29 กรกฎาคม 2551 11:24 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ชื่นความหวังกลางกมลชนทั้งผอง
เมื่อหยาดฝนหล่นละอองลงนองหล้า
สิบสามปีที่สิบแปดกรกฎา
สมเด็จย่านิราศลับกลับดาวดึงส์
สานดำริมหิดลชนกนาถ
ข้าพระบาทสำนึกรำลึกถึง
เย็นศิระพระเมตตาอันตราตรึง
ปวงราษฎร์ซึ้งเทิดรักศรีนครินทร์
ด้วยได้รับน้ำพระทัยใสพิสุทธิ์
ความมืดหมองผองมนุษย์จึงสุดสิ้น
ลดพระองค์ลงจากฟ้ามาโปรดดิน
แม้ท้องถิ่นดินแดนแสนกันดาร
มูลนิธิศรีนครินทร์ แพทย์อาสา
ปวงประชาสิ้นทุกข์เปี่ยมสุขศานต์
ด้วยการแพทย์การรักษาพยาบาล
หทัยธารถึงทุกถิ่นสิ้นทุกข์ทน
โลกจารึกพระกรุณาหาที่สุด
งามผ่องผุดดุจเพชรในเม็ดฝน
พระราชกิจสฤษฏ์ไว้ในสากล
พื้นภูวดลจึงเย็นยิ่งเหนือสิ่งใด
ขอประทีปพระวิญญาณ์แม่ฟ้าหลวง
ณ แดนสรวงส่องหวังสว่างไสว
รอยพระสรวลสลักลงตรงหทัย
จะเก็บไว้ชื่นชีวิตนิจนิรันดร์
เย็นหยาดฝนหล่นละอองจากท้องฟ้า
สมเด็จย่ายังประทับในภาพฝัน
ร้อยหยาดฝนหยดน้ำตาข้าฯตื้นตัน
สิบสามวสันต์น้อมบูชาแม้ฟ้าไทย
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
นายภัทรลักษณ์ อัครกวินทร์
(บทอาเศียรวาทเนื่องใน "วันศรีนครินทร์" 18 กรกฎาคม)
28 กรกฎาคม 2551 22:02 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
มาแล้วจ้าเพื่อนพ้องและน้องพี่
วงดนตรีบ้านนอกกระจอกศิลป์
ออกเดินสายขายเสียงเพียงหากิน
เอาเสียงพิณเสียงแคนกล่อมแฟนเพลง
เลิกโรงเรียน มาแต่งหน้านั่งทาเล็บ
ไม่ออกเทปดอกอ้ายเดี๋ยวค่ายเจ๊ง
คิดค่าร้องค่าเต้นเป็นกันเอง
ถึงไม่เจ๋งแต่เรานี้มีน้ำใจ
จ้างมาสิบเราจะเล่นให้เป็นร้อย
จ้างมาร้อยเล่นไปพันไม่หวั่นไหว
จ้างมาพันเล่นให้หมื่นพาชื่นใจ
แฟนคลับขอเพลงไหน ร้องให้ฟัง
นักดนตรีบางคนไปค่ายลูกเสือ
ก็เลยเหลือแต่ ร.ด.พอให้หวัง
สาวหางเครื่อง ม.ปลายเต้นได้ตังค์
ค่อยไปนั่งเรียงความทำรายงาน
แฟนคลับเชียร์ดาวเต้น สาว ม.ต้น
ลูกคนจนบนเวทีเพลงอีสาน
เต้นเหงื่อชุ่มใจฉ่ำสุขสำราญ
มั่วหน้าฮ้านเฮฮาบ้านนาเฮา
แม่ยกคล้องมาลัยให้หนุ่มหล่อ
เหล่า สห. ยืนคุมกลุ่มขี้เหล้า
ขอบคุณท่านที่มาช่วยอำนวยเรา
ขอแบ่งเบาความจนด้วยดนตรี
