15 มิถุนายน 2546 01:00 น.
moji_kawa
ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาบนโลกใบเล็กๆใบนี้ คงจะทำให้หัวใจคนที่มีรักได้ชื่นฉ่ำหัวใจไม่มากก็น้อย ฉันก็เช่นกัน
ซู่...ซู่...ฝนตกลงมาอย่างหนัก ในขณะที่ฉันกำลังจะกลับบ้าน ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งหาที่หลบฝน โดยไม่ทันสังเกตว่าใคร จะวิ่งมาหรือว่าฉันจะวิ่งไปชนใครเข้า ทันใคนั้นเองก็มีคนฉุดแขนเขาไว้ให้ฉันหยุดท่ามกลางสายฝน
" เธอ..เธอ.. " เขาคนนนั้นยังพูดไม่จบ
" อะไรอีกล่ะ! ฝนตกอยู่เนี่ยเดี่ยวก็เปียกกันพอดี " ฉันพูดแซงเขาและฉุดเขาเข้าไปยืนในที่ ที่ พอจะหลบฝนกันสองคนได้
" จะหลบทำไมเนี่ย เปียกมาได้ตั้งขนาดนี้แล้วนะ " เขาพูดให้ฉันสังเกตเห็น
แล้วเราสองคนก็หัวเราะกัน
" เมื่อกี๊มีคนมาสะกิดแขนฉัน ...ใช่นายรึเปล่า " หลังจากที่เราได้หัวเราะร่ากันแล้ว ฉันก็ตั้งคำถามทันที
" เอ่อ..ใช่ เราสะกิดเองแหละ " เขาพูดจากับฉันเหมือนคนรุ้จักกันทั่วไป ทั้งๆที่ฉันก็ไม่รุ้จักเขาหรอก
" มี'ไรอ่ะ..ว่ามาเลย " ฉันพูดกับเขาเหมือนรู้จักกันมานาน
" ก็คือว่า..เรา..เอ่อ...เรา..." เขาอำอึ้ง เหมือนมีอะไรที่ติดปากทำให้ไม่สามารถพูดออกมาได้ ฉันเห็นแล้วก็รู้สึกรำคาญ
" อะไรอ่ะ เราๆ อยู่นั่นแหละ มี'ไรว่ามาเลย " ฉันจึงชิงพูดตัดหน้าเขา ( อีกแล้ว )
" เรา ชื่อ ไอนะ " เขาพูดแนะนำตัว
" เอ๊ะ ! ไอ นี่ใช่ !ไอ เลิฟ ยู รึเปล่าอ่ะ ??? " ฉันแกล้งพูดเล่นแล้วก็หัวเราะคิกคัก คิกคัด แต่แล้ว....
" ใช่... ไอ เลิฟ ยู เธอนี่เก่งนะ รู้ด้วยเหรอ ??? " จากที่เขาพูดมาจากที่ฉันหัวเราะอยู่กลับต้องอึ้งกับคำตอบของคำถามบ้าๆที่ฉันแกล้งถามเขาเล่นๆ แต่ฉันไม่คิดว่าเขาจะจิงจังอะไรขนาดนั้น
" เฮ๊ย ! อะไรบ้าน่า เราแค่ถามเล่นๆเองนะ " ฉันรวบรวมสติให้มากกว่าการเขินอายเพื่อที่จะไม่ให้เขาจับได้ แล้วจึงแกล้งถามเขาต่อ
" อ้าว ! รู้ว่าแกล้ง แล้วทำไมต้องอายขนาดนั้นด้วยล่ะ " เขาสังเกตเห็นความอายของฉันจนได้ แล้วก็แกล้งแซวฉันต่อ
เขาคงคิดไม่ถึงล่ะสินะว่าประโยคที่เขาแกล้งเอ่ยมาเล่นๆนั้น มันทำให้หัวใจที่พองโตของฉันกลับแฟ่บลงในทันที ขณะนั้นฝนเริ่มซาลง ฉันจึงขอตัวกลับบ้าน แล้วเดินจากเขามาเลยโดยไม่บอกกล่าวกันสักคำ
ระหว่างทางนั้นเอง.........
" ทำไมฉันจะต้องไปสนใจกับคำพูดของตาไอ อะไรนั่นด้วยนะ เจ้าใจนี่ก็เหมือนกัน จะเต้นไปทำไมก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะ ว่าเขาคงไม่จริงจังกับเราอยู่แล้วนี่นา อ๊าย ...ใจบ้านี่ นี่แน่ะ " ฉันเดินรำพึงรำพันในใจ ไปเรื่อยๆ แล้วก็เผลอแสดงอาการ ออกมา
" อ้าว ! บ้าไปแล้วเหรอ...ยู " เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำให้ฉันต้องหันไปมอง
" แล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันล่ะ " ฉันพูดออกไปโดยไม่ทันมองหน้าว่าเป็นใคร
" เปล่าๆ เราแค่อยากจะไปส่งที่บ้านเท่านั้นอ่ะ...ไม่ได้รึไงครับ ??? " เสียงไอพูดขึ้นมา
ฉันหันหลังให้เขาทันทีแล้วพูดว่า...
" ไม่จำเป็นย่ะ เดินกลับเองได้ แล้วว่างนักรึไง ถึงเที่ยวมาเดินส่งคนนุ้นที คนนี้ที " ฉันเดินไปเรื่อยๆแล้วพูดกับเขา
" ก็ไม่ว่างนักหรอก แต่ะจะว่างก็กับเฉพาะบางคนเท่านั้นแหละ " เขายังคงใช้คำพูดที่ทำให้ใจฉันสั่นได้ตลอดสินะ
จากนั้นเขาวิ่งมาเดินคู่กับฉัน..
" เอามานี่...เดี๋ยวถือให้ " เขาดึงกระเป๋าไปจากมือของฉัน
" เอ๊ะ ! เอามานี่ ถือเองได้ " ฉันดึงกระเป๋าของฉันกลับ พร้อมกับตีหลังเขาไปหนึ่งที
" เธอนี่น้า ! ช่างเป้นผู้หญิงที่ไม่น่ารักเอาซะเล้ย ตั้งแต่เคยเจอมาเนี่ย " เขายียวนฉัน ทำให้ฉันเกิดน้ำโหขึ้นมา
" ไม่น่ารัก...แล้วทำไม ฉันก็เป้นของแนอย่างนี้อ่ะ แล้ว็ขอโทษด้วยละกันนะที่ไม่น่ารักเท่าสาวๆคนอื่นๆของนายน่ะ อันที่จริงก้ไปหาเขาซะเลยสิ เขาน่ารักกว่าฉันอยู่แล้วนี่นา " ฉันตะคอกใส่เขา
ในใจฉันมันก็รุสึกเหมือนกันนะว่าทำไมฉันถึงทำตัวไม่น่ารักอย่างนี้ คิดแล้วก็โมโหตัวเอง
" เย้ ! เย้ ! " เขาทำท่าดีใจ
" ดีใจอะไรนักหนา บ้ารึเปล่า ไม่เข้าใจภาษาไทยรึไง นี่ชั้นกำลังด่านายอยู่นะ ตาบ้านี่ " แล้วก็ทุบเขา แต่เขาหลบทัน
" นี่ ! แน่จริงเอาให้โดนสิ แล้วที่ฉัน ดีใจก็เพราะว่า เธอน่ะหันหน้ามาคุยกับฉันแล้วน่ะสิ เฮ้อ! ตกใจแทบตาย อยุ่ดีๆก็ขอตัวกลับ เนี่ย ! เราก็เลยว่าจะเอาหัวมาให้ กลัวจะมองไม่เห็นทางกลับบ้าน เดี๋ยวหลงทางแล้วร้องไห้ขี้มุกโป่ง จะไม่สวยเอา มะมานี่ เอากระเป๋ามา เดี๋ยวถือให้ " เขาพูด
" อยากถือก็เอาไปเลยปะ " ฉันยื่นกระเป๋าให้เขา
" โอ๊ย ! นี่เธอ เอาหังสือไปเรียนรึว่าเอาหินไปเรียนเนี่ย " เขาพูดแกล้งฉันอีกแล้ว
" นี่ ! บ่นมาก จะถือก็ถือไป ห้ามบ่น บ่นเดี๋ยวเจอ " ฉันพุด พลางยกมือทำท่าจะตีเขาอีก
" คร๊าบ คร๊าบ ..ยอมแล้วครับ " เขายังคงยียวนฉัน มาตลอดทางแต่นั่นก็ช่วยทำให้ฉันหายเหงาปากได้มากเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเขาก็เดินมาส่งฉันที่บ้านทุกวัน ทุกวัน แล้วก็กวนขึ้นทุกวัน ทุกวัน จนมีอยุ่วันหนึ่งเขาหายไป นั่นทำให้ฉันเป้นหว่งเขามาก (เขาจะรุ้ไหมนะ) แต่ก็ไม่รุ้จะไปหาเขาที่ไหนดี แล้ววันนั้นนั่นเองที่ฉันต้องเดินกลับบ้านคนเดียว นั่นมันทำให้ฉันรุ้สึกว่า ฉันเหงามากๆ เหงาอย่างที่ไม่เคยรุ้สึกมาก่อน
แอ๊ด...ด...ด..
