21 พฤษภาคม 2553 17:29 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ทำไมยิงกันที่ศาลาแดง
แล้วคนเสื้อแดงจะพักศาลาไหน
เผาแบงก์ ทุบเอทีเอ็มทำไม
หนูจะฝากเงินที่ไหนล่ะคุณอา
ทำไมยิงกันที่บ่อนไก่
พ่อหนูจะตีไก่บ่อนไหนล่ะน้าจ๋า
เผาเซ็นทรัลเวิลด์ทำไมในพริบตา
ของลดราคาหนูก็เลยเหลือแต่ควัน
ทำไมเผาช่องสามของหนู
ให้หนูดูไทรโศกช่องไหนนั่น
เผาศาลากลางแล้วลุงๆได้อะไรกัน
เห็นธุระสำคัญลุงก็ไปศาลากลาง
ไปเผาการประปาทำไมคะพี่ๆ
เวลาขี้ หนูจะเอาอะไรล้าง
จะให้ใช้กระดาษทิชชู่บางๆ
พี่ก็ปล้นเซเว่น เผาห้าง ไม่เหลือดี
พี่ไปบุกยิงบ้าน ส.ส.ทำไม
เขายิงตอบโต้ พี่ตาย หนูกลัวผี
จะช่วยพาไปโรงบาลในทันที
พวกเพื่อนๆพี่ก็ปิดล้อมโรงบาล
พรรคพวกพี่ตาย พี่ร้องไห้เสียใจ
แล้วพวกพี่ทำไมไม่อยู่บ้าน
ทำไมพี่ไม่ไปทำงาน
หรือพี่รวยมีเงินล้านกันทุกคน
แต่หนูก็รักพี่นะ พี่เสื้อแดง
พี่ทำให้ราชการระแวงทุกแห่งหน
เขาเลยปิดโรงเรียนให้พวกหนูทุกคน
นอนอยู่บ้านจนพวกพี่กลับบ้านปลอดภัย
ก่อนโรงเรียนจะเปิด หนูขอได้ไหมว่า
ขอให้เรากลับมา รักกันอีกได้ไหม
หนูอยากดูไทรโศกน่ะพี่ ไม่มีอะไร
เรื่องที่ผ่านพ้นไป หนูจะให้อภัยและไม่งอน
กลับบ้านเถอะพี่ เราตายมาเยอะแล้ว
เก็บแรงไว้สู้ศัตรูดีกว่า อย่าฆ่ากันเองเลย ... นะพี่นะ
29 สิงหาคม 2552 20:13 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ว่างจากขับแท็กซี่ พี่เสื้อเหลือง
ก็ดับเครื่องไปชุมนุมกับกลุ่มเขา
ปิดสะพาน ล้อมสภา มาเถอะเรา
บ้างก็เข้าไปปิดล้อมสนามบิน
จันทร์ถึงศุกร์ เสื้อแดงสาวเข้าออฟฟิศ
เสาร์อาทิตย์ ไปร่วมพรรคชูทักษิณ
บ้างร้องเฮ บ้างร้องไห้ ใส่โฟนอิน
งานเสร็จสิ้นโบกแท็กซี่ที่ผ่านมา
สาวเสื้อแดง หนุ่มเสื้อเหลือง ต่างเคืองคับ
จะต้องกลับทางเดียวกัน มีปัญหา
มองหน้ากันให้ชัด ไฟสาดตา
จึงรู้ว่าคนบ้านใกล้หัว-ท้ายซอย
ระหว่างทาง สาวเสื้อแดงหนุ่มเสื้อเหลือง
ถกเหตุการณ์บ้านเมือง เคืองคอหอย
ฟังวิทยุ ยุยง ไม่ลงรอย
รถติดหน่อยก็หันมาต่อว่ากัน
เสียงมือตบ ตีนตบ กลบวิทยุ
หนุ่มปะทะ สาวปะทุ ดูแข็งขัน
อยากจ่ายเงินด้วยความโกรธลงรถพลัน
