28 กรกฎาคม 2551 21:35 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
แอบร้องไห้ในใจไม่มีเสียง
มือถือมีดยืนเคียงข้างเขียงหมู
สายตาเหงาชะเง้อชะแง้เฝ้าแลดู
ไร้เงาชู้หนุ่มอุบลขับรถมา
รีบหั่นหมูเวลาลูกค้าเข้า
หมดเวลาซึมเศร้าเฝ้าห่วงหา
ข้าวขาหมูนางรองรสโอชา
ร้านนี้เคยมีลูกค้ามาจีบเรา
มาหลอกสาวบุรีรัมย์ด้วยคำรัก
ขอสมัครเป็นเพื่อนใจคลายความเหงา
หลงคำลวงหนุ่มอุบลคนใจเบา
เทให้เขาไปครองทุกห้องใจ
ชมว่าข้าวขาหมูอร่อยลิ้น
แทบดับดิ้นเพราะกลิ่นหอมยินยอมให้
สาวนางรองครองห้วงดวงหทัย
ตกลงไหมหากให้พี่นี้เป็นแฟน
หลงลมลิ้นตัดสินใจด้วยไม่รู้
มือสับหมูยอมให้มือพี่ถือแขน
หัวใจนี้มิยอมให้ใครครองแทน
สวาทแน่นหนุ่มอุบลคนใจดำ
ทอดตามองทางหลวงเลขสองสี่
ถนนนี้ว่างเปล่าทุกเช้าค่ำ
พี่กลืนข้าว พอกลับคืนก็กลืนคำ
ไม่ใส่ใจจดจำถ้อยสัจจา
รอยความหลังฝังไว้ ใจว้าวุ่น
ข้าวขาหมูหอมกรุ่นหมดคุณค่า
สาวอำเภอนางรองเคยมองตา
แท้พี่ยาเพียงจ้องไม่มองใจ
เข้าเมืองหลวงทุกครั้งแวะนางน้อง
ข้าวขาหมูนางรองน้องเตรียมให้
หรือหมูยอรสหนึ่งคอยดึงใจ
สาวอุบลคนใกล้ไม่เป็นรอง
ไม่ยอมแวะแม้ขากลับจากเมืองหลวง
หรือเมืองลวงเขาบอกให้หลอกน้อง
ทางหลวงเลขสองสี่ที่เฝ้ามอง
ทำน้องตรมจนต้องนองน้ำตา
ข้าวขาหมูสิ้นมนต์เพราะคนหล่อ
ไปหลงรสหมูยอเสน่หา
ไม่รักสาวบุรีรัมย์ มาร่ำลา
ให้เห็นหน้าได้ไหมอย่าใจจาง
อยากเป็นลมล้มพับทับเขียงหมู
ไม่เคยรู้พี่แวะจอดที่ไหนบ้าง
ชื่ออำเภอนางรองเหมือนบอกลาง
ว่าพี่มองน้องร้างเป็นนางรอง
26 กรกฎาคม 2551
9 กรกฎาคม 2551 19:36 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ลงรถเมล์แน่นขนัดใจขาดดิ้น
เดินผ่านวินมาข้ามคลองน้ำเน่า
หน้าเปียกเหงื่อเปื้อนงานเป็นมันเงา
พายกระเป๋าร้อยเก้าเก้าเดินเข้าซอย
จบ ม.หกก็เห็นเป็นสาวห้าง
ยืนเฝ้าบูธเครื่องสำอางช่างดูด้อย
ลิปรองพื้นครีมแป้งแพงเลิศลอย
คนเงินน้อยได้แต่มองไม่ลองทา
ปรากฏสองไฮโซสาวพราวเสน่ห์
มาดโก้เก๋แลดูช่างหรูหรา
เดินผ่านบูธประสานมิตรด้วยหางตา
ทำลอยหน้าถามเรื่องเครื่องสำอาง
