16 มกราคม 2546 14:19 น.
~LiLiTh
นักเรียนตอบคำถามครูนะค่ะ ผลไม้อะไรเอ่ยมีสีแดงรสชาติอร่อย นักเรียนต่างก็ตอบไม่ถูก งั้นครูขอเฉลยนะค่ะ แต่ก่อนจะเฉลยครูขอบอกนะค่ะว่านักเรียนมีความคิดริเริ่มมากๆเลยนะค่ะ คำตอบก็คือเชอรรี่ค่ะ ครูสมศรีจึงถามคำถามต่อ นักเรียนค่ะ ผลไม้อะไรเอ่ยที่มีสีเขียว เปลือกแข็งๆ นักเรียนก้อตอบไม่ถูกอีกครูสมศรีจึงเฉลยว่า ก่อนที่ครูจะเฉลยนะค่ะครูขอบอกว่านักเรีนยนทุกๆคนมีความคิดริเริ่มมากเลยค่ะ คำตอบก็คืออโวคาโดค่ะ
วันรุ่งขึ้นครูสมศรีก็มาสอนห้องเดิมอีก เด็กชายเบิ้มก็เกิดสงสัยขึ้นจึงยกมือถามครู คุณครูครับผมขอถามคำถามครูได้ไหมครับ ได้จะเบิ้ม นายเบิ้มก็ล้วงมือเข้าไปจับอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ครูครับผมอยากถามครูว่าครูรู้รึเปล่าครับว่าผมกำลังจับอะไรอยู่ มันยาวประมาณ 6 นิ้ว กลมๆ หัวเป็นสามเหลี่ยมสีชมพู ครูสมศรีโกรธนายเบิ้มมาก แล้วด่าว่านายเบิ้มต่างๆนาๆเพราะคิดว่านายเบิ้มทะลึ่ง ลามก ครูครับผมคิดว่าครูกำลังเข้าใจผิดนะครับ แต่ก่อนที่ผมจะเฉลยนะครับผมขอบอกว่าครูมีความคิดริเริ่มมากเลยครับ คำตอบก็คือดินสอครับ ครูสมศรีโกรธนายเบิ้มมากวันรุ่งขึ้นจึงขอคาบคุณครูภภาษาอังกฤษที่ไม่มาสอนเข้ามาสอนห้องนี้ พลางคิดในใจว่า หนอย ไอ้เด็กนี่ ครูสมศรีเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ เด็กต่างก็สงสัยว่าทำไมครูจึงมาสอนคาบนี้ แม่ว่าครูจะเป็นครูคณิตศาสตร์นะค่ะแต่ครูก็สามารถสอนภาษาอังกฤษได้ดีไม่แพ้ฝรั่งเลยค่ะ อ่าวนักเรียนอ่านตามครูนะค่ะ Chair แชร์ Desk เดสค์ Table แท็ปเล่ย์ นามเบิ้มเกิดความสงสัยขึ้นจึงยกมือถามครูสมศรี ครูครับ ครูครับ พี่ผมอยู่ชั้นม.1 เค้าบอกว่าอ่านว่าเทเบิลครับ ครูสมศรีเกิดความไม่แน่ใจจึงตอบนายเบิ้มไปว่า แล้วตอนนี้เธอเรียนชั้นไหนจ้ะ ป.5ใช่ไหมจ้ะ ตอนนี้เรียนป.5ต้องอ่าน แท็ปเล่ย์ เดี่ยวพอขึ้นม.1ค่อยอ่านเทเบิลนะจ้ะ ครูสมศรียิ่งโกรธนายเบิ้มเข้าไปใหญ่ วันรุ่งขึ้นจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วหันหลังเรียนโจทย์คณิตศาสตร์ลงบนกระดาน บุตรมีอายุ 5 ปี บิดามีอายุเป็น 5 เท่าของบุตร คุณครูสมศรีอายุเท่าไหร่ 555 คงไม่มีใครคิดออกโจทย์ชั้นยอด ครูสมศรีหันไปถามนายเบิ้ม เบิ้มเธอให้คำตอบครูได้ไหมจ้ะ อืม 32 ครับ ครูสมศรีช็อคมาก นี่เธอรู้ได้ยังไง ให้เหตุผลมาซิ อ๋อ พอดีว่าผมมีพี่สาวอยู่คนหนึ้งครับมันบ้าๆ บ๋องๆ มันอายุ 16 ผมเลยคิดว่าครูน่าจะเป็น 2 เท่าของมัน ผมก้อเลยเอา 2 คูณ 16 ได้ 32 ครับ ครูสมศรโกรธมาก เลยรีบเดินออกจากห้องไป
9 ธันวาคม 2545 22:39 น.
