5 ธันวาคม 2547 23:56 น.
kwan
นั่งริมธาร ครุ่นวิจารณ์ การเกิดดับ
เปลี่ยนปุบปับ สายธาร ทะยานไหล
เกิดไอเย็น ฟุ้งฟ่อง จรุงใจ
ดับร้อนใจ โดยมิต้อง ลองอาบกิน
.อีกทางหนึ่ง ตลึงแล แน่ใจนัก
ถ้าใครผลัก ตกลง คงแดดิ้น
เผลอกระทบ หินผา ใต้วาริน
แล้วจะสิ้น ชีพไป ตามวังวน
มานึกดู เปรียบดั่ง สังสารวัฎฏ์
ดูผาดๆ น่ากระหวัด ในลาภผล
ที่ซ่อนอยู่ จิตทุกข์ ปลุกใจคน
ให้ยอมทน ลำบาก บากบั่นไป
. จนได้เกิด แก่ตาย ในวัฏฏะ
ไม่มีสะ ใจสร่าง อย่างไหนๆ
ใครมองเห็น จงระวัง ยั้งจิตใจ
อย่าให้โผล่ พลัดตก นรก วนฯ
4 ธันวาคม 2547 22:52 น.
kwan
เป็นความโง่เง่าอันฉกาจ
เราผิดพลั้งพลาดตั้งแต่ต้น
เริ่มจาก ความเหงา ไร้ตัวตน
ผูกพัน คนทั้งสอง ด้วยกัน
รักกัน เนื่องจากไม่มีใคร
ต่างก็อ่อนไหว หวาด พรั่นพรึง
จึงเกิดอาการเมื่อนานวัน
เพราะ ความฝัน มิเคยลงรอย
_________________________________
4 ธันวาคม 2547 22:51 น.
kwan
เอ๊ะทำไม กลอนไหนๆ ก็ว่าชาย
โปรดชี้แจง ให้หาย คลายสงสัย
หัวปิงปอง ส่งเสียง ถามออกไป
ชายคนนี้ เลวอย่างไร วานบอกที
บางรายแช่ง ให้ชาย ตกนรก
โอ้หัวอก คนไทย ช่างมัวหมอง
เราทุกคน ต้องมี ความปรองดอง
โปรดอย่ามอง คนเหมือนกัน อย่างดูแคลน
อันตัวชาย พี่ของชาย และพ่อชาย
ล้วนไม่วาย ต่างโดนลาก มาเกี่ยวข้อง
ถูกดุด่า จนน้ำตา ไหลเนืองนอง
อยากเรียกร้อง ความเป็นธรรม จากสังคม
หันมามอง การกระทำ ชายสักนิด
แล้วจะคิด ได้ว่า น่าสงสาร
น่ายกย่อง เชิดชู ใช่ประจาน
น่าสืบสาน และทำตาม อย่าแชเชือน
ด้วยเหตุนี้ หัวปิงปอง ต้องเขียนบ้าง
เพื่อแก้ต่างให้ชายดับทุกข์เข็ญ
เพื่อให้ ชาย สุขสบาย และร่มเย็น
เพราะชายเป็น คนดี ของสังคม
จึงลองเขียน มาเป็น คำคล้องจอง
โปรดอย่ามอง ว่าเป็น กลอนสวยหรู
สัมผัสบ้าง ไม่สัมผัสบ้าง โปรดอ่านดู
ก็จะรู้ ว่าชาย ดีอย่างไร
ชายฆ่าคน แล้วทำไม แล้วอย่างไร
จะมีใคร ใจหนักแน่น ดั่งหินผา
ยิงคนได้ ในระยะ ไม่ถึงวา
อย่างนี้ว่า ชายปอดแหก ได้อย่างไร
ข้อที่สอง ชายทำให้ อาปุชัย
จัดระเบียบ สังคมใหม่ ได้สวยหรู
มีข้ออ้าง ยกขึ้นมา ให้คนดู
จะได้รู้ ความจำเป็น ที่ต้องทำ
ข้อที่สาม น่าเลื่อมใส ใจพ่อเหลิม
ชายขอเสริม ทุกๆคน โปรดมองเห็น
ทำไมหนอ ชีวิตพ่อ ถึงลำเค็ญ
ไม่ได้เป็น พ่อดีเด่น ดั่งใจปอง
ข้อที่สี่ ชายทำให้ สังคมไทย
หายสงสัย สิ่งไหนดี สิ่งไหนชั่ว
มาตรฐาน ของตัวชาย ไม่มีมั่ว
ถ้าอยากชั่ว ต้องทำตัว ได้เหมือนชาย
ข้อที่ห้า ดูให้รู้ ดูให้เป็น
ก็จะเห็น มาตรฐาน ตำรวจไทย
หลายวันแล้ว ที่ชาย ฆ่าคนไป
แล้วทำไม ไม่มา จับเสียที
หรือจะรอ ให้ชาย เดินไปขอ
ไปงอนง้อ กราบกราน จับชายมั๊ย?