" ว่าไง หน้าบึ้งมาเชียว เหงาล่ะสิ " เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เสียงพ่อ
เสียงที่คุ้นหูและใบหน้าที่คุ้นตา ทำให้ฉันเบิกตากว้าง
" อ้าว คนครับคน ไม่ใช่ผี " เขายียวนฉันอีกแล้ว
ฉันจ้องไปที่เขา อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
" นาย...นายมาอยุ่นี่ได้ไงเนี่ย " ฉันถามอย่างแปลกใจ
" ก็...พ่อเธอไง นั่นไง พ่อครับ ...ยูกลับมาแล้วครับพ่อ " เขาพูด
" ฮะ พ่อฉันเนี่ยนะ พ่อ พ่อคะ ไหนเรื่องมันเป็นยังไงคะบอกหนูหน่อยสิคะ " ฉันเดินเข้าไปหาคุณพ่อพร้อมกับถามความจริง
" ก็เมื่อเช้าพ่อไปจ๊อกกิ้ง แล้วพ่อล้ม ก็ได้เจ้าเนี่ยน่ะแหละ ที่คอยช่วยดูและพ่อน่ะ " พ่อพูด พลางชี้นิ้วไปทางเขา เขายืดอกรับความดีด้วยความภูมิใจ
แม้ฉันจะรุ้สึกแปลกใจสักเพียงใดแต่ก็รุ้สึกภูมิใจในตัวเขาอยุ่ไม่น้อย เพระา พ่อไม่เคยปล่อยให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาในบ้านด้วยความยินดีของพ่อเลย จะมีก็แต่นายนี่นั่นแหละ
" พ่อคะ งั้นหนุขึ้นไปทำการบ้านก่อนนะ " ฉันพูดพลางเดินไปหยิบกระเป๋าเตรียมขึ้นไปบนห้อง
" จะรีบไปไหนอ่ะ ยุ อยู่คุยกันก่อนดิ ไม่ได้เจอตั้งหนึ่งวันเต้ม คิดถึงอ่ะ เหงาด้วย " เขาเดินมาขวางหน้าฉันไว้ไม่ให้เดินขึ้นห้อง ต่อหน้าพ่อ
เอาอีกแล้วเขาพูดคำที่เปรียบเสมือนกับคำบอกรักอีกแล้ว ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
" เหงาอ่ะไร เหงาปากล่ะสิ ไม่ได้กัดกันตั้ง 1 วันนี่นา " ฉันลองใจเขาดู
" อ้าว ก็รุ้นี่นา แหม ! ซูฮก ซูฮก " เขามักจะตอบกลับมาอย่างนี้เสมอ
เขาช่างไม่รุ้เลยรึไงนะว่าฉันคิด รุ้สึกอย่างไร กับเขา
" ตาบ้านี่ " ฉันพูดพร้อมกับทำท่าจะตบหลังเขา แต่ยั้งเอาไว้ทัน
" นี่ไม่ได้ไป โรงเรียน หนึ่งวันเต้มๆ มีการบ้านอะไรมั่งอ่ะ บอกกันหน่อยดิ " เขาไม่ได้สนใจกับการกระทำของฉันเลยสักนิด
" เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ โรงเรียนก็อยุ๋คนละที่กัน แล้วจะรู้เรื่องกันเรอะเนี่ย " ฉันพูดไปตรงๆ
" เฮ๊ย ! พ่อเธอบอกว่า เธอเก่งภาษาไทยนี่นา ติวให้เราหน่อยดิ นะ นะจ๊ะ " เขาไม่สนใจฉันจริงๆเหรอเนี่ย
นี่เป้นครั้งแรกที่รุ้ประวัติเกี่ยวกับการเรียนแย่ๆ ของเขา เขาเป้นคนที่ค่อนข้างเก่ง แต่เสียตรงที่ภาษาไทยนี่แหละมั้งที่แย่หน่อย
" ก็ได้ ก็ได้ จะได้ถือซะว่าเป้นการทบทวนไปด้วยในตัว " ฉันพูดเพื่อรักษาฟอร์มอีกแล้ว
ความจริงฉันน่ะ อยากจะให้เขาช่วยติววิชาที่ฉันอ่อน และก็ฉันติววิชาที่เขาอ่อนให้ฉัน จะได้มีเรื่องคุยกันทุกๆวัน และเขาจะได้มาที่บ้านฉันด้วย
" ครับรุ่นพี่ ศิษย์น้องฝากตัวด้วยครับ " เขาพูดแหย่ฉันอีกแล้ว
แล้วเราก็มีข้อตกลงกัน ว่าจะติววิชาที่เราสองคนอ่อนให้กัน แล้วก็เรียนพิเศษที่เดียวกัน
มีอยุ๋วันหนึ่ง......เขาบอกว่าแม่เขาชวนฉันไปกินข้าวที่บ้าน แต่ฉัน.....