ฉันคนโง่มีคำตอบมอบคำถาม
แต่ขาดความรู้รอบตอบติดบ้าง
เขาหยามหยันเหมือนขยะตามข้างทาง
คำพูดช่างรุนแรงแทงขั้วใจ
--------
เปิดประตูผุพังย่างเข้าห้อง
แบกความหมองโศกสลดไม่สดใส
เสร็จอาบน้ำดึกดื่นปิดฟืนไฟ
ก็ติดค้างข้างในแม้ยามนอน
คำว่าพวกบ้านจนยังวนวิ่ง
ท่าทางหยิ่งตอกย้ำตามหลอกหลอน
เดินมาปิดประตูบ้านแล้วลั่นกลอน
ป้องกันโจรคนจรรุกทำลาย
แต่ความคิดนิดหนึ่งพอถึงหมอน
ไร้กรอบกลอนมาล็อกไว้จึงใจหาย
ปล่อยคำคนเหยียดหยันอันตราย
มาเวียนว่ายวูบวาบให้คับเคือง
จริงสิเธอนั้นสวยรวยและเก่ง
ตัวฉันเองโง่ง่ายเหมือนควายเชื่อง
แอบร้องไห้ในห้องน้ำอยู่เนืองเนือง
แสนเปล่าเปลืองน้ำตาราคาเยา
ไม่มีความสามารถอัจฉริยะ
ฉันก็กลายเป็นขยะในตาเขา
เขาจบนอก เราจบนา ปัญญาเบา
แค่รองเท้าก็ซึ้งตาว่าต่างกัน
คนบ้านจนไร้หัวใจหรือไรหนอ
โทรมมอซอนอนสลัมช่างต่ำชั้น
มีหน้าที่รับใช้ไม่เว้นวัน
เขามองฉันเป็นคนหรือเป็นควาย
โง่ดักดานเทือกเถาเหล่าบ้านนอก
แสนกระจอกสมองมดหมดความหมาย
ไม่รู้กรอบรู้เกณฑ์ช่างน่าอาย
ไม่รู้คลาสความฮายหรือพวกโล
เสียเวลาสอนมันเรียน ป๊ะ เปลี่ยนบูธ
ทำหน้าบูดเบะปากอย่างโมโห
พวกสลัมต่ำต้อยซอยโลโซ
แสนงอกง่อยเง่าโง่ชั้นแรงงาน
"รู้ไม่เท่า เทียบไม่คิด คิดไม่เหมือน
ไม่นับเพื่อนนับมิตรคิดประสาน
เรียนมาน้อยก็ถ่อยถิ่นชั้นดินดาน
อีพวกบ้านใส่กลอนสนิมกิน
ไร้ห้องชุดรูดการ์ดผงาดฟ้า
ถือว่าค่าของคนมันป่นสิ้น
ความรู้ต่ำกระดำกระดากมาจากดิน"
เธอรัวลิ้นปลิ้นกระดูกดูถูกคน
----------
มองดูรูปพ่อแม่แปะข้างฝา
ไร้กรอบทองงามสง่าเลอค่าล้น
ชีวิตหนูไร้กรอบเกณฑ์เป็นคนจน
จบ ม.ต้น ม.ปลาย สายสามัญ
ไม่มีกรอบปริญญาทองฝังเพชร
ไม่เด่นเด็ดไปเหยียดหยามทำเย้ยหยัน
หนูไม่เคยหมิ่นกมลคนด้วยกัน
ว่าต่ำชั้น สูงชน คนหรือควาย
เหมือนแท็กซี่สีไหนใหม่หรือเก่า
ก็พาเราเร่งรุดถึงจุดหมาย
อันคนเราถูกแพงเพียงแต่งกาย
รสนิยมโลฮายก็เดินดิน
ถึงไม่มีห้องชุดรูดการ์ดเข้า
ห้องน้อยน้อยซอยน้ำเน่า อย่าติฉิน
ประตูไร้เครื่องแสกนฟิงเกอร์ปริ๊นต์
ถึงจะกลอนสนิมกิน ก็บ้านกู
- - - - - - -
เพ้อเจ้อเขียนเป็นบทเป็นกลอนไปได้
