27 พฤศจิกายน 2551 18:35 น.
nirvanar-t
ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองเราไม่สู้จะดีนัก แม้แต่คนที่นั่งดูนอกสนามมาตลอดอย่างเราก็อดคิดมากไม่ได้ อย่างแรกเลยนะ คิดถึงในหลวง ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจเลย ท่านอุทิศความสุขส่วนตัวเพื่อดูแลลูก ๆ ตั้ง 60 กว่าล้านคนมาตลอดชีวิตของท่าน ทำไมพวกเราถึงตอบแทนบุญคุณท่านโดยการทะเลาะก่อความวุ่นวายให้ประเทศชาติเสียหายอย่างนี้ล่ะ?
ถ้ารักประเทศไทยกันจริง ๆ ฉันว่ามันมีวิธีการที่ดีกว่านั้นที่อยากนำเสนอ แค่เราทุกคนหันกลับมาทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มความรู้ความสามารถ ทำด้วยความถูกต้อง สุจริต และคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ฉันเชื่อว่าถ้าข้าราชการ ชาวนา พ่อค้า นักธุรกิจ แม่บ้าน นักเรียน ครู นักการเมืองส่วนใหญ่ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ในสิ่งที่ถูกต้อง และสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดินนี้ มันก็จะเป็นการสร้างระบบความถูกต้อง ทำให้คนเลวอยู่ลำบากมากขึ้น หรือไม่ก็อาจอยู่ไม่ได้เลย
โดยส่วนตัวฉันเชื่อในเรื่องการกระทำนะ และไม่คิดว่าควรรอทำพร้อมกับคนส่วนใหญ่หรอก ถ้าคิดว่าดีก็ทำเลย! ถึงจะเป็นจุดเล็ก ๆ ในสังคม มันก็อาจยิ่งใหญ่พอที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นลุกขึ้นมาทำสิ่งดี ๆ บ้าง - เหมือนปู่เย็นไง...
ถ้าคุณเป็นข้าราชการ ก็เลิกกังวล - ทำงานของคุณอย่าให้ขาดตกบกพร่อง โชคดีจะตายเกิดมาชาติหนึ่งได้มีโอกาสทำงานสนองคุณแผ่นดินเกิดของเรา ใช้โอกาสนี้ทำสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มากที่สุดจะดีกว่า ยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ได้มาจากการกระทำที่ถูกต้องมันมีศักดิ์ศรีและความศักดิ์สิทธิ์มากนะ แม้จะไม่รุ่งโรจน์ถึงขีดสุด แต่ชีวิตคุณก็จะไม่มีวันตกอับ จะเอาสองขั้นทุกปีไปทำไม มันไม่ทำให้คุณรวยขึ้นมาหรอก!
ถ้าเป็นชาวนา - อย่าไปมัวรอความช่วยเหลือจากใครเลย หันมาพึ่งตนเองให้มากที่สุดจะดีกว่า ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แล้วคุณก็จะอยู่ได้ ใช่! ไม่มีใครรวยเพราะทำนา แต่ก็ไม่มีใครอดตายเพราะทำนาเหมือนกันนะ
ถ้าเป็นพ่อค้า - ก็อย่าเอารัดเอาเปรียบเขานัก เอาแค่พออยู่ได้ ช่วยประคับประคองกันไป มีเงินก็ช่วยเหลือสังคมบ้าง มันจะมีความสุขซะยิ่งกว่าการรวยเป็นหมื่นล้านแต่หาคนจริงใจไม่ได้สักคน
ถ้าคุณเป็นอาจารย์ - คุณอาจมีความรู้ในบางสิ่งลึกซึ้ง แต่อย่าเอาความคิดเห็นของตนเองมาเป็นบรรทัดฐานของสังคม สิ่งที่สำคัญกว่าการถ่ายทอดความรู้ คือ การสอนให้คนรู้จักคิดและพิจารณา รู้จักผิดชอบชั่วดี และจิตสำนึกของการรับใช้สังคม
อยากให้พวกเราคนไทยทุกคนหันกลับมาทำหน้าที่ของตนให้ดี และเพิ่มจิตสำนึกของการรับผิดชอบต่อสังคมให้มากกว่านี้
ไม่ว่าโลกจะวุ่นวายยังไง ประเทศไทยเราก็จะไปรอด
ไม่ว่าจะมีคนคิดร้ายกับประเทศไทยเรายังไง ประเทศไทยเราก็จะไปรอด
ฉันไม่ได้ฝันนะ ฉันกำลังทำของฉันอยู่ และทำมาได้พักใหญ่แล้วด้วย ถึงมันจะยังไม่เห็นผลในวงกว้าง ถึงจะถูกผู้บังคับบัญชาให้ขั้นน้อยลงเพราะบังอาจไปขัดใจเขา แต่ฉันก็ภูมิใจที่ได้ทำนะ ฉันถือตนว่าเป็นลูกน้องของในหลวง ฉันทำงานถวายท่าน...คิดแค่นี้ก็ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงและกำลังใจมันมาจากไหนตั้งมากมาย...