" เนี่ย ! แม่เราอยากรู้จักเธออ่ะ เขาบอกให้เราชวนเธอไป จะไปไหม เราจะได้บอกแม่เราถูก " เขาพูดกับฉัน
" ไม่รุ้ว่าติดเรียนรึเปล่าอ่ะ วันไหนอ่ะ " ฉันถาม
" เสาร์ - อาทิตย์ เลือกเอา วันไหน แม่เราจะได้เตรียมต้อนรับลุกสะใภ้ " เขาพูดเล่นแล้วก็หัวเราะ
แต่ฉันหัวเราะไม่ออก ได้แต่ยิ้มแหยๆ
" ไม่แน่ใจอ่ะ....." ฉันยังพุดไม่จบ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขั้นบทสนทนาของเราทั้งคู่
อันที่จริงแล้ว ฉันอยากไปกินข้าวที่บ้านเขาทุกวันนั่นแหละ เหมือนที่ตานี่มาฝากท้องไว้กับบ้านฉัน จนจะเป้นลุกของอีกคนของพ่อแม่ ไปซะแล้ว แต่จริงๆฉันก็อยากให้เขาเป้นนะ ฮิฮิ
" แม่เราบอกว่า เดี๋ยวแกจะมารับให้รออยุ่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งกลับบ้าน หรือไปเที่ยวไหน " เขาบอกฉัน
แม่ของเขามักเป็นคนรีบร้อนเสมอ
" เฮ๊ย ! อะไรอ่ะ ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย " ฉันพยายามปฏิเสธ
" เอาน่า เรื่องนี้ใช่ไหมอ่ะ ที่ไม่อยากไป ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง ไอ้น้อง ทั้งหมดนี้แม่พี่จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ฉะนั้น วันนี้ตามซำบาย "เขาพูดพลางเอื้มมือมาตบหลังฉันเบาๆ
ฉันรุ้สึกอุ่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก อันที่จริงแล้ว ฉันก้รุ้สึกดีใจที่เขาเอาฉันไปพูดให้แม่เขาฟัง แล้วนี่ก้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ไปทานข้าวกับครอบครัวของเขา ที่ถึงแม้ว่าครอบครัวเขาจะขาดเสาหลักไปแล้ว แต่ฉันก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น อ่อนโยน ของครอบครัวเขาที่ส่งผ่านตัวเขา มาถึงตัวฉัน
ณ.... ร้าน KaRaSHi
" เอาเลยลูกสะใภ้ อยากกินอะไรสั่งเลย มื้อนี้ แม่เลี้ยงเอง แต่ให้เจ้าไปมันจ่าย " แม่พุดเล่นทำให้ฉันอุ่นใจ
แม่ของเขาเรียกฉันว่า "ลูกสะใภ้" มาตลอดทาง ซึ่งนั่นก้ทำให้ฉันรุ้สึกว่าเป้นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ไปซะแล้ว ก็คงจะเหมือนกับความรุ้สึกของเขาที่มีต่อครอบครัวฉัน ละมั้ง
" ค่ะแม่ หนุเตรียมล้างท้องมาเรียบร้อยแล้วค่ะ " ด้วยความเป้นกันเองของคุณแม่ของเขา ทำให้ฉัน กล้าพุดเล่นกับแม่ได้อย่างสบายปาก
" อ้าว! พูดงี๊เรอะ เดี๋ยวเจ้ามือหนีแล้วต้องมานั่งล้างจานไม่รุ้ด้วยนะ " เขาพุด
เราสามคนกินข้าวกันไปคุยกันไป อย่างสนุกสนาน ผลัดกันปล่อยมุขบ้าง แหย่กันบ้าง ไม่มีเบื่อ ฉันชักจะรักครอบครัวนี้เข้าแล้วล่ะสิ
