามันคืออะไร -_-
ฟองด์หยุดร้องไห้เหอะ จะไปร้องไห้ให้มันทำไม มันก็แค่ไอ้เบื๊อก ฉันว่า พยายามเต็มที่ที่จะให้ฟองด์หายเศร้า แต่ฉันปลอบคนไม่ค่อยเก่งนัก และนี่คงเป็นสาเหตุให้ทิพย์มองฉันอย่างไม่ค่อยพอใจ
แกปลอบให้มันดีกว่านี้หน่อยจะได้มั้ยไอ้มิน ทิพย์กระซิบกับฉันพลางลูบหลังฟองด์ ฉันพยักหน้า -_-
ฟองด์ ไม่ต้องไปเสียใจนะ เรื่องรักๆ อะไรเนี่ยอย่าไปสนเลย สนเรื่องอื่นดีกว่า ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมถึงอยากมีแฟนกันตั้งแต่อายุแค่นี้วะ รีบลืมๆ ไอ้เบื๊อกนั่นไปซะ แล้วไปเที่ยวกันให้สะใจไปเลย ร้องไห้ก็เท่านั้น ถ้าจะมานั่งเสียใจ ฉันว่าไปกวาดขี้ไก่ยังเข้าท่ากว่า
ไอ้มิน! ทิพย์พูดแล้วเงียบไปพักหนึ่ง ฉันมองหน้าทิพย์อย่างงงๆ ไปไกลไกล
ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปไกลๆ ทันที -_- ปกติถ้าใครไล่ฉันคงต้องเตะไอ้คนนั้นกลับไปแล้ว แต่เรื่องนี้ขอทีเถอะ! ฉันไม่เคยคิดอยากเข้าไปสนเรื่องรักๆ อะไรเลย ถึงแม้จะรู้สึกสงสารเพื่อนก็เถอะนะ เฮ้อ ไม่เข้าใจเลย ทำไมถึงอยากมีรักกันตั้งแต่อายุแค่นี้นะ ก็อายุ 15 16 ยังเด็กอยู่เลย แก่แดดวุ้ย
คุณอาจมองว่าฉันมันเป็นคนแข็งกระด้างใจแคบหัวโบราณ แต่ถึงแม้ฉันจะแข็งกระด้างใจแคบหัวโบราณ ฉันก็เป็นคนที่ชอบดนตรีมากๆ หากไม่มีดนตรีชีวิตของฉันคงมีแต่คนเกลียดขี้หน้าล่ะมั้ง (ฮ่าๆๆ) เพราะดนตรีมันฟังแล้วมีความสุข และมันช่วยทำให้จิตใจอ่อนโยนขึ้นมาเยอะ ลดความแข็งๆ ในตัวฉันออกไปได้มากมายทีเดียว และดนตรีนี่เองที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับเขาคนนี้
ฉันไปเรียนดนตรีทุกวันเสาร์ที่โรงเรียนสอนดนตรี แต่วันนี้ฉันมาสายกว่าปกติ (คืนก่อนอ่านการ์ตูนจนดึก) ฉันเลยรีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างเหน็ดเหนื่อย T_T ขณะที่วิ่งขึ้นฉันได้ยินเสียงเพลงจากเปียโน และมีใครคนหนึ่งกำลังร้องเพลงอยู่ เสียงเพลงที่กำลังบรรเลงทำให้ฉันหยุดวิ่ง แล้วฟังเพลงนั้น
มันเป็นเพลงรักที่เพราะมากๆ
ฉันเดินไปที่ห้องที่มีเสียงเปียโนออกมา ก่อนจะแง้มประตูเข้าไปดู แล้วเห็นผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 20 กำลังเล่นเพลงรักเพลงนั้น บรรยากาศรอบตัวของเขาช่างเข้ากันได้ดีกับเพลงเหลือเกิน สีหน้าของเขาไปตามกับอารมณ์ของดนตรี และภาพที่ผู้ชายคนนั้นกำลังเล่นเปียโนอยู่กลางห้อง ช่างเป็นภาพที่น่าบันทึกเอาไว้
อ้าว มาทำอะไรที่นี่จ๊ะ ใครคนหนึ่งทักทำเอาฉันสะดุ้งแล้วตื่นจากภวังค์ จะได้เวลาเรียนแล้วนะ
คค่ะ ครู ฉันตอบรับก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ เสียงเพลงนั้นยังคงบรรเลงอยู่เหมือนไล่หลังตามฉันมา จนทำให้ฉันต้องเปิดปากถามครู ใครเล่นดนตรีอยู่หรือคะ