มาทำหน้าที่ของเราให้ดีต่อไปกันเถอะ!
14 พฤศจิกายน 2551 10:46 น.
nirvanar-t
บางทีคนที่ทำให้เราเจ็บปวดที่สุดก็อาจจะเป็นตัวเราเอง
การมองโลกในแง่ดีเกินไป คิดว่าจะมีความยุติธรรมอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง
การให้และการได้รับเป็นสิ่งที่จะต้องเท่าเทียมกัน
ใครบางคนที่เราจัดลำดับความสำคัญให้เขาในลำดับแรก ๆ
ก็คงจะมองเราในแบบเดียวกัน
เปล่าเลย.....
โลกมันก็เป็นอย่างนี้... ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เรามองไปซะหมดหรอก
เพราะเรามองมันด้วยมุมมองเพียงมุมเดียว
เลือกที่จะมองโดยมีความคิดเห็นส่วนตัวมาเจือปน
ภาพที่เห็น ก็เลยบิดเบี้ยวไปกว่าที่ควรจะเป็น
แล้วเมื่อผลตอบแทนมันไม่ใช่อย่างที่เราหวัง
ก็รู้สึกเจ็บปวด อ้างว้าง เกินทน
มันไม่ใช่ความผิดของเขา ที่จะมองฉันเป็นตัวสำรอง เป็นของแถม
เพราะมันเป็นมุมมองส่วนตัวของเขา
แต่มันผิดที่ฉันเลือกที่จะเชื่อว่าเขาอาจซาบซึ้งกับสิ่งที่ฉันทำ
ฉันคิดว่าเขาย่อมจะมองเห็นคุณค่าของมันเสมอ
ในเมื่อรู้ว่าเขาคิดกับฉันยังไง เสียตั้งแต่ตอนนี้
ฉันจะได้กลับตัวกลับใจ หันเข็มทิศชีวิตไปสู่ทิศทางใหม่
หันไปบ้ากับอะไรที่ทำความสุขใจให้กับเราดีกว่า
หมดเวลาที่จะหลอกตัวเองแล้วนะ
ถอดแว่นสีชมพูของเธอออกซะ
เปิดใจรับรู้โลกจากความเป็นจริง
5 พฤศจิกายน 2551 15:07 น.
nirvanar-t
เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน สังเกตเห็นว่ามีเพลี้ยอ่อน เพลี้ยไฟ น้องมด
ยกขบวนกันมาจัดงานเลี้ยงที่ต้นกุหลาบและเทียนหยดกันอึกทึกครึกโครม
เราก็ร่วมปาร์ตี้นั้นด้วยการส่ง "มาลาไธออน" ไปเป็นบรรณาการ
สัปดาห์ต่อมาก็พบว่างานเลี้ยงเลิกลาไปแล้ว พร้อม ๆ กับอาการทิ้งใบ
จนแทบจะเหลือแต่กิ่งก้านของน้องต้นไม้...ให้นึกเศร้าใจยิ่งนัก
(มันจะตายรึเปล่าเนี้ย!) ก็เลยจัดการปรุงดินและเปลี่ยนกระถางใหม่
จนเมื่อ 2 วันมานี้ เขาแตกใบแดง ๆ ออกมาเพียบเลย...
