25 กรกฎาคม 2545 23:57 น.
monki
สวัสดีจ้า... ฉันคือตัวความรักล่ะ ฉันก่อตัวขึ้นมาจากจินตนาการของผู้หญิงคนนึง จะว่าเด็กก็ไม่ใช่ ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง วันนี้เธอคิดถึงฉัน เธอก็เลยอนุญาตให้ฉันออกมาเล่าเรื่องราวของฉันให้ทุกคนฟัง มันก็เป็นแค่เรื่องราวในจินตนาการนะ ฉันอาจจะไม่เหมือนความรักตัวที่อยู่ในใจคุณตอนนี้ก็ได้ *^__^*
ตอนแรกที่ฉันเกิดขึ้นมา ฉันเองก็คิดว่าฉันคงจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ฉันทำให้คนหลายคนมีความสุข ฉันทำให้เกิดเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ฉันทำให้หัวใจของคนบางคนเต้นเป็นเสียงดนตรี ฉํนทำให้โลกนี้เป็นสีชมพู ฉันเปลี่ยนแปลงใครต่อใคร ให้ทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำได้... ในเมื่อฉันทำให้เกิดความมหัศจรรย์ได้ขนาดนี้แล้วจะไม่ให้ฉันคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ได้ยังไงล่ะใช่ไหม?
เวลาผ่านไป ฉันก็เติบโตไปพร้อมกับหัวใจของผู้หญิงคนนึง ฉันได้เห็นอีกแง่มุมหนึ่งของตัวเอง บางครั้งฉันทำให้คนบางคนเจ็บปวด ทำให้คนบางคนมีน้ำตา ฉันทำให้ใครบางคนมีแผลในหัวใจและมีประสบการณ์ร้ายๆ เกี่ยวกับตัวฉัน ฉันทำให้บางคนเหงา บางคนเศร้า ฉันเลยเริ่มคิดว่าตัวเองไม่ยิ่งใหญ่แล้วล่ะ ถ้าฉันทำร้ายใครต่อใครได้อย่างนี้ บางทีฉันก็ไม่อยากเกิดมาอยู่ในหัวใจใครอีกเลย...
แต่ผู้หญิงคนนี้บอกฉันว่า... เธอรักฉัน รักทุกๆ ด้านที่เป็นฉัน ไม่ว่าฉันจะทำให้เธอมีความสุขหรือทุกข์ เธอบอกฉันว่า แม้ว่าเธอจะไม่สามารถทำให้ฉันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้ แต่ฉันก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดสำหรับเธอ ตลกไหม เธอบอกว่า เธอรักที่จะปล่อยให้ความรักทำให้เธอมีความสุขพอๆ กับที่เธอรักที่จะปล่อยให้ความรักทำให้เธอร้องไห้ ในทุกครั้งที่ร้องไห้มันก็มีความสุขปนอยู่ด้วยเสมอ ท่าทางผู้หญิงคนนี้จะไม่ค่อยเต็มนะ ว่าไหม?
เธอยังบอกอีกว่าถ้าเธอได้สัมผัสเพียงแต่ด้านดีของความรัก ชีวิตมันจะขาดรสชาติขนาดไหน เธอยอมไม่ได้ที่จะเห็นคนกว่าค่อนโลกสัมผัสกับความรู้สึกเจ็บปวด เศร้าและเหงา ขณะที่เธอมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เปื้อนหน้า... เธอบอกว่าความผิดหวังทำให้เธอคิดอะไรได้หลายอย่าง ทำอะไรได้อย่างที่ในเวลาที่มีความสุขเธอทำไม่ได้ เธอสามารถเข้าใจบทกวีที่แสนรันทด สามารถร้องเพลงเศร้าอย่างได้อารมณ์ และที่สำคัญความเศร้าทำให้เธอมีชีวิตที่มีชิวิตชีวาจริงๆ เธอบอกว่าเธอไม่กลัวที่จะรัก แม้ว่ามันอาจจะทำให้เธอผิดหวังซ้ำๆ และแม้ว่าตอนจบมันจะแย่ขนาดไหนก็ตามมันก็จะไม่ทำให้เธอขาดใจ สิ่งที่ทำให้เธออยู่ไม่ได้คือการที่สูญเสียฉันไปล่ะ
วันนี้ฉันเองก็ได้รู้ว่า... แม้ว่าตัวเองก็เป็นสิ่งธรรมดาในโลกที่อาจจะทำให้เกิดความยิ่งใหญ่ในบางครั้ง และเกิดความหายนะในบางที
แต่ฉันดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนเข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น อย่างน้อยก็ผู้หญิงคนนี้คนหนึ่งล่ะ...
เธอไม่พยายามฝืนให้ฉันสวยงามอยู่ตลอดเวลา เธอไม่ขว้างฉันทิ้งเมื่อฉันทำให้เธอเจ็บ... เธอรักฉันจริงๆ
ที่สำคัญเธอเข้าใจว่า... ตัวความรักอย่างฉันก็ต้องการความรักนะ
15 กรกฎาคม 2545 14:58 น.
monki
วันนี้เป็นอีกวันที่แสนจะร้อนอบอ้าว ฉันกับหมานั่งลิ้นห้อยกินน้ำอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่จะเข้าไปหามุมเหมาะๆ ในบ้านที่ร่มเย็นพอสำหรับสองชีวิต ฉันเดินเข้าไปในห้องรับแขก เปิดประตูไม้หนาที่ติดกับระเบียงหินขัดที่ยื่นออกไปนอกตัวบ้าน ทอดยาวสู่สนามหญ้าและโรงจอดรถ ด้วยความหวังว่า คงจะมีลมเย็นๆ พัดโชยเข้ามาบ้าง ปกติประตูบานนี้ไม่ค่อยถูกเปิด นอกจากจะมีแขกมาที่บ้าน แม่บอกว่าถ้าเปิดตลอดจะทำให้ฝุ่นเข้าบ้าน ฉันเริ่มจัดที่ จัดทาง เลื่อนโต๊ะเตี้ยๆ มาตั้งใกล้ๆ ประตู เอาหนังสือมากอง ยกพัดลมมาเป่า เอาหมอนอิงและขวดน้ำมาตั้ง แค่นี้ก็น่าจะสบายพอแล้ว...
