5 กุมภาพันธ์ 2549 09:43 น.

เปิดปมปริศนา ตอน 3

May_jaa

ภาค 3 .....................................
จริงเหรอค่ะแม่ภรณ์และพัฒน์ตกใจ เมื่อสุนีย์เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
แล้วพวกเราจะไปไหนกันเนี่ยพัฒน์ถาม
 เขาบอกว่าต้องการใช้บ้านเราทำงาน ก็เลยให้เราไปอยู่บ้านพักตำรวจ สุนีย์พูดตอบพร้อมกับถอนหายใจ
สมชายกำลังลงจากสะพานเชื่อมเกาะ ไปสู่ชายฝั่ง
อีกเดี๋ยวเดียวก็คงจะถึงแล้วล่ะสมชายพูด แต่ทว่าคำว่าเดี๋ยวของสมชายนั้น จะต้องไปทางลูกรัง แถมยังบุกป่าฝ่าดงอีกต่างหากตั้งประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านพักที่เตรียมไว้ให้ และเท่านั้นยังไม่พอ สภาพที่เตรียมไว้ให้ก็ โทรมสุดๆ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวดูเก่าและผุพังมาก มีหญ้าและต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด
เนี่ยนะ บ้านพักตำรวจพงษ์บอก
ทำใจซะเถอะสมชายบอกแล้วเดินตามตำรวจปราโมทย์เข้าไปในบ้าน
พอๆกับข้างนอกบ้านเลยนะเนี่ยสมชายพูด
พระเจ้าภรณ์และพัฒน์ตะลึงเมื่อเข้ามาถึงในบ้าน
อาจจะดูโทรมไปซักเล็กน้อย แต่ก็อยู่แค่ชั่วคราว ไม่นานคดีก็จะคลี่คลายแล้วครับตำรวจปราโมทย์พูดแล้วเดินจากไป
ฉันอยากจะนอนยาวๆเลย  จะได้ไม่ต้องเห็นบ้านหลังนี้อีกสุนีย์พูดเสร็จ  ทุกคนก็หลับกันง่ายๆเลยในเวลา 1 ทุ่ม 45 นาที
เมื่อถึงเวลาเช้าทุกคนต่างตื่นอย่างรวดเร็ว  ละจัดการอาบน้ำ กินอาหารเช้าอย่างเหนื่อยใจ
ปึ้ง ปึ้ง ปึ้งเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ค่ะสุนีย์ขานรับ แล้วเดินไปเปิดประตู ปรากฎว่าเป็นตำรวจปราโมทย์นั้นเอง
ผมมาเรียกทุกคนไปสอบปากคำน่ะครับตำรวจปราโมทย์บอก
ตอนนี้เลยเหรอคะสุนีย์ถามต่อ
ครับตำรวจปราโมทย์ตอบ
ไปกันเถอะไปสมชายบอกแล้วขับรถตามตำรวจปราโมทย์ไปที่สน.บ้านเพ เมื่อไปถึงระหว่างที่ทั้ง 5 คนกำลังจะเริ่มสอบปากคำ
พงษ์ พงษ์ เสียงเอ๋แฟนของพงษ์ขึ้นมาเรียกพงษ์บนสน.
ผมไปก่อนนะพงษ์บอกแล้วรีบตามเอ๋ไปโดยไม่รอใครอนุญาต
ไม่ต้องรอเขาหรอกครับ เริ่มกันก่อนเลยดีกว่าสมชายพูดพร้อมกับถอนหายใจ
ในการสอบปากคำ ทุกคนก็บอกข้อมูลตั้งแต่ตื่นมาในวันเกิดเหตุ แล้วมาถึงปัจจุบันนี้ และทุกคนก็ต่างไม่มีพิรุธเลย  นับว่าการสาอบปากคำครั้งนี้ ได้หลักฐานต่างๆมากขึ้น
แล้วพี่พงษฺล่ะคะ ภรณ์พูดถามตำรวจปราโมทย์
ก็...อืม...เรียกเขาแล้วก็แพนของเขาที่ชื่อ เอ๋ มาด้วยเลยนะครับตำรวจปราโมทย์บอก
สุนีย์จึงโทรศัพท์เรียกทั้ง 2 คนมาด่วน และเมื่อทั้ง 2 คนมาถึง
เสียใจด้วยนะที่พินัยกรรมและจดหมายน่ะ เป็นของปลอมตำรวจปราโมทย์พูด คำพูดนั้นทำเอาทั้ง 2 และครอบครัวเรือนศรีอึ้งไปตามๆกัน
และ...เสียใจด้วยนะที่ทางเราทราบว่าทั้งหมดเป็นฝีมือเธอตำรวจปราโมทย์พูดต่อแล้วมองหน้าทั้ง 2 คน
อ้าว!ทำไมมาหาว่าผมทำล่ะสมพงษ์พูดเสียงตอบ
โธ่...ทำไมเราจะไม่รู้นักสืบประสงค์เดินมาหน้ายิ้มๆ  มือใหม่ก็ยังงี้แหละ  
เราน่ะ ชันสูตรศพเรียบร้อยแล้ว นักวิจัยอุไรพรเดินมาแล้วหยิบกระดาษข้อมูลมาให้ดู  พวกเราพบสารพิษชนิดหนึ่งใช้ดองงูพิษ เธอน่ะ นำสารพิษนี้ฉีดใส่เขาข้างหลังตอนเขาเผลอ และให้แฟนเธอน่ะร้องกรี๊ดเหมือนว่ายายฆ่าตัวตาย
