30 พฤศจิกายน 2547 00:02 น.
kwan
วันจะขื่นคืนจะขมระทมไฉน
มิเคยร้างรมณีย์ฝันพิไล
แต่งกาพย์กลอนสะท้อนสมัยให้แผ่นดิน
กาพย์กลอนสะท้อนอารมณ์ความรู้สึก
สะท้อนความคิดนึกจารึกถวิล
สะเทือนทุกข์ สะท้อนทุกข์ ปลุกชีวิน
ให้ต่อสู้อย่ารู้สิ้นศักดิ์ศรีคน
กาพย์กลอนสะท้อนฝันบันดาลรัก
จุดประทีปชีพประจักษ์ทุกแห่งหน
ร้อยดวงดาวแด่ชาวดินผู้ดิ้นรน
แต่งชีพฝันดั้นด้นทุกหนทาง
อารมณ์ของแผ่นดินจะรินร่ำ
ผ่านถ้อยคำของมนุษย์พิสุทธิ์สร้าง
ร้อนจะเร้าหนาวจะเร่ง เปล่งหัทยางค์
ทุ่งแม้ร้างทางแม้รก มิรอรี
ด้วยแรงแห่งมนุษย์จะรุดหน้า
พุ่งพลังหวังท้าหาวิถี
ด้วยเรี่ยวแรงแห่งรักพร้อมจักพลี
โรจน์ศรัทธาหทัยนี้รุ่งชีวิน
จะวักดื่มกษีราจากสาคเรศ
กอบเก็บแก้วพิเศษจากกรวดหิน
ถางทางท่องไปในปัฐพิน
จูบใจหอมจินตนาการ
คอยเหินหาวราววิหคแสวงหา
จะย่ำรุ่งสู่ทุ่งหญ้าอย่างกล้าหาญ
ย่ำเย็นวนาหาผกาบาน
ย่ำดึกบันดาลฝันสกาว
ตีนเมื่อเดินติดดินกลิ่นจะหอม
ใจเมื่อพร้อมเสียสละจะสีขาว
มือเปื้อนดิน จะปันดินเป็นดวงดาว
ใจเหน็บหนาว จะเคี่ยวหนาวเป็นเปลวไฟ
กาพย์กลอนคือรักแท้ในยามยาก
จะแต่งดอกหญ้าฝากรักยิ่งใหญ่
ยากจน จดจำค่าน้ำใจ
ดีกว่ารวยแต่ไร้ ใจจะรัก
__________________________
(* บท ฤดีกาล ของ ไพรวรินทร์ ขาวงาม )
29 พฤศจิกายน 2547 23:35 น.
kwan
๑.
ดับดวงดาวดวงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
แสวงหาความหยิ่งแสงหิ่งห้อย
จากดินดูสู่ฟ้า-ดาวพร่าพร้อย
กับสัตว์น้อยด้อยแรง...แสงพอทาน
๒.
แล้วข้า...เลือกเป็นหิ่งห้อย
แทนดาวลอยสูงศักดิ์อัครฐาน
จึงมีปีก มีความหวัง อหังการ
มีสิทธิผ่านมุมอับอันลับดาว
เบาปีกบาง บินไป บินไป
เผาไหม้ใจช่วงในห้วงหาว
เผชิญพายุบ้างบางคราว
ร้อนหนาว เข้าถึงโลกแท้จริง
๓
ไม่มีดาวดวงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
บางครั้งฉันอ่อนล้า เหนื่อยนิ่ง
ในมุมมืดหม่นมอดถูกทอดทิ้ง
ข้า...อยากมีค่ายิ่ง ณ ที่นั้น
_________________
29 พฤศจิกายน 2547 23:28 น.
kwan
ถึงซักถามตามระบอบให้ตามถ้อย
เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เจ็บจิตต์
ช่วยเฉลี่ยเกลี่ยไกล่เสียให้มิด
ด้วยชอบผิดตนก็รู้อยู่แก่ใจ
***************************************
29 พฤศจิกายน 2547 23:19 น.
