15 พฤษภาคม 2550 13:16 น.
milkkyway
..ไม่รู้มีใครได้ยินบ้างไหม
ความเหงามากมายในใจเรียกร้อง
ฝันถึงคนที่ใจฉันใฝ่ปอง
คนของใจที่ฉันรักด้วยใจจริง..
..อยู่บนความอ้างว้างของหัวใจ
หลากคนมากมายผู้แอบอิง
ขณะฉันทำได้คือไม่ไหวติง
ได้แต่นิ่งยืนน้ำตาไหลร่วงริน..
..ค่ำคืนของวันเฝ้ารอหวัง
ผู้อยู่กับหนึ่งรักเก่าไม่รู้สิ้น
คนใจเดิมรักมั่นขวัญชีวิน
และยินดีแม้อาจรินร่ำน้ำตา...
...ทำไมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน
รู้แต่ว่าเหมือนใจฉันเริ่มสั่นปร่า
บางครั้งไม่อยากจะคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ตามมา
แค่คิดอยากจะพาตัวจากไกลไปเสียเลย
..บางครั้งการกระทำกับหัวใจ
ขัดแย้งกันร่ำไปจนอยากจะนิ่งเฉย
อยากทำอย่างใจปล่อยให้เลยตามเลย
แต่มิเผยเพราะกลัวทำร้ายใจใครบางคน..
..หากพอทำเป็นตัวไม่สนใจ
กลับมีสิ่งมากมายมาทำให้สับสน
บางครั้งไม่รู้จะเชื่อรักในใจของตน
หรือเหตุผลที่คนล้วนจะหามา..
..หลากหลายครั้งต้องนิ่งและหยุดคิด
ถูกหรือผิดด้วยคำย้ำเตือนว่า
ไม่คิดร้ายใครไม่โกรธใครให้เป็นธรรมดา
ถึงเป็นเหมือนคนป่ายังดีกว่าเป็นคนพาล..
..แต่วันนี้คนป่าน้ำตาไหล
เพราะหัวใจค่อยค่อยร้าวด้วยไฟผลาญ
มัวแต่ห่วงใยเค้ามากไปจนเนิ่นนาน
ลืมห่วงธารหัวใจตัวจนเศร้าใจ..
...หัวใจฉันลอยหายออกไปแล้ว
เพราะมัวแต่ห่วงใยหัวใจเค้ามากเพียงไหน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับกลับต่างไป
เค้าลืมวันที่ใจนี้เคยมีให้แก่กัน...
...แค่หวลคิดก็มิอาจหยุดร่ำไห้
วันหนึ่งที่เธอไร้คนในความฝัน
สิ่งที่ทำได้คือฉุดเธอให้ก้าวเดินไปด้วยกัน
หยิบความฝันให้หวังสร้างกำลังก้าวต่อไป
..นับจากวันเวลานั้นถึงตรงนี้
ความห่วงใยที่ไม่เคยจากไปไหน
ยังส่งไปให้เธอเสมอด้วยเต็มใจ
ขอแค่ให้เธอยิ้มได้ก็สุขเกิน...
...ใครจะรู้ฉันต้องสู้กับตัวเอง
ยามที่เหงาวังเวงเธอห่างเหิน
หลากหลายมากทุกสิ่งต้องเผชิญ
และต้องเดินเพียงลำพังไร้คนเคียง...
...สิ่งอื่น ๆ เป็นเช่นไรฉันไม่รู้
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันเศร้านั้นมีเพียง
วันที่เธอลืมเราสองฝันจักคู่เคียง
แลร้อยเรียงสร้างฝันให้อำไพ..
..วันนี้เหมือนรังน้อยที่คอยหา
เจ้านกผู้จากลาสู่โลกใหม่
เจ้าบินลับหายจากรังไปแสนไกล
ลืมวันที่เคยมีรังคอยห่วงใยให้หลับนอน...