นักร้องสาวเสียงหวานจัดเพลงให้
ปริญญาใจ ขับร้องกล่อมน้องพี่
แทนผ้าเย็นเช็ดเหงื่อใจด้วยไมตรี
ขอให้มีความหวังกำลังใจ
แล้วโยกย้ายใส่สเต็ปให้เล็บแหว่ง
กุหลาบแดง เพลงซิ่งนิ่งไม่ไหว
โบรักสีดำ เพลงฮิตดังติดไมค์
รักผัวเขา เขย่าใจคนร้าวราน
มา เปิดใจสาวแต เพื่อแก้เครียด
แม่เฒ่าเบียดฟ้อนรำกับลูกหลาน
สาวๆกรี๊ด รักสลายดอกฝ้ายบาน
ต่อด้วยเพลง ขึ้นคานเพราะการคอย
เหยียบเท้ากัน ขอโทษกัน ฉันพี่น้อง
หนุ่มแอบมองจ้องหมอลำสาวส่ำน้อย
น้ำค้างโรยสาวคนไหนนั่งใจลอย
มาเต้นให้เหงื่อย้อยค่อยอุ่นกาย
ขอบพระคุณดอกไม้มาลัยนี้
เงินใบร้อย ใบยี่ มีความหมาย
ค่าขนมน้อง ม.ต้น ไม่อดตาย
พี่ ม.ปลาย มีค่าเรียนกวดวิชา
หนูเก็บออมค่าแรงทั้งแบงก์เหรียญ
หลังเลิกเรียนเขียนฝันไว้ข้างฝา
จะช่วยแม่ซื้อปุ๋ยลุยทำนา
ซื้อตำรับตำราอ่านเข้า ม.
แบงก์น้อยน้อยแฟนเพลงให้ในคืนนี้
มันพอช่วยปลดหนี้ ธกส.
ก้มลงกราบรับน้ำใจ น้ำตาคลอ
ดึกแล้วหนอขอร้องฝากก่อนจากไกล
แด่แฟนเพลงที่มาเชียร์กันเนืองแน่น
กับเพลงฮิต ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้
ถ้าคืนนี้วงบ้านนอกกระจอกไป
จะปรับปรุงครั้งใหม่ให้เด่นดี
กระจอกศิลป์อินคอนเสิร์ต ขอลาก่อน
ขออวยพรให้สุขสันต์จากวันนี้
หนุ่มคนไหนมีน้ำจิตมิตรไมตรี
หัวใจว่างหลังเวทีนี้ยังรอ
27 กรกฎาคม 2551
(วันเกิดวิสกี้เองครับ)
28 กรกฎาคม 2551 21:35 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
แอบร้องไห้ในใจไม่มีเสียง
มือถือมีดยืนเคียงข้างเขียงหมู
สายตาเหงาชะเง้อชะแง้เฝ้าแลดู
ไร้เงาชู้หนุ่มอุบลขับรถมา
รีบหั่นหมูเวลาลูกค้าเข้า
หมดเวลาซึมเศร้าเฝ้าห่วงหา
ข้าวขาหมูนางรองรสโอชา
ร้านนี้เคยมีลูกค้ามาจีบเรา
มาหลอกสาวบุรีรัมย์ด้วยคำรัก
ขอสมัครเป็นเพื่อนใจคลายความเหงา
หลงคำลวงหนุ่มอุบลคนใจเบา
เทให้เขาไปครองทุกห้องใจ
ชมว่าข้าวขาหมูอร่อยลิ้น
แทบดับดิ้นเพราะกลิ่นหอมยินยอมให้
สาวนางรองครองห้วงดวงหทัย
ตกลงไหมหากให้พี่นี้เป็นแฟน
หลงลมลิ้นตัดสินใจด้วยไม่รู้
มือสับหมูยอมให้มือพี่ถือแขน
หัวใจนี้มิยอมให้ใครครองแทน
สวาทแน่นหนุ่มอุบลคนใจดำ
ทอดตามองทางหลวงเลขสองสี่
ถนนนี้ว่างเปล่าทุกเช้าค่ำ
