4 กันยายน 2547 12:52 น.
nava
อย่างไร..เถิด ทรงจำอันแสนดี
ฉันยังเคยมีและคงใจ
ย่อมมิยอมจักเสียใจ
หากทางเดินเธองดงาม
ยังยิ้มต่อความงามที่ผ่านเลย
อวลอยู่มิรู้ระเหย-เอ่ยถาม-
ทรงจำอันอุ่นกรุ่นบาน
ขับขานเพลงเก่าคลอเคล้าใจ
เก็บไว้ในใจให้ร่ำอบ
มิโรยล้างลบ-พร่าไหว
พลิ้วอยู่พริ้มอย่าง-กว่าทางใด
ในสักเสี้ยวแดนที่แสนดี
มิเป็นไร..แม้เธอไม่ใส่ใจ
ยังคงความอุ่นใน การร้างหนี
ฉันยังคงครุ่นคำนึง-ทุกนาที
ขอเธอสู่วิถีที่แสนงาม..
ไม่เจ็บปวดเลยที่เธอลา
เพียงแค่หยาดน้ำตามันย้อนหยาม
แต่ก็กรุ่นสุขใจในช่วงยาม-
ได้เปิดดูถ้อยความจากคำเธอ
ด้วยลายมืออัน ยิ้ม - ตรง
ร้อยเรียงรูปทรงสม่ำเสมอ
กลั่นจากกล่องใจอันเลิศเลอ
ต่อฉันผู้เพ้อเจ้อ เพ้อใจ
จดหมายถึงกวีหนุ่ม โดยลุ่มลึก
ปาฏิหาริย์บันทึกรัก ชื่นฉ่ำ,ใส
บทกวีชั่งกิโล - ละมุนใจ
พลิ้วผ้าผวยถักใยจากใจเธอ.
2 กันยายน 2547 20:00 น.
nava
นาทีนี้แล้วชีวิต
ครุ่นในความเป็นมิตรจะสื่อสรรค์
รุ้งทอร้อยทาง หว่างตะวัน
โดยแดดแต่งสรรค์ละอองอณู
ที่ดวงใจได้วาดวาง
เจื่อนร้างค่อยคว้างห่างรู้
ลึกลง-ร้างในใจใคร่ดู
เห็นความหดหู่อยู่อึงอล
หนอเกินทอถ้อยคำดำรงได้
อาจมิใช่บาดแผลแปรค่าผล
อาจมิรู้ชัดแจ้งแสดงตน
เท่าที่เป็นเช่นที่ทนสับสนใจ
นาทีนี้แล้วชีวิต
ถ้อยคำแห่งมิตรจักหลับใหล-
กับวันคืนขื่นคร่ำตอกตำใจ
ปวดร้าวได้จะเก็บไว้เอง
/font>
31 สิงหาคม 2547 00:34 น.
nava
เงียบร้าง
อ้างว้างทางสู่อยู่เหลีอแสน
ลิบลับลิบล่วงแห่งห้วงแดน
เปลวใดต่อติดแก่นหัวใจ
มืดมิด
ปิดดาลความคิดความฝันใฝ่
กราวผ่านกรุ่นเพียงที่เป็นไป
หวังแล้วร้างไว้-ยังหวัง,รอ
พอเพียง
ส่ำเสียงสาบสูญ ใจครุ่นขอ-
รำลึกห้วงโมงยามงดงามทอ
วาดรอยเชื่อมต่อมิพบพาน
วันเปล่า
ปล่อยความร้างเหงา-เล่าขับขาน
พร่าเลือนรูปรอยเคยพร้อยบาน
หลงเหลือเรื่อม่านผ่านผืนแดน
เงียบร้าง
อ้างว้างทางสู่อยู่เหลีอแสน
ลิบลับลิบร้างห่างห้วงแดน
เปลวใดต่อติดแก่นห้วงใจ
เปลวเช้า
อาวรณ์อ่อนเย้าอยู่เศร้าไหว
วูบเงายิ้มยวนลงคว้านใจ
ทอห่างค้างไว้ไกลเกินยื้อ.