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้แก่
สาวๆ กรรมกรแก้มแดง และผู้ใช้แรงงานทุกคนนะครับ
เข้าใจคนที่มีอาชีพที่ต้องทนรับแรงกดดัน
สำหรับเพื่อนๆที่ถูกใครดูหมิ่นเหยียดหยาม
ก็ขอให้มีแรงใจที่จะสร้างสรรค์ ทำความดีต่อไปนะครับ
ถึงสิ่งที่เราทำ มันจะไม่เลิศลอย หรือยิ่งใหญ่
แต่ก็ภูมิใจ ที่ไม่ได้ไปนั่งทำบนหัวใครนะครับ
9 กรกฎาคม 2551 15:28 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
บ่คิดว่ามาบิ๊กซีสิใจหาย
ดีใจหลายที่เจอกันบ่ายวันเสาร์
แม้โลกหมุนเวียนกลบลบเรื่องเรา
ยังคิดถึงผัวเก่าเท่าเมื่อวาน
มาซื้อของประจำไปทำขาย
หยิบของชิ้นเดียวกับอ้ายจึงได้ขาน
มือเราสองกอบกำถุงน้ำตาล
จนประสานสายตาพาหวั่นใจ
อ้ายจึงวางน้ำตาลลงตะกร้าน้อง
ตาจ้องมองปากทักทาย สบายไหม
น้องได้แต่ยิ้มแย้มแกมสุขใจ
เราถามไถ่ในฐานะคนคุ้นเคย
น้องถามว่าสบายไหม อ้ายปิดกั้น
แต่นัยน์ตาคู่นั้นมันเฉลย
ดูอิดโรยเหนื่อยใจวัยล่วงเลย
แววตาพี่เปิดเผยข้อเท็จจริง
สักครู่มีเด็กตัวเปี๊ยกมาเรียกพ่อ
น่ารักหนอทั้งเด็กชายและเด็กหญิง
หากมดลูกไร้เนื้อร้ายให้ตัดทิ้ง
เราคงมีลูกวิ่งทั่วบิ๊กซี
เห็นชีวิตของพี่มีความสุข
เหมือนสะท้อนภาพทุกข์ในใจนี้
ชีวิตสองภรรยาและสามี
กำลังไปได้ดี มีกรรมบัง
มันไม่ผิดที่อ้ายไปมีสอง
ผิดที่น้องทำอ้ายให้ผิดหวัง
หมดปัญญายื้อรักนี้ให้จีรัง
เพียงลำพังสังขารอันอ่อนแอ
อ้ายมองสร้อยข้อมือเคยซื้อให้
ทุกคืนวันมันผูกใจไร้ทางแก้
ความรักในใจนั้นไม่ผันแปร
เปลี่ยนแปลงแค่สำเนาใบทะเบียน
จ่ายเงินที่แคชเชียร์เมียเงินขาด
ผัวเก่าควักเงินบาทให้หลายเหรียญ
ปีนั้นเราเข็นรถเพลินเดินแวะเวียน
ปีนี้เปลี่ยนเป็นตะกร้าคนละใบ
ลูกลูกอ้ายเรียกน้องว่าคุณน้า
ภาวนาอย่าบอกแม่ให้สงสัย
ไม่อยากรู้อ้ายกับเมียละเหี่ยใจ
ทะเลาะกันยกใหญ่ เพราะส่วนเกิน
อ้ายอาสาขับดีแมกซ์ไปส่งน้อง
คนหม่นหมองมองตัวเองแล้วเกรงเขิน
จึงขอแยกทางกับพี่ที่ทางเดิน
ที่พระเจ้าบังเอิญลากเรามา
เห็นอ้ายถอนหายใจ คล้ายคิดมาก
น้องรับปากจะทนไหวไม่เพ้อหา
ก้มหน้ามองถุงน้ำตาล พลันน้ำตา