อ๋อ นั่นน่ะเหรอ เขาเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยน่ะจ้ะ วันนี้เขามาสอนดนตรีเป็นพิเศษให้กับเด็กๆ ทุกวันเสาร์แทนครูคนเดิมที่ลาหยุดไปน่ะ ถ้าเธอเรียนเสร็จแล้วก็ไปดูเขาสอนดนตรีก็ได้นะจ๊ะ
อีกชั่วโมงต่อมา หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการออกเสียงตามโน้ตเพลง ฉันก็รีบลงมาที่ชั้นสามแล้วแง้มประตูเข้าไปดูที่ห้องเรียนเปียโนทันที แล้วฉันก็ได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้พลางสอนเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ อย่างสนุกสนาน จริงๆ แล้วดูเหมือนเล่นมากกว่าสอนนะ ฉันมองหน้าเขาชัดๆ ผู้ชายคนนี้จัดได้ว่าเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ดูน่ารักมากกว่าหล่อนะ แล้วพอมองหน้าเขาโดยเฉพาะยามยิ้มนั้น ฉันก็รู้สึกดี
ปี๊ปี๊ป่อปิ๊ดปิ๊วเปี๊ยวเปี๊ยว! (เสียงมือถือ) ว้าก!!! ตกใจหมดเลย ใครโทรมาเนี่ย! O_O ฉันรีบวิ่งมาที่ระเบียงแล้วรับโทรศัพท์ ฮาโหล?
นี่ เลิกเรียนนานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่กลับบ้านเสียทีล่ะ จะได้มาช่วยส่งขนมหน่อย วันเสาร์นี้ออเดอร์เพียบเลยนะ กลับมาเร็วเข้า! แม่พูด -_- ฉันตอบรับก่อนจะกลับบ้าน ทั้งที่ใจนั้นอยากจะดูผู้ชายคนนั้นอีก แบบว่ามันรู้สึกเสียดายจังเลย
แล้วทุกวันเสาร์หลังจากเรียนเสร็จฉันก็จะแอบมาดูเขาสอนทุกครั้ง หลายครั้งฉันอยากจะเข้าไปทำความรู้จักเขาเสียหน่อย แต่ฉันไม่กล้าพอ เพราะจริงๆ แล้วฉันเป็นคนขี้อายมากๆ ฉันได้แต่มองเขาอยู่ข้างเดียว และซึ้งไปกับบทเพลงของเขาเสมอ บางคืนฉันฝันเห็นเขากำลังเล่นเปียโน และเพลงรักของเขานั้นฉันจำมันได้อย่างขึ้นใจเขาทำให้ฉันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ฉันได้ถามๆ เรื่องของเขากับครูหลายคน ได้รู้ชื่อของเขา ได้รู้ว่าเขาเล่นดนตรีในโบสถ์แห่งหนึ่ง และรู้ว่าเขาป๊อปแค่ไหนในหมู่สาวๆ ฉันเขียนไดอารี่และบันทึกความรู้สึกของตัวเองลงไป ผู้ชายคนนั้นฉันประทับใจตัวเขามากๆ และฉันคิดว่าฉันชอบเขา แต่ก็ไม่ถึงขั้นรักหรอกนะ ฉันไม่คิดว่าตัวเองรักเขาเลย
วันเสาร์ต่อมาฉันก็มาเรียนดนตรีตามปกติ แล้วหลังจากเรียนเสร็จฉันก็ไปห้องเปียโนเหมือนเดิม แต่ฉันไม่พบเขาคนนั้นแล้ว ฉันพบกับครูสอนเปียโนคนเดิมที่เคยสอนมาก่อนหน้าเขา ทำให้ฉันพอจะเดาความจริงได้ แต่ก็เดินเข้าไปถามครูสอนเปียโนให้แน่ใจอีกครั้งว่าเขาไม่ได้มาสอนพิเศษอีกแล้วใช่มั้ย
แล้วก็จริงเสียด้วย