(อิ อิ อิ ใจสู้จริง ๆ ต้นไม้ฉัน) แต่มันก็ออกจะพิกลพิการอยู่บ้างเหมือนกัน
เอาเถอะไว้ค่อยบำรุงกันใหม่
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฉันคิดจะกวดน้ำคว่ำขันยาเคมีพวกนี้แล้วล่ะ
เข็ดจริง ๆ ...ไม่คุ้มเลยนะ ถ้าต้นไม้ที่เรารักต้องตายไปพร้อมกับแมลงพวกนั้น
ฝนแรกในการปลูกต้นไม้ของฉันมันทำให้ฉันได้เรียนรู้ด้วยตัวเองว่า...
1. ยาเคมีปราบศัตรูพืชมันแรงมาก คิดดูดิฉีดแป๊บเดียวต้นไม้พากัน
ใบเหลืองทันทีเลย (ไม่ใช่แค่แมลงนะ ขนาดต้นไม้ยังแย่เลย)
2. ตัวคนฉีดเองก็อาการแย่เหมือนกัน รู้สึกไม่สบาย เจ็บคอ เวียนหัว
ไป 3 วันเลยล่ะ
3. เจ้าพวกแมลง มันก็แค่อาศัยกินน้ำเลี้ยงจากพืช เพียงเพื้อให้ตัวมัน
มีชีวิตอยู่รอดไปวัน ๆ เท่านั้น แบ่งได้ ก็แบ่งๆ กันไปเหอะ
4. หันมาบำรุงต้นไม้เราให้แข็งแรงพอที่จะทนเป็นเจ้าภาพปาร์ตี้เพลี้ยดีกว่า
5. ในบริเวณใกล้กันควรปลูกพืชให้มันหลากหลายเข้าไว้ แล้วแมลงศัตรูพืชต่างชนิดกันมันจะควบคุมปริมาณกันเองแหละ
6. ใช้สารละลายจากธรรมชาติดีกว่า ประหยัดและไม่ทำลายต้นไม้ด้วย
สารพวกนี้ได้แก่ น้ำแช่ยาเส้น 3 วัน น้ำแช่สะเดา 3 วัน (ไม่ต้องใส่เกลือนะ)
กากชา กากกาแฟ น้ำล้างมะระ หยดน้ำมันยูคาลิปตัสริมขอบกระถาง
(แมลงไม่ชอบกลิ่นนี้เลยอ่ะ) เปลือกไข่ดิบ เป็นต้น
7. ถ้าเป็นหนอนผีเสี้อตัวโต ๆ แค่ใช้มือหยิบมันไปทิ้งที่อื่นก็พอ
เพราะมันคงมีแค่ตัวสองตัวเอง ไม่ต้องใช้ยาให้เปลืองหรอก
8. ถ้าพืชใบเหลืองช่วงหน้าฝน คงเพราะเชื้อรา ให้ตัดใบไปทิ้งไกล ๆ
และลองโรยกำมะถันบาง ๆ ริมขอบกระถางดูน่าจะพอช่วยได้
9. ไม้กระถางค่อนข้างอ่อนแอ อย่าเอาเขาไปวางตากฝนนาน ๆ
จะเป็นโรคระบาดทางใบได้ง่าย หน้าฝนนี้เอาเขาเข้ามาไว้ในชายคา
ที่แดดส่องถึงจะดีกว่า
10. หน้าฝน อย่าไปใส่ปุ๋ยเร่งให้เขาออกดอกมากนัก เดี๋ยวต้นจะโทรม
และดอกก็อยู่ได้ไม่นานหรอกเพราะความชื้นมันมากไป ควรหันไปบำรุงต้น
บำรุงใบ และบำรุงราก เพื่อเตรียมรอดูดอกใหญ่ ๆ บานนาน ๆ
ช่วงปลายฝนต้นหนาวจะดีกว่า
11. ถ้าจะตัดแต่งกิ่งต้นไม้ช่วงหน้าฝนนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือแอลกอฮอล์
สำหรับเช็ดกรรไกรตัดกิ่งทุกครั้งและปูนแดงไว้ปิดแผลไม่ใช้เชื้อราเข้าไป
ทำลายลำต้น
12. สำรวจดูประชากรไส้เดือนในกระถางของท่านด้วย ควรจะมีบ้าง
ดินจะได้ไม่แน่นเกินไป แต่ถ้าเขามาอยู่กันเป็นชุมชนแออัดล่ะก้อ
เปลี่ยนกระถางหนีดีกว่านะเพื่อน
สุดท้ายนี้อยากบอกว่า ธรรมชาติมีเหตุผลที่ดีเสมอ ในการสร้างสิ่งมีชีวิตให้อิงอาศัยร่วมกัน การที่เราจะกำจัดสิ่งที่เห็นว่าไร้ประโยชน์ อาจส่งผลกระทบถึง
สมดุลย์ของระบบนิเวศน์ในองค์รวมได้ มนุษย์เราก็เป็นเพียงพวกที่แสวงหา
ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตอื่น หาใช่ผู้ตัดสินว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรสุญพันธุ์
อย่าคิดว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้จะมีแต่ผลดี มันอาจแค่ยังไม่ถึงเวลาที่ผลเสีย
จะตามมาก็ได้ เราควรอยู่บนโลกนี้ด้วยความนอบน้อม และสำนึกในบุญคุณ
ของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่เราได้เบียดเบียน... จะช่วยยืดเวลาแห่งความสุขของ
ทุกชีวิตบนโลกนี้ ให้ยืนยาวขึ้น..
