อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ " ลมหนาว " ประกอบบทกลอน ลมเหมันต์พัดกรายทักทายหล้า ไอหมอกหนาฟุ้งลอยพลอยผสม หยดน้ำค้างกลั่นเก็จเม็ดพร่างพรม เคล้าภิรมย์ยอดหญ้าแห่งปฐพี แล้วสุรีย์กรีฑาขึ้นผ่านภพ แผ่เปลวกลบหมอกหนาวตามวิถี ไอลาล่วงหลบหล้ามิไยดี แดดแสงสีทองทาบเข้าครอบครอง วัฏจักรดำเนินให้ระลึก หมั่นสำนึกในธรรมละหม่นหมอง มีเกิด-ดับเป็นไปตามครรลอง ตรึกตริตรองรับรู้ย่อมเท่าทัน
ฝากลมลอยล่องฟ้าแทนถ้อยถาม กี่โมงยามปานฉะนี้อยู่ที่ไหน สุขหรือทุกข์เป็นอยู่จะอย่างไร เหนื่อยหรือยากพึงใคร่รู้เรื่องราว ฝากตะวันส่องแสงแผลงไออุ่น ห่มละมุนหากว่าเจ้าเหน็บหนาว ฝากแมกไม้ทิวเขาที่ทอดยาว คอยคุ้มฝนกรูกราวในฤดู ฝากนกน้อยแห่งไพรในหมู่เกาะ ส่งเสนาะสำเนียงเคล้าคุ้นหู โปรดเป็นเพื่อนปลุกปลอบเจ้าโฉมตรู แทนคนนี้ที่อยู่แสนห่างไกล ฝากเจ้าจันทร์นวลแสงแห่งฟากฟ้า ส่องเรืองรองนภาสวยสุกใส แทนผ้าผวยห้อมห่มแสนอุ่นไอ คล้ายความเคยชิดใกล้แห่งสองเรา ฝากดาวน้อยวับวาวพราวพริบพร่าง คอยพูดคุยมิต่างคลายร้างเหงา ในค่ำคืนดื่นสงัดผลัดบรรเทา อีกฝากเฝ้าดูแลด้วยห่วงใย ฝากเวหาป้องปัดพัดลมคลุ้ม อุ่นโอบอุ้มดำเนินอย่างรื่นไหล คืนแผ่นดินถิ่นแม่โดยปลอดภัย ณ หัวใจดวงนี้ที่เฝ้ารอ
กี่เวลารอคอยเพื่อพานพบ นับมิจบวันเดือนเลย-เลื่อน-ไหล กี่รำพึงคิดถึงจับจิตใจ เก็บกี่เหงาซ่อนไว้ก่อนใกล้กัน เพราะชะตาชักนำคล้ายเคยคุ้น มาเนี่องหนุนคนไกลสู่สังสรรค์ แล้วชะตากำหนดเพื่อผูกพัน สื่อสองใจหมายมั่นร่างรักรอ ณ วันนี้ไอรักอันอิ่มอุ่น แผ่สัมผัสละมุนห้อมห่มหอ มิต้องเอ่ยรบเร้าพะเน้าพะนอ ก็รับรู้สานต่อหยั่งเยื่อใย กี่เวลารอคอยเพื่อพานพบ นับมิจบเดือนปีล่วง-เลื่อน-ไหล ยังแน่วแน่แม้กาลแปรเปลี่ยนไป ขอรักแท้มั่นไว้สิ้นกัปกัลป์