..เหมือนเจ้านกขมิ้นผู้ผกผิน
พอถึงถิ่นมิพำนักที่พักผ่อน
สามลมยามโลมไล้ปีกงามงอน
มิหลับนอนเพลินจิตลืมห่วงตัว...
..กว่าจะรู้ว่าเจ้าลืมหยุดพัก
ก็เมื่อจักใกล้เพลามืดสลัว
กายอ่อนล้าขาอ่อนแรงพยุงตัว
ผงกหัวเพียงแค่ครั้งก็ร้าวรอน...
..เจ้ารังเฝ้าคอยมองชะเง้อหา
นกน้อยผู้อ่อนล้ามาร่วมขอน
มองแล้วมองเล่าก็ร้าวรอน
นกเจ้าลืมที่นอนเก่าช่างเศร้าใจ..
20 กันยายน 2549 18:54 น.
milkkyway
หัวใจของฉันคงแทบแหลกสลาย
หากวันหนึ่งบางสิ่งกลับกลายไม่เหมือนก่อน
วันเธอลืมสองเราเคยผ่านหนาวทุกข์และร้อน
ภาพสะท้อนกำลังใจที่เคยมีให้แก่กัน
ไม่ว่ามีอุปสรรคสักกี่ครั้ง
เราหยิบยื่นกำลังใจให้เสมอในทุกวัน
แม้ยามเจ็บและทุกข์ทรมานกับความฝัน
มือนี้มิเคยผันออกห่างจางจากไกล
ทุกทุกวันสิ่งต่างต่างรายรอบล้วนเข้ามา
ผ่านห้วงกาลเวลาที่กัดกร่อนให้หวั่นไหว
กี่ความเหงารุ่มเร้ายามเราไกล
ฉันคนไกลยังยึดไว้ไม่จากไกลให้ร้าวรอน
คอยย้ำเตือนตนเสมอไม่เผลอคิด
ค่าเพียงนิดไม่คิดตัวสำคัญก่อน
วันหนึ่งต้องมีเปลี่ยนแปลงและสั่นคลอน
ย่อมบั่นทอนให้เกิดการผันแปร
ทำใจรับเสมอในความจริง
และหยุดนิ่งฟังทุกสิ่งด้วยแน่วแน่
ร่วมยินดีด้วยเสมอแม้พ่ายแพ้
ขอแค่ยินดีแม้หันหลังทั้งน้ำตา
หากน้ำตาจากฟ้าค่าน้อยนิด
ได้ชุบชื้นฟื้นชีวิตให้บ้างยามอ่อนล้า
ก็จะยิ้มแม้ต้องปริ่มหัวใจด้วยน้ำตา
เพราะรู้ว่ารักคงอยู่คู่ควรค่าแด่ดวงใจ...
..Heart and time...
จะเก็บฝันนี้ไว้เสมอเป็นพลังใจให้ก้าวต่อไป
แม้วันหนึ่งอาจเป็นเพียงฟากฟ้าไกลที่ได้เพียงเฝ้ามอง...
3 กันยายน 2549 19:08 น.
milkkyway
.รสใดหรือจะเท่า
รสหอมเคล้า คำพูดหวาน
หอมนี้แสนเนิ่นนาน
ปานจักเปรียบเทียบละมุน
รสใดจักใคร่คุ้น
เท่ารสอุ่นน้ำเจือจุน
หัวใจใส่ละมุน
หรือจะคุ้นเทียบน้ำใจ..
หอมใดหรือจะกรุ่น
หอมเนื้ออุ่นนวลแก้มใส
หอมใดมิเทียบได้
หอมนวลใยจรดมือนาง
หอมใดบ่มิเทียบ
หอมที่เปรียบดั่งความงาม
หอมที่คอยติดตาม
ทุกครู่ยามจากใจจริง
20 เมษายน 2549 19:13 น.
milkkyway
...ขอบคุณกับไออุ่นของความรัก
ที่ทายทักยามรุ่งของทุกเช้า
และส่องแสงประกายระยับพราว
แข่งกับแดดยามเช้าที่ส่องมา...
