3 ธันวาคม 2546 22:17 น.
|NdEpEndEnT
เพราะไร้รักจิตใจจึงขึ้งเคียด
ถูกรังเกียจจากหมู่ชนฅนถากไถ
ใจแปรปรวนรวนเรอสรภัย
ตลอดวัยไม่พบพานสุขภิรมย์
ภายในจิดคิดแค้นแค่นความลวง
แสดงดวงพวงแก้วพิษสะสม
ตระหง่านตาประจักษ์อาบอาคม
ในปลักตรมเน่าเหม็นกลิ่นกายา
โอ้ ! อนาถชีวาจะอาสัญ
ประชาชนประชาทันฑ์รับทุกข์ขา
เจ็บแล้วเจ็บปวดร้าวสิ้นโลกา
ประดังมาหลั่งไหลแก่ตัวตน
เพชรฆาตมันคร่าชีวิตข้า
ให้เหว่ว้าหลับนิ่งใต้เงาฝัน
มันจงใจชำระล้างคราบสกนธ์
ให้ข้ายลรับรสพบพระธรรม
ไอ้เลือดชั่วของข้ามีมากนัก
ครั้นเก็บกักทุกซอกลึกถลำ
ถูกตวงตักฝูงสัตว์ต่างตอกย้ำ
เพราะบ่วงกรรมหนักอึ้งอยู่ในทรวง
3 ธันวาคม 2546 22:11 น.
|NdEpEndEnT
ยิ่งเวลาล่วงเลยเคยบ้างไหม
จะขึงไขนอตกลวงให้กลับแข็ง
ยิ่งแก่เฒ่าสนิมจับทุกหนแห่ง
เคยกล้าแกร่งกลับเหนื่อยหมดกำลัง
ทารกน้อยนอนเปลนอตยังใหม่
ผลิตภัณฑ์ใสใสยังมีหวัง
ถูกผลิตออกมามิทันได้ยับยั้ง
จึงเก้กังกวัดไกวไม่รู้ทาง
แล้วอนาคตเจ้าล่ะคิดบ้างไหม
จะหานอตที่ไหนมาต่อสร้าง
คงจะเห็นทางมืดอยู่ลางลาง
โลกอันกว้งกลับแคบในฉับพลัน
ด้วยสองมือหนึ่งใจนั้นโหดนัก
ลูกดิ้นชักกระแด่วกระแด่วร่ำโศกศัลย์
อำมหิตคิดฆ่าต้องโทษทัน
นรกันต์เอื้อมมือมาอุ้มไป
เกิดแก่เจ็บตายธรรมดาโลก
มิต้องโศกมีโลหะเต็มหีบไห
ฅนเข้าแถวต่างรุมล้อมนำไปใช้
มิทันได้ผ่านขั้นตอนกรรมวิธี
หลายหลากรสนิยมต้นกำเนิด
ช่างมันเถิดไร้จรรยานำวิถี
เมื่อไรเล่าจะพบพระอาริย -ศรี-
เมตตาปรานีภพหน้าค่อยว่ากัน
2 ธันวาคม 2546 22:07 น.
|NdEpEndEnT
รุ่งอรุณเพ้อรักถึงใครหนึ่ง
ด้วยคำนึงพึงรักสุดฉ่ำหวาน
น้ำค้างเกาะยอดหญ้าเย็นตระการ
งามวิมานอรุณเบิกฟ้าไกล
แลละเลื่อมตะวันแย้มพิภพ
ดั่งคำรบหน้าหนึ่งมาปราศรัย
กวีขับกานท์กลอนสัมฟัสใน
หยาดฤทัยอิ่มเอมเปรมปรีดิ์
ฤๅนางฟ้านางสวรรค์มาเยี่ยมเยือน
นางช่างเหมือนภาพฝันอันผ่องศรี
คงต้องข้ามภูชันเป็นหมื่นลี้
ปฐพีน้อมนบเคารพพลัน
- - -
อาจจะเป็นกาลกิณีมาแฝงเร้น
ภาพที่เห็นหมองมัวมากลั้วฝัน
ฤๅจะเป็นวันทองมายั่วตัณห์
พิศวาสฟาดฟันดั่งไฟฟอน
- - -
2 ธันวาคม 2546 22:04 น.
|NdEpEndEnT
ชุลมุนวุ่นวายสังคมหนึ่ง
ช่างอลอึงโหวกเหวกถิ่นสถาน
มิใช่บ้านเองเรือนวิมาน
แต่ยังยืนกรานแกล้งใครใคร
อันสมบัติผู้ดีไม่มีเหลือ
จะขลุกเกลื้อกลั้วเกลือกไปถึงไหน
ชิงดีชิงเด่นสังคมไทย
เอน็จอนาถใดไม่เทียบเทียม
ฤ อิจฉาริษยามนุษย์โลก
บริโภคราคะกระเหิมเหี้ยม
มันครอบครองยึดติดกระดิกเดี้ยม
กระดากเอี่ยมติดตัวทุกวี่วัน
ไอ้มารยาสาไถมันยืนอยู่
เคยต่อสู้แพ้พ่ายห้ำหั่น
มันพาตัวหัวใจฉุดทางตัน
จิตกระสันพรั่นพรึงจึงต้องการ
ใครเล่าเขาจะเอื้อมมือเข้ามาช่วย
หรือฅนรวยสมาถะมาสมาน
มีสำนึกติดตัวด่วยวิญญาณ
อีกชีพปราณตื่นหลับสำเหนียกพลัน
- -
30 พฤศจิกายน 2546 14:56 น.
|NdEpEndEnT
Mild the mist upon the hill,
Telling not of storms tomorrow;
No ; the day has wept its fill,
Spent its store of silent sorrow.
Oh, Im gone back to the days of youth,
I am a child once more,
And neath my fathers sheltering roof,
And near the old hall door.
I watch this cloudy evening fall}
After a day of rain:
Blue mists, sweet mists of summer pall
The horizons mountain-chain.
The damp stand in the long, green grass
As thick as mornings tear;
And dremy scents of fragrance pass
That breathe of other year.
Emily Bronte
ม่านหมอกบางขจายเกลื่อน ณ ภูผา
บ่งบอกว่าวายุย่างเยื้อนถิ่น
อรุณโศกร่ำร้องเป็นอาจิณ
หลั่งไหลรินสิ้นโศกสงัดใด
โอ้ ! ฉันเพรียกเรียกอดีตให้หวนกลับ
เคยลาลับกลับเป็นเด็กวัยอ่อนใส
พ่อโอบกอดห่มคลุมอาบหัวใจ
ขณะใกล้ทวารบานเก่าคร่า
ฉันแลเห็นฝูงหมอกอันหม่นหมอง
หยาดฝนนองต้องอรุณเยี่ยมหุบผา
คิมหันต์พลันอบอุ่นเมฆาฟ้า
ผูกนภาภูสูงเกี่ยวร้อยเรียง
หญ้าขจีหนาวเหน็บนานหนักหนา
เฉกอรุณโศกาเอ่ยเอื้อนเสียง
อวลกรุ่นกลิ่นฝันมาเคล้าเคียง
ชีวาเพียงตื่นหลับนิจนิรันดร์
- -