4 กรกฎาคม 2550 17:02 น.
MomMamSan
เหินเอยเหินห่าง
มิเคยคิดทิ้งขว้างไว้ตรงไหน
ยังถวิลห่วงหาแสนอาลัย
หนทางไกลมิอาจอ้างมากั้นเรา
คิดเอยคิดถึง
ทุกห้วงแห่งคำนึงมิหงอยเหงา
ซึ่งรอยยิ้มพิมพ์ใจบันทึกเอา
ลบล้างได้สิ่งเศร้าที่เผชิญ
รอเอยรอพบ
เมื่อโมงยามบรรจบมิผิวเผิน
จึงสิ้นสุดเส้นทางอย่างเพลิดเพลิน
ปลายทางเดินมีเธอย่อมเพียงพอ
17 มิถุนายน 2550 15:36 น.
MomMamSan
อุ. อุฏฐานสัมปทา = หาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน
อา. อารักขสัมปทา = จัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์ที่หาได้
ก. กัลยาณมิตตตา = คบเพื่อนเป็นคนดีไม่คบคนชั่ว
ส. สมชีวิตา = ความเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หาได้ (เศรษฐกิจพอเพียง)
จตุคำนำใจให้ฉุกคิด
ช่วยดึงจิตงมงายหายหลงใหล
คลั่งวัตถุสารพันจรรโลงใจ
ลืมหรือไรธรรมะพระพุทธองค์
จตุคำมีมาแต่นานเนิ่น
ปฏิบัติแล้วเจริญอย่าลืมหลง
มี " อุ " " อา " " กะ " " สะ " ตั้งดำรง
ชีวิตย่อมมั่นคงตลอดไป
หาเลี้ยงชีพด้วยขยันในการงาน
คือคำ " อุ " ที่ขานอย่าสงสัย
พร้อมรักษาคุ้มทรัพย์ที่หาไว้
เก็บออมให้เพิ่มพูนคือคำ " อา "
คบเพื่อนดีมีศีลธรรมนำสำเร็จ
นี่คือเคล็ดหนุนนำคำ " กะ " ว่า
ใช้ชีวิตพอเพียงเงินหามา
คำสุดท้าย " สะ " พาครบกระบวน
จตุคำนำใจให้ชีวิต
หยุดไตร่ตรองสักนิดความคิดหวน
ย้อนมาสู่ธรรมะอย่างทบทวน
คือความจริงล้วนล้วน " จตุคำ "
9 พฤษภาคม 2550 16:27 น.
MomMamSan
อยากจะเขียนคำกลอนมาอ้อนออด
แต่จนแล้วจนรอดยังบอดใบ้
เป็นอะไรไปหนอพ่อดวงใจ
จึงกุกกักเหลวใหลไม่นำพา
อยากจะเขียนคำหวานขานคำรัก
ก็เลิ่กลั่กตะขิดตะขวงยากสรรค์หา
จะประดิดประดอยร้อยวาจา
กลับฝืดห้วนหยาบช้าน่าตกใจ
อยากจะเขียนคำพ้องคล้องจองเสียง
ให้สำเนียงเรียงร้อยอย่างพริ้วไหว
กลับเยิ่นเย้อยืดยาดเสียนี่กระไร
หรือหมดไฟหมดกระบวนสำนวนกลอน
อยากจะเขียนศัพท์แสงแฝงคุณค่า
คำหรูหรางดงามตามอักษร
แต่คลังคำตันตีบถูกลิดรอน
จึงมานั่งทอดถอนเป็นกลอนกานท์
31 มกราคม 2550 15:10 น.
MomMamSan
อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์
" ลมหนาว "
ประกอบบทกลอน
ลมเหมันต์พัดกรายทักทายหล้า
ไอหมอกหนาฟุ้งลอยพลอยผสม
หยดน้ำค้างกลั่นเก็จเม็ดพร่างพรม
เคล้าภิรมย์ยอดหญ้าแห่งปฐพี
แล้วสุรีย์กรีฑาขึ้นผ่านภพ
แผ่เปลวกลบหมอกหนาวตามวิถี
ไอลาล่วงหลบหล้ามิไยดี
แดดแสงสีทองทาบเข้าครอบครอง
วัฏจักรดำเนินให้ระลึก
หมั่นสำนึกในธรรมละหม่นหมอง
มีเกิด-ดับเป็นไปตามครรลอง
ตรึกตริตรองรับรู้ย่อมเท่าทัน