ถึงยามฟ้าลับจากแสงแห่งตะวัน
ยังส่งแสงแห่งจันทร์แทนห่วงหา
รักห่วงใยคิดถึงอยู่ทุกครา
ให้รู้ว่าไม่เคยห่างจากกันไกล...
แม้ในวันที่ฟ้าไร้สีสัน
จากตะวันหรือพระจันทร์อันสดใส
ใต้เมฆครึ้มยังส่งฝนพรมรักอุ่นละไม
ให้หัวใจได้แช่มชื่นตื่นคืนวัน...
ครั้งมืดมิดอาศัยเพียงหมู่ดาว
ที่ทอดยาวเป็นเส้นทางแห่งความฝัน
คือเส้นทางทะเลดาวที่ร่วมกัน
เชื่อมโยงฝันจากแผ่นฟ้าสู่พื้นดิน...
...ขอให้ความตั้งใจสมดั่งหวัง เป็นกำลังใจให้เสมอ...
7 มีนาคม 2549 19:57 น.
milkkyway
..หนาวเย็นเกินกว่าน้ำขั้วโลก
พัดโบกเสียงความห่วงหาห่างหาย
ยินเพียงเสียงลมพัดผิวกาย
ลมหายใจที่แผ่วไหวบางเบา...
...มองดูรอบกายไร้เสียง
ตาลืมกลับเพียงความหงอยเหงา
ดั่งความมืดที่คุ้นเคยแต่ก่อนเก่า
รุ้มเร้าแม้ยามหลับไร้แสงใด...
..นิ่งมองตรองดูตัวใจตัวเอง
ความกลัวเกรงที่ก่อให้หวั่นไหว
นั่งมองดูเวลาที่ผ่านไป
ด้วยดวงใจเต็มตื่นหวานละมุน...
...แม้กายอยู่ไกลมิเชยชิด
แต่ดวงจิตส่งรักอันหอมกรุ่น
ความอาทรห่วงหาช่วยค้ำจุน
สร้างอบอุ่นแม้รู้ดีอาจเดียวดาย...
...เต็มตื่นชื่นฝันรอวันฟื้น
หากผ่านคืนมิเคยจืดจางหาย
แม้อาจเหงาเศร้าอยู่ก็กลับกลาย
คือความหมายดีดีมีแด่เธอ...
...ดวงจิตตั้งมั่นตรงคงมิเปลี่ยน
ผ่านคืนวันหมุนเวียนมิพลั้งเผลอ
มีแค่หนึ่งดวงใจให้เพียงเธอ
แม้รู้ว่าอาจละเมอเข้าข้างตัว...
..ยามคืนค่ำพร่ำส่งความห่วงหา
ปรารถนาให้เธอสุขอย่าหมองมัว
ส่งความสุขรายล้อมรอบข้างตัว
อย่าหวาดกลัวจงสมดั่งฝันตั้งใจ...
..ขอให้ฝันเธอสมดั่งที่ตั้งหวัง
ให้มีแรงพลังก้าวเดินอย่าหวั่นไหว
แม้วันหนึ่งอาจต้องเดินไกลห่างไป
แต่หัวใจและสองมือนี้มิอยู่ไกลจากใจเธอ...
------------------------------
..ขอให้สิ่งที่หวังสมดั่งคิด
จากดวงจิตที่อยากให้เธอสมหวัง
ขอให้รักค้ำชูเป็นพลัง
ให้ความหวังของเธอมิอยู่ไกล...ด้วยใจจริง...
..คือกำลังใจจากฉันที่ส่งให้จากใจ
แม้มิได้เอ่ยคำพูดใดใด
อาจมีเพียงภาษาทางกายและการกระทำ
ที่กระทำไปตามความรู้สึกจากหัวใจ...
...ผ่านห้วงเวลาที่แสนยาวไกลไปถึงเธอ...