น่าสงสาร ชีวิต คนทั่วไป
จะปลอดภัย ได้อย่างไร ถ้าชายอยู่
ข้อที่หก เตือนไว้ อย่าผลีผลาม
อย่าทำตาม ที่ชาย ทำให้เห็น
ฆ่าคนแล้ว โปรดทำตัว ใจเย็นๆ
ไม่จำเป็น อย่าเพิ่งหลบ หลีกหนีไป
ข่าวออกมา มันจะ หาดูไม่
เขาสงสัย ว่าเรายิง ถึงรีบหนี
จะแก้ตัว อย่างไร ก็ไม่ดี
ทั้งๆ ที่ ไอ้ปื๊ด เป็นคนทำ
ข้อที่เจ็ด ถึงลุงจิ๋ว ที่น่ารัก
ไม่แปรพักตร์ รักหลานๆ ไม่หวั่นไหว
ชาติทหาร ดั่งชาติเสือ ที่ไว้ลาย
นักรบไทย โปรดดูไว้ แล้วทำตาม
ขอพูดถึง พี่ชาย ทั้งสองบ้าง
ขอสะสาง สั่งงาน ให้พี่ทำ
ขาดน้องไป อย่าได้ลด ความระยำ
พี่จงนำ ติดตัวไป ให้เหมือนเดิม
สงสารคน ทำงาน กลางคืนบ้าง
ถ้าเราร้าง ไม่เที่ยว เขาก็เจ๊ง
เราเข้าไป ร้านไหน เขาแซ่เซ็ง
ต่างเล็งเงิน ค่าซ่อมร้าน กระเป๋าเรา
ข้อที่แปด ผ่านไปแล้ว ลืมบอกไป
ขึ้นข้อใหม่ ข้อที่เก้า แล้วละหนา
รู้มั๊ยว่า ชายช้ำชอก ร้าวอุรา
ทุกคนด่า ประณาม ว่าตัวชาย
ทำไมถึง ไม่ลอง ย้อนมาคิด
ดูสักนิด ถึงประโยชน์ อันหลากหลาย
เรื่องสงคราม เรื่องเชื้อโรค พาวุ่นวาย
เพราะเรื่องชาย ทำให้ คลายกังวล
อีกทั้งเรื่อง ภาวะ เศรษฐกิจ
คิดสักนิด ใครทำให้ หายสับสน
เราทุกคน เลิกคิด เรื่องความจน
หันมาบ่น เรื่องของชาย กันทั้งเมือง
นับข้อดี ของชาย ได้ตั้งสิบ
เรื่องจิ๊บจิ๊บ ล้านข้อด้อย ไม่น่าสน
ไฉนเอา นำมาคิด ให้กังวล
โอ้หนอคน โอ้หนอคน โอ้หนอคน
จึงขอจบ เรื่องราว เพียงข้อนี้
ถึงความดี ของชาย มีล้นพ้น
แต่ไม่อยาก บอกกล่าว เพราะกังวล
กลัวทุกคน จะว่า ชายหลอกลวง
ขอเป็นคน ปิดทอง อยู่หลังพระ
ขอสละ ซึ่งทุกสิ่ง ที่สั่งสม
ชายขออยู่ อย่างเจียมเนื้อ และเจียมตน
ขอทุกคน ประสบพบ แต่โชคดี! ^ ~
__________________________
4 ธันวาคม 2547 22:39 น.
kwan
ถึงโกรธขึ้งหึงสาพยาบาท
บ่นพร่ำว่าชาติก่อนกรรมทำไฉน
คอยจับวงกงเกวียนหมุนเวียนไป
อย่าโทษใครนี่เพราะกรรมจึงจำเป็นฯ
_______________________________
30 พฤศจิกายน 2547 00:09 น.
kwan
ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด
ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาเพราะเวหา
พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว
ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
เพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทก
ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ
โซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชาก
เสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่
สว่างแวบแปลบพร่ามาไรไร
ก็รู้ได้ว่าทางยังพอมี
มือที่กำหมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อ
ก็ร้อนเลือดเดือดเนื้อถนัดถนี่
กระหืดหอบฮวบล้มแต่ละที
ก็ยังดีที่ได้สู้ได้รู้รส
นิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็น
เรี่ยวแรงที่แฝงเร้นก็ปรากฏ
ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด
เกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับ
สี่สิบปีเปล่าโล่งตลอดย่าน
สี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับ
ดินเป็นทรายไม้เป็นหินจนหักพับ
ดับและหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจ
นกอยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้า
ปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่
ไส้เดือนไม่เห็นดินว่าฉันใด
หนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจม
ฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่
ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสม
แต่วันหนึ่งความเน่าในเปือกตม
ก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัว
และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ
เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว
มันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัว
แต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน
พอเสียงรั่วรัวกลองประกาศกล้า
ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน
พอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑล
ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย ฯ
++++++++++++++++++++++++++
(* กวีประพันธ์โดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ )