17 สิงหาคม 2547 12:11 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
ฉันไม่ใช่ตัวเอกในเรื่องนี้
บทบาทที่ได้รับอับความหมาย
แค่ถูกเงินว่าจ้างพาร่างกาย
มาผ่านกรายหน้ากล้อง...ไม่สำคัญ
เป็นแค่ตัวประกอบพอแก้เขิน
เรียก ดารารับเชิญ ให้เกียรติฉัน
คอยออเออที่เธอสองครองรักกัน
เพราะหน้าที่มีเท่านั้น ฉันจนใจ
แสร้งตลกโปกฮาน้ำตาร่วง
ไร้สิทธิ์หวงได้แค่เศร้าเข้าใจไหม
แทบทุกคัต ทุกซีน ศีลแทงใจ
มีสิทธิ์แค่ร้องไห้ในละคร
แค่ดารารับเชิญบังเอิญช้ำ
อินในบทกลืนกล้ำสุดไถ่ถอน
ยามตัวเอกลงเอยกัน...ฉันร้าวรอน
ได้สามตอนตัวประกอบถูกลอบยิง!!!
17 สิงหาคม 2547 12:05 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
โปรดเก็บหลักฐาน อยู่บนใบหน้า
นั่นคือสายตา เวลาเห็นฉัน
เพราะเกรงใจเขา กลัวเขารู้ทัน
เคยรู้จักกัน เท่านั้นก็พอ
ฉันไม่อยากเป็นเสี้ยนหนามความรัก
ไม่ต้องทายทัก ฉันอยากร้องขอ
ถ้าเผลอพบฉัน มองผ่านก็พอ
ไม่ต้องทักต่อ เขาอาจแคลงใจ
อย่าฟื้นคดีด้วยตาซึ้งซ่าน
เพราะฉันสงสารอาการสงสัย
เขาอาจไหวหวั่นว่าฉันเป็นใคร
โปรดอย่าจุดไฟเผารักร้อนรน
ไม่ต้องมีใจไถ่ถามข่าวสาร
ได้โปรดมองผ่านเป็นการกุศล
ถ้าหากเขาถามด้วยความวกวน
แค่จำผิดคน โปรดตอบเขาไป
โปรดเก็บหลักฐาน อาการ สีหน้า
แม้ต่างรู้ว่าไม่หวนมาใหม่
แคร์ความรู้สึกลึกลึกข้างใน
เขาอาจปวดใจ...อย่างฉันเคยเป็น
16 สิงหาคม 2547 13:45 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
One Crying Bird In A Cage.
มีหนึ่งนกผกผินอิสระ
สองดวงตาศิลปะมองฟ้าใส
ปีกเสรีโบยบินตามจิตใจ
โลกกว้างใหญ่ยังมีรักให้พักพิง
ถูกเธอหักปีกขังกรงอากาศ
เพราะประมาทในรักอุ่นที่ห่มผิง
น้ำตาตกอกจุกดังถูกยิง
เธอทอดทิ้งหนึ่งใจไว้ในกรง
ทุ่มเทรักหนักแน่นตายแทนได้
น่าปลื้มใจได้กลับแค่ความหลง
มีดของเธอแอบแฝงไม่แทงตรง
แต่เช้าค่ำมันยังคงบาดข้างใน
หรือปากนี้มีไว้ใช้แค่จูบ
กายมีไว้เพียงไล้ลูบให้วูบไหว
มีตาสองไว้มองรูปหวามวูบไว
เพียงวูบใจก็ไสผลักจากคนรอ
เห็นสมองแต่ไร้หวังเห็นความคิด
คำตอบในแอนเซอร์ชีตผิดทุกข้อ
เทดินตมถมทะเลไม่เคยพอ
คำร้องขอเคยไหมเธอได้ยิน
เข้าคอร์สเรียนรู้เล่ห์กลอันยลแยบ
กระเดือกแสบแปลบปวดกลืนกรวดหิน
ลืมหน้าคนเคยรักกันปานกลืนกิน
คงชาชินการแชเชือนอย่างช่ำชอง
รางวัลรักที่ให้ในวันเก่า
คือรอยเท้าประทับไว้ในสมอง
รักที่เคยไขว่คว้ามันมาครอง
เธอเก็บไว้ในโถดองไร้เยื่อใย
พระเจ้าแจกศรรักอาบสนิม
คนคนนี้อดหรืออิ่มยังยิ้มได้
หรือฉันเกิดมาเดินบนหนทางไกล
ที่ขีดไว้ให้ชอกช้ำเพียงลำพัง
รู้สึกตัวเมื่อน้ำตาเริ่มเปลี่ยนสี
ความหวังดี เสียแรงถูกแทงหลัง
แต่ไม่เคยให้ความช้ำก่อความชัง
แม้ความฝันถูกเธอฝังตายทั้งเป็น
ขอที่ว่างให้คำว่า มิตรภาพ
สองแก้มอาบน้ำตาเธออย่าเห็น
ทุกหยาดหยดทุกเม็ดเด็ดกระเด็น
หากมันทำให้เธอเย็น...ฉันเต็มใจ