~LiLiTh
>ในวันสุดท้ายก่อนวันคริสต์มาส ฉันรีบไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ต >เพื่อซื้อของขวัญที่ฉันไม่ได้ซื้อไว้แต่เนิ่นๆ >เมื่อฉันเห็นผู้คนทั้งหมดที่นั่น ฉันก็เริ่มบ่นกับตัวเอง >ฉันคงต้องเสียเวลาเป็นชาติที่นี่แน่ๆ ฉันควรไปที่อื่นดีกว่า >คริสต์มาสนี่ทำให้รู้สึกแออัดและน่ารำคาญขึ้นทุกๆปีจริงๆ > >สิ่งที่ฉันอยากจะทำคือเอนตัวลงนอนแล้วก็หลับไปและตื่นขึ้นมาเมื่อเวลานี้ผ่านพ้นไปแล้วจริงๆ > >แต่ถึงยังไงฉันก็ยังไปที่แผนกของเล่น >และฉันก็เริ่มหัวเสียเกี่ยวกับราคาของมันและแปลกใจว่า >เด็กๆเนี่ยเล่นของเล่นที่แพงขนาดนี้เชียวหรือ > >ขณะที่กำลังเดินดูของอยู่ในแผนกของเล่นนั้น >ฉันสังเกตเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง อายุประมาณ 5 ขวบ กำลังอุ้มตุ๊กตาไว้แนบกับอก เขาค่อยๆลูบผมของตุ๊กตานั้นและมองดูอย่างเศร้าสร้อย > >ฉันสงสัยว่าเด็กผู้ชายคนนี้จะเอาตุ๊กตาไปให้ใครกัน >เด็กผู้ชายคนนั้นหันไปหาหญิงชราที่อยู่ข้างๆ > >"คุณย่าแน่ใจหรือฮะว่าเงินของผมมีไม่พอ >หญิงชราตอบว่า หลานก็รู้นี่ว่าหลานมีเงินไม่พอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้หรอก >หลังจากนั้นหญิงชราก็บอกให้เขารออยู่ตรงนั้นประมาณ 5 >นาทีระหว่างที่เธอจะไปเดินดูรอบๆ > >แล้วเธอก็จากไปอย่างรวดเร็ว เด็กชายยังคงอุ้มตุ๊กตาอยู่ในมือ > >ในที่สุดฉันก็เริ่มเดินเข้าไปหาเขา >ฉันถามเค้าว่าเค้าจะเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปให้ใคร >มันเป็นตุ๊กตาที่น้องสาวของผมชอบที่สุดฮะ >และเธอก็อยากจะได้มันมากเป็นของขวัญวันคริสต์มาส >เธอมั่นใจมากว่าซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตาตัวนี้แก่เธอ > >ฉันบอกเค้าว่า ซานตาคลอสจะให้ตุ๊กตานี้แก่น้องสาวของเขาแน่ๆ >และก็ไม่ต้องกังวลหรอก > >(มาถึงตรงนี้ นึกหละสิครับว่า เรื่องนี้ จะเหมือยนกับเรื่อง >ปกติทั่วๆไปที่คุณเคยอ่าน เดาผิดแล้วหละครับ ลองอ่านต่อสิครับ...) > >แต่เขาตอบฉันด้วยท่าทางเศร้าสลดว่า >ไม่หรอกฮะ ซานตาคลอสไม่สามารถเอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอในที่ๆเธออยู่ตอนนี้ได้ >ผมจะเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปให้แม่ >แม่จะได้เอาตุ๊กตานี้ไปให้เธอเมื่อแม่ไปที่นั่น > >ดวงตาของเขาเศร้ามากขณะที่เขาพูดต่อไป >น้องสาวของผมไปอยู่บนสวรรค์ >พ่อบอกว่าแม่ก็จะไปเหมือนกันในเร็วๆนี้ >ผมก็เลยคิดว่าแม่น่าจะเอามันไปให้น้องสาวของผมได้ > >หัวใจของฉันเกือบจะหยุดเต้น เด็กชายเงยหน้ามองฉันแล้วพูดว่า > >"ผมบอกพ่อให้บอกแม่ว่าอย่าพึ่งไปให้รอผมจนกว่าผมจะกลับจากซุปเปอร์มาร์เก็ตฮะ > >แล้วเขาก็หยิบรูปที่น่ารักมากของเขาซึ่งกำลังหัวเราะให้ฉันดู แล้วก็บอกว่า > >"ผมอยากให้แม่เอารูปนี้ไปด้วยฮะเธอจะได้ไม่ลืมผม >ผมรักแม่ฮะและผมก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องจากผมไป > >แต่พ่อบอกว่าเธอต้องไปอยู่กับน้องสาวของผม >แล้วเขาก็จ้องมองตุ๊กตาอีกครั้งอย่าอาลัย > >ฉันรีบคว้ากระเป๋าตังออกมาอย่างรวดเร็ว >หยิบธนบัตรออกมา 2-3ใบ แล้วพูดว่า ทำไมเราไม่ลองตรวจดูอีกที เผื่อว่าเราจะมีเงินพอ > >"ตกลงฮะ เขาพูด ผมหวังว่าผมจะมีเงินพอนะฮะ > >ฉันแอบใส่เงินของฉันลงในกระเป๋าตังของเขาโดยไม่ให้เขาเห็นแล้วเขาก็เริ่มนับมัน >มันไม่ได้มีเงินแค่พอซื้อตุ๊กตาเท่านั้น แต่ยังเหลืออีกด้วย เด็กชายพูด > >"ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเงินให้ผมฮะ เขามองฉัน แล้วพูดเสริมว่า >"ผมอธิษฐานกับพระเจ้าก่อนนอนเมื่อวานฮะ >ว่าขอให้ผมมีเงินพอที่จะซื้อตุ๊กตาตัวนี้เพื่อแม่จะได้เอาไปให้น้องสาวของผมฮะ แล้วพระองค์ก็ได้ยิน >ความจริงผมอยากได้เงินที่จะซื้อกุหลาบสีขาวให้แม่ด้วยฮะ แต่ผมไม่กล้าขอมากเกินไป >แต่พระองค์ก็ให้เงินผมมากพอที่จะซื้อทั้งตุ๊กตาและกุหลาบ >แม่ของผมชอบกุหลาบขาวฮะ > >2-3 นาทีต่อมา หญิงชราก็กลับมา >ฉันเดินออกมากับรถเข็นของฉัน(รถเข็นที่ใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตอะ) >ฉันซื้อของจนเสร็จด้วยความรู้สึกที่ต่างจากตอนมาโดยสิ้นเชิง > >ฉันไม่สามารถเอาภาพของเด็กชายคนนั้นออกจากจิตใจฉันได้ > >หลังจากนั้นฉันก็จำข่าวที่อยู่ในหนังสือพิมพ์เมื่อ 2 วันก่อนได้ > >มันบอกว่าคนขับรถบรรทุกที่เมาเหล้าคนหนึ่งขับรถชนรถอีกคันหนึ่งที่มีหญิงสาวคนหนึ่งกับเด็กหญิงตัวเล็กๆในรถ >เด็กหญิงคนนั้นเสียชีวิตทันที แต่แม่ของเธออยู่ในขั้นบาดเจ็บสาหัส >ครอบครัวของพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะดึงปลั๊กเครื่องช่วยหายใจดีหรือไม่ >เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่สามารถดีขึ้นไปกว่าขั้นโคม่าได้ >ครอบครัวนี้จะเป็นของเด็กชายคนนั้นรึเปล่านะ > >2 วันหลังจากได้พบกับเด็กชายคนนั้น >ฉันอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่า หญิงสาวคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว >ฉันไม่สามารถหยุดตัวเองไว้ได้ที่จะไปซื้อกุหลาบช่อหนึ่ง แล้วไปที่ Mortuary >ซึ่งร่างของหญิงคนนั้นได้ถูกเปิดให้คนได้ดูและอธิษฐานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฝัง >เธออยู่ในนั้น >ในโลงศพของเธอในมือมีดอกกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งกับรูปถ่ายของเด็กชายคนนั้น >และมีตุ๊กตาวางอยู่บนหน้าอก >ฉันออกไปข้างนอกทั้งน้ำตารู้สึกว่าชีวิตของฉันได้เปลี่ยนไปตลอดกาล > >ความรักที่เด็กผู้ชายคนนี้มีให้แม่และน้องสาวของเขานั้นจะยังคงอยู่ยืนยาวสุดแก่การจินตนาการ > >แต่เพียงแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น >คนดื่มเหล้าคนหนึ่งก็ได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเค้า >