ไฟเขียวนั้นก็พลันเรืองแทนเหลืองแดง
รถวิ่งมาติดแยกใหม่ได้เถียงต่อ
หนุ่มหน้าหงิก สาวหน้างอ เพราะหัวแข็ง
หนุ่มวิพากษ์ สาววิจารณ์ กันร้อนแรง
เกิดรอยร้าว สาวขัดแข้ง หนุ่มขัดคอ
รถติดนานชั่วโมงครึ่งไม่ถึงบ้าน
เห็นสัญญาณไฟเหลืองแดงขัดแย้งหนอ
คอยไฟเขียวให้สัญญาณ กัดกันรอ
ไฟเขียวมาความทุกข์ท้อก็หายไป
อีกกี่แยกกันเล่าเราจะถึง
แยกที่ซึ่งไฟเขียวพร่างสว่างไสว
เหลืองก็แห้ง แดงก็ท้อ รออะไร
หนุ่มสาวแย่งเปลี่ยนคลื่นใหม่หาเพลงฟัง
วิทยุปรับหมุนจูนถึงคลื่น
เสียงพระธรรมฉ่ำชื่นฟื้นความหวัง
ไม่มีสีเหลือง-แดงแย่งกำลัง
หนุ่มสาวนั่งฟังเพลินเจริญใจ
อันชาติเรารบกันมานานแล้ว
บ้างเชียร์แม้ว บ้างเชียร์มาร์ค มากไปไหม
ท่านทะเลาะ เราถล่ม ล้มชิงชัย
ได้อะไรกลับมาจากฆ่ากัน
ไม่ทะเลาะเราก็หนักมากพอแล้ว
ร้าวเหมือนแก้วแล้วเออ เธอกับฉัน
ตื่นแต่เช้าล้างหน้า เตรียมฆ่าฟัน
เมื่อไหร่นั้นจะสันตินิรภัย
พอออกรถก็งดพูดหยุดก่อเหตุ
วางมือตบ จบพระเทศน์ เขตโปร่งใส
ไฟสีเขียวสว่างแจ้งเป็นแสงชัย
รถราได้วิ่งลิ่วดังปลิวลม
หยุดขบกัดขัดแย้งแท้งประเทศ
หยุดก่อเหตุเภทภัยให้ขื่นขม
หยุดแปลงเทป หยุดปะทะ หยุดระดม
หยุดโค่นล้ม หยุดสาดโคลน หยุดโฟนอิน
หยุดปิดล้อม หยุดกลั่นแกล้ง หยุดแย่งยื้อ
หยุดสาดสื่อ หยุดเข่นฆ่า หยุดปาหิน
จงเป็นกลางล้างพิษให้แผ่นดิน
ต่างทำมาหากินดิ้นรนไป
ให้ไฟเขียวเขียวสว่างทุกทางโล่ง
ชาติปลอดโปร่งรักกันไม่หวั่นไหว
แยกสุดท้ายหนุ่มและสาวเริ่มเข้าใจ
จะร่วมสร้างประเทศไทยไร้เหลืองแดง
ส่งสาวลงตรงหน้าบ้าน ยิ้มหวานให้
ไม่คิดเงินคนบ้านใกล้ใช่เสแสร้ง
สาวยิ้มตอบขอบคุณแบ่งถุงแกง
คนขันแข็ง พ่อไฟเขียว ถ้าเลี้ยวมา
29 สิงหาคม 2552
12 สิงหาคม 2552 17:09 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
สิบกว่าปีที่ไม่หยุดอุตสาหะ
แม่อยู่ในกองขยะอันเน่าเหม็น
ไม่เกียจคร้าน ไม่รำคาญความลำเค็ญ
ทำงานเป็นลูกจ้างอย่างเต็มใจ
ทนก้มหน้าฝ่าเปลวแดดที่แผดเผา
เสื้อตัวเก่าแตกตะเข็บเย็บไม่ไหว
เวียนกลิ่นซากขยะเหม็นไม่เป็นไร
ส่งลูกเรียนจัดดอกไม้ในห้องแอร์
ขยะคมติดเชื้อทิ่มเนื้อหนอง
มือทั้งสองแทบขาดด้วยบาดแผล