ใช่ จากนั้นพวกเธอก็ช่วยกัน สร้างเงื่อนงำต่าง ๆ โดยช่วยกันล๊อกประตูปิดหน้าต่างอะไรพวกนั้น นักสืบประสงค์ พูดต่อไปอีก ปริศนาที่จะใช้อำพรางเป็นยายฆ่าตัวตายน่ะก็น่าจะเป็นใช้มีดปักอกหรือเชือดคอ แต่พวกเธอน่ะลืมใช้มีดปาดแผลให้เป็นร่องรอย ทำแต่เพียงดูดเลือดจากรูโบ๋ข้างหลัง นักสืบประสงค์นำรูปมาให้ดู 
โดยใช้เจ้าหลอดดูดสารที่เห็นนั่นเอง ส่วนกลไกมีดหล่นนั้น ดูท่าคงจะดูการ์ตูนโคนันมากเกินไปทำตามเชียว ก็คือว่าเขาจะผูกสลิงค์ไว้ที่ปลายมีดและประตูห้องเขาเอง โดยใช้สลิงค์เส้นเดียว เมื่อเปิดประตูไป เชือกก็จะหลุดจากประตูและตรงนี้จะมีวัตถุแข็งเล็ก ๆ ให้สลิงค์ตกลงมาอยู่ที่พื้น และรั้งให้มีดหล่นลงมาโดนสวิสต์พัดลม
ทำให้พัดลมเปิด แล้วมันก็จะม้วนเอาสายสลิงค์ไปซ่อนเก็บไว้ข้างหลังใบพัดพัดลม โดยเขาจะผูกสลิงค์อีกอันไว้กลางเส้นที่โยงประตูกับมีดเมื่อพัดลมเปิดสายสลิงค์เส้นนี้ก็จะกระชากสายสลิงค์ม้วนกลับอย่างรวดเร็ว และตามคำให้การ สมพงษ์ เป็นคนเดินเข้าห้องไปก่อน นั้นก็เพื่อไปปิดพัดลม  
ยังไงก็ไม่ใช่เรา ทำไมต้องเรา เพราะเรามาช้าหรืออย่างไร ทั้งสองเถียง
ลูก ถ้าลูกทำก็สารภาพไปเถอะจากโทษหนักจะได้เบา สุนีย์บอก
งั้นฟังต่อนะ ดูซิว่าจะเถียงออกไหม นักวิจัยพูดต่อ ไอ้ของที่กองไว้ตรงมุมบ้านน่ะ ตามให้การเช่นกัน สมพงษ์ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่นานเลยใช่ไหม นักวิจัยอุไรพรถาม
ก็ผมหาบันไดนี่ สมพงษ์ตอบดื้อ ๆ
ไม่ใช่หรอก เธอน่ะนำของที่หนัก ๆ ในกระเป๋า คือพวกกลไกต่าง ๆ อุปกรณ์ต่าง ๆ น่ะมาทิ้งไว้ เพราะบันไดใหญ่โตซะขนาดนั้น จะหาอะไรต้องนาน นักวิจัยอุไรพรตอบ 
พวกเรา เอ๋เริ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ 
โถ่...เอ้ย ยอมรับมาซะทีเถอะน่า โทษหนักจะได้เป็นเบา ตำรวจปราโมทย์บอก
ก็พวกเรารำคาญยายวิไลนี่ สมพงษ์หลุดปากโพล่งออกมาเบา ๆ 
ตกลง พวกเธอยอมรับแล้วใช่ไหม  ตำรวจปราโมทย์ถามเพื่อความแน่ใจ
ค่ะ เสียงเอ๋แผ่วเบามาจากปาก
เหอ...โชคดีไป ไม่งั้นได้อยู่บ้านโทรม ๆ หลังนั้นอีกนานเลย นักสืบประสงค์พูด
นี่ ลูกทำจริง ๆ เหรอ สมชาย กับสุนีย์ ถาม
เอ๋ะ ! แล้วตอนที่เรามาทำไมไม่เจอเอ๋หนีล่ะ  สุนีย์ถาม
ก็ผมเปิดประตูหลังบ้านให้เอ๋วิ่งหนีไปตอนที่แม่เดินมาข้างบ้าน แล้วผมก็ล๊อกแล้ววิ่งขึ้นชั้นบนแล้วก็กระโดดลงมาจากข้างบนห้องนะครับ  สมพงษ์สารภาพ
พวกเรา ขอโทษน่ะทุกคน พวกเราแค่รำคาญที่ยายชอบมาบ่นมาว่าพวกเราน่ะ ทั้งสองคนสารภาพต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุนี้ขึ้น
ทำไมลูกทำแบบนี้ ลูกรู้ไหมว่าลูกทำบาปอย่างมาก การที่ยายบ่นว่านั้นก็ความจริง ยายหวังดีกับพวกเราทั้งนั้น แต่ไม่เป็นไรลูก ยังดีที่ลูกยอมรับสารภาพ แม้ลูกจะต้องติดคุกแต่โทษหนักก็จะกลายเป็นเบาลง พ่อและแม่บอกทั้งสองคน
ไปกันเถอะไป ดำเนินการต่อเลยดีกว่า ตำรวจปราโมทย์บอก
ครับ  ค่ะ  เอ๋ และพงษ์ ตอบด้วยสีหน้าสำนึกผิด 
	หลังจากที่ทั้งสองผ่านการจำคุกนานถึงสิบห้าปี บัดนี้พวกเขาก็อายุได้สามสิบห้าปีแล้ว เมื่อพวกเขาพ้นโทษ จึงเดินทางมาหาครอบครัวของพวกเขา เขาทั้งสองได้สั่งสอนตักเตือนทุกคน ไม่ให้ทำอะไรวู่วามเพราะอารมณ์ พร้อมกับเล่าประสบการณ์ที่ยากจะลืมของตนนั้นให้แก่ทุกคนฟัง เพื่อเป็นตัวอย่างและคติเตือนใจ				
4 กุมภาพันธ์ 2549 13:40 น.

เปิดปมปริศนา ตอน 2

May_jaa

ภาค 2.
เอี๊ยดเสียงรถฮอนด้าสีแดงสด จอดที่โลงจอดรถหน้าบ้านเรือนศรี  สมชายและสุนีย์ก็ลงมาจากรถ แล้วมองดูที่นาฬิกาข้อมือ ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาประมาณ 13 นาฬิกาแล้ว พอเดินไปที่ประตู แล้วเคาะประตู ก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้  รวมทั้งประตูก็กลับล็อคจากด้านใน  ตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ ด้วยความแปลกใจ จึงคิดว่าจะปีนหน้าต่างเข้าไปในบ้าน  พอคิดได้ดังนั้น  ก็จึงเดินไปที่บริเวณริมสนาม เพราะบริเวณนั้นมีหน้าต่างบานใหญ่ที่จะเปิดทิ้งไว้ระบายอากาศตลอด  ระหว่างที่เดินไปที่บริเวณหน้าต่างบานดังกล่าวนั้น  หน้าต่างทุกบานก็ถูก ล็อกและรูดม่านปิดไว้อย่างสนิท   จนไม่สามารถมองเห็นภายในบ้านได้เลย ทั้งๆที่ก่อนพวกเขาจะออกจากบ้านพวกเขาก็ได้เปิดม่านและหน้าต่างไว้อย่างโล่งโจ้ง และที่สำคัญ หน้าต่างบ้านใหญ่ที่เปิดระบายอากาศไว้ตลอดก็ถูกปิดและรูดม่านไว้อย่างเรียบร้อยเหมือนบานอื่นๆเช่นกัน  พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะเข้าไปในบ้านได้ ทันใดนั้น
กรี๊ด!เสียงดังมาจากในบ้าน  เสียงดูยังสาวและฟังไม่ค่อยคุ้นหูพวกเขาเท่าไรนัก
ใครน่ะสุนีย์ถามอย่างกลัวๆและตกใจ
ตุ๊บ!เสียงดังมาจากข้างหลังบ้าน พ้อมกับเสียงกุ้ก กั้ก กุ้ก กั้ก ที่บริเวณหน้าบ้าน
หยุดนะ ไอ้หัวขโมยสมชายตะโกนแล้วรีบวิ่งไปที่หลังบ้านทันที โดยที่ไม่สนใจเสียงหน้าบ้านเลย พอสมชายวิ่งไปถึงมุมบ้าน ก็ปาข้าวกล่องที่ซื้อมาใส่สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างไม่สนใจว่ามันคืออะไร
โอ้ย!เสียงดังขึ้นจากสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งนั่นก็คือเด็กชายวัย 20 นั่นเอง
พ่อปาของใส่ผมทำไมเนี่ยเสียงของสมพงษ์ดังขึ้น
อ้าวลูกมาที่บ้านทำไมเนี่ยสุนีย์ถาม
โธ่เอ้ย! ก็ผมเรียนรอบเช้าเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้วแม่สมพงษ์ตอบเสียงหอบ พร้อมกับลูกขึ้นปัดฝุ่นและเศษข้าวกล่องที่พ่อปามาใส่ออกจากเสื้อและกางเกง
ระหว่างที่สมพงษ์พูดกับสุนีย์นั้น  สมชายก็เดินไปหยิบกระเป๋ามา เพื่อจะส่งให้สมพงษ์ แต่เขาสังเกตว่ากระเป๋าของสมพงษ์ดูตุงและหนักกว่าปกติ
พงษ์ ทำไมกระเป๋าหนักจังเลยเนี่ยสมชายถามพร้อมกับส่งกระเป๋าให้สมพงษ์
ก็เผอิญผมต้องทำรายงาน ก็เลยยืมหนังสือจากห้องสมุดมาน่ะครับสมพงษ์พูดพร้อมกับหยิบกระเป๋ามาจากพ่อ
ก็แล้วลูกทำไมไม่เข้าบ้านล่ะสมชายถามต่อ
ทำยังกับพ่อเข้าบ้านได้น่ะสมพงษ์ตอบ
เอ้อ...จริงสินะ ลืมไป สมชายนึกถึงเรื่องที่ประตูหน้าต่างถูกปิดล็อกรูดม่าน
	ระหว่างนั้นเอง ก็มีใบไม้หล่นลงจากข้างบนมาใส่ศีรษะของสุนีย์ เพราะเวลานั่นมีลมแรง สุนีย์จึงเงยหน้าขึ้นไปที่ข้างบน ทันใดนั้นเองเธอก็พบประตูที่เปิดอยู่ แต่ว่าประตูดังกล่าวนี้ อยู่ที่ระเบียงชั้น 2 ห้องของสมพงษ์เอง ซึ่งจะเปิดได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อทุกคนอยู่ข้างล่างกันหมด หรือว่า........
แม่สุนีย์ตกตะลึง พึ่งจะนึกขึ้นได้
แม่สุนีย์ตะโกนเรียกยายวิไลแม่  แม่  แม่
นี มีอะไรสมชายถามด้วยเสียงกังวลเล็กน้อย
เมื่อกี้ ไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดหรือยังไงล่ะสุนีย์บอกสมชาย
สมชายนึกคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า
หรือ...ว่า...สมชายพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก
พ่อ เราต้องหาทางเข้าบ้านหรือแล้วล่ะสมพงษ์พูดแล้วเดินไปที่มุมบ้าน
หาอะไรลูกสมชายถามสมพงษ์  แต่สมพงษ์ทำอะไรก็ไม่รู้ มัวแต่ก้มก้ม เงยเงย
พงษ์ หาอะไรอยู่ลูกสมชายถามอีกครั้ง
