" มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป " นี้เป็นมนต์บทใหญ่ใช้เมื่อ " ได้ " ซึ่งลาภยศสรรเสริญสุขใจกาย ไม่เมามายลืมตัวหรืองัวเงีย " มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป " ก็เป็นมนต์บทใหญ่ใช้เมื่อ " เสีย " ซึ่งลาภยศสรรเสริญแม้ลูกเมีย ไม่อ่อนเปลี้ยสับสนหรือวุ่นวาย " มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป " ใช้เป็นมนต์บทใหญ่ " ครั้งสุดท้าย " เป็นอาวุธสัประยุทธ์กับความตาย แสนสบายเพราะก้าวล่วงจากบ่วงมารฯ พุทธทาสภิกขุ
นวลนางนอนแนบเนื้อ.........นุงนัง รายรอบเรารุงรัง.................รุ่มร้อน เปลือยเปล่าปล่อยปึงปัง........โป๊เปิด กอดก่ายกันกลมก้อน...........ก่อเกื้อกิเลสกาม คนเคยความใคร่คุ้น............คอยใคร จมจ่อมจนจิตใจ...................จดจ้อง ยินยอมหยุดอยากไย............ยากยุ่ง ทุกข์ทดแทนที่ท้อง..............โทษแท้เท่าทัน
![]()
จงพินิจพิศดูด้วยหัวใจ อย่าสงสัยในสิ่งซึ่งประจักษ์ ผู้นำหน้ายุแยงแบ่งพวกพรรค คู่ควรหรือจะรักฤๅเห็นใจ
มิชวนเชื่อฝ่ายไหนให้ยุ่งยาก เปล่าวิพากษ์เลวร้ายหรือเหลวไหล วิเคราะห์รู้แจ่มแจ้งจึงแจงไป มุ่งมั่นในสามัคคีด้วยสัตย์จริง
หรือย่ำยุคความดีมิควรค่า จึงฝักใฝ่ไขว่คว้าเข้าสุงสิง กลับเกลือกกลั้วชั่วช้าน่าติติง อนาถยิ่งเมืองไทยในยามนี้
หรือกลียุคบังเกิดกำเนิดขึ้น หยาบทะมึนทดแทนธรรมหน่ายหนี พุทธองค์ทรงทำนายอลัชชี ครอบครองเมืองคนดีแพ้พ่ายไป
ทรงดำรัสล่วงรู้แก่กาลหน้า กระเบื้องหนาเฟื่องลอยคนหลงใหล น้ำเต้าน้อยถดถอยจมบรรลัย ลุแล้วการณ์กล่าวไว้อนิจจา
![]()
" ยิ้มสู้ " ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง ฝ่าลู่ทางชีวิตต้องคิดเฝ้าย้อมใจ โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้ คนเป็นคนจะจนหรือมี ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่ ยามปวงมารมาพาลลบหลู่ ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน
เหน็ดเหนื่อยหนักหนาพาใจพัก รุ่มร้อนร้ายหนักเรื่องไหนไหน นั่งนิ่งพักผ่อนค่อยคลายใจ โปรดปล่อยเป็นไปให้ปลดปลง ทุกข์ทนปรนผ่อนอย่ายึดติด เด่นดีอย่าคิดจิตลุ่มหลง สุขเศร้าคละเคล้าไม่อยู่ยง เรื่องราวดำรงมิแน่นอน หลากหลายสรรพสิ่งมิเที่ยงแท้ เปลี่ยนแปรตามกาลจงสังหร* พึงเพียงตั้งตนอย่างสังวร มุ่งมั่นอย่าอ่อนตามอารมณ์ ดีร้ายกล้ำกรายมาพานพบ สยบด้วยธรรมนำสุขสม แย้มยิ้มเผชิญอย่างชื่นชม เลิกละตรอมตรมย่อมอยู่เย็น
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ " ยิ้มสู้ " ประกอบบทกลอน
* สังหร คือ สังหรณ์
อ.ต.ร.คือใครใคร่อยากรู้ น่าคิดอยู่เป็นใครใคร่เฉลย ใครกันนี่ดีหรือร้ายเป็นจำเลย ใครกันเอ่ยโด่งดังกระฉ่อนไป ลองคิดดูจักรู้ถึงต้นเหตุ น่าทุเรศทุรังมันนี้ไหม ตีหน้าซื่อใจทรามคนจัญไร ดีหรือไม่ตรองไตร่ด้วยใจคุณ
อกตัญญูผู้สร้างให้ก่อเกิด ดูมันเถิดด่าทอผู้เกื้อหนุน เติบโตได้หน้าตาด้วยการุณ มันลืมคุณสถุลนักเกินจักคิด
นี่ล่ะหนาเขาว่าแต่กาลก่อน มีคำกลอนสอนใจให้เตือนจิต ว่าลุ่มหลงเลี้ยงเหล่าอสรพิษ ดีกว่าหลงเลี้ยงศิษย์คิดล้างครู โอ้นิยายน้ำเน่าที่เล่ากล่าว เป็นข่าวคราวตัวย่อแหมก็หรู อ.ต.ร.นี่ใครใคร่ครวญดู ถึงบางอ้อร้องอู้ฮู อีตัวร้าย
![]()