ไม่เรียกร้ององค์กรใดให้ดูแล
ให้ใครแคร์คิดสมเพชเวทนา
ฉันมาเรียนวิชาสายอาชีพ
อยู่กับกลีบดอกไม้ใจหรรษา
เหมือนฉันเอาเปรียบแม่เสมอมา
อบอวลกลิ่นบุปผานานาพรรณ
ชีวิตฉันแสนสุขไร้ทุกข์โศก
อยู่ในโลกแห่งดอกไม้หลายสีสัน
ลืมหลายกรอบหลายกฎที่กดดัน
แต่ไม่ลืมได้สักวันคือมารดา
งานประชุมผู้ปกครองห้องแอร์ใหญ่
แม่ซ่อนตัวอยู่ไกลไม่เผยหน้า
กลัวลูกอายเพื่อนแท้ที่แม่มา
ในสภาพอนาถายาจกจน
ประกาศรวมผู้ปกครองเข้าห้องได้
แม่หวั่นไหวใจท้อเพราะสับสน
ละลานตาข้าราชการเอกชน
ใจสะท้อนย้อนมองตนเป็นคนงาน
ฉันประคองประคับจับมือแม่
ล้วนบาดแผลความยากแค้นแสนสงสาร
คู่นี้คือมือลูกจ้างเทศบาล
ที่บันดาลโลกหอมกรุ่นให้หมุนไป
ช่อดอกไม้ฝีมือหนูครูชมชื่น
ไปดาษดื่นเบ่งบานถึงงานไหน
แม้ลิลลี่เยอร์บีร่ามาจากใด
ไม่สวยเท่าดอกไม้ใน ใจคนจน
เป็นดอกไม้แห่งความเสียสละ
บานอยู่ในกองขยะท้าแดดฝน
เป็นดอกไม้ที่งดงามความเป็นคน
บานอยู่ในความจนทนทระนง
อยู่ข้างลูกเถิดนะอย่าหวั่นหวาด
ขอผงาดเป็นชาติกาในฝูงหงส์
พ่อแม่เพื่อนแม้เชื้อขุนสกุลวงศ์
ลูกยังคงภูมิใจในมารดา
จะเด็ดดอกดวงดาวราวสวรรค์
อุบะจันทร์รัญจวนอวลเวหา
ทางช้างเผือกเป็นเชือกน้อยร้อยดารา
แทนมาลัยบูชาค่าน้ำนม
มือหนึ่งคู่จะสู้จนทนทุกข์ยาก
ดึงแม่จากกองขยะที่ทับถม
มาอยู่ในโลกดอกไม้ไร้ระทม
เป็นอีกคนที่สังคมมองว่าคน
12 สิงหาคม 2552
8 มีนาคม 2552 17:25 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ตื่นตีห้าเตรียมใส่บาตรบุญเดือนสี่
นุ่งผ้าไหมมัดหมี่ฝีมือแม่
เสื้อเอาบุญสีรับกับผ้าแพร
ช่างงามแท้ชะแง้ชะโงกกระจกเงา
จัดสำรับกับข้าวเอาไปวัด
เพื่อนสาวนัดที่ข้างรั้วกลัวเดินเหงา
อีนวลปราง นังบุญมี และอีเยาว์
นังดวงเดือนเพื่อนเก่าแต่เยาว์วัย
แบบฉบับสาวส่ำน้อยเมืองร้อยเอ็ด
งามสะเด็ดเสร็จสิ้นนุ่งซิ่นไหม
หอมกลิ่นเสื้อเอาบุญกรุ่นแต่ไกล
ผมปกไหล่ทัดดอกลีลาวดี
คนแก่เฒ่าชาวบ้านล้นลานวัด
แน่นขนัดเสื้อใหม่หลายหลากสี
ทั้งลูกหลานที่ห่างหายไปหลายปี
กลับมาเอาบุญเดือนสี่ที่บ้านตน
ก้มกราบพระประธานอันศักดิ์สิทธิ์
ช่วยกอปรกิจแย้มยิ้มอิ่มกุศล