นี่ไงสมพงษ์พูดพร้อมลากอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มากออกมา ซึ่งนั่นก็บันไดนั้นเอง จากนั้น พงษ์ก็จับบันไดตั้งขึ้นพาดกับระเบียงห้องที่มีประตูเปิดอยู่ ก็คือห้องของเขานั่นเอง พอตั้งบันไดดีแล้วก็ให้สมชายปีนขึ้นไปก่อน จากนั้นตามด้วยสุนีย์และสมพงษ์ เมื่อขึ้นมาหมดแล้วก็เดินไปที่ประตู แล้วมองเข้าไป ว่างเปล่า จึงเดินเข้าไป มีแต่โหลดองสัตว์ที่เป็นของสะสมของสมพงษ์ แต่มีโหลดองหายไป 1 โหล
โหลดองสัตว์ตรงนี้ หายไปไหนเหรอ สุนีย์ถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังชั้นวางโหลดองที่เว้นว่างไว้ 1 โหล
อ๋อ! อาจารย์เขายืมไปตั้งแสดงในงานวิชาการสมชายตอบ
จากนั้น สมชายก็เปิดประตูห้องของสมพงษ์ที่เดิมปิดอยู่
เพล้ง! เสียงเหมือนวัตถุแข็งๆ หล่นลงที่พื้นห้องข้างๆ คือห้องของแฝดทั้ง 2 คน
เสียงอะไรน่ะสุนีย์พูดถามเสียงสั่น
ไปดูสิสมพงษ์พูดพร้อมกับผลักประตูให้กว้างไปอีก แล้วจึงเดินไปที่ห้องข้างๆ ตามด้วยสุนีย์และสมชายพวกเขาเห็นใบพัดของพัดลมเพิ่งจะหยุดหมุน และเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปข้างหน้า
ตายแล้ว!สุนีย์อุทานอย่างตกใจสุดขีด เพราะในห้องของภรณ์และพัฒน์มีภาพที่น่ากลัวและสะเทือนใจมาก 
ภาพที่พวกเขาเห็นคือ ยายวิไลนอนตายตาหลับอย่างสงบ อยู่บนเตียงสีชมพูหวานแหว๋วของแฝดทั้ง 2 มือขวาของยายห้อยลงมาและมีมีดด้ามใหญ่ มีคราบเลือดหยดอยู่ตามพื้นห้องและมีดเล่มนั้น แต่น่าแปลกที่ตามตัวกลับไม่มีร่องรอยทำร้ายอะไรเลย แล้วยังไม่มีรอยเลือดเปื้อนเลยสักหยด นอกจากนั้น ส่วนต่างๆของห้องก็ปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง 
ทั้ง 3 คนอึ้งและตกตะลึงกับภาพที่เห็นมาก  แต่สมชายเรียกสติกลับมาได้ก่อน จึงเรียกสติของทั้ง 2 คนนั้น และไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและโรงพยาบาลมา จากนั้น พวกเขาก็ช่วยกันเปิดหน้าต่าง เปิดม่านและประตูให้เหมือนเดิม
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้ว รถตำรวจ รถพยาบาลและรถกู้ภัยก็มาถึงที่เกิดเหตุพอดี เมื่อพวกนั้นเข้ามาในบ้าน ก็เร่งรีบทำงานทันที
สวัสดีครับคุณสมชายและสุนีย์ตำรวจที่ดูสูงเก้งก้างตนหนึ่งเดินเข้ามาหาแล้วพูดทักทายจึงทำให้สุนีย์ สมชายและสมพงษ์หันมาหาตำรวจคนนี้
ผมชื่อร้อยตำรวจปราโมทย์ แสงใสครับ  เป็นตำรวจเจ้าของคดีนี้ครับตำรวจคนนั้นพูดต่อดูท่าคดี อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายนะครับ ดังนั้นเราคงต้องมีนักสืบและนักวิจัยนิติวิทยาศาสตร์แล้วล่ะนะครับตำรวจปราโมทย์หยุดเว้น แล้วมองหน้าครอบครัวเรือนศรีแต่ละคน แล้วพูดต่อว่าแต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ เพราะทางเรามีนักสืบและนักวิจัยมาแล้วนะครับเมื่อตำรวจปราโมทย์พูดเสร็จ ก็ชี้ให้ดูนักสืบและนักวิจัย รวมทั้งแนะนำให้รู้จัก
สวัสดีค่ะ ดิฉัน ดร. อุไรพร ศรีสกุล เป็นนักวิจัยค่ะหญิงใส่ชุดคลุมสีขาว ดูดีและมีระดับเดินตรงมาพร้อมกับตำรวจปราโมทย์ พูดแนะนำตนเอง
ครับ  สวัสดีครับ ผมนักสืบประสงค์ ทรงธรรม์ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวทางเราจะจัดการคลี่คลายคดีนี้อย่างรวดเร็ว และผลออกมาสวยงามแน่นอนครับชายอีกคนที่เดินมา ท่าทางดูขรึมมากพูดแนะนำตัวแล้วเขาก็ยิ้ม  รอยยิ้มของเขานั้นดูแล้วเป็นรอยยิ้มที่ดูน่ากลัว สยดสยองยังไงชอบกล 
แล้วเราจะต้องทำอย่างไรต่อไปล่ะคะสุนีย์ถาม แล้วก็เริ่มพูดคุยกับตำรวจ และระหว่างที่สมชายเหลือบไปมองที่ศพของยายวิไล  ทันใดนั้นเอง  เขาก็มองเห็นมือซ้ายของยายวิไล ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ตัวนั้น  มีกระดาษสีขาวมีคราบเลือดสีแดงติดอยู่เช่นกัน เมื่อสมชายรวบรวมความกล้าเอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา แต่ทว่า กลับดึงออกมาอย่างง่ายดายมาก เพราะกำไว้อย่างหลวมๆ สมชายรีบจัดการคลี่กระดาษที่ขยำไว้อย่างช้าๆ ข้อความในกระดาษคือ

