1 กรกฎาคม 2549 19:08 น.

ไผ่เอ๋ยเจ้าอยู่แห่งหนใด

Ku Mix kagi

ย่างเข้าช่วงฤดูฝน เป็นปกติประจำที่ไผ่ เด็กบ้านนาคนหนึ่งต้องออกไปหากบหาเขียดเพื่อประทังชีวิต ไผ่นั้นเป็นเด็กดี เรียนพอใช้ได้ ทุกๆวันตอนดึกไผ่จะออกไปหาปูปลาข้างนอกเพื่อจะมาทำเป็นอาหารและส่วนหนึ่งก็จับขาย ไผ่อยู่กับยายเพียงสองคน พ่อและแม่ของไผ่จากไปตั้งแต่ไผ่ยังเล็กและไผ่ก็อยู่กับยายตลอดมาซึ่งยายของไผ่นั้นเลี้ยงดูไผ่ จนเมื่อไผ่โตขึ้นหน่อยไผ่ก็ออกทำงานแล้วเพราะไม่อยากให้ยายของตนนั้นต้องทำงานหนัก ไผ่รักยายมาก ยายเป็นคนเดียวที่ทำให้ไผ่นั้นมีความพยายามจะเรียนสูงๆให้ได้มากที่สุด เพื่อวันข้างหน้าอนาคตจะได้ดีขึ้นบ้าง และจะทำให้ยายไม่ต้องลำบาก 

      เมื่อเวลาผ่านไป ยายซึ่งแก่ชราขึ้นนั้นก็มีโรคภัยหลายๆอย่างมาเบียดเบียน ไผ่จึงต้องทำงานเพิ่มขึ้น ไผ่จะไปโรงเรียนตอนเช้าถึงเย็น เมื่อเย็นไผ่ก็จะออกไปหาปลา ตกเบ็ด งมหอย และต่อด้วยการส่องกบ ซึ่งก็เป็นทุกวันอยู่แล้วสำหรับเด็กชาวนา  ยายมักจะเตือนไผ่อยู่บ่อยๆให้ดูแลตัวเองให้ดี เพราะไผ่มักจะกลับมาก็จวนจะค่อนเที่ยงคืนแล้วยังต้องไป โรงเรียนอีก ซึ่งยายก็เป็นห่วงไผ่มาก 

  ไผ่ ...ไผ่  วันนี้ไม่ต้องไปก็ได้นะลูก วันนี้ยังพอมีกับข้าวอยู่บ้าง  เสียงแก่และสั่นเครือออกจากปากผู้เป็นยาย 

ไม่ได้หรอกจ๊ะ ยาย ไม่ต้องเป็นห่วงไผ่หรอก บอกหลายครั้งแล้ว สบายมากจ๊ะ  ไผ่ตอบยาย พร้อมกับเตรียมไฟฉายเพื่อไปส่องกบ

วันนี้ไม่ต้องไปได้ไหมไผ่ ยาย รู้สึกว่า มันจะฝนตกนะ ยายกลัวน้ำป่าไหลหลากนะลูก  

โธ่ ยาย มันก็เหมือนทุกวันนะแหละ ฝนแค่รินๆ หน่อยๆเดียวเอง    อ่ะ ไผ่จะไปแล้วนะยาย มาๆๆ แก้มๆๆ   ไผ่ เรียกขอให้ยายยื่นแก้มให้  

อืม  ไปก็ดูดีๆนะ ไผ่ ถ้าเกิดน้ำท่วมก็หาที่หลบดีๆล่ะ  ..

จ๊ะ ยาย  ไผ่ตอบแล้วก็เดินออกจากบ้านไปปล่อยให้ยายซึ่งสายตาก็ไม่ค่อยดีนักในหัวค่ำๆนี้ มอง ชะเง้อดูร่างน้อยเดินจากไป ท่ามกลางแสงเทียนปลิวสไหว 
          
      บ้านของไผ่อยู่ในสภาพผุผังนัก  เพราะเป็นบ้านที่ถือว่านานแล้ว มิได้มีการซ่อมแซมแต่อย่างใด นั่นก็เพราะการไม่มีเงินนั่นเอง แต่ไผ่ ก็พยายามทำงานเพื่อเก็บเงินมาซ่อมแซม เพราะว่าช่วงฤดูฝนคราใด บ้านก็มักจะอยู่ในสภาพที่น่ากลัว เพราะบันไดบ้านก็ค่อนข้างผุผัง ประตุก็หักๆ  หลังคาก็รั่วเป็นแห่งๆ สิ่งเหล่านี้เป็นบรรดาลและกำลังใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ไผ่ต้องทำงานและตั้งใจเรียน นอกจากกำลังใจดีๆจากยาย