" นี่! แม่ว่านะ พวกเราอย่าเพิ่งกลับเลยนะ ไหนๆก็มาแล้วนี่ มาถ่าย....ถ่ายอ่ะไรนะ ที่เขากำลังฮิตกันน่ะ " แม่ชวนพวกเรา
" อ๋อ ! ถ่ายสตูดิโอ ค่ะแม่ " ฉันพูด
" เอ้อ นั่นแหละ ถ่ายเก็บไว้ดูเล่นๆ ภาพลุกชาย ลูกสะใภ้แล้วก็แม่ ออกมาคงสวยน่าดูเลยเนอะ แม่สวย ลุกชายหล่อ สะใภ้น่ารักอีกคน ฮิฮิ " แม่พุด
พวกเราไม่รอช้า รีบเดินเข้าไปยังสตูดิโอ
" นี่ถ้าแม่สวยกว่าอย่าว่าแม่นะจ๊ะ ลูกสะใภ้ " แม่พุดเล่นกับฉัน
" โห ! แม่ อย่างแม่นี่คงหมดสวยไปตั้งนานแล้ว จะสุ้ ลูกสะใภ้ไม่ได้หรอกครับ " เขาแหย่แม่
" เอ้อ ! นี่แน่ะ " แม่ตีหัวเขาไปหนึ่งที
หลังจากได้รุปมาแล้ว
" แม่เอารุปนี้นะ เหมือนครอบครัวเลย " แม่พูดแล้วหยิบรูปไป
" อ้าวแม่ไม่เอารุปหมู่ไปหล่ะ เอารุปคุ่ของผมกับยุไปได้ไง เอามานี่ " เขาพูดกับแม่
" นี่ ! นี่ไงรูปคุ่ยังเหลืออีกรุปนั่นไง มาแย่งอะไรที่แม่หล่ะ " แม่ลูกคุ่นี้ทะลาะกันเพราะรุปคู่ของเรา
" ได้ไงล่ะ แม่ อีกรุปนั่น ต้องเอาให้ยู เนอะยูเนอะ " เขาพูดกับฉัน แต่ทั้งคู่ยังคงแย่งยังคงแย่ง รูปกันต่อไป
" ไม่เป้นไรหรอก เราเอารุปหมู่สามคนไปก็ได้ รูปคู่นายเอาไปเหอะ " ฉันหยิบรุปคุ่ยื่อนให้เขา และหยิบรูปหมุ่ใส่ในกระเป่าสตังของฉัน และในใจก้อยากให้เขาพูดอะไรออกมาสักคำเพื่อแสดงถึงความเสียสละออกมา แต่ว่า....
" อืม ! ขอบใจมาก ขอบใจมาก งั้นเราเอาไปล่ะนะ " เขาพูดแล้วหยิบรุปลงกระเป๋า
เขาเป้นคนที่ไม่ได้มองหรือรู้ถึงความรุ้สึกของฉันเล้ย แม้สักนิดเดียว
แล้วเราสามคนก้เดินเที่ยวกันต่อ ......อยุ่ๆก็มีเสียงโทรสัพท์ดังขึ้น
" ค่ะ เดี๋ยวจะไปนะคะ " แม่จบการสนทนาลงอย่างสั้นๆ แล้วหันมาพุดกับพวกเรา
" ยูกับไอ เดินเที่ยวกันต่อนะ แล้วก็ยูถ้าอยากได้อะไรก็บอกเจ้าไอมันนะ แม่มีธุระด่วน เดี๋ยวแม่ต้องไปแล้ว เจ้าไออยาดได้อะไรซื้อเอานะ อ้อ ซื้อให้ลุกสะใภ้แม่ด้วยนะ แม่ไปละ ข้าวเย็นแม่คงไม่ได้กลับไปกินนะลุก ยู แม่ฝากลูกแม่ด้วยนะลุก " แม่พูดด้วยท่าทีที่รีบร้อน แล้วก้เดินจากไป ทิ้งให้พวดเราสองคนอยุ่ด้วยกันอีกครั้ง
ฉันสังเกตเห็oท่าทีที่เหงาหงอยของเขา เมื่อแม่เดินจากไป ฉันรุ้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ที่เห็นเขาเป้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่รุ้จะทำไงดี
" นี่ ! นายคิดถึงแม่ขนาดนั้นแลยเหรอ " ฉันพยายามจะทำให้เขาหัวเราะ จึงลองแหย่เขา แต่แล้ว...