ถึง  ครอบครัวเรือนศรี

     ยายรู้ตัวดีว่ายายเป็นคนที่ขี้บ่น ชอบด่าชอบว่าทุกคนในบ้านจนทุกคนเอือมระอา เบื่อ และรำคาญยายแล้ว แต่ยายก็พยายามปรับตัวแล้ว  แต่มันก็ปรับไม่ได้  ยายขอโทษนะ  ที่ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขในบ้านเลย และถ้าชาติหน้ามีจริง  ยายจะขอเป็นยายที่ดีให้ลูกหลานได้รัก ถึงตอนนี้ทุกคนก็คงจะมีความสุขมากขึ้น โดไม่มียาย

                                                                                    รักลูกหลาน.....ทุกคน
                                                                                                                                                                                                                         และ
                                                                                                                                                                                                                       ลาก่อน


                                                                                        ยายวิไล เอี่ยมบุญ

ปล. พินัยกรรมทั้งหมด คือ ที่ดิน 10 ไร่ที่ขอนแก่น บ้านเดี่ยวที่จังหวัดนครสวรรค์
รวมทั้งเงินในธนาคารจำนวน 200,000 บาทขอมอบให้หลานพงษ์ เพราะจะถูกบ่นอยู่บ่อยๆ
และพินัยกรรมแผ่นจริง  อยู่บนโต๊ะที่ห้องของพงษ์


	พอสมชายอ่านเสร็จ ก็รีบเดินไปที่ห้องข้างๆ คือ ห้องพงษ์ เพื่อไปดูใบพินัยกรรมแผ่นจริง เพราะปัจจุบันห้องที่เกิดเหตุ คือ ห้องของแฝดทั้ง 2 คน และเมื่อสมชายเดินไปถึงประตูห้องของสมพงษ์ 
พ่อฮ่ะสมพงษ์เรียก ทำให้สมชาย ต้องละสายตาไปหาสมพงษ์ก่อน 
ใบพินัยกรรมฮ่ะ สมพงษ์พูดต่อแล้วชี้ให้ดูจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะสมพงษ์
ขอบใจ ลูกสมชายยิ้มบอก แล้วไปหยิบใบพินัยกรรมที่อยู่บนโต๊ะ  โดยวางจดหมายที่อยู่ในมือยายวิไลไว้บนโต๊ะพงษ์ก่อน และเมื่อหยิบใบพินัยกรรมมาอ่าน ข้อความที่พบคือ


                                                 พินัยกรรม

         หลังจากที่ยายได้เสียชีวิตไปแล้ว  ยายจะขอมอบสมบัติทั้งหมดที่ยายมี ให้แก่ นายสมพงษ์  เรือนศรี โดยสมบัติมีดังนี้
1.ที่ดินจำนวน 10 ไร่ ที่ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น
2.บ้านเดี่ยว  85  ตารางวา หมู่บ้านริเวอร์ไซด์ ปาร์ควิลล์
3.เงินเก็บในธนาคารออมสินจำนวน  200,000  บาท โดยประมาณ

