30 กันยายน 2547 23:38 น.

เวิ้งแสงจันทร์...

nava


มหัศจรรย์อันงดงาม
โพลนทั่วพราวท่ามเวิ้งคืน
ไหวใบข้าวลมกราวดื่น
เปลือยใบสาวอาบแสงนวล

ดวงหน้าใดในดวงจันทร์
พิมพ์ยิ้มมากำนัลคืนใจหวน
รำลึกใครอยู่ในกระบวน-
แห่งจังหวะการเต้น ของหัวใจ.

				
23 กันยายน 2547 04:58 น.

คนจรตัวจริง(ต่อ)

nava

โอ คนจรตัวจริง
ดุ่มเดินกลับมาแล้วเมื่อยามพลบ
หรือเขาอาจกลับจากจุดหมายแห่งทิวากาล
และเพื่อคืนสู่เบื้องหมายของราตรี..

จุดหมายของเขาอยู่ที่ใดอย่าได้ไถ่ถามเลย
เพราะไม่มีใครอยากได้คำตอบ
แม้แต่ตัวเขาเอง

กระทั่ง
ฟ่องฝนแผ่วโปรยแห่งพลบร่ำ
ความสลัวลางพรางม่านทุกดวงตา
แต่ทว่าคนจรยังคงดุ่มเดิน.
สายถนนคลาคล่ำแสงไฟรถ
เสียงรถมอเตอร์ไซด์แผดคำรามฝ่าสายฝน
ฉันภาวนา ขอคนจร ปลอดภัย
วินาทีนั้น
หรือคำภาวนาแห่งฉันเบาเกินไป
มิทันที่พระเจ้าองค์ใดจักได้สดับ
มอเตอร์ไซด์ คันนั้นพุ่งปะทะคนจร
กระเด็นไถลไปกับพื้นถนน..

วิ่งฉันรู้เพียงว่าต้องวิ่ง..
เด็กหนุ่มกับมอเตอร์ไซด์นอนครวญครางคู่กัน
ในร่องคลองข้างถนน
คนจรนอนนิ่งคว่ำหน้าบนพื้นถนน
ฉันพลิกประคองเขาลุกนั่ง เลือดไหลอาบเต็มหน้า
แต่ไม่มีเสียงครวญครางแห่งความเจ็บปวด
หลุดลอดจากปากเขาสักคำ
ฉันถามว่าเจ็บไหม?  เขาเพียงผงกหัว
นายชื่ออะไร
จร  จร ตัวจริง.				
21 กันยายน 2547 11:47 น.

คนจรตัวจริง

nava

ยามเช้า
ย่ำย่างใกล้เข้ามาแล้วคนจรตัวจริง
ในรูปรอยอันมอมแมมกระดำกระด่าง
กลิ่นสาบไคลที่คลุ้งโชยด้วยเขามิได้ชำระผิวกาย
ไม่มีใครรบกวนเขา และเขาก็มิเคยก้าวก่ายใคร

เส้นทางสายถนนที่ทอดไกล
มีเพียงจังหวะการก้าวและหายใจ
ย่ำ ย่าง ดุ่มเดิน
จุดหมายที่ไม่มีใครรู้หรือแม้แต่ตัวเขาเองไหม?
ไม่มีใครสนใจเขา และเขาก็มิได้ใส่ใจใคร

เช้านี้จะกินอะไร?
ค่ำนี้จะนอนไหน?
มิใช่ปัญหา

ย่ำมาแล้วคนจรตัวจริง
ผู้มีจริตอันวิกลการหรืออย่างไร?
เสื้อสีซีดเก่าอันวิ่นขาดสีเดิม
ผู้ที่เดินผ่านหน้าฉันจนชินคุ้นตา
สะพายกระเป๋าอันเก่ามอม
ข้างในบรรจุสารพัดใบไม้
ส่วนเสี้ยวของเศษกระดาษอันยับย่น
กระทั่งไม้เสียบลูกชิ้นนานาขนาด
ถุงพลาสติกที่เคยบรรจุส้มตำ
ที่เก็บได้ริมรายทาง

โอ..คนจรตัวจริง..
เช้านี้ฉันยื่นถุงอาหารให้
ไถ่ถาม บ้านเจ้าอยู่หนใด
เขาเมินเฉย  ดั่งผู้คนทั้งโลกแปลกหน้าเหลือเกิน
เหมือนมิได้ยิน   เหมือนไม่เข้าใจ
เหมือนๆมิไยดี
เขารับไว้แล้วเดินต่อไป				
14 กันยายน 2547 21:40 น.