หลั่นรินมาเอ่อคลอพอเลือนราง
ฝากปีโป้กับยาคูลท์ให้ลูกอ้าย
หน้าแกคล้ายลูกของเราคราวฝันค้าง
รับเอาไว้เถิดอ้าย อย่าใจจาง
น้องไม่คิดมาสร้างความร้าวราน
ถึงสองเราหย่าแล้วก็ยังรัก
อกหักหักไร้มดลูกถูกประหาร
ไม่มีลูกให้พี่ คือพิการ
บ่ทนทานอยู่ร่วมเตียงเคียงชายคา
ไม่ควรได้แม้แต่คำว่าสงสาร
ควรซมซานไปตามชาติวาสนา
ไปเร่ขายแกงถุงปรุงต้มปลา
เป็นแม่ค้าหาบเร่เลี้ยงชีวี
บ่คิดว่ามาบิ๊กซีสิเจออ้าย
ดีใจหลายที่เจอกันบ่ายวันนี้
ตอนจากกัน ตัวความเศร้าเท่าบิ๊กซี
หล่นจากป้ายทับใจนี้จนบี้แบน
8 กรกฎาคม 2551
---------------------------------------------------------------------
เพื่อนๆที่เป็นนักช็อปขาประจำห้างใหญ่ๆทั้งหลาย
อย่าลืมช่วยกันลดภาวะโลกร้อนด้วยการลดจำนวนถุงพลาสติกนะครับ
หรืออาจจะใช้ตะกร้า หรือถุงผ้าแทนนะครับ
(วันนี้ทำตัวเป็นทูตสิ่งแวดล้อมซะงั้น)
2 กรกฎาคม 2551 16:21 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
เข้าเซเว่นคราใดพี่ใจหาย
แอบชม้ายชายตาหาไม่เห็น
เหงื่อรินไหลหน้าเครื่องทำความเย็น
ที่เซเว่นไร้สาวซื่อชื่อสายชล
เคยมาซื้อแปรงสีฟันที่เซเว่น
ในค่ำเย็นแสนหดหู่ฤดูฝน
ได้เจอสาวจอมตื๊อชื่อสายชล
เหมือนน้ำวนดึงเราเข้าหากัน
น้องหาทางทำความรู้จักพี่
ชมว่าดีว่าน่ารักชักน่าขัน
ชลแอบจ้องมองชายอยู่หลายวัน
จนถึงขั้นตัดสินใจได้ขอเบอร์
พี่ให้เบอร์แต่ยังเหลือเลขสุดท้าย
ให้เจ้าทายหลายหนจนเขินเก้อ
จากวันนั้นพี่อยู่เคียงกับเสียงเธอ
นอนละเมอถึงชลจนวุ่นวาย
เจ้าถามถึงเรื่องแฟนพี่ไม่เผย
เจ้าจึงเอ่ยว่าความเงียบมีความหมาย
ถึงรักแฟนแต่รักชลจนตัวตาย
แม้ชลง่ายแต่ชลงามด้วยความดี
เราคุยกันแฟนซ้อนมาสี่ห้าสาย
เขาระคายด่าก่นพี่ป่นปี้
พี่ถามชลเลิกพี่ไหม พี่ไม่ดี
เจ้าตอบพี่จะทนช้ำทำคะแนน
สายชลพ้อพี่ชายอย่างใจน้อย
จะรอคอยครอบครองทั้งสองแขน
รู้ไหมพี่สงสารชลและทนแฟน
ทุกข์อัดแน่นอ่านข้อความของทรามวัย
วันนี้มีใครบางคนไม่โทรหา
ไม่รู้ว่าเขาจะคิดถึงนิดหนึ่งไหม
หากเพียงคิดน้อยหนึ่งก็ซึ้งใจ
จะได้รู้รักไม่ได้แพ้ไกลกัน