                                                                                                   ลงชื่อ


                                                                                        ยายวิไล  เอี่ยมบุญ

ปล. ถ้านายสมพงษ์ไม่รับสมบัติทั้งหมดนี้  ยายจะขอมอบให้ภรรยาหรือคู่ครองของเขา


สมชายรู้สึกสงสัยมากกับจดหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่ทำไมถึงไม่ให้สมบัติแก่เขาและสุนีย์ เพราะสุนีย์เป็นลูกแท้ๆ ของยายวิไล แต่ก็คงจะต้องจำใจยอมรับตามจดหมายทั้ง 2 นี้ และเขาคิดว่า ให้มันเป็นไปตามกระบานการทางกฎหมายจะดีกว่า  จึงถือจดหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ ไปให้นักสืบประสงค์
ขอโทษนะครับ นักสืบประสงค์ ผมขอขั้นจังหวะหน่อยนะครับสมชายพูดขึ้นกับนักสืบประสงค์ ขณะที่นักสืบประสงค์กำลังคุยกับสุนีย์อยู่ 
ครับนักสืบประสงค์ขานรับและหันมาหาสมชาย
ผมเจอจดหมายนี้ในมือยายวิไลครับสมชายพูดพร้อมกับส่งจดหมายฉบับแรกให้ไป
แล้วนี้อีกฉบับครับ มันคือพินัยกรรม สมชายพูดอีกแล้วส่งจดหมายฉบับที่เป็นพินัยกรรมให้ไป  จากนั้น ก็พาไปดูที่ที่พบจดหมายทั้ง 2 ฉบับ ขณะนั้น มีเสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
ขอโทษครับเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งพูดกับทั้ง 3 คน คือ สมพงษ์ สมชาย และ สุนีย์
ผมเจ้าหน้าที่วิสุทธิ์ โพธิ์สินครับ คือ เราคิดว่า เราคงจะต้องใช้สถานที่นี้ ในการดำเนินการได้ไหมครับเจ้าหน้าที่คนนั้นพูด
แล้วผมจะไปอยู่ไหนกันล่ะครับ สมชายถาม
ก็เดี๋ยวผมจะให้ครอบครัวคุณไปอยู่ชั่วคราวที่บ้านพักตำรวจน่ะครับตำรวจปราโมทย์เดินมาตอบแทนเจ้าหน้าที่วิสุทธิ์
ครอบครัวคุณมีกันแค่ 3 คนใช่ไหมครับตำรวจปราโมทย์ถามต่อ
เปล่าครับ มีน้องสาวเป็นแฝดอีก 2 คนครับสมพงษ์พูดทันที
แล้วตอนนี้ ทั้ง 2 คนอยู่ไหนครับ ตำรวจปราโมทย์พูด
พวกเขาอยู่โรงเรียนน่ะคะสุนีย์ตอบ
งั้นพวกคุณ ช่วยไปรับพวกเขาเลยได้ไหมครับตำรวจปราโมทย์พูด แล้วมองดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้ก็ 4 โมง  ครึ่งแล้วนะครับ
ถ้า 4 โมงครึ่ง ก็ไม่ต้องไปรับเขาหรอกค่ะ เดี๋ยวเขานั่งเรือลุงฉัตรชัยกลับมาเองคะสุนีย์หยุดนึกสักพักก็มาถึงแล้วล่ะคะสุนีย์พูดต่อ
ดีครับ งั้นคุณก็เตรียมข้าวของเลยนะครับตำรวจปราโมทย์พูด แล้วก็เดินไปทำงานต่อ
คุณสมชายครับเชิญทางนี้หน่อยครับเสียงของนักสืบประสงค์ดังมาจากข้างล่าง
ครับสมชายขานรับ แล้วรีบวิ่งไปหา
เมื่อสมชายลงไปถึงข้างล่าง
นี่ ของคุณหรือเปล่าครับนักสืบประสงค์ชี้ให้ดูของกองใหญ่ที่ถูกโยนเรี่ยราดไว้  มีหลอดดูดสารขนาดใหญ่ 2 หลอด ที่ภายในมีคราบเลือดสีแดงติดอยู่ปริมาณมาก มีเข็มฉีดยา 2 เข็มและหลอดหยดสารเคมีอีก 2 อันที่ภายในมีคราบของเหลวสีขาวเหลืองติดอยู่เล็กน้อยเหมือนกันทั้งคู่  มีเศษกระดาษ  ปากกา และของชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมาย และสำคัญโหลดองสัตว์ ซึ่งโหลนี้ เป็นงูพิษ ก็มาอยู่ที่นี้เช่นกัน
สมชายอึ้งและงงงันไปกับของที่กองซ้อนอยู่มุมสวน บริเวณเดียวกับบันไดที่สมพงษ์หยิบมา
ดูท่าคดีนี้ ท่าจะซับซ้อนมากเลยทีเดียวนะครับเนี่ยนักสืบประสงค์พูดพร้อมกับทำหน้าท้อ
แต่ไม่เป็นไรหรอกคะ พวกเราจัดการได้อยู่แล้วนักวิจัยอุไรพรพูดแล้วยิ้มแหยๆ
ชาย พร้อมจะไปหรือยังสุนีย์ตะโกนถามสมชาย
พร้อมแล้ว  ไปกันได้เลยสมชายขานตอบ
สักพัก ภรณ์และพัฒน์ก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน เมื่อมาถึงหน้า ก็เห็นเจ้าหน้าที่ต่างๆมากมาย ทั้ง 2 จึงเดินเข้ามาหาพ่อแล้วถามว่า
พ่อค่ะ อะไรกันเนี่ยภรณ์และพัฒน์พูด พร้อมกับชี้นิ้วไปยังเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกันอยู่
เดี๋ยวค่อยอธิบายให้ฟัง ไปขึ้นรถก่อนไปสมชายบอกแล้วก็รีบเดินไปที่รถทันที
ค่ะแฝดทั้ง 2 ตอบเบาๆ แล้วเดินตามพ่อไปที่รถพร้อมกับพูดพึมพำกันอยู่ 2 คน
เมื่อทั้ง 5 ขึ้นรถครบและออกรถไปสักพัก สุนีย์ก็บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ทั้งหมดให้ภรณ์และพัฒน์ฟัง ส่วนสมชายก็ขับรถตามตำรวจปราโมทย์ไป

_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ 
เรื่องราวในตอนจบจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามในตอนที่ 3				
3 กุมภาพันธ์ 2549 20:07 น.