8 ธันวาคม 2545 16:24 น.
~LiLiTh
>>In front of the person you love your heart beats faster
> >>เมื่อคุณอยู่ต่อหน้าคนที่คุณรัก หัวใจคุณจะเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น
> >>But in front of the person you like you get happy.
> >>แต่ถ้าหากว่าอยู่ต่อหน้าคนที่คุณชอบ คุณจะสุขใจ
> >>
> >>In front of the person you love winter seems like spring
> >>เมื่อคุณอยู่ต่อหน้าคนที่คุณรัก ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว แต่ก็กลับเหมือน
ฤดูใบไม้ผลิ
> >>But in front of the person you like winter is just beautiful winter.
> >>แต่ถ้าหากว่าอยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ถึงจะเป็นฤดูหนาว
ก็จะเป็นฤดูหนาวที่ไม่เลวร้าย
> >>
> >>If you look into the eyes of the one you love you blush
> >>เมื่อคุณมองไปยังที่ตาของคนที่คุณรัก คุณจะอายจนหน้าแดง
> >>But if you look into the eyes of the one you like you smile.
> >>แต่ถ้าหากว่าคุณมองตาคนที่เราชอบ คุณจะยิ้ม
> >>
> >>In front of the person you love you can't say everything on your mind
> >>เมือคุณอยู่ต่อหน้าคนที่คุณรัก คุณอาจไม่สามารถพูดได้ทุกอย่าง
อาจได้แค่ยิ้ม
> >>But in front of the person you like you can.
> >>แต่ถ้าหากว่าอยู่ต่อหน้าคนที่คุณชอบ คุณสามารถที่จะทำได้
> >>
> >>In front of the person you love you tend to get shy
> >>เมื่อคุณอยู่ต่อหน้าคนที่คุณรัก คุณอาจจะอาจอายม้วนต้วน
> >>But in front of the person you like you can show your own self.
> >>แต่ถ้าหากว่าคุณอยู่ต่อหน้าคนที่คุณชอบ คุณก็จะเป็นตัวของตัวเอง
> >>
> >>The person you love comes into your mind every 2 minutes
> >>คนที่คุณรักจะผุดขึ้นมาในใจคุณทุก2นาที
> >>You can't look straight into the eyes of the one you love
> >>คุณไม่อาจจะทำตัวแปลกเมื่อเขามองมาที่คุณ (กลัวไม่ดูดีในสายตาเค้า)
> >>But you can always smile into the eyes of the one you like
> >>แต่ว่าคุณสามารถ ยิ้มให้คนที่คุณชอบได้ตลอดเวลา
> >>
> >>When the one you love is crying you cry with them
> >>เมื่อคนที่คุณรักร้องไห้ คุณก็จะร้องไห้ไปกับเขาด้วย
> >>But when the one you like is crying you end up comforting.
