6 ธันวาคม 2551 12:09 น.

Assasin วีรุบุรษแห่งเลือด บทที่ 4

LoveNeverJang

บทที่ 4 ตระกูลช่างใหญ่โคโรเนล
	แสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบดวงตาของนักเวทย์สาว  เธอรีบลุกขึ้นแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง  ห้องที่เธออยู่หันไปทางหลังโรงแรม  เธอมองออกไปแล้วถอนหายใจ  เมื่อเห็นว่าเต๊นสีน้ำตาลยังคงอยู่  หน้าเต็นมีแอซซาซินหนุ่มนั่งดูอะไรสักอย่างอยู่บนขอนไม้ที่ใช้แทนม้านั่ง เขาคงเข้ามาอาบน้ำในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว เธอเดินเข้าไปอาบน้ำสักพักก็ออกมาเปลี่ยนชุด  ชุดเก่าถูกพนักงานของโรงแรมเก็บไปซักล้าง  เมื่อแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินมาหาลูฟี่  แอซซาซินหนุ่มยิ้มให้เธอก่อนจะก้มหน้าลงอ่านกระดาษแผ่นหนึ่ง
	"ทำอะไรอยู่เหรอ"  อลิซถาม
	"อ๋อ...  ก็ภารกิจกำจัดมอนสเตอร์น่ะ  คราวนี้รู้สึกว่าจะเป็นเอ่อ...  วิสเปอร์ (Whiper) ตัวหนึ่งน่ะออกมาจากเกฟเฟ่นทาวเวอร์  แล้วก็ก่อกวนชาวเมืองวุ่นวายไปหมด  ตอนนี้ฉันกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปดีรึเปล่า  เพราะว่ามอร็อคกับเกฟเฟ่นห่างกันพอสมควร  เวลาเดินทางอาจจะเยอะเกินไปหน่อย"  ลูฟี่บอกแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน  "ไปหาของใช้จำเป็นในตลาดเถอะ"  เขาบอกก่อนจะเดินนำไป  มีอลิซเดินอยู่ข้างๆ
	"นี่  ลูฟี่เมื่อคืนนี้ทำไมนายถึงใช้สฟิงซ์เป็นที่ทดลองให้ฉันดูล่ะ" ระหว่างที่เดิน  อลิซถามเรื่องที่ค้างคาใจ  แม้เขาบอกว่าจะทดลองกาต้าให้เธอดูแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปในสถานที่อันตรายแบบนั้นเลยนี่
	"ก็ไม่มีอะไรหรอก  แค่ไม่อยากไปไกลเท่านั้นเอง"  พอลูฟี่พูดจบ  อลิซก็จ้องหน้าลูฟี่ประมาณว่า 'แค่เพราะขี้เกียจเนี่ยนะ' แต่แอซซาซินหนุ่มกลับหลบตา  ทำให้เธอยังรู้สึกสงสัยอยู่ราวกับว่าเขาปิดบังความจริงบางอย่างจากเธอ
	"นี่  ลูฟี่นายมีปีกผีเสื้อสักสามอันมั้ย"  จู่ๆอลิซก็ถามขึ้นทำเอาลูฟี่สะดุ้ง
	"เอ่อ... ก็พอมีอ่ะนะ  ทำไมเหรอ"  ลูฟี่ถามงงๆ
	"งั้นไปเถอะ... ไปเกฟเฟ่นกัน  ฉันขอเดินทางไปกับนายด้วย" อลิซพูดอย่างร่าเริง  ทำเอาลูฟี่ได้แต่ยืนเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ  ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าการกระทำของเขาทั้งสองถูกจับตาดูโดยชายคนหนึ่ง  ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายคนนั้น  อาภรณ์สีดำปลิวไสวก่อนร่างทั้งร่างจะหายไปทิ้งไว้เพียงเส้นแสง  'สักวันเราคงพบกันแน่'  
