18 พฤศจิกายน 2548 15:03 น.
ketana
มองเห็นคนก่อความน่ารำคาญ
เที่ยววิจารณ์ตำหนิติไปทั่ว
หรืออยากดังเพิ่มค่าราคาตัว
จึงเมามั่วเหยียดหยามคงย่ามใจ
แสดงตัวแสดงตนเหมือนคนขลาด
ชิ ! บังอาจกระทำเหมือนหยามใส่
จนหลายคนบอกระอากว่าสิ่งใด
แหม !ช่างไร้ยางอายทำลายคน
นักวิจารณ์อวดเบ่งหากเก่งกล้า
อยากขอท้าประชันกันสักหน
แน่จริงร่ายอักษรสร้างกลอนกล
แล้วจะบ่นจะพล่ามตามสบาย
หากว่าปอดถอดใจไม่คิดสู้
ก็อย่าอยู่ตรงนี้จงหนีหาย
แล้วอย่ากลับมาจุ้นทำวุ่นวาย
คิดทำร้ายความฝันกันอีกเลย
15 พฤศจิกายน 2548 08:37 น.
ketana
จับอารมณ์หลากหลายในส่วนลึก
ความรู้สึกสับสนคราวหม่นหมอง
ยามสุขเศร้าขื่นขมหรือสมปอง
เป็นร้อยกรองร้อยแก้วแล้วแต่ใจ
เอาชีวิตทุกข์เข็ญเป็นกระดาษ
ขาวสะอาดหมดจดสวยสดใส
ดินสอเป็นประสบการณ์ที่ผ่านไป
บันทึกไว้บนกระดาษวาดเวลา
อาจมิแม่นตามผังอย่างโบราณ
เพียงขับขานเรียงถ้อยร้อยภาษา
เป็นคำพูดสามัญชนคนธรรมดา
ไม่หรูหราวิจิตพิสดาร
แค่บันทึกเรื่องดีร้ายในชีวิต
วาดความคิดช่วงนาทีที่ผันผ่าน
มิหวังสร้างให้โดดเด่นเป็นตำนาน
สนุกสนานกับอักษรกลอนกวี
14 พฤศจิกายน 2548 16:01 น.
ketana
อาจมีเพียงหนึ่งครั้งทั้งชีวิต
ที่เธอคิดพอใจในตัวฉัน
ตอนที่บอกเธอว่าลาจากกัน
เพราะเธอนั้นมิเคยเลยใส่ใจ
เกิดรอยแผลตรงกลางระหว่างอก
น่าวิตกกลัวถูกซ้ำช้ำมิไหว
เพราะเธอทำหมางเมินเดินจากไป
มิซ้ำรอยแผลให้ใจอีกที
แต่ใจเอ๋ยมิเคยเลยสักครั้ง
ใจจะหวังรักคลายหรือหน่ายหนี
อยากให้เธอมาทำช้ำฤดี
สะกิดที่แผลใจให้นานนาน
ฉันยังคงเฝ้าดูอยู่ตรงนี้
จักไม่มีเพลงรักคอยขับขาน
ให้ผู้ใดได้ยินจนสิ้นกาล
ทรมานหมองหม่นทุรนทุราย
ความรักฉันมันมากไปหรือเปล่า
ที่ฉันเศร้าฝันแหลกแตกสลาย
ขอเป็นเพียงผู้โดดเดี่ยวอย่างเดียวดาย
จนวาระสุดท้ายของหายใจ
4 พฤศจิกายน 2548 00:01 น.
ketana
หยิบจดหมายฉบับเก่าเอามาอ่าน
ทรมานหัวใจเมื่อได้เห็น
ด้วยลายมือเพิ่งเรียนเขียนไม่เป็น
ลวดลายเส้นบรรยายพอได้ความ
จำได้ไหมมะม่วงที่เราปลูก
มันออกลูกมากมายหลายคนถาม
ใครพรวนดินใส่ปุ๋ยคอกจนงอกงาม
พยายามตอบมิหวั่นกลั้นน้ำตา
พ่อของผมเอากิ่งพันธ์นั้นมาฝาก
มีไม่มากพ่อดั้นด้นเที่ยวค้นหา
ไว้ให้ผมแทนคำมั่นคำสัญญา
จะกลับมาเมื่ออกผลรอคนกิน
ก็ผ่านมาเกือบปีไม่มีพ่อ
ผมเฝ้ารอด้วยหวังยังถวิล
หมั่นรดน้ำคืนชุ่มชื่นให้ผืนดิน
จนลูกมันร่วงสิ้นกินไม่ทัน
ผมนั่งมองรถสองแถวเข้าหมู่บ้าน
พอมันผ่านมองจนลับไม่กลับหัน
ผมร้องไห้ฟูมฟายตั้งหลายวัน
พวกเพื่อนมันก็ล้อพ่อไม่มา
นี่ก็ใกล้วันพ่อผมรออยู่
ก็ไม่รู้แต่ก็ยังหวังไว้ว่า
ในปีนี้วันพ่อขอเวลา
เพียงกลับมาเก็บที่ปลูกให้ลูกกิน
1 พฤศจิกายน 2548 10:01 น.
ketana
เหรียญหนึ่งนั้นมีมุมมองทั้งสองด้าน
อยู่ที่การพินิจคิดด้านไหน
ด้านหนึ่งดูงดงามตามที่ใจ
จึงสร้างใส่สิ่งสวยด้วยอัตตา
จึงตัดสินสิ่งใดอย่างใจคิด
เห็นวิจิตด้านหนึ่งจึงไขว่หา
ด้วยลืมใช้สติพิจารณา
ลืมไปว่าที่ดูอยู่ด้านเดียว
อีกด้านหนึ่งไม่พลิกดูให้รู้แจ้ง
ทำเหมือนแกล้งเชือนแชมิแลเหลียว
กลัวผิดหวังในดวงแดแน่นักเทียว
กลัวไม่เกี่ยวกับสิ่งนั้นฝันให้เป็น
แล้ววันหนึ่งเหรียญนั้นมันกลับด้าน
ทรมานหัวใจเมื่อได้เห็น
มองเห็นสิ่งลำบากยากลำเค็ญ
ที่ซ่อนเร้นปิดไว้ไม่อยากมอง
ทั้งชีวิตเศร้าสลดแสนหดหู่
เมื่อได้รู้ด้วยสองตาพาหม่นหมอง
สิ่งสวยงามที่รู้สึกนึกลำพอง
กลายเป็นของไม่คาดคิดในจิตใจ
เพราะเพียงมองด้านหนึ่งจึงไม่ทราบ
มองเพียงภาพด้านดีมิสงสัย
พอมารู้มาเห็นความเป็นไป
จึงมิอาจปลงได้ใจตัวเอง