         ไผ่ไม่เคยน้อยใจกับโชคชะตาของตนเองเพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้จักการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ถึงแม้เขาอาจจเรียนไม่เก่งนักแต่เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่รู้จักคิดกว่าเด็กรุ่นเดียวกันมากที่ใช้เงินอย่างไม่เห็นคุณค่า สำหรับไผ่แล้ว มันคือความอยู่รอด ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวไผ่เองเพราะไผ่ยังมียาย ยายที่รักไผ่ 

  พูดถึงยายที่นั่งอยู่นิ่งเพราะยายนั้นมองไม่ค่อยเห็นนักจึงไม่ได้เดินออกไปไหน ไผ่ยังคงชะเง้อรอหลานตัวเองว่าเมื่อไหร่จะกลับมา ยายนั่งอยุ่กับแสงเทียนที่ไสวไปมา เพราะลมที่พัดไปมา บวกกับเค้าที่จะมีฝนตก
 'เมื่อไหร่หนา ไผ่ เจ้ามารึยัง '    เสียงยายเรียกหาหลานชายด้วยความเป็นห่วง
และอีกไม่นานต่อมา เสียงฟ้าร้อง ลมพัด และเกิดฝนตก ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันที่ฝนตก และแล้วผ่านไปไม่ได้นานฝนก็เกิดตกหนัก ดังที่ยายได้บ่นไว้กับไผ่ 
  
       ร่างยายที่นั่งอยู่กับตะเกียงเก่าๆรอหลานของตนเริ่มสั่นด้วยความเป็นห่วงหลาน และบ่นภาวนาขอให้น้ำอย่าท่วม
 "ไผ่  เจ้าอยู่แห่งหนไหน  กลับมาเถิด ฝนตกหนักแล้วลูก"........
ส่วนไผ่นั้นก็ได้หา จับกบและเขียดก็ได้จำนวนมากอยู่ ไผ่เข้าไปหลบฝน ซึ่งน้ำก็เริ่มท่วม ไผ่ก็ยังคงเดินหากบอยู่เพราะน้ำก็ยังไม่ได้ท่วมมาก หลังจากนั้นเสียงน้ำไหล่เอ่อ นอง ไหลรินมา ไผ่ วิ่งๆๆ หลบน้ำนั่น น้ำท่วมคันนาและครั้งนี้จะเป็นการท่วมที่หนักกว่าเก่า เพราะมันเป็นน้ำป่าที่ไหลบ่าลงมาซึ่งมีกำลังรุนแรงมาก ไผ่นิ่งไป นิ่งไป ไป ~~
 ยายของไผ่ ยังคงชะเง้อมองหาเงาของหลานชายซึ่งยังคงไม่ได้กลับมาบ้าน 
นี่มันก็นานแล้ว ไผ่ เจ้าอยู่แห่งหนใด กลับมาเถิดลูก ยายเป็นห่วงนะลูก  ยายพร่ำอยู่คนเดียว 
หลังจากนั้นยายก็ได้ คลำทางๆเดินไปที่บันได แต่ก็ลงไปไม่ได้ เพราะว่าบ้านนั่นถูกโอบล้อมด้วยน้ำที่เอ่อนอง 
ไผ่ น้ำท่วมแล้วลูก เจ้าอยู่หนใด ได้ยินยายไหม กลับมาเถิดลูก 
  ยายของไผ่ก็ได้เดินกลับไปที่ ตะเกียงนั่งรอหลานอยู่   ฟ้าร้องเสียงสนั่นหวั่นไหว บวกกับมีพายุเข้าด้วย ลมพัดแรงลู่ ปลิวๆไสว ทำให้ยายของไผ่ได้รุ้ถึงความเยือกเย็น ตะเกียงนั้นไฟดับ  พรึ่บ...
ไผ่.... เจ้ามาหรือยัง      อยู่แห่งหนใดหรือลูก เจ้าอยู่แห่งหนใด ..กลับมาเถิด ยายรออยู่นะลูก    ยายเรียกหาไผ่ แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงฟ้าร้อง ฟ้าแล่บ และเสียงลมพัดรุนแรง บวกกับเสียงฝนซาส์ๆ ที่ตกหนัก
ไผ่ เจ้าอยู่แห่งหนใด ยายรออยู่ กลับมาเร็วๆลูก นี่ก็ดึกมากแล้ว ลูกไม่เคยกลับดึกขนาดนี้เลยลูก เจ้าอยู่หนใด  ..ไผ่    ยายก็ยังคงเรียก พร้อมน้ำตาคลอ เสียงสั่นเครือ ยายคอยมองชะเง้อ ดูหลานตัวเอง แต่สิ่งที่ยายสัมผัสได้ก็มีแต่ลมสะบัดกวัดแกว่ง กับบ้านที่ไม่ค่อยมั่นคง สั่นไปมาๆ ดัง เอี๊ยดๆ ~

            ยายของไผ่ได้ตัดสินใจคลำหาทางเพื่อเดินไปที่ประตู ยายของไผ่ค่อยๆ ก้าวเท้าลงน้ำที่เย็นเฉียบที่ท่วมท้นจนถึงขั้นบันได  เมื่อยายของไผ่ค่อยๆเดินลงไปแล้วเดินไปตามทางทุ่งนาที่มีน้ำท่วม  เสียงฟ้าร้องดังสนั่น ฝนที่ตกกะหน่ำ ซัดเข้าที่ร่างยายของไผ่
  ไผ่......ไผ่ ~~  เจ้าอยู่แห่งหนใด ลูก ไผ่  เจ้าอยู่หนใด กลับมาเถิด..........ไผ่				
30 มิถุนายน 2549 17:05 น.

My little gang~เธอ ฉัน=พวกเรา~

Ku Mix kagi

เปาะเเปะๆ+ฮือๆๆๆ >> นี่คือเสียงปรบมือจากญาติมิตรเเละการร้องไห้ด้วยความดีใจเเละความห่วงใยพร้อมกับการที่ลูก จะต้องจากลาจากอกพ่อเเม่เเละญาติ เพื่อไปเรียนต่อในเมือง เธอผู้นั่นที่ได้รับความยินดีนี้คือ 'พิชญา' หรือ 'พิชญ์'  สอบได้รร ที่ตนเองใฝ่ฝัน~~
           
     ว๊าววว!! เเม่ๆ ในเมืองมันช่างสวยจริงๆ เต็มไปด้วยสีสัน งดงามมาก           ไม่เหมือนเเถวๆบ้านเรานะ ไงไม่รู้อ่ะ ดูสงบๆ ไม่เห็นมีไรน่าตื่นเต้นเลยย Q_๐'  เสียงยัยพิชญ์ ผู้ที่ตื่นเต้น(เห่อ)กับการเข้ามาในเมืองซึ่งก็ไม่ได้มาบ่อยนัก
      '' พอๆเเล้ว เห่อไรกันนักหนา มาอยู่นี่ก็ต้องตั้งใจเรียนล่ะ รู้หรือเปล่า รับปากอะไรเเม่ไว้ เเล้วอย่าเกเร เถลไถลล่ะ '' ...สาธุๆ ..-..-

   สิ่งเเรกกับการที่เเม่ได้ทำตามสัญญาเราไว้นั้นก็คือการที่เราสอบได้เเม่ก็จะให้เข้ามาเรียนในเมือง หุหุ(อีกนัยหนึ่งคือเเม่ไม่อยากเปลืองตังค์เเละคิดว่าเราคงทำไม่ได้ อิอิ) เมื่อเราได้รับข้อเเลกเปลี่ยนจากเเม่เเล้ว เงื่อนไขของเเม่ที่ต่อลองกับเราอีกคือ เราต้อง ตั้งใจเรียน อืม สบายมาก~~

             เมื่อความมืดมิดเริ่มบดบัง เเสงตะวันเริ่มทอเเสง ~~
     
    เฮ้อ ..เมื่อตอนเช้าก็ยังดีอยู่นิ พอมืดเเล้วรู้สึกเศร้าจัง ช่างกะทันหันเหลือเกินนะ เราต้องเรียนที่อื่นเเล้ว จะเป็นไงต่อก็ไม่รู้ ความหดหู่ เเละบางสิ่งบางอย่างที่น่าเศร้าได้ถาโถมเข้าใส่  เพื่อนๆจะเป็นไงบ้างนะ เรายังไม่ได้ล่ำลาใครเลยนิ นอกจากญาติๆ ใช่สิ เรายังไม่ได้ล่ำลาเพื่อนสนิท  ''เพื่อนสนิท'' ปอ ?? ใช่ ปอ เรายังไม่ได้ล่ำลาเธอเลยยยย  