ก็เข้าใจและยอมรับและสำนึก
ความรู้สึกสองเราเพียงไหวหวั่น
อีกคนคงไม่ยินดีที่แบ่งปัน
หัวใจเธอจึงมีฉันเพียงเท่านี้
ใจพี่แคร์สายชลคนคิดถึง
ทั้งแฟนหึงมึงกูอยู่กับพี่
ไปคบชู้ผู้หล่อเหลาว่าเขาดี
ความอดทนที่มีจึงจบลง
ความโสดพี่มีน้องเป็นจุดหมาย
หรือพี่ชายรักสายชลบนความหลง
หัวใจพี่ทำตามความซื่อตรง
แต่มีใครไม่มั่นคงในรักเรา
พี่ใจช้ำเพราะสายชลที่วนเชี่ยว
สาวโดดเดี่ยวเดียวดายในโลกเหงา
อยากฉุดดึงให้เจ้าลืมความซึมเซา
แต่พี่โดนความเศร้าตะปบคอ
ความจริงใจจริงจังช่างแสนสั้น
เพราะสัมพันธ์เกินงามตามคำขอ
พี่เสียชายให้สายชลจนมากพอ
เจ้าไม่ง้อไม่แคร์แม้หางตา
มีมือถือสองเครื่องเคืองใจพี่
เครื่องเดียวนี้พี่จะโทรให้เธอบ้า
ให้โลกรู้พี่บ้าแล้วเพราะแก้วตา
เธอกลับฆ่าพี่ด้วยความนิ่งงัน
สายตาเจ้าสายชลทนมองพี่
ปรากฏมีคนใหม่ พี่ใจสั่น
ถ้าจะหลอกบอกมีใจทำไมกัน
พี่เสียขวัญเสียชายเพราะสายชล
พี่ให้เกียรติคนดีด้วยชีวิต
เจ้ากลับคิดการใดใจสับสน
นับวันชลมองพี่ชายคล้ายเศษคน
ให้พี่ทนรักหวังอยู่ข้างเดียว
เหมือนกระสุนร้อยนัดซัดกลางอก
ให้พลัดตกในสายชลอันวนเชี่ยว
ต่อไปนี้เลิกงานผ่านทางเทียว
จะกล้าเหลียวมองเซเว่นไหมหนอเรา
เคยปลอบเจ้าเมื่อเหงาใจและไหวอ่อน
วันนี้นอนเศร้าโศกในโลกเหงา
น้ำลายขมข่มกลืนจนมึนเมา
พิมพ์เมสเสจส่งถึงเจ้าผู้หลายใจ
คืนนี้มีใครบางคนไม่โทรหา
ไม่รู้ว่าใจเขานี้เป็นสีไหน
แม้จะเป็นสีดำหรือสีใด
พี่ก็รอต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
ดวงตะวันเกลียดภพคอยหลบหน้า
น้ำตาฟ้าเจ้าเอยไม่เคยแห้ง
ตราบใดเลือดของพี่ยังสีแดง
จะไม่แบ่งห้องใจให้ใครนอน
นอนไม่หลับก็ควานหายานอนหลับ
ใจวูบดับล้มลงทับตรงหมอน
ปิดมือถือปิดใจปิดไฟนอน
เห็นภาพซ้อนสาวจอมตื๊อชื่อสายชล
26 มิถุนายน 2551
--------------------------
สุนทรภู่ท่านแต่งยาวเป็นหมื่นๆแสนๆบทยังแต่งไหว
วันนี้ วันสุนทรภู่ รำลึกถึงท่านกวีเอกของโลก
วิสกี้เลยลองแต่งยาวๆมั่งครับ
15 มิถุนายน 2551 17:02 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
โอ้ละเหนอ ลมหนาวมาแล้วหนอ