ฉันเสียใจมากๆ ทำไมฉันถึงได้ปล่อยให้อะไรๆ มันสายไปแบบนี้ ฉันเสียใจจนฉันรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมต้องเสียใจอะไรแบบนี้ ฉันไม่ได้รักเขาเสียหน่อย และฉันก็ไม่อยากมีความรักในอายุขนาดนี้ด้วย ฉันพร่ำบอกตัวเองว่าฉันไม่ได้รักเขา ฉันแค่ชอบชอบเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรฉันก็ไม่อาจจะลืมเขาได้เลยไม่มีสักวันที่ฉันจะลืมหน้าเขา บทเพลงของเขา และรอยยิ้มนั้นยิ่งคิดถึงเขามาก ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงบางอย่างและเกือบจะยอมรับออกมาว่าฉันรักเขาฉันปฏิเสธใจตัวเองแต่ใจของฉันมันไม่ฟัง มันทำให้ฉันรู้ว่าฉันรักเขาจริงๆ
หลายเดือนต่อมา ในคืนหนึ่ง ฉันได้มาซื้อของกับพ่อแม่ ฝนตกเฉอะแฉะ ท้องฟ้าไม่มีดาวเลยสักดวง ฉันกำลังฟังเพลงๆ หนึ่งที่บรรเลงออกมาจากเทปในรถ แล้วฉันก็นึกถึงเขาผู้นั้นขึ้นมาอีกครั้ง รถของเราวิ่งไปอย่างช้าๆ แล้วผ่านโบสถ์แห่งหนึ่ง ขณะที่ฉันมองในผู้คนที่กำลังเดินออกมาจากโบสถ์ฉันก็เห็นเขา
ไฟแดงพอดี รถจึงหยุดลง ฉันไม่อาจละสายตาจากเขาไปได้ และมองเขาด้วยความทึ่ง เพราะได้เจอกับเขาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้รถหยุด ฉันจึงคิดที่จะลงจากรถไปหาเขา แต่เสียงขี้ขลาดในหัวกระซิบว่า เธอจะบ้าเหรอ! จะเดินเข้าไปบอกเขาว่าเธอรักเขาทั้งที่เขาไม่รู้จักเธอเลยเนี่ยนะ เขาได้คิดว่าเธอเป็นบ้ากันพอดี
ฉันบอกเสียงในหัวว่าถึงเขาจะมองว่าฉันบ้า แต่มันจะสำคัญอะไร ก็แค่เดินลงไปหาเขาก็แค่นั้น ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินไปแต่แม้ใจมันจะพูดร่างกายมันก็ไม่ฟัง ฉันเกาะกระจกรถพลางมองเขาเขาที่ฉันเฝ้ารอตอนนี้ที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากฉันบ้าเอ๊ย! เดินลงไปสิ อย่ากลัวสิ!
ก็แค่เดินลงไปบอกเขาว่าฉันรักเขาก็แค่เดินลงไปบอกว่าฉันคิดถึงเขาแค่ไหนก็แค่เดินลงไปบอกเขาว่าคนที่รักเขามากอยู่ตรงนี้แค่บอกเขาบอกเขาว่ารักคำเดียวแค่เดินลงไปแค่เดินลงไป
ฉันได้แต่พูดพร่ำกับตัวเองเหมือนคนบ้า และในที่สุดรถก็วิ่งไปตามถนนแฉะๆ นี้อีกครั้ง
วิ่งผ่านเขา
น้ำตาของฉันไหลออกมา สายตาของฉันยังคงมองเขา แต่ในที่สุดเขาก็หายไปจากเส้นทางมืดๆ นั้น ฉันเคยคิดมาว่าถ้าได้พบเขาอีกครั้งโลกนี้มันคงสวยงาม เห็นอะไรก็เป็นสีชมพู มีดอกไม้แห่งความรักเหมือนที่ใครบางคนเคยพรรณนาให้ฟังแต่มันกลับตรงกันข้าม
บางทีถ้าเขารู้จักฉันสักนิดฉันอาจจะกล้าลงไปหาเขาและฉันต้องมีความกล้ามากพอโดยไม่สนว่าเขาจะมองฉันอย่างไรแปลกดีนะ ก็แค่คำว่ารักคำเดียวแค่พูดมันไม่ยากเลย แต่ฉันกลัวที่ต้องพูดออกไป
ฉันขอท้องฟ้าในคืนนี้ขอให้ฉันได้พบกับเขาอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้นฉันจะมีความกล้ามากกว่าเดิม กล้าที่จะเข้าไปบอกเขาคำที่ถูกเก็บไว้และเป็นคำแรกที่ฉันจะให้เขาผู้นี้คนเดียว
คำว่ารัก