10 ตุลาคม 2550 11:17 น.
kungsadarn
ผ่านร้อนเย็นเห็นโลกทั้งโศกทุกข์
เคยล้มลุกคลุกคลานมานานโข
ต้องต่อสู้ดิ้นรนจนเติบโต
มีดีได้อวดโชว์บางครั้งคราว
แม้แร้นแค้นแสนยากกับขวากหนาม
พยายามด้วยแรงยังแข็งกร้าว
ได้พบพานขานรับกับเรื่องราว
ทั้งหาญห้าว ร้าวรันทด หดหู่ใจ
ถึงเหน็ดเหนื่อยเพียงใดไม่เคยถอย
ไม่เฝ้าคอยโชคชะตามาผลักใส
ไม่รอรับอุดหนุนบุญคุณใคร
ทุกสิ่งใดสร้างได้ด้วยใจตน
เฝ้าเก็บหอมรอมริบก่อนหยิบจับ
สะสมทรัพย์ที่เหลือเผื่อขัดสน
เคยท้อแท้ลำบากกับยากจน
หวังหลุดพ้นโศกศัลย์ในบั้นปลาย
พอมีเหลือเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น
หยิบยื่นเป็นทุนรอนก่อนจะสาย
เมื่อหลุดพ้นวัฏจักร..พักสบาย
แม้ความตายก็ไม่หวั่น..ตั้งมั่นรอ
30 กันยายน 2550 11:05 น.
kungsadarn
ทั้งสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ทั้งหลายแหล่
มิเพียงแต่รวมอยู่เป็นหมู่มั่น
แต่หวังสร้างสังคมชมชอบกัน
เพื่อแบ่งปันช่วยเหลือเมื่อต้องการ
แม้เป็นคนก็พ้นไม่ในสิ่งนี้
ล้วนอยากมีพลพรรคสมัครสมาน
มิอาจอยู่เดียวดายไร้วงศ์วาน
จึงเกิดการรวมกลุ่มเป็นชุมชน
แต่เมื่อมาอาศัยอยู่ในหมู่มาก
ก็ยุ่งยากวุ่นวายหลายแห่งหน
ด้วยผิดแผกแตกต่างทางของตน
สร้างสับสนปนเปจนเก้กัง
กฎระเบียบเฉียบขาดต้องวาดไว้
ประกาศให้รับรู้ดูว่าขลัง
ไม่แหกกฎบทบัญญัติระมัดระวัง
ถ้าหากยังร่วมอยู่ในหมู่คน
จิตสำนึกฝึกหัดไม่ขัดแย้ง
อย่าเสแสร้งแกล้งอำทำสับสน
มองรายรอบขอบเขตนิเวศน์ตน
เพื่อยินยลเขา-เราเอาใส่ใจ
เมื่อต่างรู้หน้าที่มีระเบียบ
จึงราบเรียบทุกผู้อยู่อาศัย
ชุมชนงามร่มสุข..ทุกข์ห่างไกล
เคารพไว้ข้อกำหนดบทสังคม
24 กันยายน 2550 18:53 น.
kungsadarn
คือแผ่นดินถิ่นทองของเราท่าน
บรรพกาลล่วงเลยเคยยิ่งใหญ่
นามแหลมทองครองเขตประเทศไทย
ทั้งใกล้ไกลต่างประจักษ์ศักดิ์ศรีเรา
มาวันนี้อยู่ได้ด้วยโพธิ์แก้ว
พาคลาดแคล้วภยันตรายที่ไล่เผา
ที่หนักหนาสาหัสปัดบางเบา
ที่ร้อนเร่าก็ผ่อนคลายหายกังวล
ชาติจะมั่นคงอยู่คู่ดินฟ้า
ประชาชนถ้วนหน้าอย่าสับสน
ให้รักใคร่ปรองดองทุกผองชน
อย่าปล่อยคนยุแยกแตกแผ่นดิน
ร่วมแรงใจสืบสานสมานสมัคร
จงรู้รักพวกพ้องทุกท้องถิ่น
เกิดเป็นไทยในแผ่นพื้นธรณิน
ทั้งหมดสิ้นคือวงศ์ญาติชาติเดียวกัน
มาเร่งสร้างสามัคคีเถอะพี่น้อง
มาร่วมคล้องดวงใจให้คงมั่น
ชาติจะดำรงอยู่คู่นิรันดร์
ไทยเท่านั้นต้องปกปักรักปฐพี
20 กันยายน 2550 15:48 น.
