21 มกราคม 2548 04:40 น.
nava
สาม
โดยดอกหญ้ามาปรุงจากทุ่งมาฝัน
ฉ่ำคืนชื่นวันอุ่นจันทร์-ตะวันรุ่ง
ปรายแสงแห่งฟ้าเบื้องหน้าจรัสจรุง
ยลฟากฝากฟุ้งคำรุ้งฝากระบาย
วิถีอันนิดกระจิริดกระจ้อยร่อย
เสี้ยวมุมอันน้อยกล่อมซ่าน-ธารสาย
อุ่นอกผืนดินอาบกลิ่นผืนทราย
ซาบเพลงใบไม้-รายร่ำลมกวี
ค่ำ-ใจด่ำจันทร์ปันแสงเสกสร้าง
ดุ่มทางทอดห่างวางวาดปราดสี
บางความคำนึงตรึงร้อยถ้อยวลี
สักหนึ่งน้อยมีเสียงกวีแห่งเธอ
ดอกหญ้าได้บานลมรานกลีบร่วง
เสี้ยวใจอย่าห่วงบานได้ใหม่เสมอ
ฝั่งแสงศรัทธา ค่าเพริศเลิศเลอ
โดยรูปเงาเธอมิเคยจากจาง
ในแสงแดดเช้าฉวยเงาเข้าฉาย
สะท้อน ระบายพรายหยาดน้ำค้าง
นิ่งหยาดสงบห่มพรมหญ้าวาง
แดดร้อยรอยค้างพริ้มอยู่บางเบา
21 มกราคม 2548 04:31 น.
nava
สอง
ดอกหญ้าข้าได้เต็มกำ-เก็บ
ในแดดทุ่งเหมือนหนาวเหน็บไปเก็บฝัน
ข้าไม่รู้เก็บดอกหญ้าไปทำไมกัน
แต่เห็นดอกหญ้าชูช่อชัน คิดถึงเธอ
เก็บไปให้เธอมั้ง!..
สักกี่ครั้งตอบแบบนั้นเสมอ
แม้โคบาลบ้านนามาพบเจอ
ไถ่ถาม บ้ารึละเมอวะ! เก็บดอกหญ้า
เออ..ข้าคงบ้ามั้ง!..
ในรูปเงาวาดหวังไยตั้งค่า
ใครเล่าเห็นความงามของดอกหญ้า
เพียงดวงตาบ้าๆของข้าเอง
ช่างข้าเถิด
แม้ละเมิด-วิสาสะอย่าข่มเหง
อาจเพียงโลกแห่งข้าที่วังเวง
ข้ายังฮำบทเพลงประเลงทุ่ง
21 มกราคม 2548 04:24 น.
nava
ดอกหญ้า ข้าได้ บรรจงเด็ด
จากท้องทุ่งที่ระเห็จทั้งครุ-เสียม
ดุ่มเดินท่องท้องทุ่งฟุ้งกร้านเกรียม
แวะสวนเก็บผักกาดหอมกระเทียมได้อ่อมแกง
แดดแผดกลางหัว-ตามัวมืด
ขุดปูนาแขนขาฝีดจะขืนแข็ง
ขุดแซะหอยข้างคันนาล้าอ่อนแรง
ที่ข้าร่ำใช่สำแดงความทานทน
หากแต่คร่ำรำลึกหอมเยาว์วัย
ยุคสมัยลืมหลงคงสับสน
วิถีทางท้องนาเลือนร้างคน-
จักโหยหามาค้นร่องรอยทาง
โดยมีบางใจแห่งวัยชรา
นั่งหลังงุ้มเงื้อง้า-วิญญาณ์-สร้าง-
ยั้งยงคงมีมิจากจาง
เสมือนพันธะทางระหว่างชีวิต
เอาท้องทุ่งคุ้งทิวหล่อวิญญาณ
คุ้ยค้นหาอาหารเจือจาร-กิจ
มีทุ่งย่อมที่สืบสานชีวิต
โดยใดได้ลิขิต - วิจิตรสามัญ...
20 มกราคม 2548 23:22 น.
nava
คว้างฟ้าดั่งเสี้ยวเดียวดาย
จรดรูปพริบพราย
วางไว้เส้นสายลายฟ้า
ขณะเพลงพลบจบลา
แผ่วปรารถนา
สักถ้อยร้อยวลีคลี่ใจ
ผ่านห้วงช่วงโมงยามใด
ฟ้าแต่งแสงไว้
จับต้องห้องใจเงียบงัน
หรุบหรู่ม่านเปลี่ยวเสี้ยวจันทร์
ดั่งห้วงความฝัน
แห่งข้าฯเปลี่ยวร้างคว้างลอย..
รูปเงาเจ้าทอต่อร้อย
งามพลิ้วริ้วรอย
ฟากฟ้าฝั่งนั้นจันทร์เลือน
แผ่วเพลง-ลมหนาวดาวเดือน*
ดั่งใครย้ำเตือน
ทำนบน้ำตาพร่า-พัง
เสี้ยวจันทร์ฟังใจข้าฯ-ฟัง
ร่ำไห้ไยดัง-
ไม่ถึงฝั่งใจของเธอ..ฯ
---------
7 มกราคม 2548 22:13 น.
nava
ดึก- สะท้านหนาว-อาบดาว,จันทร์
ห้วงใจเงียบงัน
ไก่กระพือปีกขันดั่งมิรู้หนาว..
ข้าเพียร-เขียนใจดวงร้าว
ฟ้าเขียน เดือนดาว
แตกต่างอย่างดาวกับดิน
ดึกหนาวดวงดาวโบยบิน
ใจข้าร่ำริน
วลีอันซ้ำย้ำนั้น ฯ
ย่ำรุ่งยังร่ำคำจันทร์
คล้อยฟ้าไปฝัน
สู่วัน-อันว้างรางเลือน
มิติแห่งดวงดาว-เดือน
มิเคยคลาเคลื่อน
ครรลองอันซื่อต่อตน
แต่กับเวิ้งใจแห่งคน
มากมายสับสน
มุสากระทั่งตนเอง..ฯ
..