ทิวดอกอ้อพลิ้วไสวคล้ายสวรรค์
อยู่ริมโขงอาบแสงแห่งตะวัน
ปุยเจ้านั้นขาวล้ำดังสำลี
แผ่วเพลงพิณตะลิดต้อยติ๊ดโต่ง
ประโคมแคนกล่อมโขงฟังสุขี
เรือลำน้อยลอยรายในวารี
แดดอ่อนมี หนุ่มสาวเคียงฝั่งเชียงคาน
สาวขายของอยู่ริมโขงชื่อดอกอ้อ
นั่งใจท้อ ขายของฝากจากอีสาน
นักท่องเที่ยวเทียวซื้อหารับประทาน
มะพร้าวแก้วรสหวานอันโอชา
เมื่อปีกลายมีชายมากรายใกล้
มาบอกรักฝากใจให้ห่วงหา
แวะมาซื้อมะพร้าวแก้วกับแก้วตา
คำพูดจาเพราะเพียงเสียงดีดพิณ
อ้ายขี่รถฮอนด้ามาเบิ่งโขง
ยามฟ้าโล่งแดดร่มสมถวิล
ช่วยเก็บแผงเก็บเพิงเบิ่งวาริน
ลมปลายลิ้นหวานหูมิรู้เลือน
หนุ่มนิสิต ป.โท ม.โตใหญ่
ทำวิจัยลำเนาแนวพฤกษ์แถวเถื่อน
แวะผ่านมาผ่านไปนานหลายเดือน
จนเราเคลื่อนความสัมพันธ์ถึงขั้นแฟน
อ้ายพลอดพร่ำคำสัญญากลางลมหนาว
จะยืนยาวชั่วฟ้าคราสวมแหวน
อ้อมแขนนี้จะไม่ไปกอดใครแทน
ก่อนลาแดน คอนดง กลับคอนโด
เหลือแต่เพียงเบอร์โทร ชื่อที่อยู่
ไม่รู้อ้ายแอบมีชู้อยู่กี่โหล
มะพร้าวแก้วที่ส่งไปไม่ไฮโซ
อย่าลงโถลงถังชังน้ำใจ
ออกพรรษาผิดนัดอีกแล้วหนอ
หรือมัวง้อนักศึกษาที่หน้าใส
เด็กรั้ว ม.แห่งแรกประเทศไทย
คงถึงใจจนอ้ายปลื้มลืมเชียงคาน
งานแข่งเรือ เขาแข่งเรือแข่งพายไหว
วาสนาแข่งไม่ได้ ไม่อาจหาญ
โอ้อกเอ๋ย อกเรา สาวเชียงคาน
หรือตัวเราต้องร้าวรานบนคานทอง
ที่ชั้นแปดคอนโดไฮโซหรู
พี่คงพามากชู้มาสู่ห้อง
คนอย่างเราสาวเมืองเลยพี่เคยลอง
พี่คงเมินหมิ่นมองว่าน้องลาว
กายก็ง่าย ใจก็โง่ โธ่ชีวิต
ต้องทนพิษรักนี้อีกกี่หนาว
หมดวิจัย ก็หมดใจ ไม่ยืนยาว
ทุ่งดอกอ้อสีขาวหมดราคา
ลืมแล้วสาวที่อ้ายง้อขอโอบไหล่
ไปโอบเอวสาวใหม่ใจหรรษา
ฝนเดือนหกพรูพรั่งรินหลั่งมา
เมฆมืดดำครอบงำฟ้าฝั่งเชียงคาน
มะพร้าวแก้วแตกทลายกระจ่ายหล่น
สภาพคล้ายใจคนโดนประหาร
สาวบ้านนอกเจ็บแปลบแสบวิญญาณ
โอ้การรอ ทรมานกว่าการตาย
คมมีดเชือด เลือดชุ่ม ชอุ่มอ้อ
ชาตินี้หนอ งดงาม ต่ำความหมาย
ร่างดับดิ้น ซบดินแดน แสนเดียวดาย
วานปุยอ้อ จงพัดพรายไปคอนโด
---------------------------------------
ความตายช่วยให้เธอหายเจ็บแล้วล่ะครับ