จัดสำรับคาวหวานกันหลายคน
พระสวดมนต์ให้พรก่อนประเคน
คนแก่เฒ่าเว้าเฟื่องเรื่องลูกหลาน
ทั้งการเรียนการงานของหลานเหลน
สาวส่ำน้อยอย่างเฮาไปเข้าเวร
เตรียมของเพลภัตตาหารทั้งหวานคาว
ที่ลานวัดลูกเล็กเด็กวิ่งเล่น
ที่นี่เป็นลานประชุมของหนุ่มสาว
หลายคนตัดกระดาษงามทำสอยดาว
มีหลากหลายเรื่องราวเว้าจากัน
รอเพื่อนสาวเม้ากับกลุ่มเพื่อนคุ้มอื่น
นางก็ยืนจัดตะกร้ากระติบขัน
จะกรวดน้ำให้ตาไหวและยายจันทร์
กุศลนั้นคงจะถึงซึ่งยายตา
สายตานางพลั้งมองจ้องพระพุทธ
พลันสะดุดเห็นอ้ายชายแปลกหน้า
ยืนคอยคนบนลานชานศาลา
ช่างแย้มยิ้มเจรจาน่าเอ็นดู
หรือจะเป็นเพื่อนพ้องพี่น้องญาติ
ของอ้ายมาด อ้ายหมาย หรืออ้ายหมู
เพื่อนสาวติ๊ก กิ๊กสาวแนน แฟนสาวปู
จะใสซื่อหรือเจ้าชู้ดูพาที
ตาคิ้วคางปากจมูกถูกโฉลก
ราวกับโลกพลันสะดุดหยุดกับที่
ไม่ทันหลบอ้ายสบตามาพอดี
เหมือนมัทรีสบเนตรเวสสันดร
น้องหลงฮักคักแล้วแววตาซื่อ
จะบวชวันไหนหรือ อยากถือหมอน
หรือใส่บาตรแล้วพระท่านประทานพร
กุศลย้อนสนองให้ด้วยชายงาม
แอบฮักหนุ่มบ้านไกลมาใส่บาตร
อ้ายเป็นญาติของไผอยากอายถาม
จูงคุณยายขึ้นซิตี้คันสีคราม
ป้ายทะเบียนสารคามมองตามทัน
บ่มีสาวได๋เฟียเป็นเมียอ้าย
สาวผู้ฮ่ายแอบฮักอยากร่วมขัน
ร่วมฟังเทศน์มหาชาติบ่คลาดกัน
ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนจะฝืนฟัง
มาอีกไหม อ้ายจ๋า มาฟังเทศน์
หรือข้าวปุ้นบุญเผวตหมดเขตหวัง
เพราะสาวนาคนนี้บ่มีตังค์
อ้ายจึงชังมองเห็นเป็นกุลา
หากน้ำยาข้าวปุ้นกระตุ้นลิ้น
อ้ายจะดิ้นด้วยรสเสน่หา
นางสืบทอดฝีจวักจากมารดา
หากอ้ายมาลองชิมจะอิ่มใจ
อีกได้ลิ้มชิมชมข้าวต้มผัด
ที่นางคัดผิวตองเนียนผ่องใส
ขูดมะพร้าวขาวคั้นข้นทันใจ
กล้วยน้ำว้าข้าวเหนียวใหม่ห่อใบตอง
ยกมือไหว้พ่อกำนันท่านทายทัก
ยามอ้ายยิ้มช่างน่ารักอยากสู่สอง
ทั้วผิวพรรณจรรยาน่าแลมอง
เคยเอาทองถวายวัดแต่ชาติใด
พาคุณยายมาใส่บาตรเอาบุญบ้าน
อ้ายเป็นหลานกตัญญูดูสดใส
น้องตัวดำคงทำทานด้วยถ่านไฟ
เกิดมาได้ผิวคล้ำไม่คู่ควร
เสร็จกรวดน้ำจะรีบกลับไปอาบน้ำ
เผื่อผิวคล้ำจะขาวบ้างสักบางส่วน
ต้มน้ำยาข้าวปุ้นหอมกรุ่นชวน
