21 ตุลาคม 2551 11:27 น.
nirvanar-t
คิดว่าทุกคนคงเจอเรื่องประสาทแดกกันมาแล้วตลอดวันทำงาน
ตั้งแต่คุณตื่นเช้า จวบจนหัวถึงหมอน
คุณเคยคิดถึงการทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่งให้กับตัวเองหรือไม่
นั่นก็คือการสร้างความสุขให้กับตัวเองสัก 1 ครั้งเป็นอย่างน้อยใน 1 วันไง
ขณะนี้ฉันพบว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อหามาก็ได้ ...
แค่ปรับแนวคิด มุมมอง ความเข้าใจเพียงเล็กน้อย ต่อสิ่งที่อยู่รายรอบตัว
เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีมีคุณค่าเกินกว่าจะเสียไปกับความซึมเซา เหงาเศร้า
สำหรับฉันคิดว่า ไม่รู้ล่ะ...4 โมงครึ่งแล้ว ฉันจะปิดลิ้นชักเรื่องงานล่ะนะ
ต่อไปนี้คือเวลาแห่งความสุขของฉัน ว่าแล้วก็นั่งรถกลับไปเซฟเฮ้าส์ส่วนตัว (ซ่องโจรของเรา)
เปิดเพลงเพราะ ๆ ที่ชอบสร้างบรรยากาศรอบตัวให้แจ่มใส
ค่อย ๆ ละเลียดกับรสชาติอาหารแสนอร่อยที่ซื้อมาจากหน้าปากซอย
ดูแสงสวย ๆ ตอนพระอาทิตย์กำลังโบกมือลา
แล้วก็นั่งชื่นชมความงามของเจ้ากุหลาบหนูน้อย ๆ ที่กำลังแตกตาใหม่
บ้างก็ผลิดอกเล็ก ๆ น่ารักน่าเอ็นดู...
พระเอกของสวนนี้คือมะยมด่าง ที่เต็มไปด้วยใบกลมๆ เล็ก ๆ น่ารัก
คอยสั่นไหวราวกับดีใจที่ฉันอยู่กับมัน
แล้วฉันก็รดน้ำ ให้ปุ๋ย เก็บใบเสียทิ้ง รวมถึงพูดคุยกับมันด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน
เราต่างซึมซับความสุขของกันและกันอย่างไม่รู้เบื่อ
เวลา 2 ชั่วโมงแห่งความสุขผ่านไปไวเหมือนโกหก
แถมท้ายด้วยความรู้สึกดีกับตัวเองอย่างประหลาด
มันเป็นเวลาที่เราจะได้อยู่กับตัวเอง เป็นตัวเอง และทำอะไรเพื่อสิ่งอื่นอย่างเต็มใจจริง ๆ ...
บางครั้งสิ่งที่คิดไม่ออกมาตลอดวัน ก็ผุดคำตอบขึ้นมาเองจนแทบจะคว้าปากกามาจดไม่ทัน...
เมื่อเรากลับถึงบ้าน...ความสุขนั้นยังคงอยู่ ได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...
นอกจากคืนนี้ฉันจะหลับอย่างมีความสุขพร้อมรอยยิ้มให้กับตัวเอง...
20 ตุลาคม 2551 10:19 น.
nirvanar-t
คนส่วนใหญ่มักไม่อยากคิดถึงความตายและการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก...เพราะจินตนาการไม่ออกว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ยังไง
แต่สำหรับต้นไม้ใหญ่ในป่า การตายของมัน ไม่อาจเรียกว่าเป็นเรื่องเศร้าได้เต็มปาก...
มันเป็นเรื่องของเวลาและสภาวะที่เหมาะสม
เป็นเรื่องของการเปิดทางให้แสงแดดสาดส่องลงมามีส่วนร่วมในการสังเคราะห์อาหารภายในใบสีเขียวเล็กๆ ของต้นกล้าน้อย ๆ
เพื่อรอเวลาที่วันหนึ่งมันจะเติบโตสูงตระหง่านดังเช่นบรรพบุรุษของมัน
เมื่อซากของไม้ใหญ่ค่อย ๆ ผุพัง ย่อยสลาย
มันคือการคืนธาตุอาหารกลับสู่พื้นดินที่มันถือกำเหนิดขึ้นมา
แล้วชีวิตเล็ก ๆ อีกนับร้อย นับพัน ก็เบ่งบานงอกงามบนซากเน่า ๆ นั้น
ไม่มีอะไรสูญเปล่าเลยสำหรับการตายอย่างธรรมชาติของต้นไม้ต้นหนึ่ง
แล้วมนุษย์ล่ะ?