พี่กลืนข้าว พอกลับคืนก็กลืนคำ
ไม่ใส่ใจจดจำถ้อยสัจจา
รอยความหลังฝังไว้ ใจว้าวุ่น
ข้าวขาหมูหอมกรุ่นหมดคุณค่า
สาวอำเภอนางรองเคยมองตา
แท้พี่ยาเพียงจ้องไม่มองใจ
เข้าเมืองหลวงทุกครั้งแวะนางน้อง
ข้าวขาหมูนางรองน้องเตรียมให้
หรือหมูยอรสหนึ่งคอยดึงใจ
สาวอุบลคนใกล้ไม่เป็นรอง
ไม่ยอมแวะแม้ขากลับจากเมืองหลวง
หรือเมืองลวงเขาบอกให้หลอกน้อง
ทางหลวงเลขสองสี่ที่เฝ้ามอง
ทำน้องตรมจนต้องนองน้ำตา
ข้าวขาหมูสิ้นมนต์เพราะคนหล่อ
ไปหลงรสหมูยอเสน่หา
ไม่รักสาวบุรีรัมย์ มาร่ำลา
ให้เห็นหน้าได้ไหมอย่าใจจาง
อยากเป็นลมล้มพับทับเขียงหมู
ไม่เคยรู้พี่แวะจอดที่ไหนบ้าง
ชื่ออำเภอนางรองเหมือนบอกลาง
ว่าพี่มองน้องร้างเป็นนางรอง
26 กรกฎาคม 2551
9 กรกฎาคม 2551 19:36 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ลงรถเมล์แน่นขนัดใจขาดดิ้น
เดินผ่านวินมาข้ามคลองน้ำเน่า
หน้าเปียกเหงื่อเปื้อนงานเป็นมันเงา
พายกระเป๋าร้อยเก้าเก้าเดินเข้าซอย
จบ ม.หกก็เห็นเป็นสาวห้าง
ยืนเฝ้าบูธเครื่องสำอางช่างดูด้อย
ลิปรองพื้นครีมแป้งแพงเลิศลอย
คนเงินน้อยได้แต่มองไม่ลองทา
ปรากฏสองไฮโซสาวพราวเสน่ห์
มาดโก้เก๋แลดูช่างหรูหรา
เดินผ่านบูธประสานมิตรด้วยหางตา
ทำลอยหน้าถามเรื่องเครื่องสำอาง
ฉันคนโง่มีคำตอบมอบคำถาม
แต่ขาดความรู้รอบตอบติดบ้าง
เขาหยามหยันเหมือนขยะตามข้างทาง
คำพูดช่างรุนแรงแทงขั้วใจ
--------
เปิดประตูผุพังย่างเข้าห้อง
แบกความหมองโศกสลดไม่สดใส
เสร็จอาบน้ำดึกดื่นปิดฟืนไฟ
ก็ติดค้างข้างในแม้ยามนอน
คำว่าพวกบ้านจนยังวนวิ่ง
ท่าทางหยิ่งตอกย้ำตามหลอกหลอน
เดินมาปิดประตูบ้านแล้วลั่นกลอน
ป้องกันโจรคนจรรุกทำลาย
แต่ความคิดนิดหนึ่งพอถึงหมอน
ไร้กรอบกลอนมาล็อกไว้จึงใจหาย
ปล่อยคำคนเหยียดหยันอันตราย
มาเวียนว่ายวูบวาบให้คับเคือง
จริงสิเธอนั้นสวยรวยและเก่ง
ตัวฉันเองโง่ง่ายเหมือนควายเชื่อง
แอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่เนืองเนือง
แสนเปล่าเปลืองน้ำตาราคาเยา
ไม่มีความสามารถอัจฉริยะ
ฉันก็กลายเป็นขยะในตาเขา
เขาจบนอก เราจบนา ปัญญาเบา
แค่รองเท้าก็ซึ้งตาว่าต่างกัน
คนบ้านจนไร้หัวใจหรือไรหนอ
โทรมมอซอนอนสลัมช่างต่ำชั้น
มีหน้าที่รับใช้ไม่เว้นวัน
เขามองฉันเป็นคนหรือเป็นควาย
โง่ดักดานเทือกเถาเหล่าบ้านนอก
แสนกระจอกสมองมดหมดความหมาย
ไม่รู้กรอบรู้เกณฑ์ช่างน่าอาย
ไม่รู้คลาสความฮายหรือพวกโล
เสียเวลาสอนมันเรียน ป๊ะ เปลี่ยนบูธ
ทำหน้าบูดเบะปากอย่างโมโห
พวกสลัมต่ำต้อยซอยโลโซ
แสนงอกง่อยเง่าโง่ชั้นแรงงาน
"รู้ไม่เท่า เทียบไม่คิด คิดไม่เหมือน
ไม่นับเพื่อนนับมิตรคิดประสาน
เรียนมาน้อยก็ถ่อยถิ่นชั้นดินดาน
อีพวกบ้านใส่กลอนสนิมกิน
ไร้ห้องชุดรูดการ์ดผงาดฟ้า
ถือว่าค่าของคนมันป่นสิ้น
ความรู้ต่ำกระดำกระดากมาจากดิน"
เธอรัวลิ้นปลิ้นกระดูกดูถูกคน
----------
มองดูรูปพ่อแม่แปะข้างฝา
ไร้กรอบทองงามสง่าเลอค่าล้น
ชีวิตหนูไร้กรอบเกณฑ์เป็นคนจน
จบ ม.ต้น ม.ปลาย สายสามัญ
ไม่มีกรอบปริญญาทองฝังเพชร
ไม่เด่นเด็ดไปเหยียดหยามทำเย้ยหยัน
หนูไม่เคยหมิ่นกมลคนด้วยกัน
ว่าต่ำชั้น สูงชน คนหรือควาย
เหมือนแท็กซี่สีไหนใหม่หรือเก่า
ก็พาเราเร่งรุดถึงจุดหมาย
อันคนเราถูกแพงเพียงแต่งกาย
รสนิยมโลฮายก็เดินดิน
ถึงไม่มีห้องชุดรูดการ์ดเข้า
ห้องน้อยน้อยซอยน้ำเน่า อย่าติฉิน
ประตูไร้เครื่องแสกนฟิงเกอร์ปริ๊นต์
ถึงจะกลอนสนิมกิน ก็บ้านกู
- - - - - - -
เพ้อเจ้อเขียนเป็นบทเป็นกลอนไปได้
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้แก่
สาวๆ กรรมกรแก้มแดง และผู้ใช้แรงงานทุกคนนะครับ
เข้าใจคนที่มีอาชีพที่ต้องทนรับแรงกดดัน
สำหรับเพื่อนๆที่ถูกใครดูหมิ่นเหยียดหยาม
ก็ขอให้มีแรงใจที่จะสร้างสรรค์ ทำความดีต่อไปนะครับ
ถึงสิ่งที่เราทำ มันจะไม่เลิศลอย หรือยิ่งใหญ่
แต่ก็ภูมิใจ ที่ไม่ได้ไปนั่งทำบนหัวใครนะครับ
9 กรกฎาคม 2551 15:28 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
บ่คิดว่ามาบิ๊กซีสิใจหาย
ดีใจหลายที่เจอกันบ่ายวันเสาร์
แม้โลกหมุนเวียนกลบลบเรื่องเรา
ยังคิดถึงผัวเก่าเท่าเมื่อวาน
มาซื้อของประจำไปทำขาย
หยิบของชิ้นเดียวกับอ้ายจึงได้ขาน
มือเราสองกอบกำถุงน้ำตาล
จนประสานสายตาพาหวั่นใจ
อ้ายจึงวางน้ำตาลลงตะกร้าน้อง
ตาจ้องมองปากทักทาย สบายไหม
น้องได้แต่ยิ้มแย้มแกมสุขใจ
เราถามไถ่ในฐานะคนคุ้นเคย