28 ตุลาคม 2551 13:37 น.
nirvanar-t
คุณกุหลาบเหลืองเป็นรักแรกพบครั้งที่ 2 ของฉัน
หลังจากได้เห็นดอกเล็ก ๆ สีเหลืองของเขาใน Home & Decor
ฉบับเดือน ก.พ. 51 ฉันก็ร้อนใจอยากได้มาอยู่ในฮาเรมลอยฟ้า
เลยบึ่งไปจตุจักร ควักเงินจ่ายค่าเสียหายไป 80 บาท (น่าจะเป็นราคา
มาตรฐานของกุหลาบหนูทั่วไป) ก็ได้เขามาอยู่ในอ้อมกอดหลวม ๆ
(ขืนกอดแน่น...หนามของน้องก็เกี่ยวพี่ระบมซิจ๊ะ)
ก่อนจะใช้ชีวิตร่วมกัน
เรามาทำความเข้าใจกันสักนิดก่อนนะ
"รักจะเป็นต้นไม้ของเรา...ต้องอดทน" (สงสัยจะดู 2499
อันธพาลครองเมืองมากไปมั๊ง)
เพราะฉันจะมาที่นี่เพื่อรดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ยให้เธอได้
แค่วันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น
ที่เหลือคงต้องฝากเทวดาเลี้ยงล่ะ...
รักจะอยู่ด้วยกัน ก็ต้องปรับตัวหน่อยนะ
แต่ฉันจะพยายามทำให้เธอลำบากน้อยที่สุด
วิธีการของฉันคือเวลานำต้นไม้ลงปลูกในกระถาง
จะต้องรองก้นกระถางด้วยกาบมะพร้าวให้สูงสัก1-1นิ้วครึ่ง
แล้วค่อยรองด้วยดินผสมที่ปรุงใหม่ เอาต้นไม้ลง
เอาดินโป๊ะนิดหน่อย แล้วปิดด้วยกาบมะพร้าวเปียกเพื่อเก็บความชื้น
จากนั้นหาจานรองกระถางมาวางแล้วก็เทน้ำให้เต็มจาน
ก็คิดว่าน่าจะเพียงพออยู่สัก 4 - 5 วันนะ...
ตอนแรกเราก็อยู่ด้วยกันดี ๆ เขาออกดอกดก ๆ
มาให้ชมได้ 4 - 5 รุ่น ก็เริ่มใบหงิก ใบเหลือง ทิ้งใบ
และไม่ออกดอก ฉันคิดว่าปุ๋ยคงหมด และมีแมลงรบกวน
เลยลองให้ปุ๋ยอินทรีย์จากสะเดา สลับกับปุ๋ยจากพืชตระกูลถั่ว
แต่ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น...
แทนที่ฉันจะเอาใจใส่เขาให้มากขึ้น ...
กลับไปเที่ยวหาต้นไม้ใหม่ ๆ เข้ามาไว้ในฮาเร็ม
และในทีสุดฉันก็แทบจะลืมว่ามีเขาอยู่...ตรงนั้น
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ฉันแทบลมใส่...