เปิดปมปริศนา

May_jaa

เรื่อง  เปิดปมปริศนา

	ชายหาดริมทะเลทางด้านหนึ่งของเกาะสมุยในจังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทุกเพศทุกวัย  กำลังเล่นโต้คลื่น เล่นวอลเล่ย์บอล หรือเด็กๆมานั่งเล่นเม็ดทรายสีขาวสะอาดอยู่  แต่เมื่อถึงยามที่พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า  ช่วงเวลานี้ ที่กรุงเทพมหานคร  เป็นเวลาที่ผู้คนกำลังขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะการจราจรติดขัด  ผู้คนเดินเท้าก็พลอยจะรำคาญและบึ้งตึงไปด้วย จากก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์จากท่อไอเสียรถยนต์ แต่ถ้าจะเทียบกับหาดสมุยฝั่งนี้ กลับกลายเป็นหลังมือ เพราะที่นี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่ดีเยี่ยม บรรยากาศที่ดวงตานับร้อยกำลังจ้องมองดวงอาทิตย์สีแสดกำลังหายลับไปอย่างความสุข  และสำหรับชายหาดอีกด้านหนึ่งของเกาะ  ซึ่งบริเวณนั้น เป็นที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่น  รวมทั้งครอบครัว เรือนศรีที่มีพ่อ แม่และลูกอีก 3 คน คือ สมชาย สุนีย์ สมพงษ์ สุรีภรณ์และสุรีพัฒน์
	สุนีย์เป็นภรรยาของสมชาย เธอเป็นคนจังหวัดขอนแก่น แต่เธอพูดภาษาอีสานไม่ได้ เพราะตอนที่เธอเกิดจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นได้ 7 วัน  พ่อของเธอ คือ มงคล เอี่ยมบุญนั้น ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุรถชน ขณะที่กำลังเดินทางมาเยี่ยมแม่ของสุนีย์ คือ วิไล เอี่ยมบุญ ที่โรงพยาบาล  แม่ของเธอจึงพาเธอย้ายมาอยู่กับป้าวิมล  ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่ที่จังหวัดนครสวรรค์ และพอสุนีย์อายุ 18 ปี  แม่และป้าของเธอก็ส่งเธอเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ และที่นั่น เธอก็ได้พบกับสมชาย ก็เลยตกลงปลงใจเป็นแฟนกัน และแต่งงานกันในที่สุด แต่เนื่องจากตัวสมชายเอง รวมทั้งพ่อและแม่ของเขา คือ สมดุลและมาลัย เรือนศรี เป็นคนจังหวัดสุราษฏร์ธานีและยังต้องทำงานอยู่ที่นั่น  สมชายจึงต้องย้ายกลับไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานีตามเดิม  ทำให้สุนีย์จำต้องย้ายจากนครสวรรค์ไปอยู่ที่เกาะสมุย ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี โดยที่สมชายก็เป็นชาวประมงเหมือนพ่อของเขา ส่วนสุนีย์ก็เป็นพนักงานโรงแรมพาราไดซ์ รีสอร์ท พลาซ่า ซึ่งอยู่ที่ชายหาดฝั่งนักท่องเที่ยว  ทั้ง 2 มีลูกด้วยกัน 3 คน คือ สมพงษ์หรือพงษ์  ตอนนี้เขาอายุ 20 ปี เรียนอยู่ที่มหาลัยราชภัฏจังหวัดระยอง คณะแพทยศาสตร์ ปี 3  และมีแฝดสาวอีก 2 คน คือ สุรีภรณ์หรือภรณ์ และ สุรีพัฒน์หรือพัฒน์ โดยภรณ์เป็นพี่และพัฒน์เป็นน้อง ตอนนี้พวกเขาทั้ง 2 อายุ 17 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสมานวิทยาคม โดยที่พวกเด็กๆ จะเดินทางไปโรงเรียนโดยอาศัยเรือเล็กของลุงฉัตรชัยแถวบ้าน หรือบางครั้งพวกเขาอาจจะเดินไปทางสะพานข้ามเกาะไปก็ได้
	สำหรับช่วงพระอาทิตย์ตกของที่นี้  อาจจะเห็นไม่ค่อยชัด  แต่ก็มีความสุขในแบบชาวบ้าน  บางคนก็อาจจะมานั่งคุยกับเพื่อนบ้าน  บ้างก็มากวาดถนนและทางเดินหน้าบ้านของตน  ส่วนเด็กๆวัยประถม ก็จะมาวิ่งเล่นอยู่ตามหาดทราย  ส่วนครอบครัวเรือนศรีก็มีความสุขเช่นกัน คือ ปกติสมชายจะนั่งอ่านหนังสือพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วยอย่างสุขสบายใจ  แต่วันนี้เขาไม่อยู่ เพราะเขาไปจับปลา จะกลับมาในคืนนี้  สุนีย์ก็จะยืนคุยอยู่กับเพื่อนบ้าน คือ ป้าหมวย  ยายเล็ก และเจ๊หนุ่ย ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นเรื่องนินทาเป็นหลัก และโม้โอ้อวดเป็นรอง ส่วนสมพงษ์ก็จะนั่งมองไปที่ทะเล แล้วก็คิดถึงแฟนสาวของเขา ที่ชื่อว่า เอ๋  ซึ่งเอ๋เอง ก็มักจะมาเที่ยวที่บ้านเรือนศรีอยู่เสมอ และโดยเฉพาะเวลาที่ยายวิไลมาเยี่ยมพร้อมเอ๋บ้าง เอ๋ก็จะไม่พอใจ เพราะยายวิไลมักบ่นเอ๋และทุกคนในบ้านเสมอ บ้างสมพงษ์ก็จะเหลือบมองไปยังชาวบ้านที่พูดกันอยู่  แล้วบ่นพึมพำว่าแหม...พวกนี้นี่บ้านนอกจริงๆเลยซึ่งทั้งๆที่เขาก็เป็นพวกนั้นด้วย ส่วนภรณ์และพัฒน์นั้นด้วยความที่เป็นคู่แฝดกัน ก็มักจะทำอะไรด้วยกันและเหมือนกันอยู่เสมอ วันนี้ทั้งคู่กำลังวิ่งเล่นเก็บเปลือกหอยสวยๆด้วยกัน  พอพระอาทิตย์ลับฟ้าไป ก็จะเป็นเวลาค่ำหาดฝั่งตรงข้ามคือฝั่งนักท่องเที่ยว ก็มีชายหญิงมากมายมานั่งพรอดรักกัน พร้อมกับแสงไฟและเสียงเพลงของร้านอาหารและโรงแรมมากมาย  แต่สำหรับชายหาดฝั่งชาวบ้าน กลับเงียบสงัด ผู้คนก็กลับเข้าบ้านมีแต่เพียงแสงไฟหน้าบ้านหลังละดวงสองดวงเท่านั้น  แต่ที่ทะเลกลับมีแสงจากเรือหาปลาที่อยู่กลางทะเลเรียงราย