    ที่เราไม่ได้ล่ำลาปอนะเหรอ จะว่าเหตุผลหนะ?? คือว่าตอนเเรกเราจะไปสมัครสอบด้วยกันเเต่การดำเนินการล่าช้า ปอเลยถอดใจก่อน เราเลยจะไม่สมัคร เเต่เราก็ได้สมัครวันสุดท้าย เเละก็สอบติดด้วย พอรู้ว่าจะได้มาเรียนที่อื่น ช่วงเวลานั้นทุกคนก็เเยกย้ายกันไปเเล้ว เลยไม่ได้ล่ำลาใครเลยยย
  ทำไมถึงต้องรู้สึกเศร้า เพราะปอคือเพื่อนสนิทที่สุด ทุกคนก็มีเพื่อนสนิท สิ่งที่เพื่อนมีให้กัน มันเกินกว่าที่จะบรรยายได้อยู่เเล้ว เธอคือเพื่อนที่เข้าใจเรา เป็นเพื่อนที่อยุ่ด้วยกันมาตั้งเเต่เด็ก ถ้าพูดถึงการเข้าค่ายจะเป็นสิ่งที่เกลียดที่สุดสำหรับเรา อะไรนะเหรอ ?? ถ้าเราไปเข้าค่ายที่ไร สิ่งที่ได้กลับมานอกเหนือจากความรู้ที่ได้ก็คือความทรงจำ(ที่ไม่น่าจดจำ) เสมอ พวกเราเฮฮา ต๊อง บ๊องเเละเพี้ยน (เเต่พวกเราตั้งใจเรียนนะ) สื่อสารกันด้วยจิตรสิ(คือไม่ต้องพูดไรกันก็เข้าใจเเล้ว)........ คิดเเล้ว คิดอีก อะไร  เป็นความรู้สึกอะไรนะ ~~คิดถึง

           สำหรับเราอีกไม่นานเราคงหายเศร้าใจ เมื่อระยะเวลาเปลี่ยนจากความคิดถึงเเละความผูกพันธ์ที่มี เปลี่ยนเป็นความทรงจำเก็บไว้ในกล่องเเห่งความทรงจำ เเต่กับเพื่อนเราล่ะ ยังมีใครอีกหลายๆคน กับการที่อยู่ในสถานที่เดิมๆ กับบางคนที่คิดว่าอยากไป เรียนที่อื่นเเล้ว มันไม่ได้หมายความว่าเขาเหล่านั้นไม่รัก รร หรอกนะ เเต่มันเป็นบางสิ่ง ความทรงจำ ความผูกพันธ์ เเละมิตรภาพระหว่างเพื่อน ทีมีให้กัน กับสถานที่เก่าๆ เห็นสิ่งเหล่านั้นบ่อยๆ บ่อยครั้ง  จากอดีตที่เคยร่วมทำกันมา  ถาโถมเป็นการคิดถึง น้ำตาคลอเบ้า เเละ ...ร้องไห้..

       เเต่ถึงยังไงการจากลาที่เราไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่นั้น การจากลาที่มีพบก็ต้องมีจาก เเต่ระหว่างกลางของคำนี้ คงยังมีการติดต่อสื่อสารกัน หรือไม่ก็มีความทรงจำเล็กๆที่สวยงามไว้เป็นที่ระลึกสำหรับการที่เราจะไม่ลืมกัน
             จะเศร้าใจยังไงทุกวินาทีนี้มีค่าเเล้ว เราไม่ได้รับคำอวยพรที่ดีจาก เพื่อน เเต่รุ้ว่าถ้าเราได้รับก็คงเป็นการก้าวเดินสู่ความฝันของเราต่อไป สิ่งที่อยุ่กับเราตอนนี้  สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ สู้ต่อไปเเละตั้งใจให้ถึงที่สุด........

                                                       ~~ก็คงยังรักเเละคิดถึงเพื่อน~~				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟKu Mix kagi
Lovings  Ku Mix kagi เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟKu Mix kagi
Lovings  Ku Mix kagi เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟKu Mix kagi
Lovings  Ku Mix kagi เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงKu Mix kagi