" ทำไมล่ะ ! เราผิดเหรอ จะว่าเราเป้นลุหแหง่ก็บอกมาสิ " เขาพูดด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่จริงจังและเดินจากฉันไป ดดดยไม่หันกลับมา ปล่อยให้ฉันเดินคนเดียว ซึ่งนี่ก็เป้นครั้งแรกที่เขาโกรธฉันมากขนาดนี้ ฉันไม่สบายใจเลย
ตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย เขาจะรุ้ไหมนะว่าฉันเหงา รุ้สึกผิดมากๆ แล้วก็อยากจะขอโทษเขา จนกว่าเขาจะหายโกรธ
จนปัจจุบันนี้ ฉันเรียนอยุ่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน ก.ท.ม. ชั้นปี 4 ฉันต้องไปฝึกงานที่บริษัท แห่งหนึ่ง ซึ่งก็เป้นเรื่องบังเอิญ บังเอิญที่ว่าฉันได้ไปเจอกับใครคนหนึ่งเข้า
" อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ ช่วยเก็บนะคะ " ฉันเดินไปอย่างไม่ทันระวัง จนไปชนกับคนๆนึงเข้า
" ไม่เป็นไรจ๊ะลูก ! ขอบใจมาก แม่เก็บเองได้ " เธอคนนั้นมีอายุแก่กว่าฉัน แต่ยังสวยเช้ง เหมือนวัยรุ่น อยุ๋เลย ด้วยท่าทางที่รีบร้อน และน้ำเสียงของเธอมันทำให้ฉันรุ้สึกถึงบรรยากาศ บรรยากาศหนึ่งที่ฉันคุ้นเคย แล้วเธอก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ฉันเดินไปเรื่อยๆเพื่อที่จะขึ้นไปพบ บ.ก. ของสำนักพิมพ์นี้ เพื่อรายงานตัว
" น้องฝากชื่อเอาไว้ได้ไหมคะ เพระาคุณแม่ เอ๊ย บ.ก. เพิ่งออกไปเมื่อกี๊นี่เองจ๊ะ " พี่เลขาฯสุดสวยพุดกับฉัน
" แล้วเมื่อไหร่ บ.ก. จะมาคะพี่ " ฉันยังไม่วายถามต่อ
" พี่ก็ไม่รุ้นะ ว่าเมื่อไหร่ท่านจะกลับ น้องจะรอเหรอ คงนานหน่อยนะคะ " พี่เลขาฯพูด
" ค่ะ ไม่เป้นไรค่ะ หนุรอได้ " ฉับตอบรับ
" งั้นก็เข้าไปนั่งรอที่ห้อง คุณแม่ เอ๊ย..บ.ก. ก่อนก็ได้นะคะ ทางนี้เลย " พี่เลขาฯ บอกฉัน
ฉันรุ้สึกแปลกๆกับบริษัทนี้ แต่ในความแปลกนี้ก้ทำให้ฉันรุ้สึกว่าจะเข้ากับทุกคนที่อยุ่ในบริษัทนี้ได้อย่างง่ายดาย
แอ๊ด..ด..
ฉันเดินเข้าไปนั่งที่มุมห้องรับแขกของห้องทำงาน
" เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อนละครับคุณ...ไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ "
อยุ่ดีๆก้มีเสียงทำให้ฉันตกใจแทบตาย ก่อนที่จะเถียง
" อ้าว ! ก็ดิฉันจะไปรู้เหรอคะว่ามีมนุษย์นั่งอยู่ในนี้ด้วยอ่ะ "
" คือ...ผมผิดใช่ไหม เนี่ย ที่อยุ่ในห้องนี้ และทำให้คุณตกใจเนี่ย " เขาพูด
" จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ " ฉันท้าทายเขา
" แล้วคุณมาทำไมล่ะเนี่ย " เขาถามฉัน
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบคะ " ฉันยังคงโมโหและแกล้งกวนเขาไปงั้น
ระหว่างนี้ เขาก็กดโทรศัพท์
" แม่ครับ มีใครไม่รู้ครับเข้ามาในห้องแม่ ไม่รุ้ว่าจะเป็นพวก 18 มงกุฏรึเปล่า " เขาพุดกับใครก็ไม่รุ้ ทำให้ฉันโมโหทันที
" นี่ ! ฉันไม่ใช่พวก 18 มงกุฎ อะไรอย่างที่คุณพูดเลยนะยะ อย่ากล่าวหากันลอยๆอย่านี้สิ "
" ครับๆ ให้ผมคัดเองนะครับ ได้ครับ ได้ๆ สวัสดีครับ "
