27 มีนาคม 2550 17:45 น.
nekoryu
เมื่อเวลาที่เราได้รู้จักกับคำว่ารักเป็นเวลา 1 ปี เราได้บันทึกความรักในครั้งนี้ลงในไดอารี่ส่วนตัวที่เรามักจะเขียนทุกครั้งที่เรามีปัญหาหรือแม้กระทั่งความสุขของเรา
ตอนแรกที่พบกันเรายังไม่ปิ้งกันนะ แต่สำหรับเขา เขาบอกว่ามองเราอยู่ เพราะอยากรู้ว่าการเป็นรองประธานต้องทำยังไง มีหน้าที่อะไร เรารู้ได้หลังจากที่เขากลับบ้านเขาส่งข้อความต่าง ๆและเราเริ่มคุยโทรศัพท์กัน
แอ้ว บิวต้องลาออกจากการเป็นคณะกรรมการหรืออาจจะต้องลาออกจากโรงเรียนด้วย
ช่วงหลัง ๆ มาเขาเริ่มมีปัญหากับครูที่โรงเรียน เราก็กลัวเขาจะลาออก เพราะรู้สึกห่วงในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง เราพยายามที่จะบอกให้เขาใจเย็นรอให้สิ่งต่าง ๆมันเย็นลงกว่านี้อาจจะไม่มีปัญหามากก็ได้ แล้วพอมาหลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับที่โรงเรียนก็ผ่านพ้นไปด้วยดีโดยที่เขาไม่ต้องลาออกจากที่โรงเรียนและการเป็นคณะกรรมการนักเรียน
หลังจากที่เรื่องผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ( เท่าที่เราคิดอ่ะนะ ) เจตก็มาบอกว่า บิวท่าจะชอบแอ้วนะ O_O
ตอนแรกเราก็ไม่คิดเท่าไหร่เพราะเขาไม่ได้พูดเอง แต่เราก็รู้ว่าเขาจีบเราแน่ ๆ เราไม่เริ่มอะไรทั้งนั้น แต่เราจะก็ดูเขาเรื่อย ๆว่าเขาจะอดทนกับคนอย่างเราได้นานแค่ไหน เพราะจากประสบการณ์การณ์ การอกหักที่ผ่านมาทำให้เราคิดได้ว่า เราอยากจะให้มีคนที่เขาพร้อมที่จะรักเรา และอดทนกับคนอย่างเราได้นาน ๆ แล้วจากการแอบประเมินของเราก็ต้องยอมรับเลยว่า คนนี้ผ่าน ใช้ได้เลย
บิว เหมือนจะเป็นคนที่เรารออยู่ แล้วเขาก็ใช่จริง ๆ เขาพิสูจน์ให้เราได้รู้ว่าเขาจะเป็นคนที่เรารักได้แน่ๆ โดยที่เราไม่ค้องเจ็บ เราคบกันมา บิวเป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ ตั้งใจเรียน เป็นห่วงเป็นใยเราตลอด สัมพันธไมตรีดี เข้มแข็ง แต่บิวชอบเล่นเกมส์ แต่ไม่เป็นไร เพราะเราคิดว่าเขาสามารถแบ่งเวลาได้ดี และเราก็ไม่อยากจะยุ่งเพราะมันเป็นสิ่งที่เขารัก บางครั้งบิวดูเผด็จการ ใจแข็ง แต่มันก็เหมือนจะเป็นเปลือกนอก เพราะบิวเป็นคนชอบคิดวกวน แบบไม่ยอมปล่อยวาง คิดแล้วคิดอีก จนเหมือนกับหาทางออกไม่ได้ แต่เราก็ไม่อยากบอกว่า เราก็เหมือนกับบิวแต่เราจะคิดเพียงเรื่องเดียว เมื่อคิดและหาข้อสรุปได้เราก็จะเชื่อมั่นอยู่อย่างนั้น ทำให้ดูเหมือนเราคิดอะไรตื้น ๆ แต่ถ้ามีความสุขเราก็ขอคิดแต่นี้ก่อนยังไม่อยากคิดอะไรมาก ( เอาละเข้าเรื่องต่อ )
หลังจากนั้นพอจบ ม.5 เทอม 2 บิวก็พยายามขอแม่จนมาเรียนพิเศษภาคฤดูร้อนที่เชียงใหม่ได้ แล้วเราก็ช่วยเขาอย่างเต็มที่ในเการสมัครเรียนและหาที่พักที่สุดจะโทรมเกินคำบรรยาย เพราะเราอยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงซึ่งมันก็ดีนะ เขาไม่เรื่องมาก มีความเป็นลุกผู้ชาย เจาสามารถดูแลตัวเองและเพื่อน ๆ ในกลุ่มได้อย่างดี เรารู้สึกภูมิใจในตัวเขามากและมันก็เป็นข้อพิสูจน์ความเป็นสุภาพบุรุษของเขาได้เป็นอย่างดีทีเดียว มันจึงทำให้เรารักเขามากขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงเดี๋ยวนี้ )
แล้วเราก็ไปหาเขาทุกวันตามที่ได้สัญญากันไว้ เราไปหาเขาตอนบ่าย ๆ แล้วตอนเย็นๆ เราก็ไปเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่นต่อ
ช่วงสงกรานต์เราไปเล่นน้ำด้วยกัน ปีนี้เราได้ไปเที่ยวน้ำตกกับพวกเพื่อน ๆ ที่บ้านเหมือนปีอื่น ๆ แต่พิเศษหน่อยก็ตรงที่ปีนี้เรามีคนพิเศษไปด้วย เมื่อคนอื่น ๆพบบิว เขาก็บอกว่า บิวกับเราเหมาะสมกันมาก ๆ เพราะนิสัยในด้านต่าง ๆ ของเราเหมือนกันและคนอื่น ๆ ก็บอกว่า เหมืนอบิวจะเกิดมาเพื่อแอ้วเลยนะ ซึ่ง เราก็ยังนึกแปลกใจอยู่ว่า ทำไมเรากับบิวถึงนิสัยเหมือนกันอย่างนี้ เรามักจะมีความคิดตรงกันเสมอ ( แต่วิธีคิดไม่เหมือนกัน ) นิสัยและการปฎิบัติตัวก็คล้าย ๆกัน เรายอมรับว่าเรามีความสุขมาก ๆ
หลังสงกรานต์เราก็ไปว่ายน้ำกันทุกวัน เพราะเราอยากให้บิวแข็งแรง ( บิวมีโรคประจำตัวอยู่น่ะ )
จากนั้นอีกประมาณสองสัปดาห์ที่เหลือ แมน บอกกับเราว่าเราต้องไปเข้าค่ายที่อยุธยา ถ้าเป็นเวลาปกติเราจะดีใจมากที่ได้ไปค่าย แต่ในเวลาแบบนี้เราช็อคมาก ๆ เราอยากอยู่กับบิวอีกเพราะเรารู้ว่าเวลาแบบนี้ไม่ได้มีมาง่าย ๆและบ่อย ๆ และเมื่อรู้ว่าเราต้องไปค่าย แน่ ๆ แค่เห็นหน้าบิว แค่คิดว่าเราจะต้องจากกันเราก็ร้องไห้ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น บิวก็ทำได้แค่ปลอบเราและแอบร้องไห้เงียบ ๆ เท่านั้น ( บิวบอกว่าทุกครั้งที่เราร้องไห้บิวจะปลอบให้เราเงียบ แต่เมื่อเรากลับบ้าน บิวก็จะร้องไห้ ) เราก็พยายามทำทุกอย่าง ที่จะไม่ได้ไป แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เรายอมเชื่อพ่อไม่ไปค่าย เราจึงเอาพ่อขึ้นมาอ้าง ว่าพ่อไม่ให้ไป แล้วเราก็ไม่ได้ไปจริง ๆ ( แล้วก็แอบดีใจอยู่มาก ) แต่เมื่อเวลาดี ๆ ในฤดูร้อนจบลง บิวก็ต้องกลับบ้าน เวลาแห่งการจากลาก็มาถึง บิวพยายามเลื่อนวันกลับไปอีก 2-3 วัน แต่ยังไงก็ต้องกลับ วันนั้นเราไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายบางจะขาดใจเหมือนตอนที่รู้ว่าจะได้ไปอยุธยา ( คงเพราะเราร้องไปหมดแล้ว ) ช่วงที่เราช่วยบิวเก็บของเราทำได้แต่เพียงยิ้มเศร้า ๆ และใจเหงา ๆ เท่านั้น คงเป็นเพราะเรายอมรับในโชคชะตาแล้วคิดได้ว่าเราจะได้กลับมาเจอกันอีก และเราก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราสัญญากับบิวว่า เราจะพาบิวไปเที่ยวบ้าน เจอพ่อกับแม่ให้ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านเลย เราคิดว่าหากบิวสอบติด มช. ได้ วันนั้นแหละเราจะพาบิวมาพบพ่อก่ะแม่เราให้ได้ เราคิดว่าพ่อกับแม่ต้องชอบบิวเหมือนที่เราชอบแน่ ๆ
เมื่อบิวกลับไปแล้ว บิวก็ยังเหมืนเดิม โทรหาเราทุกวัน ยังเล่นเกมส์อยู่เหมือนเดิม และยังรักเราอยู่เหมือนเดิม บิวทำให้เราอุ่นใจและรักบิวขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ ๆ ช่วงหลัง ๆ เวลาคุยโทรศัพท์บิวจะหลับทิ้งเรา บิวบอกว่าเหนื่อยจากการเรียนซึ่งเราก็เข้าใจเพราะเราก็เหนื่อยเหมือนกันแต่เราก็รักบิว และอยากได้ยินเสียงเขา แต่ก็เพราะเหตุนี้เราก็รู้สึกน้อยใจ ขึ้นมาแล้วเราก็เก็บไปคิดมากจนร้องไห้ เมื่อบิวรู้ก็ค่อนข้างจะโกรธเรา บิวบอกว่าเ รามีอะไรไม่บอกเขาปล่อยให้เขารู้จากคนอื่น แต่สุดท้ายเขาก็ขอโทษเราและเราก็ขอโทษเขา จนเดียวนี้เมื่อเขาหลับทิ้งเรา เราก็ไม่รู้สึกน้อยใจอะไรอีกแล้ว เพราะทุกวันนี้ที่เขาโทรมาเขาจะมีคำว่า รักแอ้ว รักแม่หมู คิดถึงแอ้ว คิดถึงแม่หมู อยากเจอแอ้ว ฯลฯ และคำว่า ทำไมเราต้องอยู่ไกลกันด้วยนะ? ซึ่งก็ทำให้เรารู้ว่าเขาก็อดทนและทรมานแค่ไหนที่ไม่ได้เจอเรา และเขารักเราแค่ไหน
ในช่วงที่เรากำลังเขียนอยู่เป็นช่วงที่เราต้องเตรียมตัวสอบโควต้า มช. มันเป็นเวลา 4 เดือนแห่งความทรมานที่สุดของเรา เรามุ่งหวังที่จะเข้า มช. ให้ได้ ถ้าเราและบิวไม่ติด มช. เราก็ต้องเลิกกันซึ่งมันทำให้เรารู้สึกกดดัน แต่มันก็เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากจะพยายามเข้า มช. ให้ได้ ถ้าเราเข้า มช. ได้ เราคงเหมือนหลุดจากบ่อแห่งการทรมานนี้เสียที เราจะคอยเป็นกำลังใจให้ตัวเองและบิวให้สอบติดให้ได้
ในอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรในเมื่อตอนที่เราเขียนเรายังมีบิวอยู่ในความคิดถึง และความรักตลอดเวลา แต่เรารู้เพียงว่าเราไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รักบิว ได้มีคนดี ๆอยู่ข้างกายซักครั้งหนึ่งในชีวิตที่เกิดมา เราพยายามเตรียมใจไว้ 2 ทาง คือ ทางแรกถ้าสอบติด เราจะรักบิวและไม่แยกจากบิวจนกว่าบิวจะไม่ต้องการเรา ทางที่สอง ถ้าเราไม่ติด มช. เราจะเลิกกับบิวเพราะเราไม่อยากให้บิวทรมานอีกต่อไป แล้วเราก็จะเก็บบิวไว้ในใจเสมอไม่ลืมตลอดไป
ในตอนท้ายนิ้จิตใจของเราก็ยังเหนื่อยล้าจากความคิดข้างต้น เราได้แต่เพียงภาวนาขอให้พรหมลิขิตช่วยเราอีกสักครั้งเหมือนที่ได้ช่วยทำให้เราได้รู้จักกัน ให้เราสอบติด มช. ได้อยู่เคียวข้างกันดั่งที่เราคิดด้วยเถิด
ป.ล. เราจะไม่เสียใจเพราะที่ผ่าน ๆ มาเราและบิวได้ช่วยกันพยายามและประคองความรักของกันและกันไว้อย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งเวลาที่เหลือที่เราจะพยายามและอดทนให้มากที่สุดเท่านั้นเอง
27 มีนาคม 2550 15:54 น.
nekoryu
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราเอง เราอยากให้เพื่อน ๆ ได้รู้ว่าเราเหงานะแต่เราก็ต้องอยู่ให้ได้ในเมื่อเราเลือกที่จะรักเขาเอง
เมื่อวันที่ 16 - 19 ตุลาคม 2548ได้มีการประชุมอบรมผู้นำนักเรียนโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ 5 ภูมิภาคขึ้น และในปีนี้โรงเรียนของเราก็ได้เป็นตัวแทนในการจัดงานพวกเราทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะให้งานของเราออกมาดีที่สุด
" แอ้วแกไปดูแลพวกมัชฌิมดิอย่าปล่อยให้เขาเหงา" เสียงพี่ติ๊กจัดระบบ 47 ได้บอกเราอย่างนี้แล้วเราก็ต้องไปดูแลตามหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมายเหมือนเพื่อน ๆคนอื่น
เมื่อการดำเนินการเข้าค่ายได้ผ่านพ้นไปจนคืนสุดท้ายที่พวกเราได้มาเข้าค่ายร่วมกันก็จะมีการนันทนาการและการแลกเปลี่ยนกันเกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้วพายัพ มักจะแลกสะดอแดงก่ะเสื้อบาเตะของทักษิณเสมอ และเสื้อที่ชาวพายัพอย่างเราใส่ก็มักจะเป็นเสื้อยืดสีขาวแล้วก็จบลงด้วยการเขียนเสื้อนั่นแหละ
อย่าลืมกันนะ ! ( อื่มเราก็ว่าเราจะไม่ลืมเพื่อน ๆ หรอก และคำ ๆ นี้มันก็ยังติดอยู่ที่แขนด้านขวาเสื้อยืดสีขาวของเราจนทุกวันนี้ )
หลังจากจบค่ายนี้ไปเราก็ได้อะไรหลาย ๆ อย่างกลับมาด้วยเราได้เพื่อนจากภูมิภาคต่าง ๆ ได้ความประทับใจจากการทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ และสิ่งสุดท้ายที่เราได้ คือเรารู้จักคำว่ารักว่ามันเป็นยังไงจากคน ๆ หนึ่ง