7 กันยายน 2547 12:49 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ฉันรู้สึกเฉยๆที่เธอรักเขา
ฉันไม่โศกเศร้าเพราะฉันเข้มแข็ง
ฉันทำงานหนักจึงดูหมดแรง
ฉันตาแดงเพราะแมลงเข้าตา
ฉันไม่ขวางพร้อมหลีกทางให้
ฉันไม่ได้ป่วยหนักที่ต้องรักษา
ฉันสบายดีไม่เห็นต้องให้อะไรเยียวยา
ฉันไม่ได้ไร้ค่า ถ้าไม่มีเธอ
ฉันก็แค่หลงใหลไม่ได้จริงจัง
ฉันไม่ได้คลั่งรักเธอเสมอ
ฉันฝันร้ายจึงได้ผวาละเมอ
ฉันหมองเหม่อเพราะนอนดึกไป
ฉันไม่ได้เจ็บปวดทำไมต้องโกรธ
ฉันไม่รู้คำว่า ขอโทษ จะใช้ทำอะไรได้
ฉันสบายดี.......ไม่มีอะไร
ฉันถอนหายใจเพราะความเหนื่อยล้าที่มี
ฉันสะอื้นเพราะเพิ่งตื่นจากฝัน
ฉันเสียงสั่นเพราะดูหนังผี
ฉันยังไม่ตาย ... ยังหายใจดีๆ
โปรดทิ้งฉันคนนี้ ... เธอมีเขาต้องดูแล
ฉันรักเธอแบบเผลอใจในวันเหงา
ฉันเจ็บปวดเพราะหัวเข่ามีบาดแผล
ฉันหลับไม่ลงเพราะกินกาแฟ
ฉันรักแท้อย่างไม่ได้คิดมากอะไร
ฉันกล้ำกลืนเพราะช่วงนี้เจ็บคอ
ฉันทำหน้างอเพราะทำหน้าตรงๆไม่ได้
ฉันเสียดายเพราะทำเหรียญบาทหล่นหายไป
ฉันร้องไห้เพราะลมพัดตา...
จำเอาไว้
ที่ฉันร้องไห้ .... แค่ลมพัดตา
7 กันยายน 2547 12:39 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ฉันอาจโง่ที่เคยเผลอรักเธอมาก
และสนองความอยากจนอิ่มหนำ
หัวใจเธอซ่อนเร้นเป็นสีดำ
ฉันถลำหลุมรูรู้ไม่ทัน
พระเจ้าแจกความกล้ามากลบโง่
คนผอมโซท่านทรงรับกลับสวรรค์
มาอยู่ในจุดยืนแห่งคืนวัน
เปลี่ยนเป็นฉันคนเก่า ไม่เมามัว
โลกเราหมุนไม่พร้อมกัน ฉันยอมรับ
จึงขอกลับตั้งสติตรองดีชั่ว
หัวใจฉันมีไว้ใช้รักตัว
ภาพลวงตามายายั่วหยุดย่ำยี
ขออวยพรให้เธออย่าเจอทุกข์
เอาตัวรอดอิ่มสุขทุกวิถี
รสชาติฉันชาลิ้นเลี่ยนสิ้นดี
ฉันยอมรับว่าไม่มีดีสู้ใคร
ฉันอาจโง่ที่เคยเผลอรักเธอมาก
แต่ก็อยากให้รู้ว่าลืมได้
ไว้ชาติหน้ามีจริงอย่างจนใจ
จะกลับไปโง่หนักซบตักเธอ
6 กันยายน 2547 14:10 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
แสนสะท้อนอ่อนไหวใจวาบหวาม
เหมือนถูกหยามด้วยความเงียบเหยียบเย้ยหยัน
ทั้งชอกช้ำ กล้ำกลืน และตื้นตัน
วันนี้ฉันเด่นท่ามกลางงานวิวาห์
ชุดสีขาวยาวเฟื้อยแทบเลื้อยได้
แทบจะพันโลกไว้ใต้ร่มผ้า
อยากจะแทรกชายกระโปรงซ่อนหน้าตา
เหมือนด้านหน้าจัดงานประจานตัว
เชิญแขกเหรื่อเหลือแผ่นดินมากินโต๊ะ
หน้าแทบแหกแตกโพละทั้งหูหัว
จะไปไหว้โต๊ะไหนเล่าเจ้าสาวกลัว
นั่นก็ผัวนี่ก็ผัวของตัวเรา
แสนคับคล้ายคับคลาว่านั่นผัว
ไม่รู้ตัวโต๊ะข้างซ้าย ว้าย! ผัวเก่า
โต๊ะเบื้องหน้าก็สามี นี่ ผัวเรา
นั่นผัวเขา โน่นผัวใคร คับคล้ายคับคลา
ผัวของเพื่อนเหมือนผัวเราคนเก่าก่อน
หวาดกลัวคำอวยพรที่พร้อมหน้า
น้ำตาหยดรดชายชุดวิวาห์
อนิจจาอนาถใจ มันไม่จริง
มันไม่จริ๊ง! มันไม่จริง! เรื่องมันเศร้า
เหมือนถูกเท้าเหยียบย่ำความเป็นหญิง
หน้าอกซ้ายเจ็บจุกเหมือนถูกยิง
หน้าอกขวาปวดยิ่งเหมือนถูกกำ
งานวิวาห์กลายเป็นงานสังสรรค์ผัว
เหมือนดอกบัวกลางฝูงผึ้งตั้งหนึ่งถ้ำ
ชุดสีขาว เจ้าสาวนี้กลับสีดำ
แสนเตี้ยต่ำค่าน้อยด้อยราคา
แสนสงสารเจ้าบ่าวว่าที่ผัว