kungsadarn
สร้างนิยามความฝันอันบรรเจิด
สิ่งดีเลิศเรืองรองกองตรงหน้า
ไม่รีรอพอใจไขว่คว้ามา
ห้วงเวลาคือกฎกำหนดเรา
แล้วก้าวย่างทางไกลด้วยใจสู้
ไม่กลัวเกรงคำขู่ให้ขลาดเขลา
หากหลบลี้รู้ไฉนใดหนักเบา
ชีวิตเราลิขิตได้ด้วยใครกัน
เพียงมานะอดทนจนเต็มที่
สติมีปัญญามากสู้บากบั่น
อาจล้มลุกคลุกคลาน..ไม่นานวัน
ฟากฟ้ากั้นด้วยขวากหนามจะข้ามไป
เมื่อยามท้อห่อเหี่ยวเรี่ยวแรงลด
ใช่จะหมดพลังสร้างขึ้นใหม่
แม้หนาวเหน็บเก็บฝังยังภายใน
มิให้ใครตราหน้าว่าหวาดกลัว
เส้นขอบฟ้ากว้างไกลใกล้มาถึง
อีกก้าวหนึ่งพบหนทางสว่างทั่ว
เพียงเอื้อมมือไขว่คว้าเข้าหาตัว
ความมืดมัวจะจางหายไปจากเรา
17 กันยายน 2550 00:29 น.
kungsadarn
เหม่อมองทุ่งกว้างทางกันดาร
ไกลโพ้นสถานจะสานฝัน
ริบหรี่ความหวังใกล้พังครัน
ด้นดั้นรันทดเกือบหมดแรง
ดินแห้งแล้งร่วนจวนใจขาด
อนาถรอยแยกแตกระแหง
ลมร้อนพัดหมุนจนฝุ่นแดง
ดั่งแกล้งปกปิดจิตอาลัย
ต้นไม้ใบหญ้าน่าสงสาร
แห้งกร้านเซซังดังถูกไหม้
ไร้ดอกลูกผล...ยลครั้งใด
ดั่งไฟเผาผลาญลาญชีวัน
ด้วยขาดทุนทรัพย์จะจับต้อง
จึ่งข้องขุ่นใจให้โศกศัลย์
หนี้สินพูนเพิ่มจากเดิมพลัน
ปิดกั้นหนทางจะย่างไป
ตัดใจทิ้งนามาสู่กรุง
หมายมุ่งสร้างสานกับงานใหม่
ปล่อยท้องทุ่งเหงาเปล่าเปลี่ยวใจ
ฝนแล้งคนลาไปไกลจากจร
จากบ้านเงียบเหงาเข้ามาสู่
เรียนรู้ชีวิตที่ผิดศร
เคยแบกจอบเสียมเรียบเคียงดอน
ไล่ต้อนวัวควายในไร่นา
อยู่เมืองกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
เป็นดั่งซากเศษของเหล็กกล้า
แม้แกร่งเพียงใดได้ผ่านมา
อ่อนล้าสิ่งใหม่ได้เจอะเจอ
ต่างแย่งแข่งขันกันไปหมด
เช้าจรดเย็นย่ำจึงพร่ำเพ้อ
เร่งรีบทุกครั้งดั่งละเมอ
พลั้งเผลอไม่ได้ทั้งกายใจ
มากแหล่งยุยั่วให้มัวเมา
โง่เขลาอาจตกเป็นเหยื่อได้
เงินทองที่หามาออมไว้
ต้องใช้ประหยัดให้ชัดเจน
อยากหลบวิถีที่เฟ้อฟุ้ง
ทั่วคุ้งกรุงไกลได้มาเห็น
มิใช่ฟากฝันที่ฉันเป็น
เฉกเช่นบ้านนาป่าดงดอน
รอวันหวนกลับสู่ท้องทุ่ง
ผดุงแดนดินถิ่นสิงขร
พลิกฟื้นต้นกล้าด้วยอาทร
ตะวันรอนรอรับเจ้ากลับคืน