kwan
อันความเหงาว้าเหว่เวลานี้ แสนสุดที่จะประมาณขนานไหน
แม้นอันแดดอันแผดกล้ามาอย่างไร ก็ไม่เห็นสว่างไสวอย่างไรมี
เห็นไบไม้ไล้ลมคล้อยลอยละลิ่ว ถูกปลิดปลิวด้วยลมพัดฉวัดฉวี
ไร้เรี่ยวแรงต้านทานสายลมวี ลอยลงสู่ผืนนทีอันกว้างไกล
เหมือนดุจหนึ่งใจข้ามาคราวนี้ ไร้ซึ่งที่แหล่งหล้าจะอาศัย
รอลมพัดปลิดปลิวละลิ่วไป จะตกถิ่นแห่งหนใดไม่แจ้งเลย
นกนางนวลบินคู่ดูโดดเด่น เจ้าช่างเป็นคู่สมชมเฉลย
บินระเรี่ยสายน้ำอย่างคุ้นเคย กระไรเลยเจ้าช่างหยามใจข้าจริง
บินหนีหนาวเพื่อหลบเอาแสงแดดอุ่น กายไอกรุ่นกกกอดคู่ดูสุขยิ่ง
เมื่อยามหิวก็บินหาไม่ประวิง จะหาสิ่งสุขอันใดให้เทียมทัน
โอ้ช่างผิดกับตัวข้ามาคราวนี้ จักหาที่หนใดให้เหหัน
ยามลมหนาวต้องกายก็ก่ายกัน สองมือพลันกอดไหล่ให้วังเวง
น้ำตาไหลเปื้อนแก้มแต้มดวงหน้า ลมหนาวเจ้าทำร้ายข้าราวข่มเหง
ใช่ว่าคลายกลับถาโถมมิยำเยง ราวบรรเลงเร่งเพลงโศกยิ่งโศกใจ
เห็นกิ่งไม้โยกไหวมิไกลหน้า ราวเย้ยหยันน้ำยาหาผิดไม่
โอ้ตัวเราช่างเขลาโฉดนี่กระไร คงสมใจเจ้ากิ่งไม้ที่ไหวติง
จึงเมียงมองหาใครให้คลายเหงา แต่ด้วยเราอับจนขัดสนยิ่ง
อันทรัพย์สินเงินทองหากมีจริง เพียงประวิงประทังกายให้หายใจ
แลไร้ซึ่งวาทีอันแสนหวาน สำเนียงขานดุจไม้ฟืนหยิบยื่นให้
ไร้วาทีอันสุนทรให้ผ่อนคลาย มีแต่ใจสุนทรแต่อ่อนแรง
จึงได้เสี่ยงร้อยกลอนใจมาให้เจ้า มิได้เอาผลประโยชน์อันเสแสร้ง
เพียงพยุงจูงใจอันอ่อนแรง ให้กล้าแกร่งต่อสู้โลกที่โศกร้าย
__________________________________________
26 พฤศจิกายน 2547 00:41 น.
kwan
อุปสรรคสักร้อยพันในวันหน้า
ฟันฝ่า..ตะลุยล่าไปให้ถึงฝัน
แม้วันนั้นนั้นเราห่างไกลกัน
ความผูกพันพันผูกใจไม่ลืมเลือน
จงก้าวไปไปให้ไกลในวันหน้า
หากอ่อนล้าล้าอ่อนใจไม่เคยเหมือน
ขอฝากใจใจดวงนี้ให้ย้ำเตือน
ว่ามีเหล่าเพื่อนมอบให้..กำลังใจ
เกิดทุกข์ยากยากเพียงไรอย่าได้หวั่น
หากร้าวรานรานร้าวรอนจนอ่อนไหว
ขอให้สู้สู้ต่อเพื่อเอาชัย
ถึงจุดหมายหมายจุดใดต้องได้มา