	ทั้งสองตัดสินใจวาร์ปผ่านบริการคาฟร่ามายังเมืองหลวงพรอนเทร่าก่อน  เนื่องจากลูฟี่มีธุระกับญาติคนหนึ่งเป็นช่างตีดาบที่อยู่ในเมืองนี้  ทั้งคู่เดินมาจนกระทั่งถึงบ้านหลังหนึ่งมีป้ายสลัก 'โคโรเนล' สีทองไว้อย่างสวยงามที่ด้านหน้า  ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเปิดประตูลูฟี่ก็ต้องดึงอลิซหลบแม่ค้า (Merchant) คนหนึ่งที่ลากรถเข็นบรรจุของพะรุงพะรังซึ่งสวนออกมา  ลูฟี่สังเกตุในรถแล้วส่วนใหญ่เต็มไปด้วยแร่เหล็ก (Steel) และบรรดาหินบรรจุเวทมนต์ (Gemstone) ไว้  พอทั้งคู่เปิดประตูเข้าไป  อลิซก็ต้องตะลึงกับความอลังการภายในบ้านหลังนี้   ด้านหน้าประตูเมื่อเปิดเข้ามาจะเป็นเคาร์เตอร์พนักงานต้อนรับตัวใหญ่ตั้งอยู่มีรูปภาพประดับประดาตามฝาผนังซึ่งแต่ภาพคงมีราคาแพงนาดูทีเดียว  ตุ๊กตาของมอนสเตอร์ชนิดต่างๆที่ถูกทำโดยช่างฝีมือเพียงไม่กี่คน  ถูกจัดใส่ตู้ไว้อย่างสวยงาม  ลูฟี่พาอลิซไปนั่งรอที่ม้านั่งติดกับประตูทางเข้า  เมื่อลูกค้าเหลือน้อยลงเรื่อยๆจนหมด  ก็มีชายหน้าบากร่างใหญ่เดินมา  เขาทำท่าเหมือนจะเดินผ่านลูฟี่ไปแต่ก็หันกลับมามอง
	"ลูฟี่รึ..."  เขาถามอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
	"ครับผม"  ลูฟี่ยืนขึ้นตอบอย่างนอบน้อม
	"โอ้...ไอ้หลานรัก หายไปไหนมาเสียตั้งหลายอาทิตย์หึ...  ข้ารำคาญเสียงบ่นเจ้าจีจี้แค่ไหนเจ้าคงนึกไม่ออกแน่  ว่าแต่นักเวทย์สาวคนนั้นมาทำอะไรรึ  ตอนนี้คิวว่างแล้วนะ  แต่วัตถุดิบในการซ๋อมอาวุธหมดเสียแล้ว"  ชายหน้าบากหันมาคุยกับอลิซแทน
	"ไม่ใช่หรอก  เธอมากับผม  อลิซนี่ลุงโจนาธาน  ลุงครับนี่อลิซ  เอ่อ... เราสองคนเจอกันเมื่อวานนี้ตอนที่ผมไปช่วยกองทัพน่ะครับ"  คำพูดของเขาทำเอาอลิซสะดุ้งหันมามองหน้าลูฟี่
	"ชะ... ช่วยกองทัพงั้นเหรอ  งั้นนายก็คือวีรบุรุษแห่งเลือดที่เขาลือกันน่ะสิ"  อลิซพูดและหยิกแขนตัวเอง  ราวกับว่าเธอกำลังฝัน  แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือความเจ็บแปล็บและรอยหยิกที่เกิดขึ้นบนแขนเธอ
	"อ้อ...  น่าจะใช่มั้ง ก็มีแอซซาซินร่วมกองทัพไปคนเดียวนี่  รู้สึกว่าที่ได้ฉายานี้เพราะบัดดี้โลวของลูฟี่เปื้อนเลือดทั่วใบมีดแทบจะอาบไปทั้งเล่มเลยตอนที่การต่อสู้ยุติลง  ตอนนั้นทหารเห็น..."  ระหว่างที่โจนาธานกำลังพูดอยู่นั้นก็มีเสียงแทรกขึ้นมา
	"พี่ลูฟี่  พี่จิน  พี่เจน  พี่ลูฟี่กลับมาแล้ว"  เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสีชมพูน่ารักเปิดประตูเข้ามาเห็นเขาพอดี  เธอตะโกนเรียก  มีพ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งกับแม่ค้าสาวอีกคนหนึ่งตามเข้ามา  เด็กหญิงวิ่งเข้ามาเกาะขาของลูฟี่อย่างยินดี  ลูฟี่ย่อตัวลงเพื่อคุยกับเด็กหญิง
	"ว่าไงจีจี้  เป็นไงบ้างฮะเรา  ดื้ออีกล่ะสิ  ลุงเขามาบอกพี่แล้วนะ  คราวหน้าพี่ไม่พาไปกินเยลลี่ที่อิซลูด (Izlude) แล้วนะ"  ลูฟี่ตอบ  จีจี้ทำแก้มป่อง  แล้วยกนิ้วโป้งใส่ลูฟี่
	"ก็พี่ลูฟี่น่ะ  อยู่ดีๆก็ออกจากร้านไปเฉยๆ ทั้งๆที่สัญญาว่าจะพาหนูไปกินตั๊กแตนทอดที่อิซลูดแท้ๆ  หนูโป้งแล้วด้วย"  แล้วเธอก็ทำท่าเมินใส่ลูฟี่  แม้หน้าจะแกล้งหันหน้าไปทางอื่นแต่สายตายังมองมาที่ลูฟี่ราวกับว่ารอว่าเมื่อไหร่ชายหนุ่มจะง้อ
	"อ้าว... เหรอ  แป่ว...  จริงๆด้วยสินะ  พี่ขอโทษจีจี้  งั้นคืนนี้พี่จะพาไปนะ  พี่สัญญา  เกี่ยวก้อยๆ"  ลูฟี่ยืนนิ้วก้อยออกมา  จีจี้หันมองมาก่อนจะยิ้มแล้วยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวไขว้กันไว้
	"สัญญาแล้วนะ"  เด็กหญิงทำท่าดีใจกระโดดไปรอบๆลูฟี่ มีอลิซยืนมองดูทั้งสองอยู่ห่างๆพลางอมยิ้ม ลูฟี่หันไปหาสองเมอร์แชน  
	"ว่าไงจิน  เจน"  ลูฟี่ทักทายทั้งคู่  ทั้งคู่ยิ้มตอบแต่ไม่พูดอะไร  ซึ่งเขาก็รู้ว่าทั้งคู่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กแล้ว เพราะว่าแม่ของทั้งสาเสียไปตั้งแต่จีจี้เกิด ทั้งสามจึงอาศัยอยู่พ่อเพียงสี่คน  แต่ตระกูลโคโรเนลไม่ใช่ตระกูลเล็ก  แต่เป็นตระกูลใหญ่ขึ้นชื่อด้านการตีอาวุธและซ่อมแซมชุบเกราะทุกชนิด  และที่เป็นเอกลักษณ์เด่นของตระกูลนี้มีสองข้อใหญ่ๆคือ ทุกคนในตระกูลนี้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการค้าทั้งหมดและชื่อทุกคนในตระกูลนี้ขึ้นต้นด้วย 'จ'
	"นี่  พี่สาวคะ  พี่เป็นแฟนพี่ลูฟี่หรอ"  จีจี้ที่ไม่รู้ว่าไปหาอลิซตอนไหน  กำลังดึงผ้าคลุมเธอแล้วถามด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน  อลิซมองจีจี้อย่างเอ็นดูในความไร้เดียงสาของเด็กหญิง
	"ไม่ใช่จ้ะ  พี่บังเอิญเดินทางไปทางเดียวกันน่ะ"  อลิซตอบ  จีจี้ทำแก้มป่องแล้ววิ่งไปหาลูฟี่ที่กำลังคุยอยู่กับจิน เธอสะกิดที่ขาเด็กหนุ่ม  ลูฟี่หันมามอง  เด็กหญิงกวักมือให้ลูฟี่ย่อตัวลง  เขาย่อตัวอย่างว่าง่าย  เด็กหญิงกระซิบที่ข้างหูแอซซาซินหนุ่ม  อลิซจ้องมองทั้งคู่อยู่  เธอไม่ได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน  แต่เธอสังเกตุจากสีหน้าของลูฟี่  เธอสังเกตุเห็นใบหน้าของลูฟี่แดงขึ้นเรื่อยๆ  แสดงว่าเด็กหญิงน่าจะถามเรื่องเดียวกับที่ถามเธอ  ลูฟี่หันมามองอลิซ  แต่เธอแกล้งมองไปทางอื่นเสียก่อน  เขาจึงก้มไปกระซิบอะไรสักอย่างกับเด็กหญิง