เขาบนหัวเปล่งแสงอย่างหรูหรา
คือของขวัญจากว่าที่ภริยา
เคยออกล่าชายเลวด้วยเอวลอย
อยากเตือนสาววัยใสที่ใหม่สด
อย่าใช้หมดความสาวใสค่อยใช้สอย
เผื่อมีชายแสนดีที่รอคอย
หนูจะได้ไม่ด้อยกลิ่นความดี
เป็นดอกไม้สีขาวพราวความหมาย
ไม่ใช่ป้ายสีทองครองแทนที่
สิ่งสดใหม่ที่เก็บมารอสามี
ไม่ไร้ค่า ปราศราคี มีราคา
ใช่ว่าเดินควงผัวไปชนผัว
งานแต่งผัวก็มีผัวมาทั่วหน้า
อย่าแจกสาวเรี่ยราดญาติระอา
ชุดวิวาห์สีขาวจึงขาวจริง
6 กันยายน 2547 13:19 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ค่อยค่อยเลี้ยงเธอไว้ในอ้อมกอด
ให้เธอรอดพ้นกรรมที่ตามหลอน
เอาอุ่นไอกายเกื้อเอื้ออาทร
จนได้เห็นสันดอนแห่งสันดาน
เหมือนเขย่าตะกอนให้ขุ่นข้น
สันดานคนถูกเพรียกร้องเรียกขาน
ทั้งเขี้ยวเล็บเกล็ดลายระบายบาน
แตกซะซ่านพิษสงลงลวดลาย
น้ำใจฉันเธอใช้ทำเป็นน้ำพิษ
กว่าจะคิดเคียดแค้นก็แสนสาย
กลิ่นสาปคาวคละคลุ้งฟุ้งกระจาย
ฉายแววความเลวร้ายทางสายตา
ชีวิตฉันอบอวลเสียงหวนไห้
เธอแกล้งเศร้าหน้าใสไร้เสียงสา
ฉันมันเซ่องี่เง่าเหมือนชาวนา
หลงเมตตาอสรพิษคิดไม่ทัน
ขอบคุณรอยขบกัดฝังเซลล์เนื้อ
และน้ำเชื้อพิษช้ำเธอทำฉัน
ที่เธอให้ความเคียดแค้นตอบแทนกัน
ปวดฉับพลันเลือดดีเปลี่ยนสีดำ
ไม่เสียดายอ้อมกอดที่เคยให้
อย่างน้อยมันยังได้เสียงครวญคร่ำ
ฉันไม่โกรธ คิดว่าครู รู้ว่ากรรม
แต่จะจำฝังลงเซลล์ไม่สร่างซา
ทุกลายเล็บเขี้ยวเกล็ดแฝงเหตุผล
ฉันจะจำไปสอนตนในชาติหน้า
ชาตินี้ทำกรรมดีมีน้ำตา
ไม่โกรธหรอกขอบูชาถือว่าครู
3 กันยายน 2547 15:29 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ฉันรักเธอ เธอตาย เธอไม่รู้
ว่าฉันฝืนยืนอยู่และสู้ไหว
ฉันทำได้และทำดีถึงเพียงใด
จนถึงวันยิ่งใหญ่ด้วยสองมือ
เก็บน้ำตาทุกหยดไว้ห้ามใครเห็น
โอ้ชีวิตมันเป็นเช่นนี้หรือ
ไม่ใช่เด็กที่เศร้าหมองแล้วร้องฮือ
วันนี้คือครบเดือนปีที่เธอตาย
สร้างชีวิตสูงสุดถึงจุดอิ่ม
แต่รอยยิ้มดูเหมือนจะเลือนหาย
แรงต่อสู้มีเพียงกำลังกาย
กำลังใจเลือนสลายกับสายลม
ไร้เธอยืนดูภาพอนาคต
น้ำตาฉันทุกหยดมีรสขม
อยู่ในโลกที่หมุนวนเป็นวงกลม
ที่พระพรหมลบภาพเธอลับตา
วางงานไว้นั่งไขว้ขาริมหน้าต่าง
รูปเธอยังยิ้มกว้างอยู่ข้างฝา
ขอฝากคำกับพระจันทร์จำนรรจา
แขวนดวงดาวบนกิ่งฟ้าอันแสนไกล
ยอมรับได้ ความห่างไกล ที่ได้รับ
แต่ ไกลลับ มันห่างเหินเกินรับไหว
ไม่คิดว่าเป็นความหลังที่ฝังใจ
แต่เธอฝังลงในจิตวิญญาณ
ฝากรักไปไกลลิบโลกอันโศกศัลย์
ขอสวรรค์โปรดรับสดับขาน
ขอดวงตาที่ประดับรัตติกาล
จงมองผ่านฟากฟ้ามาพบกัน
ดวงตาฉันมองฟ้ามาตลอด
พยายามสวมสอดกอดสวรรค์
กิจวัตรในชีวิตประจำวัน
คือมองภาพเธอนั้นในคำนึง
รักอ่อนอุ่นกรุ่นในไออาทิตย์
ฉันสัมผัสด้วยจิตยามคิดถึง
คล้ายอ้อมกอดแห่งความหลังที่ฝังตรึง
ที่จากไปอยู่โลกหนึ่งอย่างจำใจ
เหลือความว่างกลางอากาศให้ฉันกอด
ให้สวมสอดความหมองยามร้องไห้
รู้จักความคิดถึงและห่วงใย
ความห่างไกลมอบมันให้ฉันมี
ฉันก้มหน้าร้องไห้กอดไม่ถึง
รอจดหมายจากโลกหนึ่งถึงโลกนี้
ขอกอดเธอในความฝันฉันยังดี
ณ นาทีที่ชีวิตคิดถึงเธอ