	ในบ้านของครอบครัวเรือนศรีที่เป็นบ้านบ้านเดี่ยว 2 ชั้นสีขาว ดูแล้วดูดีที่สุดในบ้านละแวกนี้  ในบ้านมีคน 4 คนกำลังรับประทานอาหารเย็นกันอยู่อย่างเงียบๆ ซึ่งวันนี้พวกเขากินข้าวต้มกัน
ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง!เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าบ้าน
พงษ์ ไปดูสิ พ่อมาหรือเปล่าสุนีย์พูด
ครับ แม่พงษ์พูด พร้อมกับเดินไปที่ประตู แต่ไม่ทันจะถึงประตู ก็มีหญิงแก่คนหนึ่งผลักประตูเข้ามา แล้วพูดว่า
นี่! ฉันมายืนรอตั้งนานแล้วเนี่ย ไม่เปิดประตูให้ซะทีล่ะ รำคาญคนแก่นักหรือไงนะ ยัยนี หญิงแก่คนนั้นพูด ซึ่งเธอก็คือยายวิไล เอี่ยมบุญ แม่ของสุนีย์ ที่ขี้บ่นจนทุกคนในบ้านรำคาญ และไม่ทันไร
นี่..พัฒน์  ภรณ์มาหายายหน่อยซิยายวิไลเรียก 2 แฝดมาให้โอวาทหรือการพูดบ่นนั่นเอง รู้มั๊ยว่าสมัยนี้หน่ะ มันมีอันตรายมากมาย เวลาไปที่ไหน อย่าใส่สั้นนะมันไม่ดี เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่า แล้วก็จะ...... พอยายวิไลพูดกับแฝดทั้ง 2 เสร็จแล้ว ยายวิไล ก็เรียกพงษ์มาต่อทันที  นี้..พงษ์  ตอนนี้น่ะ ลูกเรียนอยู่ พยายามเรียนให้ได้ดีๆ เรียนจบแล้วจะได้มีงานดีๆทำ มีเงินมีทองมากมาย มีคนยกย่อง มี...... แล้วพอพูดกับพงษ์เสร็จ ก็เงยหน้าขึ้นถามสุนีย์ว่า
 นี่ นี เจ้าสมชายไปไหนเนี่ย มันแอบไปมีอีหนูที่ไหนหรือปล่าวหะ
สุนีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดว่า
 แม่คะ ชายเขาไปหาปลาค่ะ  ไม่ได้ไปมีอีหนูที่ไหนหรอกค่ะ
เอ่อ  เอ่อ .....  ช่างมันเหอะ  แล้วดูสิเนี่ยรอยฝุ่น คราบนู้น  คราบนี่  เต็มไปหมดเลยเนี่ย  ยายวิไลพุดฉอด ๆ พร้อมชี้นิ้วไปตามมุมนั่น  ซอกนี้  ไปเรื่อย ๆ  แล้วพูดต่อว่า ทำความสะอาดยังไงเนี่ย ทำผ่านๆ  อยู่เรื่อยเลย  ไปทำใหม่เลยน่ะ 
ค่ะแม่   สุนีย์  กระแทกเสียงพร้อมกับเดินประชดไปทำความสะอาด
  พงษ์  พงษ์  ยายนอนห้องพงษ์น่ะ ยายวิไลพูดแล้วเดินขึ้นไปเลย ไม่ฟังเสียงตอบของพงษ์เลยตามเลย
อุ๊ย..ตาย! รกสกปรกจริงๆ เลย  ทำความสะอาดบ้างหรือป่าวเนี่ย ดูเนี่ยบนโต๊ะทำงาน ไว้ทำงานไม่ใช่ชั้นวางของ  แล้วโหลดองสัตว์เนี่ยเก็บให้หมดได้มั๊ย เหม็นจะตายนอนดมมันอยู่ได้ยายวิไลบ่นตามเคยแล้วก็นอนไปเหมือนเดิม
ขี้บ่น จริงเลยน่ารำคาญ ทุกคนพูดพร้อมกัน
ปึ้ง ปึ้ง เสียงเคาะประตู้ดังขึ้นอีก
นี เสียงของสมชายดังขึ้น
มาก็ดีแล้ว ฉันล่ะรำคาญแม่วิจริง ๆ สุนีย์พร้อมกับไปเปิดประตูให้สมชาย
ใช่เลยน่ารำคาญมาก พงษ์พูด
	รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น  คือวันจันทร์  ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2544  ทุกคนก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติเช่นเคย คือ ลูก  ทั้ง 3 คน ก็จะนั่งเรือลุงฉัตรชัยไปเรียนกัน ส่วนสมชายก็จะไปส่งสุนีย์และไปอยู่กับสุนีย์ที่ที่ทำงาน โดย      ขับรถยนต์ฮอนด้าสีแดงสดไป  แต่ก่อนจะไปก็ต้องผ่านการบ่นของยายวิไลเสียก่อน
นี่ ทั้ง 2 คนน่ะ ทำงานให้มันตั้งใจหน่อย เอาเงินมาเลี้ยงแม่บ้าง ไม่ใช่ได้เงินมาก็เอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยนะ....
สมชายรำคาญจนทนไม่ไหว จึงพูดกับยายวิไลว่า 
แม่ ผมมีความคิดน่ะ อย่ามาบ่นอะไรให้มากนัก
เมื่อยายวิไลได้ยินดังนั้นก็เงียบไป แล้วเดินเข้าบ้าน  จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า
ก็ได้ แม่มันไม่มีความหมาย พูดอะไรไปใคร ๆ ก็เบื่อ แม่จะทำตามที่พวกแกต้องการ
ฮึ รู้ตัวซะบ้างก็ดี สมชายพูดเบาๆ  แล้วขับรถออกไปกับสุนีย์
ระหว่างที่ขับรถออกไปนั้น สุนีย์ก็ถามสมชายว่า
 นี่ ชาย พ่อคุณไปไหนเหรอ ไม่เห็นกลับมาบ้าน
อ้อ...ลืมบอกไปว่าพ่อเขาจะเลยไปหาแม่มาลัยเลยน่ะ แต่เขาแวะมาส่งพี่ที่บ้านก่อน ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนน่ะ  สมชายตอบ 
อ้าว! แล้วเขาจะกลับมาบ้านเราตอนไหนล่ะ  สุนีย์พูดต่อ 
ไม่รู้สิ แต่คงไม่วันนี้หรอก สมชายพูดขณะที่เลี้ยวรถเข้าที่จอดรถโรงแรมพอดี 
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปทำงาน ประมาณเที่ยงวันก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของสุนีย์ดังขึ้น 
ฮัลโล สุนีย์พูด 
นีย์เหรอ เสียงของยายวิไลดังขึ้น นี่ซื้อข้าวมาให้แม่หน่อยสิ ร้านเจ๊น้อยข้างบ้าน มันไม่ขาย 
ค่ะแม่ เดี่ยวซื้อไปให้เลย สุนีย์บอกแล้วก็ไปซื้อข้าวผัดกระเพราที่ร้านอาหาร ครัวปลา ริมทะเลให้แล้วไปบอกสมชายให้ขับรถพาไปส่งข้าวที่บ้านทันที
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามตอน 2				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟMay_jaa
Lovings  May_jaa เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟMay_jaa
Lovings  May_jaa เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟMay_jaa
Lovings  May_jaa เลิฟ 0 คน
  May_jaa
ไม่มีข้อความส่งถึงMay_jaa