> >>แต่เมื่อคนที่คุณชอบร้องไห้ คุณก็จะปลอบให้เขาหยุดร้อง
> >>
> >>The feeling of love starts from the eye And the feeling of like starts
from the ear.
> >>ความรู้สึกว่ารักเริ่มที่ (สาย)ตา และความรู้สึกว่าชอบเริ่มที่ (ประสาท)หู
> >>So if you stop liking a person you used to like all you need to do is
cover your ears,
> >>ถ้าหากคุณจะหยุดชอบคนคนหนึ่ง เพียงแค่ปิดหู ก็พอแล้ว
> >>But if you try to close your eyes ,love turns into a drop of tear and
remains in your heart
> >>แต่แค่เพียงหลับตา ความรักจะกลายเป็นน้ำตาร่วงหล่นลงมา
แต่ยังคงเหลืออยู่ในใจ
> >>
> >> คุณเคยรู้สึกสับสนตัวเองไหมครับ
ว่าคนเนี่ยะคนที่เรารู้สึกดีด้วยเนี่ยะ ว่าเราชอบเขา หรือว่ารักเขากันแน่
ลองอ่านนี่ดู อาจไม่ชัวร์ มากเท่าไหร่ แต่ก็พอจะแยกออกก็ได้ครับ
ว่าเรารู้สึกอย่างไร คิดดีน๊ะครับ เพราะว่าคำว่ารักกับชอบต่างกันมากทีเดียว
> >>
> >>
8 ธันวาคม 2545 16:18 น.
~LiLiTh
เทพีวีนัสเอ่ยกับบุตรชาย.. คิวปิด หากมิใย
คิวปิดจะทำเช่นนั้นได้ลงคอ.. อำนาจของเทพแห่งความรัก
ยังมิอาจทานความงามนี้ได้.. ดุจดังแผงศรนั้นแก่ตัวเอง..
ด้วยความงามอันเลอค่นี้.. แต่มิมีผู้ใดมาจับจองสู่ขอ.. บิดาของไซคี
จึงได้ไปอ้อนวอนต่อ อะโพรอน..
เทพผู้ยิ่งใหญ่ให้ช่วยหาคู่ที่มีพลังอำนาจให้ไซคี.. อะโพรอน..
ผู้ซึ่งทราบความเป็นไปทั้งหมดจากคิวปิดแล้ว จึงได้ตอบรับคำขอนั้น..
" เจ้าจงนำไซคี ไปไว้ที่ยอดเขาที่สูงที่สุดในป่าลึกด้านนั้น.. "
เป็นน้ำเสียงที่มีพลังมากมาย
"จะมีพญาอสรพิษที่น่าสะพรึงกลัวด้วยพลังอำนาจมารับนางไปเป็นชายา.. "
ไซคีผู้เลอโฉม จึงตกอยู่ในภาวะจำยอม แห่งคำเทพยวาจานั้น.. ณ ที่ๆ
สูงที่สุดของภูเขาในป่าลึก.. ไซคียืนอยู่เดียวดาย.. ขณะนั้นเอง
ได้มีสายลมที่อ่อนโยน พัดพานางไปในที่ๆ ตระการตา..
" ที่นี่.. คือที่ของเจ้า"..
น้ำเสียงที่ไพเราะที่สุด ดังขึ้น ในโสตประสาท..
"ท่านคือใคร !? .. " นางเอ่ยด้วยเลียงตกใจ..
"ข้าคือ สามีเจ้า.. " เป็นน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน..
เหมือนกับว่ากับจะพรากความกลัวออกไปโดยสิ้นเชิง..
"ท่านอยู่ที่ใด.. เหตุไฉน จึงไม่เผยกายท่านออกมา.. "
--------------- ทุกอย่างเงียบสงัด ---------------
แต่ตอนนี้ นางรู้ดีว่า.. ณ ที่แห่งนี้.. มิมีอันตรายกับนางแน่นอน..
ทุกวัน.. นางได้ทานของดีๆ.. ได้เดินดูสิ่งที่สวยงามรอบปราสาท..
เพรชนิลจินดามากมาย.. นางมีความสุขมาก กับสามี ที่นางไม่เคยได้เห็นหน้า..
ได้ยินแต่เสียง.. แต่ในทุกค่ำคืน.. ในยามที่มืดมิด.. นางจึงสามารถ
สัมผัสผู้ที่เป็นสามีนางได้..
24 พฤศจิกายน 2545 15:10 น.
~LiLiTh
> > > > ถึงคุณทศ
> > > > ขอโทษที่ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆขอโทษที่กระโดกกระเดก
> > > > ขอโทษที่ใจร้อนเสมอ และต้องให้ทศคอยเตือนเสมอ (น่าเบื่อมาก >_ > > > ขอโทษที่ชอบร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน ขอโทษที่ไม่น่ารักและน่าถนุถนอม
> > > > ขอโทษที่ไม่รู้จักโตสักที ขอโทษขี้ใจน้อย ขอโทษที่ขี้งอน
> >ขอโทษที่ชอบพูดตรง
> > > > ขอโทษที่เคยทำร้ายจิตใจกัน ขอโทษที่ชอบจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของทศ
> > > > ขอโทษที่ขี้บ่นเหลือเกิน ขอโทษที่รักทศซะมากมาย
> > > > ฟองฝ้าย
> > > >
> > > > ถึงคุณฝ้าย
> > > > ขอบคุณครับที่ไม่อ่อนหวาน ผู้ชายอย่างผมจะได้แอบหวานกับเขาบ้าง
> > > > ขอบคุณครับที่กระโดกกระเดก ผมจะได้มองออกว่าคุณเขิน
ขอบคุณครับที่ใจร้อน
> > > > ผมยินดีที่จะทำให้มันเย็น ( ผมไม่เคยเบื่อเลย^_^ )
> > > > ขอบคุณครับที่ร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน
> >ผมจะได้มีโอกาสเช็ดน้ำตาของคุณบ้าง
> > > > ขอบคุณครับที่ไม่น่ารักและน่าถนุถนอม
> > > > ขืนน่ารักกว่านี้ผมคงแย่งชิงกะคนอื่นอีกนานโข ขอบคุณครับที่ขี้น้อยใจ
> > > > มันแสดงว่าผมก็มีความสำคัญพอให้ฝ้ายโกรธบ้าง ขอบคุณครับที่ขี้งอน
> > > ผมจะได้ง้อไง
> > > > แต่อย่านานนักล่ะผมทรมานใจนะครับ ขอบคุณครับที่พูดตรง (T_T ) ฮื่อ ๆ
> > > > ผมรู้แล้วว่าผมทำกับเข้าไม่อร่อย ขอบคุณครับที่ทำร้ายจิตใจกัน
> > > >
> > >
>
>มันทำให้ผมได้รู้ถึงความเหนียวแน่นของความสัมพันธ์ของเราสองคนมันไม่ขาดกันง่าย
> > > > ๆ หรอก ( ผมไม่ยอม ) ขอบคุณครับที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม
> > > > นั่นแน่เป็นห่วงผมล่ะสิ
> >ขอบคุณครับที่เอ๊ยไม่เอาดีกว่าข้อนี้ขี้บ่นไม่ดี
> >ๆ
> > > > เหมือนยายแก่ แต่ถ้าจะเป็นจริง ๆ
> > > > ผมขอเป็นตาแก่นะสุดท้ายขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตผม
> > > > ขอบคุณครับที่ทำให้ผมรู้ความหมายของคำว่า you complete me.
> >โดยไม่ต้องเปิด
> > > > Dictionary ขอบคุณที่อยู่เพื่อให้ผมรัก
> > > > ทศภาค
> > > >