	แล้วเย็นวันนั้น  ลูฟี่ก็เสนอตัวเป็นเจ้ามือพาทุกคนไปทานอาหารที่ร้านอาหารที่เมืองอิซลูด  จีจี้ทำตาโตเมื่อเห็นขาตั๊กแตน (Rocker) ชุบแป้งทอดสีเหลืองน่ากิน  ที่เมืองนี้มีอาหารแปลกๆอีกมากมายที่ทำจากมอนสเตอร์พื้นเมืองที่หาได้ง่ายทั้งหนวด (tentacle) ที่เป็นอาวุธของไฮดร้า (Hydra) วัชพืชที่โตในเกาะหัวกระโหลกบิบาลัน (Bybalan) ที่นำมาทำเป็นเยลลี่  เนื้อกระต่าย (Lunatic) ทอด  น้ำผลไม้ชนิดต่างๆจากเมืองพาย่อน  แล้วที่ดูจะขึ้นชื่อที่สุดในร้านแห่งนี้คือหนอน (Faber) ผัดราดซอส  ทั้งหกทานอาหารกันอย่างออกรส  ซึ่งจีจี้ก็ดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษ  ตอนนี้ภายในร้าน  มีคนอยู่สองกลุ่ม  กลุ่มหนึ่งคือกลุ่มของลูฟี่ ส่วนอีกกลุ่มดูแล้วน่าจะเป็นนักเดินทางพเนจรมากกว่าคนในเมือง  ด้วยการแต่งตัวแบบเรียบๆ  หมวกสีเขียวบนหัวบ่งบอกความเป็นนักดนตรีพเนจร (Bard) ส่วนหญิงสาวในกลุ่มก็แต่งตัวค่อนข้างหวาบหวิวซึ่งก็คือนักเต้น (Dancer) กลุ่มนักเดินทางสังเกตุดูแล้วออกจะเยอะไปสักนิด  มีประมาณ 7-8 คน อาจจะกำลังไปจัดการแสดงที่ไหนสักแห่ง  ในขณะที่ทั้งหมดกำลังทานอาหารกันอยู่นั่น  ลูฟี่และชายคนหนึ่งในกลุ่มนักดนตรีพเนจรรับรู้ถึงจิตมุ่งร้ายอย่างแรงกล้า  ทั้งคู่เพ่งมองไปยังทางเข้าร้าน  ลุงโจนาธานน่าจะรู้ตัวแล้วเช่นกัน  เพราะเขาคายเนื้อกระต่ายทอดที่กำลังเคี้ยวอยู่ในปากออกมาพลางก้มลงไปหาอาวุธคู่กาย แต่บุคคลที่เหลือยังไม่รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้น  อลิซเงยหน้าขึ้นมองลูฟี่จึงสำนึกถึงสิ่งผิดปกติ  เธอมองไปยังโต๊ะนักเดินทาง  ก็สบเข้ากับตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมา  

จบบทที่ 4 ตระกูลช่างใหญ่โคโรเนล				
4 ธันวาคม 2551 12:38 น.

Assasin วีรบุรุษแห่งเลือดบทที่ 3

LoveNeverJang

บทที่ 3  ก่อเกิดผู้กอบกู้
	10 ปีต่อมาหลังจากการสูญเสียเมืองศูนย์การค้ามอร็อค  กองทัพมิดกาดได้พยายามที่จะตีเมืองมอร็อคคืนหลายครั้งก็ล้มเหลวทุกครั้งไปไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน  แต่กษัตริย์แห่งอียิปต์โอซิริส (Osiris) และหมอดูคนสนิท  พาโรอา (Pharoah) ก็สามารถขับไล่ทัพมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย  จนกระทั่งแอซซาซินหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับบอกแผนการให้แก่นายกองสตอร์ม  คิลลัว  บุตรของเอเฟรดคิลลัว  แอซซาซินหนุ่มคนนั้นบอกว่าเมืองมอร็อคมีทางเข้า 4 ทาง ย่อมสามารถปิดล้อมเมืองได้โดยง่าย  แต่บัดนี้ทางเข้าทั้งสี่ถูกปิดด้วยฝุ่นทราย  