คือด่างดวงใบใดที่ร่วงราย

nava


หนึ่ง: คือด่างดวงใบใดที่ร่วงราย

เถิดคนที่ข้ารัก
กิ่งโปรยใบปลิดจักร่วงโผ-
ซบดินสิ้นค่าการเติบโต
แต่เติมค่าอักโขต่อเนื้อดิน

อาจไร้ค่าแล้วต่อก้านใด
แต่รากเหง้าเนื้อในใคร่ถวิล-
ดูดซับด่ำซาบเติบชีวิน
เสี้ยวเศษซากแหว่งวิ่นใต้ต้นตอ

หากจิตวิญญาณเจ้า
ดั่งดอกไม้-รูปเงา ผลิ เติบ ต่อ
เถิดแย้มบานตามกาละควรถักทอ
แต้มสีสัน พรรณกอ ลออเคียง

ข้าอาจดุจใบไม้นั้น
กาลเปลี่ยนเวียนผัน วัย-วันก็เหวี่ยง-
ผุสลายเป็นได้ก็แต่เพียง
เศษธุลีที่ปนเปื้อนเลี้ยงเนื้อดิน




สอง: แม้เช่นนั้น

แม้เช่นนั้น
จะยังฝันยิ้มใสในพื้นถิ่น
เฝ้ามองเจ้าแย้มงามเป็นอาจิณ
เจ้าดอกไม้ไม่ยลยิน มิเป็นไร

ดวงใจใดจะเย้ยหรือเอ่ยหยัน
ยิ้มจะเยาะอย่างนั้นต่อวันใหม่
ฟ้ายังสาดสีทองทอส่องใจ
ดาวยังพริ้ม ปริ่ม ไกวให้ย้ำมอง


เจ้าจะยังคงค่าต่อข้าเสมอ
ในเวิ้งหมอกพร่าเบลอที่เลือนล่อง
ในแผ่วเพลงปลอบหวังแว่วรังรอง
ปลุกหัวใจคับพองคับห้องใจ

โดยมิอาจขลาดทั้งการพลั้งพลาด
ดารดาดภาพฝังยังสดใส
เถิดเจ้ายิ้มปริ่มว่าละมุนละไม
ข้าคงอุ่นข้างใน-เจ้าเย้างาม

เถิดความงามทั้งมวลที่อวลอุ่น
เร้าในความละมุนมิครุ่นถาม
ถั่งวิถีเพลงเหงาคือเศร้างาม
ยิ้มท่ามกาล - ซ่านแดนที่แสนดี

มิร้องขอสักแดน แก่นเสี้ยวใจ
เพียงรำลึกห้วงภายในเคยอึ่งมี่
จินตภาพคงเดิมในท่วงที
ยังคงมีคงเป็นอย่างเช่นเคย..




สาม : เผย-ล่วงเลยการละทิ้ง

จะมีหรือไม่ใช่คำถาม
ชั่ว โมงยาม นัยยะจะเปิดเผย
ฤดูกาล,ความจริง สิ่งล่วงเลย
เผยธาตุแท้แน่ชัดลงจัดวาง

สิ!..ความรัก..
กลายเถ้าเก่ารักเจ้าวักห่าง
ปลายความปลิดปลงลงละวาง
ความรักจักร้างไม่มีจริง

ไถ่ถามดวงใจในคืนวัน
เพียงคราบภาพฝันเจ้ากลั่นทิ้ง
กรองได้เศษเสี้ยวของความจริง
แด่การละทิ้งข้านิ่งฟัง.

				
8 กันยายน 2547 22:44 น.

บางวิถีแห่งทุ่ง(ต่อ)อีกนิดนะครับ

nava

สี่: โอย


ตั้งแต่เช้าแล้วความรัก
ที่เมามายจมปลัก-ยอมเปิดเผย
ปล่อยหัวใจดื่มด่ำจนร่ำเลย
เอ่ยถ้อยคำยโสต่อผู้คน

จนล่วงเลย
วันที่เคยเคร่งครัดกลับสับสน
เก็บกลั้นกับปวดร้าวทุรทน
ปล่อยตัวตนร่ำเมรัย.

เถิดดวงใจใดอย่าถือสา
ฉันปวดร้าวขังขอบตา
ขอบางภาวะเวลาปลดปล่อย.เอย
.
บางขณะอันเมามาย.

๘/๙/๔๗( ๒๑:๐๐น.)
............................
เรียนทุกดวงใจ
ขออภัยในความเหลวไหลสักครั้งคราอย่าถือสาข้าน้อยเลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟnava
Lovings  nava เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟnava
Lovings  nava เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟnava
Lovings  nava เลิฟ 0 คน
  nava
ไม่มีข้อความส่งถึงnava