นกยังแหกกรงขังอย่างเปล่าเปลี่ยว
คำว่าเลิกแค่คำเดียวให้ไม่ได้
เธออมไว้ในปากเพื่ออะไร
กลืนสุราล้างไตแล้วเลิกดึง
เหมือนสายน้ำเชี่ยวกรากกั้นความหวัง
คนละฝั่งอยากใกล้กอดไม่ถึง
คนหนึ่งร้องชะแง้ชะเง้อเพ้อรำพึง
อีกคนหนึ่งหายไปกับฝนโปรย
ขังนกน้อยในกรงให้หลงใหล
แต่ไม่ให้อาหาร...มันหิวโหย
เส้นเสียงฉีกเลือดหยดร้องโอดโอย
ด่าวดับโดยแดดิ้นสิ้นสันดาน
กางปีกปัดงัดแหกกรงอากาศ
กระแสไฟฟ้าฟาดประหัตประหาร
เจ้านายปล่อยทิ้งไว้ให้ซมซาน
เจ็บปวดปานเหล็กแหลมทะลวงใจ
เหมือนหายใจในน้ำสิ้นสำนึก
จมเหวลึกสามเส้าสุดร้าวไหว
เป็นความพลาดความผิดลิขิตใคร
เราจึงได้มีชีวิตดังนิยาย
คนทั้งคนถูกอีกคนมาแทนที่
คนคนนี้จึงขอร้องมองความหมาย
โปรดเกลียดใจอย่าเกลียดชังเพียงร่างกาย
น่าเสียดายที่เผลอพร้อมยอมรับเธอ...
16 สิงหาคม 2547 13:27 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
นกน้อยบินผ่านมา
กาลเวลาบินผ่านไป
ความรักบินผ่านใจ
ไปแสนไกลไม่ผ่านมา
........................
ฉันมองเห็นนกสองตัว
ยวนยั่วเคล้าคลอตามประสา
หยอกล้อลอยลมเจื้อยแจ้วเจรจา
ดื่มด่ำน้ำค้างป่าร้องเพลงกังวาน
กางปีกไซ้ขนอ่อนอันบางเบา
ร้องเพลงเหงาเหงาแว่วหวาน
ทะนุถนอมรักมั่นนิรันดร์ยาวนาน
ขับขาน ลั้ลลา ลัลลา...
เหตุใดนกน้อยตัวหนึ่งจึงเปลี่ยวใจ
ส่งเสียงร้องไห้โอดโอยโหยหา
น้ำค้างพร่างพรมห่มสองดวงตา
หยาดมาตอกย้ำความหนาวเย็น
เสียงแหบโหยที่ตะเบ็งใครได้ยิน
กางปีกฉีกขาดโบยบินใครมองเห็น
ใครว่านกเสียงใสร้องไห้ไม่เป็น
หวั่นไหวไม่ว่างเว้น...วกวน
น้ำค้างหยดนี้หยาดมาจากฟ้าใด
ช่างเย็นจับใจลึกลับสับสน
หรือมันคือน้ำตาที่หยาดมาจากเบื้องบน
นกน้อยหมองหม่นทุรนทุราย
คู่เจ้าบินหลงไปส่งเสียงใส
กับนกตัวใหม่เรียวขนงามมีความหมาย
ปีกล้าอ่อนแรงของเจ้าผู้เดียวดาย
กระพือบินสู้ความตายลำพัง
เหมือนฉันปวดร้าวซ่อนกายหดหู่
หอบหายใจอยู่อย่างช้ำกับความหลัง
คืนหนาวละเมอไร้เธอแนบรัง
ขาดเธอเติมหวัง - เขาตรม...แต่ฉันตาย
16 สิงหาคม 2547 13:18 น.
วิสกี้ เลอ ฟองเบียร์
พูดกับลมหายใจของตัวเอง
ร้องเพลงกับความเงียบเหงา
มีเพื่อนสนิทคือความเคว้ง
มีความวังเวงเป็นดังเงา
เช้าวันเสาร์คือเช้าวันเหงา
รอบกายเรามีแต่ความอ้างว้าง
ใจโคจรมาพบฤดูเศร้า
ความว่างเปล่าคือเพื่อนร่วมทาง
มุมชีวิตที่ไร้ใครเคียงข้าง
ความเงียบอำพรางลมหายใจ
ฉันไม่เคยเป็นเจ้าของอะไรสักอย่าง
ทุกสิ่งหล่นคว้าง...หายไป
สองมือได้กอบกำแต่ความร้างไร้
ล้มไข้ด้วยอาการเข้มแข็ง
เป็นตัวตลกที่ยังพอยิ้มได้
แต่ไฉนดวงตาเป็นสีแดง
มีความทรงจำที่แห้งแล้ง
แต้มแต่งด้วยสะเก็ดความสุข
การได้ครอบครองใจใครในกำมือ
อาจทำให้เราลืมถือความสนุก
ถ้าต้องได้ครอบครองอย่างเป็นทุกข์
ฉันขอเป็นสุขกับการสูญเสีย
บางทีสองแก้มที่แห้งกร้าน
ก็ต้องการน้ำตาใสๆให้ไหลเคลีย...