17 ตุลาคม 2551 09:46 น.
nirvanar-t
เมื่อหลายวันก่อน เพื่อนสนิทคนหนึ่งโทรมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกสุดขีด
ด้วยมีน้องงูตัวยาวเกือบเมตร มานอนซุกตัวอยู่เงียบ ๆ ที่กะบะวางต้นไม้
โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ แต่เจ้างูกลับโชคร้าย "ชะตาขาด"
ถูกลุงยามตีตายที่หน้าบ้านเพื่อนฉันนั่นเอง เล่นเอาเพื่อนฉันประสาทกินไปทั้งคืน
ฉันนึกแล้ว ว่าวันนี้มันจะต้องมาถึง ก็จะไม่ให้น้องงูเข้าบ้านมันได้ไงล่ะ
มันเล่นกว้านซื้อต้นไม้สารพัดชนิดมาวางกอง ๆ ไว้กับพื้นเสียมืดทึบไปหมด
รู้มั๊ยว่างูมันชอบจะตาย!
วันรุ่งขึ้นฉันจึงไปช่วยเพื่อนจัดสวนเสียใหม่ แนวความคิดในครั้งนี้คือ "สวน
แนวตั้ง" ไปถึงก็ปาเข้าไปเที่ยงแล้ว
ดีที่มันแยกประเภทต้นไม้ชอบแดด ชอบร่ม ไม้กระถางเล็ก กระถางน้อยไว้ให้บ้างแล้ว
จึงสามารถลงมือทำได้เลย เมื่อมองไปรอบ ๆ เห็นไม้กระถางที่ชอบแดดอย่าง
ต้นหลิวไต้หวัน เข็มเหลือง หัวใจม่วง ประมาณ 30 กว่ากระถางได้
ฉันเลยจัดการเอาลวดมาร้อยกระถางแล้วเอาขึ้นไปพันไว้ที่ด้านนอกระเบียงบ้าน
ซึ่งได้รับแสงทั้งวัน แถมเวลารดน้ำก็จะไม่มีเศษดินให้เลอะเทอะระเบียงด้านใน
อีกด้วย ผลออกมาสวยงามโดนใจมาก ๆ เมื่อมองขึ้นไปแล้ว ดูอ่อนหวาน สมเป็นบ้านของหญิงสาว บ้านดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกจมหู!
ถึงเวลามาจัดการกับมุมหลังบ้าน โอ๊ะ โอ๋...ไอ้บ้านี่เล่นเอาต้นเฮลิโคเนียวางไว้ในร่องระบายน้ำอย่างนั้นเลย
ดีนะที่ท่อไม่ตันซะก่อน ไม่งั้นน้ำเสียได้เอ่อท่วมขังให้อนาถใจเป็นแน่
พอยกกระถางขึ้นมา
โอ้โห...น้องไส้เดือนน้อยกำลังเต้นระบำอย่างร่าเริงเลย
แต่จะว่าไปมันก็มีประโยชน์นะ...ฉันแนะนำว่าน่าจะเลี้ยงไว้ในกะบะ
ให้มันช่วยย่อยเศษใบไม้ที่มีเยอะแยะ และขึ้ไส้เดือนก็เป็นปุ๋ยชั้นดีเลยล่ะ
แต่เพื่อนของฉันกลัวและขยะแขยงเกินกว่าจะเห็นประโยชน์ของมัน เล
ยต้องทิ้งไป
ฉันจึงเอาเฮลิโคเนียมาใส่กะบะไม้รวมกัน ทำความสะอาดร่องระบายน้ำ
และทำให้มันโปร่งโล่งที่สุด เพื่อให้แสงแดดช่วยส่องลงมาทำความสะอาด
เอาไม้กระถาง 2 ใบมาแขวนไว้ห่าง ๆกัน ผลคือเราได้มุมหลังบ้านที่ดูโล่งสะอาด น่ามองขึ้นเยอะ
มาถึงส่วนหน้าบ้านเราก็ช่วยกันเอาตะแกรงสีเขียวสูงประมาณเอว
มาขึงตรงประตูเป็นแนวยาวตามประตู เพื่อกันงูเลื้อยเข้ามาอีก
แล้วเลือกเอาเฉพาะต้นไม้ต้นใหญ่วางไว้ไม้กี่ต้น อย่างคล้าน้ำ หมากเขียว ว่านช้างกระ
แซมด้วยเดหลี กนกนารีบ้าง โดยพยายามทำให้ช่วงพื้นโล่งที่สุด
เพราะถ้ามีงูเข้ามาอีกจะได้เห็นช้ดๆ (แล้วหนีทันไง)
สำหรับไม้กระถางที่วางในร่มได้ เช่น ไผ่เงิน ไผ่ฟิลิปปินส์ กำแพงเงิน เดป
ก็จัดการเอากระถางมาพันลวดแล้วแขวนกับประตูรั้วและช่องลมบนกำแพงเสียเลย
สวยงาม โปร่งตา แต่ก็เป็นส่วนตัว และให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติเหมือนเดิม
ส่วนหน้าบ้านที่อยู่นอกรั้วต้นไม้กระถางใหญ่ ๆ ทั้งนั้น เช่น ฤาษีผสม
ลั่นทม บุหงาส่าหรี เฟื่องฟ้า เอื้องหมายนา เฟินอเมซอน เพื่อนฉันตัดใจเอาไปฝากไว้ที่อื่นไม้ได้ จึงได้แต่เคลื่อนต้นไม้ออกมาแล้วทำความสะอาดพื้น ตัดกิ่งก้านที่ยาวระเกะระกะออก แล้วก็เคลื่อนกลับ ต้นไหนเฉาเราก็เอามาให้ได้แสงแดดกับเขาบ้าง ที่จริงแล้วในส่วนนี้ไม่ควรมีต้นไม้มากเกินไปนัก เพราะน้องงูอาจจะมาซุ่มตัวอยู่เงียบ ๆ อีกก็ได้นา....
