10 กันยายน 2546 12:39 น.
|NdEpEndEnT
อรุณรุ่งอึมครึมนภาฟ้า
อกอุราหมองหม่นสิมืดมิด
เมฆาเกลื่อนกลบระปกปิด
อยู่เนืองนิตย์แน่นหนาในฉับพลัน
อาทิตย์ห่างหายในเวหา
หยดน้ำตารินไหลต้องฝืนกลั้น
เฉกกองไฟสุมโรมรัน
สิโศกศัลย์โหยหาใครอาทร
ณ โลกหล้าล้วนพบสุขเกษม
มนุษีปรีเปรมกันสลอน
ณ มุมมืดหลืบหลบแหล่งนคร
คืนเก่าก่อนนอนหลับหนแห่งใด
ต่างผู้ฅนอิจฉาแก่งแย่งชิง
สงบนิ่งสู่ภวังค์เหตุไฉน
ด้วยตัณหารุมล้อมมากพิษภัย
ช่วงชิงชัยแข่งขันโลกโลกีย์
ให้สายฝนชะล้างกิเลสเถิด
จึงก่อเกิดทางธรรมตามวิถี
ขจัดคราบคลาไคลของชีวี
จักพึงมีกรรมดีชื่นกมล
มองเห็นรูปธรรมที่เป็นไป
ชโลมไล้ลูบกายให้สับสน
ฤๅนามธรรมในจิตบ้างวกวน
ทุรชนหวาดหวั่นนรกา
- -
9 กันยายน 2546 17:23 น.
|NdEpEndEnT
เธอจรจากร้างลาอ้างว้างจิต
คนึงคิดถวิลเพรียกเรียกห่วงหา
คืนเก่าก่อนนอนเคียงคู่กายา
ทุกเวลานาทีแนบชิดใกล้
มองทะเลเมินฟ้ามาบรรจบ
ประสบพบเนิ่นนานระโหยให้
ต่างวันต่างคืนของหัวใจ
ประโลมไล้ต่างห่มกันและกัน
สายลมพัดพาผ่านอุราชื่น
ระเริงรื่นแผ่วผิวผะผาดผัน
กล่อมอารมณ์บรรเลงครื้นเครงครัน
งามเฉิดฉันแจ่มฤดีกมลมาลย์
แดดทอแสงยามอรุณยะแย้มเริ่ม
ไออุ่นอิ่มเคลิบเคลิ้มผสมผสาน
สัมผัสชีพระรีบเร่งด้วยลมปราณ
ตะลีตะลานแข่งแสงกับเมฆา
ตะวันแจ้งแรงขับร้อนระอุ
ละล่วงลุผ่านฝัน ฤ จะท้า
เฉกนภาเคลื่อนคล้อยจะไคลคลา
ฤ จะกล้ากร้าวแกร่งทุรชน
หยาดฝนปรุงแต่งรสขื่นขม
เหมือนอารมณ์หลากหลายที่ปะปน
โปรยสบัดเยี่ยมเยือนได้ยินยล
รู้จักตนควรกระทำการสิ่งใด
ในภวังค์ฝังลึกละมุนหวาน
อุดมการณ์แผ่ซ่านอาบผิวไซร้
ลุ่มหลงลึกมิกลัวเกรงแห่งเพทภัย
อายุขัยลาล่วงอิ่มเอมอร
บางขณะช่วงหนึ่งรำพึงถาม
วะวาบหวามหวนคิดมิอาจถอน
ยามเปลี่ยวเหงาเศร้าจิตใจอาวรณ์
ฤร้าวรอนมอดม้วยมรณา
- -
8 กันยายน 2546 17:16 น.
|NdEpEndEnT
ฝนโปรยผะแผ่วเบา
ช่วยบรรเทากายาร้อน
ชะล้างกิเลสถอน
ชะกล่อนกลวงสู่วิมาน
สายฝนห่มชีวา
จากนภาระร่ายร่าน
เมฆาจึงคืบคลาน
สู่ภวังค์ห้องแห่งฝัน
มายาที่บดบัง
ถะถั่งโถมฟะฟาดลั่น
สายฟ้าร้าวรอนรัน
ชีวาพลันฝังสู่ดิน
ห้วงฝันอันหลับนิ่ง
ล่วงลงดิ่งดับสูญสิ้น
ร่างไร้โบกโบยบิน
สู่เมฆินเพรียกอาทร
หัวใจคนึงหา
ดวงอุราจักม้วยมรณ์
เวหาสิขจร
รึลงนอนใต้ธารา
สงบสงัดเงียบ
หวิวยะเยียบจิตผวา
ระอุหนาวให้โหยหา
ถึงคราหลับชั่วนิรันดร์
7 กันยายน 2546 23:14 น.
|NdEpEndEnT
ถูกกลั่นแกล้งจากสวรรค์ชั้นฟ้า
ให้ต้องมาสมสู่เหตุไฉน
รึเราเองตอบรับด้วยหรือไร
ควรหรือไม่ใจตนที่รู้ดี
มีสติยั้งคิดทุกเวลา
ที่นำพาบ่วงติดกับชีวี
คือสุขสมปราถนาแห่งฤดี
ใจจงมีความสุขตลอดกาล
บอกหัวใจอย่าคิดมากสิใจจ๋า
ให้เวลาช่วยเตือนติดทุกวันผ่าน
แม้ห่างกันกี่ปีอันเนิ่นนาน
จากเมื่อวานสู่วันนี้ไกลแสนไกล
7 กันยายน 2546 22:36 น.
|NdEpEndEnT
ยามเธอจากฉันเดียวดายใจอ้างว้าง
เธอแรมร้างจากฉันแล้วหรือวันนี้
คอยเพ้อคร่ำครวญทุกนาที
อีกกี่ปีกี่เดือนได้พบเจอ
ไม่สัญญาจะคงมั่นถึงวันไหน
แต่หัวใจคงมีเธอมั่นเสมอ
แม้ว่าห่างเวลาไม่พบเจอ
หากใจรำพันเพ้อถึงเธอเพียงผู้เดียว
เพิ่งจากลากันเมื่อตอนเย็น
ที่เคยเห็นกลับไม่เห็นใจเปล่าเปลี่ยว
เดินตามเส้นทางลดหลั่นเลี้ยว
หนักหน่วงเหนี่ยวใจอาทรถวิลหา
แต่ละนาทีได้เคียงข้าง
โลกที่กว้างมีเราสอง ณ ปลายฟากฟ้า
จะจดจำไว้ในห้วงเวลา
ได้นำพาเราสองสู่วิมาน
อาจจะเพ้อถึงเธอแค่วันนี้
หรืออีกกี่วางวายในห้วงหาญ
แต่วันนี้คือวันนี้ใช่เมื่อวาน
กี่ฤดิกาลนานเนิ่นนิจนิรันดร์
น้ำตาร่วงรินไหลภายในอก
มิอาจปกปิดในเบื้องลึกฝัน
อยากจะโอบกอดเธอให้ทุกวัน
ทำไมจึงผูกพันแม้เพียงค่านาที