การยกทัพตีนครคราก่อนไม่ได้ก่อประโยชน์ใดๆเลยแม้แต่น้อยเพราะเหล่าทหารที่วิ่งฝ่าพายุทะเลทรายเข้าไปต่างหายสาบสูญไปทิ้งไว้แต่เพียงเสียงกรีดร้องอย่างน่ากลัว  แอซซาซินหนุ่มคนนั้นบอกว่าฝุ่นทรายเหล่านั้น  เกิดจากอาคมมืดให้ใช้แสงศักสิทธิ์ โฮลี่ไลท์(Holy light) ของเหล่าอัศวินแห่งแสงสว่าง ครูเซเดอร์ (Cursader) หรือใช้น้ำมนต์ (Holy water) ของเหล่าพระก็จะสามารถชำระล้างได้  เหล่าทหารของนครพรอนเทร่าจึงถูกเรียกประจำการเพื่อเตรียมการบุกอีกครั้ง  เหล่าทหารที่ตอนแรกต่างเสียขวัญเมื่อได้ยินข่าวคราวว่ามีแอซซาซินปริศนามาแนะนำวิธีให้แก่กองทัพก็เริ่มฮึกเหิมมีกำลังใจอีกครั้ง คราวนี้ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพศาสนจักร  ให้เหล่าครูเซเดอร์เข้าร่วมกับกองทัพด้วย ยิ่งทำให้เหล่าทหารมีกำลังใจมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เมื่อกองทัพเคลื่อนพลมาถึงนครมอร็อคก็ทำการปิดล้อมนครทั้งสามด้านไว้  เว้นไว้แต่ด้านทิศตะวันตกของนครเพราะมีปิศาจจำนวนมากเฝ้าอยู่  สัญญาณการบุกโจมตีคือตะวันขึ้นของวันใหม่ทั้งหมด เมื่อถึงเวลาเหล่าครูเซเดอร์ใช้เวทมนต์โฮลี่ไลท์เปิดทาง  เป็นดังที่คาดไว้ฝุ่นทรายที่ตอนแรกก่อตัวอยู่ถูกแสงศักสิทธิ์ชำระหายไปเหล่าทหารจึงรีบบุกตะลุยเข้าไปยังใจกลางเมือง  เมื่อกองทัพเข้ามาก็พบกับโอซิริสและพาโรอา  โอซิริสหาใช่ปิศาจปลายแถวมันทั้งต่อยทั้งเตะทุกกระบวนท่า  กองทัพแค่นี้ย่อมไม่ครณามือ  ส่วนพาโรอาที่เอาแต่ร่ายเวทย์ใส่มนุษย์ที่ไม่ระวังและก็คอยป้องกันโอซิริสนั้น  อยู่ดีๆก็มีแอซซาซินปริศนาโผล่ขึ้นมาและใช้กาต้าที่กำลังคำรามแทงใส่ เลือดสีดำที่ทะลักออกมาอาบกาต้ายิ่งทำให้เสียงคำรามปริศนาดังยิ่งขึ้นไปอีก ผู้คนต่างตกใจหันมามองยังแอซซาซินหนุ่มเป็นสายตาเดียวเพราะเสียงคำรามที่เกิดจากกาต้าซึ่งทุกคนล้วนเคยได้ยินตำนวนเกี่ยวกับมัน  บัดดี้โรว (Bloody Roar) กาต้าหนึ่งในไอเทม (item) ในตำนานที่ว่ากันว่าจะคำรามเมื่อได้ดื่มเลือด  แอซซาซินหนุ่มคนนั้นถอนกาต้าเปื้อนเลือดออกจากตัวพาโรอา  และพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วตรงไปหาโอซิริส  โอซิริสถอยหลังไปสองก้าว  ใช้แขนไขว้กันเป็นกากบาทพอดีกับจังหวะที่กาต้าเล่มนั้นฟาดลงมา  กระดูกที่แข็งราวกับหินสะท้อนแรงฟันของกาต้าเล่มนั้นกลับไป  แอซซาซินหนุ่มคนนั้นยังไม่จบแค่นั้น  เด็กชายกระโดดถอยหลังแล้วพุ่งแทงมีดเข้าใส่อย่างรวดเร็วด้วยทักษะแบ็คสเต็ป (Back step) ในขณะที่มีดแทงเข้ามาโอซิริสก็ใช้กำปั้นปัดไปที่กาต้าทำให้เบี่ยงออกไป  โอซิริสสวนกลับด้วยกำปั้นที่เชื่องช้าแต่ทรงพลัง  แอซซาซินหนุ่มเบี่ยงตัวหลบทัน  ทำให้กำปั้นนั้นพลาดไปโดนรูปปั้นประดับน้ำพุด้านหลังแตกละเอียด  มันอ้าปากที่ไม่มีทั้งฟันและลิ้นดูน่าสยดสยองใส่เขา  ก่อนจะกลายเป็นฝุ่นทรายหายไป  เหล่าทหารเมื่อเห็นจอมปิศาจหนีไปต่างก็มีกำลังใจฮึกเหิมเฮลั่นและไล่จัดการกวาดล้างปิศาจที่เหลือรอด  ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงก็สามารถยึดมอร็อคคืนกลับมาได้