เวลา 6 ชั่วโมงผ่านไปพร้อม ๆ กับความเหนี่อยล้า แต่เมื่อได้นั่งพักและดูผลงานแล้ว ก็พอใจในระดับหนึ่งนะ ถึงกระนั้นเพื่อนฉันมันก็ยังไม่กล้าออกมานั่งหน้าบ้านอยู่ดี ฉันจึงเอาไฟราวมาขดกับสแตนเหล็กดัด เพื่อสร้างมิติและความน่าสนใจให้สวนในยามค่ำคืน อีกอย่างงูมันคงไม่ชอบแสงในตอนกลางคืนนักหรอก...
เฮ้อ...ไม่รู้ว่ามันจะทำใจออกมานั่งชมสวนได้หรือยัง
แต่ที่แน่ ๆ มันคงเลิกบ้าขนซื้อต้นไม้มาวางสุม ๆ ไว้อีกแล้วล่ะ
16 ตุลาคม 2551 11:22 น.
nirvanar-t
ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ในเมืองที่น่าอัศจรรย์ใจ
มันเป็นความโชคดีของฉัน ที่พระเจ้า (หรืออะไรก็ไม่รู้) เล็งให้ฉันมาอยู่ในละติจูดนี้อย่างแม่นยำ...
ยังกับจะรู้ว่าฉันต้อง "รัก" มันในที่สุดแหละ...
ฉันได้เจอและรู้จักผู้คนต่างเชื้อชาติ สำเนียง ภาษา
แต่ละคนหอบเอาความฝันและความหวังมาเต็มไม้เต็มมือ
ที่นี่จึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาเป็นที่สุด...
ถ้าคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างธรรมดา ๆ ที่นี่ล่ะก็...เมินซะเถอะ
แม้แต่สัตว์ป่าตัวใหญ่อย่างช้าง ยังมาเดินอวดโฉมอยู่แถว
ร้านหมูกะทะเลย...
ถ้าคุณอยากเมาอ้วกแตกอ้วกแตน ก็มีร้านเหล้าตั้งรอเรียงรายมากยิ่งกว่า 7-11 ซะอีก
ถ้าคุณเป็นคนที่มีสาระ ขอแนะนำให้แวะเข้าร้านกาแฟโบราณเพื่อพบกับกูรูด้านการเมืองภาคประชาชน
ถ้าคุณอยากย้อนเวลา ลองนั่งรถรางชมรอบเขตเมืองเก่าในราคาเพียงแค่ 30 บาท
ทะเลหรือก็อยู่ใกล้แค่บางขุนเทียน หรือไม่ก็สวนสยาม
อยากไปตลาดน้ำก็ต้องที่ตลิ่งชัน
หรือจะไปดูนาข้าวเขียวขจีที่มีนบุรี
การเดินทางในบางกอกนั้นแสนสะดวกสบาย...
มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งทางน้ำ ทางบก บนฟ้า และใต้ดิน
แม้ที่ดินจะราคาแพงสุดขีด แต่บางกอกก็พอจะมีสวนสวย ๆ
ให้นั่งเล่นเย็นใจอยู่หลายแห่ง...
ถึงไม่โด่งดังเท่าเซ็นทรัล พาร์ค แต่ก็ให้ออกซิเจนและความสุขได้ไม่แพ้กัน
และนอกจากจตุจักรแล้ว บางกอกยังมีตลาดนัดเจ๋ง ๆ ให้เดินอีกเยอะเลย เช่น สนามหลวง 2 ปัฐวิกรณ์ มีนบุรี ฯลฯ
โดยส่วนตัวแล้ว ฉันมักใช้เวลาช่วงเย็นวันอาทิตย์
เดินเท้าออกจากบ้านย่านสะพานหัวช้างไปยังสนามหลวง
สำหรับหลาย ๆ คน มันอาจเสียเวลาเปล่า
แต่สำหรับฉันมันคือกำไรชีวิต...
คงเพราะฉันชอบดูการใช้ชีวิตของผู้คน สถาปัตยกรรม บ้านเรือน และต้นไม้
ในระหว่างนั้นฉันพบว่า...
แม้บางกอกจะเต็มไปด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ซึ่ง...น่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง...
แต่เรากลับทำให้มันอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
นี่แหละความเจ๋งของคนไทย
ที่สะท้อนออกมาเป็นบางกอก...
ยินดีต้อนรับสู่เมืองสำหรับทุกคน...ที่มีความฝัน...