ฉันอ่านหนังสือไปได้ซักพัก อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนหรือความขี้เกียจก็ไม่ทราบได้ ทำให้สมาธิที่มีเริ่มลดลง ฉันปิดหนังสือ กวาดสายตาไปอย่างเลื่อนลอย มองฟ้า มองนก มองรถ มองหน้าหมา มองเก้าอี้รับแขก ตู้โชว์ เพดาน ประตู ในที่สุดสายตาของฉันก็มาหยุดอยู่ที่บานพับประตูตรงหน้า ฉันเห็นสติกเกอร์ตัวอักษร ข ติดอยู่ที่บานพับประตูตัวที่สาม ฉันลองเอามือลูบดูพบว่ามันยังติดแน่น แม้ว่าสีเขียวของมันจะดูซีดไปเพราะกาลเวลา ฉันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
ความคิดถูกดึงย้อนสู่อดีต ฉันนึกถึงตัวเองตอนเป็นเด็กประถม คิดถึงเพื่อนเก่า คิดถึงม้าหินที่เคยนั่งรอรถรับส่งนักเรียนมารับกลับบ้าน บางทีฉันมักหนีออกนอกโรงเรียน เพื่อไปร้านขายของเล่นใกล้ๆ เสมอ ร้านนี้มักจะมีของเล่นที่เป็นที่นิยมของเด็กๆ ในโรงเรียนอยู่เสมอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเด็กที่ไปกลับด้วยรถรับส่งในการที่จะออกไปนอกโรงเรียนแล้วกลับเข้ามาใหม่ แต่ฉันก็มีวิธี... ขาออกฉันเพียงแต่เดินถือกระเป๋า หยุดทำความเคารพครูเวรออกไปตามปกติ แต่ขากลับฉันต้องใช้จังหวะที่มีรถบังแล้ววิ่งเข้ามาพร้อมรถ นับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงไม่น้อย แต่ของเล่นที่อยู่ที่ร้านขายของเล่นก็ทำให้ฉันอยากที่จะเสี่ยง มีหลายครั้งที่ฉันหนีออกไป เดินเมียงๆ มองๆ ที่ร้าน ตุ๊กตาใส่เสื้อผ้ากระดาษ ขนมที่แถมการ์ดเอาไว้เขี่ยหรือจะติดในสมุดสะสม โซ่เป็นตัวๆ ที่เอามาร้อยเป็นเส้นหรือว่าเป็นหมากเก็บ ไอติมโพลี่ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์
มีอยู่ช่วงหนึ่งเป็นช่วงที่เพื่อนๆ ฮิตสติกเกอร์ตัวอักษร ที่ขายเป็นแผ่นๆ มีตัวอักษร ก-ฮ ใช้ติดตั้งแต่กระเป๋ายันกล่องดินสอ ฉันซื้อมา 3 แผ่น สีเขียว ชมพู และส้ม พอได้มาฉันเห่อมาก เริ่มเอามาติดชื่อตัวเองที่ด้านหลังของกระเป๋านักเรียน ฉันบอกแม่ว่ามันจะได้ทำให้จำนวนครั้งในการหยิบกระเป๋าผิดกลับบ้านมาน้อยครั้งลง สติกเกอร์ 3 แผ่นที่ฉันซื้อมามันมากพอที่จะติดกระเป๋าตัวเอง กระเป๋าเพื่อน โต๊ะเรียน กล่องดินสอ ฉันเลยเผื่อแผ่มาติดที่บ้านด้วย ประตูครัว ตู้เย็น หัวเตียง ตู้หนังสือ ฝาผนังจนเปรอะไปทั่วบ้าน
เมื่อยุคของสติกเกอร์ตัวอักษรหมดลง ฉันเริ่มแกะผลงานที่ตัวเองเคยทำไว้ ตรงนั้น ตรงนี้ กว่าจะหมด บางทีก็ทิ้งรอยเหนียวๆ ไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เป็นสิบปี ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กระเป๋า กล่องดินสอ ถูกบริจาค ของต่างๆ ในบ้านก็ถูกเคลื่อนย้าย ห้องถูกตกแต่งใหม่หลายครั้ง ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยและไม่เหลือร่องรอยเก่าๆ พร้อมกับความทรงจำของฉันที่ลางเลือนไป คงเหลือแค่เพียงซอกประตูเล็กๆ ที่ไม่มีใครทันสังเกตแตะต้อง
ลมร้อนๆ พัดมา เสียงโมบายที่โรงรถดังกรุ๊งกริ๊งปลุกให้ฉันตื่นจากฝัน ฉันมองตัวเอง ฉันเริ่มเข้าใจกับความล้มเหลวในการพยายามลืมเรื่องราวบางอย่าง เรื่องราวที่ฉันเคยเชื่ออย่างสนิทใจว่าถูกลบเลือนไปแล้ว แต่มันกลับผุดขึ้นมา ชัดเจนอย่างประหลาด เหมือนกับว่ามันไม่เคยหายไปไหน ฉันมองไปที่บานพับประตูอีกทีแล้วถอนใจ บางที มันอาจจะยังมีสติกเกอร์ ข ติดเหนียวอยู่ที่มุมไหนซักมุมในใจฉันก็เป็นได้