25 มิถุนายน 2547 16:59 น.
nava
มิติซึ่ง ณ ที่หนึ่งที่ใด
แจ้งชัด ลมหายใจได้เติมอุ่น
หอมเถิดหนอหอมพอต่อละมุน
สุนทรีย์ที่อุ่นอันคุ้นเคย
ยังแต่ความยินดีได้ปรีดา
ล้วนแต่ความศรัทธามาเปิดเผย
วิถีใฝ่ใจฝัน มิผันละเลย
ยังตอกย้ำวันเคยได้เอ่ยชม
บางความหวาดกลัวหัวใจใด
มิตรภาพสลักในหัวใจห่ม
กลับหวาดใจในประจักษ์ที่วักชม
มิกล้าแม้ปรายคมคำทักทาย
วางความหวาด-วาดกลัวไว้เบื้องหลัง
ณ คลื่นฝั่งยังคนค้นความหมาย
เราต่างมาพานพบเพื่อเดียวดาย
ผิดหรือมือตะกายคว้ามือใคร
ยังมีอีกหลายมือจะยื้อยื่น
จากมุมเหงา เศร้าอื่น-ทุกคืนใหม่
เถิดธารมิตรแห่งมิติอันกว้างไกล
สัมผัสเงาด้านในไร้พรมแดน
เพื่อจะยื่นมือรับกับผองมิตร
เพื่อร่วมเขียนชีวิต แม้ไร้แก่น-
เถิดสายตาสาธารณ์ อย่าหมิ่นแคลน
เดินพ้นด่านผ่านแดน-ธรรมดา
ในอุ่นอิ่มพริ้มใจได้ฝัน, ฝาก
มิติแห่งฝั่งฟาก ปรารถนา-
เห็นผลงานผ่านคร่ำเคี่ยวกรำมา
จิตวิญญาณน้อยค่ามิกล้าเคียง
แต่ยินดีกับที่ทางปักวางอยู่
ได้ขีดเขียนเรียนรู้กู่ส่ำเสียง
แม้เช่นเพียงหริ่งหรีดกรีดสำเนียง
กล่อมทางรก ปรกเคียงระงมเงา
เพียงพอต่อหัวใจใต้ดาวอุ่น
พอเพียงจะละมุน-เคยคุ้นเหงา
อาจเป็นได้ เพียงภาพที่ทาบเงา
อันบิดเบี้ยวแหว่งเว้าใต้เงาดาว.
.
๑๘มิถุนายน ๔๗
18 มิถุนายน 2547 06:08 น.
nava
หนึ่ง..
เอื่อยลอยอ่อนลำมุ่นควัน
เตาไฟ-ปรุง,ปัน
หอมข้าวกรุ่นหม้อ-พอหิว
นอกชาน-พงหญ้าพลิกพลิ้ว
ท้องทุ่งคุ้งทิว
กล้าข้าว..อาบตะวันยามเย็น
แสงอ่อนซ่อนอุ่น-คุ้นเห็น
สายลม ริก เล่นฯ
อ่อนหวาน อ่อนหวาน ม่านฟ้า-
แสด,ม่วง ท่วงที- มิถุนา
แต้มสีฝั่งฟ้า
อ้อยส้อย พร้อยแสงแต่งพลบ
สอง..
มาสิ! ราตรี คลี่คลุม
จันทร์ฉายปรายชุ่ม-ชุ่มพลบ
ฟ้าโปร่งโล่งปริ่ม-ยิ้มกลบ
มีใจไม่จบ-พบพาน
ดาวร้อยดั่งรักจักร้อย
ยามเย็นจักคล้อยคล้อยผ่าน
ฝากรอยทรงจำ-ชื่นบาน
ดวงตาพริ้ม-อ่านงานกวี
..................