27 พฤษภาคม 2550 01:29 น.
nidhi
คุณธนบัตรถือกำเนิดมาในโลกได้นานนับหลายศตวรรษแล้ว โดยเกิดมาไล่เลี่ยกับการที่คนโบราณคิดค้นวิธีทำกระดาษจากต้นปาปิรุสได้ ก่อนหน้าที่จะใช้กระดาษมาทำธนบัตร เงินตราที่ใช้แพร่หลายก็มักจะทำจากวัสดุธรรมชาติทั่วๆไป เช่น เปลือกหอยและโลหะต่างๆ การทำธนบัตรก็มีวิวัฒนาการมากมายแตกต่างกันไป
คุณธนบัตรของเรามีกำเนิดในประเทศไทยเมื่อครั้งยังเป็นประเทศสยาม ต้นกำเนิดก็เกิดในดินแดนฝรั่งซึ่งเป็นผู้นำอารยธรรมในสมัยนั้น จนกระทั่งถึงยุคของธนบัตรไทยปัจจุบันก็ยังเพิ่งตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรเองได้เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้เอง เพราะก่อนหน้านี้ ประเทศไทยยังต้องจ้างบริษัทฝรั่งในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นผู้พิมพ์ธนบัตรให้ ซึ่งผู้เขียนจักไม่กล่าวรายละเอียดในที่นี้แต่ประการใด หากผู้อ่านท่านใดสนใจ ก็สามารถดูรายละเอียดจากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ ซึ่งก็มีพิพิธภัณฑ์ธนบัตรไทยโดยเฉพาะสำหรับผู้สนใจอยู่แล้ว
คุณธนบัตรเป็นรุ่นหลานรุ่นเหลนของธนบัตรไทยในยุคแรกๆ ซึ่งปัจจุบันได้ล้มหายตายจากไปเกือบหมดแล้ว ยังคงหลงเหลืออยู่บ้างน้อยนิดที่อยู่ในมือนักสะสมทั้งชาวไทยและต่างชาติ กับหลงเหลืออยู่ตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆทั่วโลก
คุณธนบัตรยุคล่าสุดในปัจจุบัน ไม่มีราคาต่ำกว่าฉบับละ ๑๐ บาท (สิบบาท)
ต่างจากสมัยแรกๆซึ่งมีราคา ๑ บาทและ ต่ำกว่า ๑ บาทด้วย ปัจจุบันมีธนบัตรใช้แพร่หลายในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าเครื่องอุปโภคและบริโภค ในราคาฉบับละ ๑๐ บาท,๒๐ บาท,๕๐ บาท,๑๐๐ บาทฒ๕๐๐ บาท และ ๑,๐๐๐ บาท นอกเหนือจากราคาดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นธนบัตรที่จัดพิมพ์ขึ้นในโอกาสพิเศษต่างๆ โดยจะมีข้อความและรูปภาพแตกต่างกันไป แต่ที่ปรากฏเสมอก็คือข้อความว่า "ธนบัตรเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย" และที่เห็นเด่นชัดในธนบัตรรุ่นปัจจุบันก็คือ แถบสีเงินสะท้อนแสง ซึ่งพิมพ์พาดคาดอยู่ด้านซ้ายของธนบัตรด้านหน้าซึ่งมีไว้เพื่อป้องกันการปลอมแปลงธนบัตร แถบเงินดังกล่าวและภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อนำไปส่องในแสงไฟจากหลอดไฟพิเศษก็จะปรากฏเห็นเด่นชัดเรืองรองแวววาวสวยงามจับตา
คุณธนบัตรตามเนื้อเรื่องของเราที่ผู้เขียนจะนำเสนอในตอนต่อไป เป็นธนบัตรราคาฉบับละ ๕๐๐ บาท(ห้าร้อยบาท) เพราะผู้เขียนต้องการจำกัดวงแพร่หลายการเดินทางของคุณธนบัตรให้แคบลงมาพอที่จะเกาะติดไปตามแต่ละสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น