จู่ ๆ ก็มีเห็ดดอกเบ่อเร่อโผล่ออกมา
ในกระถางคุณกุหลาบเหลืองนั่นเอง ...
ชูช่อบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นคล้ายเห็ดฟางตลบอบอวล
ไม่ได้การแล้ว!...
ฉันรีบบรรจงถอนเขาขึ้นมา
พบว่าราสีขาวทอเส้นใยไปทั่วดินและรากฝอย
ฉันจึงพยายามขูดมันออกจากรากฝอยของเขาให้หมด
แล้วก็ปรุงดินใหม่ ใส่กระถางใบใหม่
อัญเชิญเขาไปสถิตย์ในนั้น สัปดาห์หน้าฉันจะให้ยาฆ่าเชื้อรา
พร้อมกับหวังว่า...เขาจะให้อภัยฉัน
และรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายในการขับเคลื่อนชีวิตต่อไป
ถึงตอนนี้ ทุกอย่างกำลังดีขึ้น
แต่ก็ไม่อาจลบล้างความรู้สึกผิดที่ได้ละเลยต่อสิ่งมีชีวิตหนึ่ง
ขอโทษนะ...คุณกุหลาบเหลือง
ทั้ง ๆ ที่เธออยู่ตรงหน้าฉันแค่นี้
กลับเป็นฉัน...ที่ปล่อยให้เธอต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้าย
โดยลำพังคนเดียว...
ฉัน...เสียใจ...
27 ตุลาคม 2551 13:01 น.
nirvanar-t
เคยมั๊ยที่ได้ยินเพลงบางเพลงลอยมาตามสายลมแล้ว
ทำให้เราฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ...
ฉันเป็นอย่างนั้น...
ฉันเรียกมันว่า "เพลงของเรา"
ฉันมี "เพลงของเรา" กับต้นไม้เกือบทุกต้น
Annie's song ที่ทำให้ฉันนึกถึง คุณมะยมด่าง
เพลงที่พริ้วไหวด้วยน้ำเสียงและคอร์ดกีตาร์เบาสบาย...
เหมือนพุ่มใบกลมที่ไหวไปตามระลอกคลื่นของสายลม
ลอยสูงขึ้นไป...พาใจเราให้ล่องลอยไปอย่างเสรี...
ทุกสิ่งบนโลกนี้ดูเล็กราวเท่าหัวไม้ขีดไฟ...
ในขณะนั้น ฉันรู้สึกว่าได้ยินเสียงครางเบา ๆ อย่างพอใจของเขา
ฉันเชื่อว่าต้นไม้ทุกต้นมีชีวิตและความรู้สึกเหมือนกับคน
พวกเขามีวิธีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับคนที่แตกต่างกันออกไป
และสามารถรับรู้ความห่วงใยของเราได้
จากการพูดคุยและสัมผัสอ่อนโยนทะนุถนอม
เมื่อเขาสบายใจและมีความสุขมากพอ
เขาก็จะแสดงออกด้วยการแตกใบใหม่ ผลิดอก ออกผลที่สวยสมบูรณ์
เมื่อสายสมพัดลอดผ่านใบ เขาก็จะร้องเพลงคลอออกมาอย่างมีความสุข
บางครั้งเมื่อเดินสังเกตไปตามข้างทาง
ต้นไม้ที่น่าสงสารบางต้นกลับเต็มไปด้วยใบและดอกที่พิกลพิการ
ทั้งที่ไม่เห็นมีแมลงรบกวนให้เห็นสักตัว
นั่นเป็นวิธีการที่เขาบอกเราว่า
ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว เพราะไม่มีใครสักคนที่ใส่ใจเขา...
ฉันอยากเห็นคนไทย ใจดีกับต้นไม้ให้มากกว่านี้
รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย สัมผัสเขาอย่างอ่อนโยน
และมอบบทเพลงที่ทำให้คุณนึกถึงเขา
มันคือ "เพลงของเรา"
เมื่อคุณนึกถึงมันในช่วงเวลาที่รู้สึกแย่ ๆ
หัวใจคุณก็จะอุ่น...
และอยากลุกขึ้นมาทำอะไรดี ๆ เพื่อโลกใบนี้...