	แอซซาซินหนุ่มคนนั้นทรุดนั่งลงมือกุมหัว  น้ำตาไหลรินออกมา  ทั้งๆที่สัญญาไว้แล้ว  ทั้งๆที่สัญญาไว้แล้วแท้ๆ  สัญญาว่าจะแก้แค้นให้  ฉันขอโทษจริงๆ ยูคิ  ไค
	เขาคือลูฟี่  โจรน้อยที่รอดชีวิตจากตอนที่นครมอร็อคถูกโจมตี  หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาออกตามหาเพื่อนทั้งสอง  ทั้งจากกองบัญชาการที่เขาสังกัดอยู่  พยายามสืบค้นหาตัวทั่วมิดกาด  แต่ก็ได้ข่าวเพียงแค่ว่าทั้งสองหายสาบสูญไปไม่มีการพบศพแต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็น  ลูฟี่จึงสัญญาไว้ว่าจะแก้แค้นปิศาจที่บุกเมืองมอร็อคตอนนั้นให้ได้  สิบปีมานี้เขาได้ฝึกอย่างหนักจนได้เลื่อนขั้นเป็นนักฆ่าในระยะเวลาสั้นๆเขาก็สามารถเข้าสังกัดหน่วยข้อมูลลับของกองศาสนจักร  ระหว่างการเดินทางฝึกวิชาในหุบเขาเมจอเนียร์ (Mjolnir) เขาก็พบกับพระชรารูปหนึ่ง  พระชราท่านนั้นบอกว่า
	"เจ้าเข้ามาฝึกวิชาในป่านานคงไม่รู้ความเป็นไปของมิดกาด  ตอนนี้เมืองมอร็อค  เต็มไปด้วยความมืดมิดไม่มีแสงสว่างแม้กระทั่งประตูทั้งสี่ทิศก็หามีแสงไม่  หากจะขับไล่ความมืดย่อมต้องใช้แสงสว่าง  อันตัวเราแก่ชรามากแล้วหากจักเดินทางไกลๆก็คงลำบากมิใช่น้อย  ข้าขอฝากข้อความนี้แก่กองทัพมิดกาดด้วย  แสงสว่างที่แท้จริงเท่านั้น  ถึงจะลบล้างความมืดได้"  แล้วพระรูปนั้นก็เดินหายไปในหุบเขาเมจอเนียร์  หลังจากลับตาจากพระชรารูปนั้นแล้วก็เกิดแสงสว่างวูบหนึ่งขึ้นแล้วเขาก็หมดสติไป  พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าบัดดี้โลว  ติดอยู่กับแขนของเขาแล้ว  เขาใช้เวลาสามวันลงจากเขาเมจอเนียร์พลางไขปริศนาข้อความของชายชรา  'อะไรที่เป็นแสงสว่างอย่างแท้จริง'  แล้วเขาก็ได้บทสรุปถึงมนต์ศักสิทธิ์ของทั้งสองสายอาชีพ
	จบเรื่องราวในอดีต
	ลูฟี่รู้สึกตัวเพราะแรงเขย่า  เขาเงยหน้าขึ้นไปมองพบว่าเป็นนักเวทย์ (Wizard) สาวคนหนึ่ง กำลังยิ้มให้เขาพร้อมกับยื่นขวดยาไวท์ โพลชั่น (White Potion) ให้เขา  เขาคงเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า  ตอนนี้ก็เย็นพอสมควร  แสดงว่าเขาหลับไปเกือบวันเต็มๆ  เขามองลงไปที่เมือง  เมืองได้รับการบูรณะซ่อมแซมแทบจะร้อยเปอร์เซ็น  เขาหันไปมองนักเวทย์สาว