เขาจบการสนทนาสั้นๆ ห้วนๆ แล้วก็หันมาพุดกับฉัน ทันที
" คุณคือ..... " เขาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
" ยู ค่ะ ...น.ส. นริทิรา สมภูมี ค่ะ " ฉันพูดด้วยความมั่นใจ
เขานิ่งเงียบอ่านประวัติของฉันสักพัก แล้วอมยิ้ม ก่อนที่จะพุดขึ้นมาว่า
" เดี๋ยวคุณตามผมออกมานะ " เขาพูดแล้วเดินออกไปข้างนอกห้อง โดยที่ไม่บอกเหตุผล
" พี่ตี๊ครับ ต่อโทรศัพท์ถึงแม่ให้หน่อยครับ " เขาพูดกับพี่เลขาให้ต่อโทรศัพท์ถึง แม่
" แม่เหรอ ครับ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเดิมนะครับ ผมกำลังจะออกไป คราวนี้อย่าให้ผมไปรอนะครับแม่ แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ " เขาพุด
" เธอตามฉันมา พี่ตี้ครับผมไปก่อนนะครับ อ้อ ! พี่ถ้าไม่มีงานอะไรก็บอกให้พี่ๆเขากลับบ้านกันได้เลยนะครับ ผมไปละ " เขาพูดกับฉันแล้วหันไปพุดกับพี่ตี้ เลขาสุดสวย
" ไปแล้วค่ะ พี่ตี้ " ฉันกล่าวลาบ้าง
" จ๊ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ " พี่ตี้ พูดอย่างยิ้มๆเหมือนมีเลสนัย
ฉันนั่งรถไปกับเขาตามทางที่รู้สึกคุ้นเคย
" คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย " ฉันถามเขา
" เอาน่า ! เดี๋ยวก็รู้ครับ " เขาบอก
" คุณมีแฟนรึยังเนี่ย " เขาถามฉันต่อ
" แล้วจะรู้ไปทำไมล่ะคะ " ฉันแกล้งกวนดู
" เอาไปแทงหวยมั้งครับคุณ " เขาแกล้งพูด
" อ๋อ แล้วก็ไม่บอก 53 ค่ะ " ฉันแกล้งตอบเขาไป
" ฮะ อายุคุณเนี่ยนะ โหแก่นี่หว่า งี๊จะให้งานดีไหมเนี่ย ไม่อยากใช้งานคนแก่เล้ย เอาจิงๆสิคุณ " เขากวนฉันกลับ
" เอ ก็ไม่มีอ่ะคะ จะจีบฉันเหรอคะ อิอิ " ฉันแกล้งยิงคำถามโดนๆไปถึงเขา
" เฮ้อ เซ็งเลย เจอคนรุ้แกว " เขาส่ายหัวไปมา
" ฮะฮะ คุณยังไม่มีแฟนเหรอเนี่ย " ฉันถามเขาดู
" ไม่อ่ะ ผมเป้นเกย์ เอ๊ย ! ไม่ใช่ ๆ ๆ ๆ ผมรอผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ " เขาพูดมา
ทำให้ฉันนึกถึง"ไอ" ขึ้นมาทันที เขาจะรู้ไหมนะว่าฉันคิดถึงเขามากๆเลย
" ดีเนอะ มีคนให้คิดถึงด้วย อิจฉา อิจฉา " ฉันฝืนใจพูด
สักครู่ก็มาถึงร้านอาหาร...hiTo HitO
ฉันรุ้สึกคุ้นเคยกับร้านนี้มากๆ เพราะว่ามันเคยเป็นร้าน KaRaSHi มาก่อนน่ะสิ ฉันไม่ได้มานานแล้วแต่ร้านนี้ก็ทำให้ฉันรุ้สึกถึงวันคืนเก่าๆขึ้นมาจับใจ
" อ้าว ! คุณจะให้ผมอุ้มเข้าไปเหรอ ไม่เดินเข้าไปหล่ะครับ หรือว่านึกถึงอะไรอยุ่ " เขาพูดเหมือนจะรู้อะไรสักอย่าง
" ค่ะ ค่ะ จะเดินไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ว่าทีคุณบอสของดิฉัน " ฉันพุด
" ดีมาก ดีมาก " เขาพูด ฉันเดินเข้าไป แต่รุ้สึกว่าเดินไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ขามันก้าวไม่ค่อยออก ใจมันสั่นๆ หวิว ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกเหมือนกัน
เขาดึงเก้าอี้ให้ฉันนั่ง ช่างเป็นสุภาพบุรุษจิงๆเลย ไม่เห็นเหมือนกับ......ไม่เอาสิอย่าคิดอย่างนั้น คนเราไม่เหมือนกันนะ
" สวัสดีครับแม่ " เขาทักทาย
" เจ้าไอ แม่มารอนานแล้วนะจ๊ะ คราวนี้แกต้องเลี้ยงแม่นะ " หล่อนที่เรียกตนว่าแม่ พูดกับเขา
เขา .....เขา....เขา ชื่อ "ไอ" หรือนี่ ฉันหันไปจ้องหน้าเขาทันที
" แม่ ไม่เอาน่า จุ๊ จุ๊ " เขาทำมือทำไม้ ให้แม่เงียบๆ
" ทำไมล่ะ ก็แกน่ะแหละ เจ้าไอ นาย ยาศะ ไทรราช ทำไม มีอะไร สั่งให้ฉันเงียบทำไม " คนชื่อแม่พูด
" แม่ ผมอุตส่าปิดเอาไว้ เขารู้หมด แม่ทำเสียแผนหมดเลย อ่ะ " เขาพูด
ฮะ แผน แผน อะไรกันเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว
" แผนอะไรของแก เจ้าไอ ไม่บอกแม่สักคำ " แม่ของเขาพูด
" แม่ เนี่ย ยู แม่จำได้ไหมครับ " เขาแนะนำฉันกับแม่ของเขา
" อ้อ หนุยูนี่เอง ลุกสะใภ้แม่นี่เอง " แม่พูดพร้อมกับเดินมาหอมแก้ม
อะไรกันเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว เชา คือ "ไอ" คนที่จากฉันไปจริงๆเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย แม่จริงๆเหรอเนี่ย แม่ไม่เปลี่ยนไปเลย
" ยุ ยูเป็นอะไร ทำไมถึงเงียบไปล่ะ " เขาพูด
" นาย...นาย...นายคือ ไอ เหรอ " ฉันถาม
" อืม ใช่ ... ผมชื่อ นาย ยาศะ ไทรราช ชื่อเล่นว่าไอ แล้วนี่ก็แม่ผม " เขาพุด
ฉันร้องไห้ออกมาโดยไม่รุ้ตัว เขารีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาให้
" ทำไมนายถึงทำแบบนี้ นายรุ้ไหมว่าเราคิดถึงนายจะแย่ เราเหงามากๆ ไม่มีใครมาส่งเราเลย ทำไม ทำไม " ฉันพูดไม่ค่อยรุ้เรื่อง
" นี่ไง เราก็อยุ่นี่แล้วไง ไม่ต้องห่วงนะ เรามาอยุ่กับยูแล้ว อย่าร้องเลยนะ " เขาพูด พร้อมกับโอบกอดฉันเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา
ฉันรู้สึกดีใจและเสียใจไปด้วยในตัว ดีใจที่ได้มาเจอกับเขาอีกครั้ง จะมีใครไหมที่ได้เจอะเจอกับคนที่พลัดพราก อย่างฉันคนนี้ และเสียใจที่ตอนนั้นเขาจากฉันไปโดยที่ไม่บอกกล่าวและฉันก้ไม่ได้ทำอะไรดีๆให้กับเขาเลย
" ไอ...เธอคงจะไม่ไปจากฉันอย่างคราวก่อนอีกแล้วไช่ไหม " ฉันเช็ดน้ำตา แล้วพูดกับเขา
" อืม...เราขอโทษด้วยที่ไม่ได้ติดต่อเธอมาตลอดเวลา 5 - 6 ปี เพราะว่าเรารีบไปเรียนและ เรามีสัญญากับพ่อกับแม่ของเธอด้วย " เขาพูด
" สัญญาอะไร ทำไมฉันไม่รู้เลยล่ะ " ฉันรู้สึกงง
" มันเป็นความลับ " เขาพูด นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากรุ้เข้าไปอีก ว่ามันเป็นสัญญาอะไร
" ????? " หน้าฉันงงจนเครื่องหมายคำถามขึ้นมาอยุ่บนใบหน้าหมดแล้ว
" อยากรุ้จิงๆเหรอ " เขาถาม
ฉันได้แต่พยักหน้า
" เอาหูมานี่ " เขาบอก
แล้วเขาก็....กระซิบคำหวานๆที่ข้างหูของฉัน ทำให้น้ำตาฉันไหลรินลงมาอีกทีด้วยความปลาบปลื้ม ดีใจ อย่างที่ไม่เคยดีใจมาก่อน แล้วฉันก็กอดเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาหนีจากฉันไปอีก