หมา อ้อนหมาอ่อนล้า..........รวยริน ตาย พรุ่งตายมะรืนถวิล......หวาดร้าย เห็บ เคยเกาะเคยกิน.........กลืนเลือด หมาแม่ม โดด บ่ทันบทสุดท้าย............จบทั้งสกุลสถุล โดย คุณขรรค์ชัย บุนปาน
. . . . . คิดใหม่ทำใหม่ฉากใหม่ . . . . . สร้างเงื่อนไขกวาดล้างสังหารหมู่ . . . . . กลบกองขี้กองเยี่ยวกลบเลี้ยวรู . . . . . แต่ไม่มิดปิดไม่อยู่คนรู้ทัน โดย คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ
..... ปากกาใจจรดฟ้าแทนกระดาษ ..... หวังขีดวาดสื่อสารความคิดถึง ..... หนึ่งคนที่กายไกลสุดรำพึง ..... ส่งความซึ้งฝากฟ้าห้อมห่มใจ ..... เนิ่นนานแล้วมิพบประสบหน้า ..... มีหนึ่งคนห่วงหาจักรู้ไหม ..... งานยุ่งยากเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด ..... อยากอยู่ใกล้รับร้ายคลายทุกข์ทน ..... คนหนึ่งคนอยู่ห่างห้วงฟากฟ้า ..... รอชะตาชักนำอีกสักหน ..... อยากพบเจอใกล้ชิดได้ยินยล ..... สุขปลื้มปนหากเห็นแก้มกริ่มเธอ ..... ยากสะกดอารมณ์ของห้วงคิด ..... ยากปกปิดอาวรณ์ที่เสนอ ..... หนึ่งคนนี้มั่นคงเพียงแต่เธอ ..... รักแต่เธอเพียงเธอหนึ่งในใจ
" เมื่อโสมส่อง " ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช คำร้อง: ท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา อ้าโสมทอแสงอำไพ ฉันสุขใจหมายชม เพลินหลงพร่ำเพ้อภิรมย์ โสมสาดส่องแสงมา ภาคพื้นเวหาพราวพราย เพราะก่องประกายดารา เพียงเพชรพลอยส่องฟ้า แวววับจับใจ เมฆน้อยลอยโลมลูบหาว เหมือนมืออันผ่องขาวละไม ลูบโลมนภาสดใส นั้นพาให้หทัยฉันสะเทือน โอ้ลมเอ๋ยเชยพัดเตือนมา มิให้อุราลืมเลือน เพียงเสียงเธอรำพันเตือน คำมั่นสัญญา อ้าโสมชวนฉันคำนึง ครั้งหนึ่งกลางแสงจันทร์ เราสองพลอดเพ้อรำพัน รักมั่นไม่ผันแปร ตราบฟ้าดินม้วยแลเรา สองดับสลายดวงแด วิญญานไม่ห่างแห ลอยรักร่วมทาง ครั้นแล้วเวรกรรมชาติไหน ระดมกันผลักไสเราห่าง เมื่อรักยังไม่หม่นหมาง รักยังสลักกลางดวงใจ แต่ยังหวังในผลบุญนำ ให้บาปกรรมแคล้วไป คืนพบความรักเดิมใน คืนหนึ่งวันเพ็ญ
ลับแล้วซึ่งแสงแห่งอาทิตย์ มืดมิดกรายกลืนห้วงเวหา ดาวเดือนเกลื่อนกลาดดาษดา ฟากฟ้าดั่งโดนแสงสูรย์ชัง และแล้วแสงหนึ่งซึ่งนวลผ่อง สาดส่องเย้ายวนมีมนต์ขลัง นุ่มนิ่มพริ้มพรายให้พลัง เติมต่อความหวังในดวงใจ ธรรมชาติพร่ำเพียรส่งสารสื่อ อย่าย่ำยึดถือสิ่งไหนไหน ก่อเกิดดับดิ้นดำเนินไป เก่ากลับมีใหม่มาทดแทน เฉกเช่นจันทร์แจ้งแจ่มเจิดจ้า แสงเย็นนวลตาสุขสุดแสน เคลื่อนคลุมฟากฟ้าทุกดินแดน ยามยุคยากแค้นแสงตะวัน อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ " เมื่อโสมส่อง " ประกอบบทกลอน
ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ จุดเทียนบวงสรวงปวงเทพเจ้า สวดมนต์ค่ำเช้าถึงคราวระทมทน โอ้ชีวิตหนอล้วนรอความตายทุกคน หลีกไปไม่พ้นทุกข์ทนอาทรร้อนใจ ต่างคนเกิดแล้วตายไป ชดใช้เวรกรรมจากจร นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยงเสี่ยงบุญกรรม ทุกคนเคยทำกรรมไว้ก่อน เชิญปวงเทวดาข้าไหว้วอน ขอพรคุ้มไปชีวิตหน้า ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา หนีปวงโรคาที่เบียดเบียน แสงแววชีวาเปรียบแสงเทียน เปรียบเทียนสิ้นแสงยามแรงลมเป่า ชีพดับอับเฉาเหมือนเงาไร้ดวงเทียน จุดเทียนถวายหมายบนบูชาร้องเรียน โรคภัยเบียดเบียนแสงเทียนทานลมพัดโบย โรครุมเร้าร้อนแรงโรย หวนโหยอาวรณ์อ่อนใจ ทำบุญทำทานกันไว้เถิดเกิดเป็นคน ไว้เตรียมผจญชีวิตใหม่ เคยทำบุญทำคุณปางก่อนใด ขอบุญคุ้มไปชีวิตหน้า ทนทรมานมามากแล้วจะกราบลา แสงเทียนบูชาจะดับพลัน แสงเทียนบูชาดับลับไป
คืนค่ำดวงดาวพราวแพรวพร่าง ไร้ร้างโสมส่องผ่องแสงใส เปล่าเปลี่ยวเดียวดายห้วงหัวใจ มองไปฟากฟ้าคงคล้ายคลึง แม้นมีเทียนแท่งแหล่งกำเนิด ก่อเกิดเปล่งเปลวถ้วนทั่วถึง โน้มน้าวดวงใจใคร่คำนึง นำทางสว่างซึ้งซึ่งชะตา เกิดแก่เจ็บตายมลายจาก ทุกข์ท้อยุ่งยากเหนื่อยหนักหนา สุขแสนปลอดโปร่งโล่งอุรา ล้วนแล้วพึ่งพาจากกฎกรรม กงเกวียนกำเกวียนเวียนวนหมุน เนื่องหนุนการณ์กรรมทุกถลำ คือความประพฤติสนองนำ ดีชั่วเทียนธรรมสาดส่องทาง อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ " CANDLELIGHT BLUES " ประกอบบทกลอน