	"ดื่มซะสิ  มันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น"  เธอบอกแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเขา  เขาเปิดฝาออกก่อนจะกรอกใส่ปากรวดเดียวหมดขวด  แล้วก็โยนขวดเปล่าทิ้งไป
	"ขอบคุณ"  ลูฟี่หันไปขอบคุณก่อนจะทิ้งตัวลงนอนมองดูท้องฟ้า
	"นายชื่ออะไรหรอ  ฉันชื่ออลิซ  อลิซ  บาร์ทเนอร์"  นักเวทย์สาวแนะนำตัว
	"ลูฟี่  อัลทิเมต"  ลูฟี่ตอบดวงตายังคงมองไปยังท้องฟ้า
	"นายมาทำอะไรที่นี่หรอ"  อลิซถาม  ลูฟี่เงียบไปไม่ตอบทำให้อลิซรู้ว่าได้ถามสิ่งที่ไม่ควรออกมาจึงกล่าวขอโทษเขา  ทันใดนั้นสายตาเธอก็มองไปเห็นกาต้าของลูฟี่  "เอ๊ะ...  กาต้ารูปทรงแปลกๆนั่นคืออะไรน่ะ"  เธอชี้มาที่กาต้าที่ติดอยู่กับข้อมือเขา
	"หือ...  เนี่ยนะเหรอ   พวกคนเฒ่าคนแก่เรียกมันว่าบัดดี้โรวน่ะ  "  เขาบอกพลางยกกาต้าของตนขึ้นมาดู  
	"แปลกดีนะ  เลือดคำรามงั้นเหรอ"  อลิซแปลชื่อพลางมองดูกาต้าของลูฟี่อย่างงุนงง
	"มันจะคำรามเหมือนสัตว์ป่าทุกครั้งที่มีคนใช้มัน"  ลูฟี่บอก
	"จริงเหรอ  ทำให้ฉันดูหน่อยสิ"  อลิซทำตาโตพลางเร่งเร้าลูฟี่เหมือนเด็กๆ
	"เอ่อ...  งั้นตามฉันมาสิ"  ลูฟี่บอกแล้วลุกขึ้นเดินไปประตูทิศตะวันตกของมอร็อค  มีอลิซเดินตามอยู่ไม่ห่าง  ลูฟี่ทำท่าจะเดินเข้าไปในสฟิงซ์  อลิซทำตาโตพลางตะโกนห้าม
	"นี่  ลูฟี่  อย่าเข้าไปในนั้นมันอันตรายนะ" อลิซตะโกนเรียกนักฆ่าหนุ่มแต่เขาก็ไม่แยแสสนใจ  เดินเข้าไปเพียงลำพัง  อลิซยืนนิ่งใจหนึ่งก็อยากตามเข้าไป  อีกใจก็กลัวว่าจะมีภัยอันตรายเบื้องหน้า  ทันใดนั้นเองเธอก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ดังออกมาจากทางเข้าสฟิงซ์  มันดังอยู่สักพักใหญ่และดูเหมือนมันจะดังขึ้นเรื่อยๆ เธอเห็นทหารวิ่งออกมาจากตัวเมืองสามคน  ทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาเธอ
	"มันเกิดอะไรขึ้น  เสียงนั้นมันอะไร " ทหารคนนั้นถามเธอ  แต่เธอก็ไม่ตอบมองไปที่ประตูทางเข้าสฟิงซ์  เสียงนั้นเงียบไปแล้ว  ที่ประตูปรากฏเงาร่างๆหนึ่ง   ลูฟี่นั่นเองเขาเดินออกมาพร้อมกับเลือดเปียกทั่วตัว
	"แอซซาซินที่อยู่ตรงนั้นน่ะ  หยุดเดี๋ยวนี้"  ทหารคนที่ถามเธอ  หันไปตะโกนบอกลูฟี่
	"ไม่ค่ะ  เขามากับฉัน"  เธอตะโกนบอก ทหารทั้งสามคนหันมามองเธองงๆ  แต่ก็ยังตั้งท่าเตรียมพร้อมเพราะไม่ไว้ใจ  ลูฟี่เดินมาพ้นสะพาน  เขาทิ้งตัวนั่งลงเช็ดเลือดออกจากเสื้อ  ทหารทั้งสามจึงลดอาวุธลง
	"ไม่รู้รึไง  ว่าที่นี่เป็นเขตห้ามเข้า"  ทหารคนนั้นเดินไปกระชากคอเสื้อลูฟี่ขึ้นมาต่อว่า