น้องถามว่าสบายไหม อ้ายปิดกั้น
แต่นัยน์ตาคู่นั้นมันเฉลย
ดูอิดโรยเหนื่อยใจวัยล่วงเลย
แววตาพี่เปิดเผยข้อเท็จจริง
สักครู่มีเด็กตัวเปี๊ยกมาเรียกพ่อ
น่ารักหนอทั้งเด็กชายและเด็กหญิง
หากมดลูกไร้เนื้อร้ายให้ตัดทิ้ง
เราคงมีลูกวิ่งทั่วบิ๊กซี
เห็นชีวิตของพี่มีความสุข
เหมือนสะท้อนภาพทุกข์ในใจนี้
ชีวิตสองภรรยาและสามี
กำลังไปได้ดี มีกรรมบัง
มันไม่ผิดที่อ้ายไปมีสอง
ผิดที่น้องทำอ้ายให้ผิดหวัง
หมดปัญญายื้อรักนี้ให้จีรัง
เพียงลำพังสังขารอันอ่อนแอ
อ้ายมองสร้อยข้อมือเคยซื้อให้
ทุกคืนวันมันผูกใจไร้ทางแก้
ความรักในใจนั้นไม่ผันแปร
เปลี่ยนแปลงแค่สำเนาใบทะเบียน
จ่ายเงินที่แคชเชียร์เมียเงินขาด
ผัวเก่าควักเงินบาทให้หลายเหรียญ
ปีนั้นเราเข็นรถเพลินเดินแวะเวียน
ปีนี้เปลี่ยนเป็นตะกร้าคนละใบ
ลูกลูกอ้ายเรียกน้องว่าคุณน้า
ภาวนาอย่าบอกแม่ให้สงสัย
ไม่อยากรู้อ้ายกับเมียละเหี่ยใจ
ทะเลาะกันยกใหญ่ เพราะส่วนเกิน
อ้ายอาสาขับดีแมกซ์ไปส่งน้อง
คนหม่นหมองมองตัวเองแล้วเกรงเขิน
จึงขอแยกทางกับพี่ที่ทางเดิน
ที่พระเจ้าบังเอิญลากเรามา
เห็นอ้ายถอนหายใจ คล้ายคิดมาก
น้องรับปากจะทนไหวไม่เพ้อหา
ก้มหน้ามองถุงน้ำตาล พลันน้ำตา
หลั่นรินมาเอ่อคลอพอเลือนราง
ฝากปีโป้กับยาคูลท์ให้ลูกอ้าย
หน้าแกคล้ายลูกของเราคราวฝันค้าง
รับเอาไว้เถิดอ้าย อย่าใจจาง
น้องไม่คิดมาสร้างความร้าวราน
ถึงสองเราหย่าแล้วก็ยังรัก
อกหักหักไร้มดลูกถูกประหาร
ไม่มีลูกให้พี่ คือพิการ
บ่ทนทานอยู่ร่วมเตียงเคียงชายคา
ไม่ควรได้แม้แต่คำว่าสงสาร
ควรซมซานไปตามชาติวาสนา
ไปเร่ขายแกงถุงปรุงต้มปลา
เป็นแม่ค้าหาบเร่เลี้ยงชีวี
บ่คิดว่ามาบิ๊กซีสิเจออ้าย
ดีใจหลายที่เจอกันบ่ายวันนี้
ตอนจากกัน ตัวความเศร้าเท่าบิ๊กซี
หล่นจากป้ายทับใจนี้จนบี้แบน
8 กรกฎาคม 2551
---------------------------------------------------------------------
เพื่อนๆที่เป็นนักช็อปขาประจำห้างใหญ่ๆทั้งหลาย
อย่าลืมช่วยกันลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดจำนวนถุงพลาสติกนะครับ
หรืออาจจะใช้ตะกร้า หรือถุงผ้าแทนนะครับ
(วันนี้ทำตัวเป็นทูตสิ่งแวดล้อมซะงั้น)