พ่อผิวนวลได้ลองดั่งต้องมนต์
หลุดภวังค์เมื่อสบแววดวงตาวับ
ก่อนอ้ายกลับขับรถออกถนน
จึงกระหยิ่มยิ้มได้ในใจตน
นึกว่าคนนี้ล่ะแม่นเป็นแฟนเรา
พนมมือขอพรองค์พระเวส
ลูกจะมาฟังเทศน์บ่ง่วงเหงา
ให้เขามากินข้าวปุ้นบุญบ้านเฮา
หากบุญทำกรรมเก่าเราถึงกัน
พอเพื่อนสาวเม้าเลิกได้ฤกษ์กลับ
ใจวูบวับหวิวไหวราวในฝัน
เพื่อนคุยว่าบ้านเรานี้ไม่กี่วัน
ครูใหม่นั้นจะย้ายมาจากสารคาม
---------------------------------------
7 มีนาคม 2552
บุญเดือนสี่
ไปกินข้าวปุ้น เอาบุญเผวต ฟังเทศน์มหาชาติ
18 สิงหาคม 2551 18:07 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ห้องนี้เพดานแตก ปูนแยกผนังร้าว เขาเหน็บหนาวหลายคน
ร่วมทุกข์ทนอย่างสนุก ร่วมทนทุกข์อย่างสนาน ราตรีกาลมืดมิด
มืดสนิทมัวมน แต่ไร้คนหม่นหมอง ห้องนี้ไม่ว่างเปล่า
ไม่เงียบเหงาเหว่ว้า หัวเราะจนอ่อนล้า สุขล้ำจริงเหวย จริงเวย
หลังคาเผยยั่วฟ้า ฝนหนาว
ฟ้ามืดมองเห็นดาว เด่นได้
แมงมุมถักใยพราว แพรอุ่น
หนุนตักกอดคอไว้ เมื่อไร้แรงหวัง
ฟังเสียงหัวเราะล้อ คลอเคลีย
บีบนวดยามอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
ปลอบโยนเมื่อขวัญเสีย สติสั่น
ห้องอับไม่เหว่ว้า ควะคว้างเคว้งขวัญ
ห้องนั้นสิแพแตก ใจแหลกความรักร้าว เขาเหน็บหนาวคนเดียว
เขาโดดเดี่ยวเดียวดาย เขาฟูมฟายกับดาว เขาปวดร้าวกับเดือน
เหมือนชีวีมืดมิด เหมือนชีวิตมืดมน มันวกวนหม่นหมอง
ห้องนั้นแสนว่างเปล่า เขาเงียบเหงาเหว่ว้า
ร้องร่ำจนอ่อนล้า ปวดร้าวเลอเฉลย แลเลย
มุมมืดเคยเยี่ยมฟ้า ยลดาว
มาบัดนี้สิหนาว เหน็บล้ำ
ความรักถักใยพราว ฉีกขาด
หนาวนอกในตอกย้ำ หมดไร้แรงหวัง
ฟังเสียงหวนร่ำไห้ ใจเพลีย
คร่ำครวญใครคลอเคลีย คู่เคล้า
คอยปลอบเมื่อขวัญเสีย สติสั่น
เหงาเงียบเยียบเย็นเหย้า ควะคว้างเคว้งขวัญ
เรือนนั้นสร้างจากไม้ ปูนอิฐ
เติมแต่งตอกตีติด ต่อไว้
บ้านนั้นแนบสนิท เนาอุ่น
สร้างจากรักปราศไร้ อิฐไม้ทรายปูน
ฝนอาดูรสาดบ้าน เรือนพัง
แต่รักยังจะยัง อยู่เหย้า
หมดรักหมดมนต์ขลัง อบอุ่น
ฝนสาดเย็นเยือกเศร้า สั่นสะท้านเรือนขวัญ
22 กรกฎาคม 2545
บ้าน - ขอนแก่น