	"เหรอ  แล้วทำไมไม่เฝ้าให้ดีๆล่ะ"  ลูฟี่ย้อน  ทำเอาทหารคนนั้นพูดไม่ออก ทหารคนนั้นปล่อยมือจากคอเสื้อของลูฟี่  แน่นอนว่าถ้าไอ้หนูนี่เอาเรื่องพวกเขาสามคนละเลยหน้าที่ไปแจ้งล่ะก็ เขาคงต้องไปขุดแร่ขายประทั่งชีวิตแน่  ลูฟี่ไม่สนใจเดินจากมา  มีอลิซวิ่งตามหลังเขา  ทั้งคู่เข้ามาถึงเมือง  ลูฟี่ก็เดินตรงไปยังโรงแรม  มีอลิซเดินตามอย่างหวั่นๆ  ท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้เธอหวาดกลัว  เขาหันมามองเธอ พอเห็นสีหน้าหวาดกลัวของเธอ  ลูฟี่ก็หลุบตาลงต่ำไม่กล้าสบตา  อลิซเห็นท่าอย่างนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าไปหาอย่างกล้าๆกลัวๆ
	"ขอโทษนะ"  พอเธอเข้าไปใกล้ๆ  ก็ได้ยินเสียงของลูฟี่พูดเบาๆ  "ที่เธอถามว่าฉันมาทำไมที่นี่น่ะ  คำตอบก็คือฉันมาแก้แค้นให้กับเพื่อนรักสองคน  สองคนนั้นหายสาบสูญไปตอนมอนสเตอร์บุกเมือง"  ลูฟี่บอกแล้วก็ทำท่าจะเดินต่อไป
	"งั้นเหรอ  ฉันก็เสียพ่อแม่ไปตอนนั้นเหมือนกัน"  อลิซพูด  ลูฟี่หยุดเดินหันมามองเธอ  ทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาจากดวงตาของอลิซพร้อมกับร่างของเธอทรุดนั่งลงอย่างอ่อนแรง  ลูฟี่รีบวิ่งเข้าไปหาเธอ  เด็กหนุ่มใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่พกติดตัวเช็ดน้ำตาให้เธอ  
	"ขอโทษ  ฉันไม่รู้จริงๆ" ลูฟี่รีบขอโทษขอโพย  อลิซพยักหน้ารับรู้  เธอพยายามหยุดร้องไห้  ลูฟี่ย่อตัวลงปลอบเธอ
	"อืม ไม่เป็นไรหรอก ก็นายไม่รู้เหมือนกันนี่"  อลิซเงยหน้าขึ้นมา  เธอพยายามฝืนยิ้ม  แต่ดวงตายังคงมีคราบน้ำตาอยู่  "วันนี้ ฉันว่าพวกเราคงเหนื่อยมากแล้วล่ะ  งั้นไปหาที่พักกันเถอะ"  อลิซ บอก  ลูฟี่ลุกขึ้น  อลิซก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วปัดไปตามผ้าคลุมที่เปื้อนฝุ่น
	"งั้นเธอไปพักที่โรงแรมเถอะ  ฉันมีเต๊นอยู่หลังโรงแรมน่ะ"  ลูฟี่บอกพลางเดินนำตรงไปยังโรงแรม  มีอลิซวิ่งตามด้วยท่าทีร่าเริงต่างจากเมื่อครู่  อลิซเข้าไปเช่าห้องในโรงแรมอยู่  แต่ลูฟี่กลับกางเต็นอยู่ด้านหลังโรงแรม  ซึ่งอลิซก็ไม่ได้ว่าอะไร  เพราะอาจจะเป็นนิสัยของพวกนักฆ่าที่ไม่ชอบเข้าสังคม  แล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านไป
	จบบทที่ 3  ก่อเกิดผู้กอบกู้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟLoveNeverJang
Lovings  LoveNeverJang เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟLoveNeverJang
Lovings  LoveNeverJang เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟLoveNeverJang
Lovings  LoveNeverJang เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงLoveNeverJang