21 เมษายน 2547 14:38 น.
|NdEpEndEnT
ชีวิต ณ ช่วงหนึ่ง
นั้นน่าทึ่งเป็นหนักหนา
เพราะหลงในมายา
เสน่หาในคารม
ปลดทุกข์ ณ วันนี้
วางลงที่ความขื่นขม
เป็นเพียงกระแสลม
ที่หนาคมบาดหัวใจ
ต่างฅนต่างความคิด
นั้นเป็นสิทธิใช่ไหม
ต่างโลกฅนละใบ
มีมุมมองไปสองทาง
- -
20 เมษายน 2547 13:25 น.
|NdEpEndEnT
ต่างฅนต่างเดินกันเถิดนะ
ด้วยโทสะของฉันนั้นแรงร้อน
อาจจะมีความดีในคืนก่อน
แหละอาทรก้ำกึ่งระหว่างใจ
คุณมีฅนของคุณอยู่ก่อนแล้ว
โอ้ดวงแก้วของฉันทุกข์ไฉน
หยาดน้ำตารินรดในหทัย
ฉันจะไปให้ไกลจากใจคุณ
วันและคืนที่ผ่านเป็นอดีต
เป็นเงาซีดสีจางในหมอกขุ่น
เก็บสิ่งดีดีเอาไว้เจือจุณ
อย่ามาฉุนมาเฉียวกันอีกเลย
ถือว่าหลงในรสของตัณหา
คือมายาหลอกหลอนนะคุณเอ๋ย
จบกันเถอะใจฉันไม่เสบย
แค่ชมเชยสิบห้าวันเท่านั้นพอ
- -
18 เมษายน 2547 12:58 น.
|NdEpEndEnT
เคราะห์กรรมนำพาวิถีชีวิต
มีถูก-ผิด ดี-ชั่ว ติดตัวมา
เป็นทารกแบเบาะเรียกร้องหา
อันมารดาของหนูอยู่ไหนกัน
เมื่อไร้บุพการีช่วยชี้แนะ
บาปเกาะแกะจิตใจใฝ่โมหันต์
บ่มเพาะความเลวชวญฉกรรจ์
กลับเป็นว่าวันนี้นอนในโลง
ด้วยคดโกงฉ้อฉลชนทั้งหลาย
ปีนต้นงิ้วปวดร้อนมิรู้วาย
บทสุดท้ายของกรรมที่ตามมา
- -
17 เมษายน 2547 16:10 น.
|NdEpEndEnT
ทำดีเพื่อบังหน้า
เอาความกล้าเข้าซ่อนเร้น
คิดหรือ เขาไม่เห็น
สิ่งที่ทำ เป็นอย่างไร
กลลวงของมนุษย์
เอารัฐฉุดยึดเอาไว้
วันหนึ่งจะมีภัย
เป็นกลไกของสังคม
ชาวบ้านตาดำดำ
ถูกชี้นำด้วยแรงลม
จิตใจจึงระทม
แหละสะสมเป็นไข้พิษ
16 เมษายน 2547 12:38 น.
|NdEpEndEnT
ชนบทอันไกลลิบ
ดาวระยิบเต็มท้องฟ้า
ต้องแสงแห่งจันทรา
งามล้ำค่ากว่าสิ่งใด
เมืองหลวงนั้นไร้ดาว
ด้วยเพราะพราวสีสันไฟ
ดาวหม่นอัปค่าไป
มีดอกไม้มาทดแทน
บทเพลงแห่งดารา
สาบสูญมากว่าปีแสน
บทเพลงแห่งแว่นแคว้น
ใครหวงแหนแลดูมัน