30 กันยายน 2547 21:01 น.
ketana
เราโง่ไป ตามใจ อยากไขว่คว้า
ปรารถนา หารักแท้ แน่แค่ไหน
วาดวิมาน เลิศหรู สู่หัวใจ
แค่หวังไว้ ในจิต คิดเอาเอง
ทุกทิวา ราตรี จะมีเจ้า
ให้ลืมเหงา แต่ไหน ใครข่มเหง
หวังพะนอ เน้าเนียง เลี่ยงวังเวง
ไม่นึกเกรง รักจะดับ หรือกลับกลาย
คอยพร่ำถาม ความใน จากใจเจ้า
หาใช่เอา เป็นสัญญา ว่ามั่นหมาย
แค่อยากรู้ จะเคียงฝัน จนวันตาย
หรือเพียงหมาย เชยขื่น แค่คืนวัน
เธอพร่ำรัก ภักดิ์ดี ชีวีมอบ
สนองตอบ จะชื่นชู้ เป็นคู่ขวัญ
จะเป็นเธอ ร่วมทางใจ ไปด้วยกัน
ร่วมความฝัน แผ้วผ่าน มารหัวใจ
เราก็โง่ หลงลม คารมหวาน
ใครจะผ่าน ความลำบาก และยากไร้
ใครจนทน กัดก้อนเกลือ จะเหลือใคร
เคลิบเคลิ้มไป ตามวาจา น่าภิรมย์
โถอนาถ หนักหนา อุราเอ๋ย
เคยได้เชย เลยเป็นอื่น ช่างขื่มขม
วจีหวาน เปลื่ยนไป ให้ตรอมตรม
ความชื่นชม มลายลับ พลันอับปาง
ดั่งเรือน้อย ท่องนที สีทันดร
ถูกคลื่นซ้อน ถาโถม โหมเข้าขวาง
กลางทะเล ทำได้แต่ แค่ครวญคราง
ลอยเคว้งคว้าง ผู้เดียว เปลี่ยวหัวใจ
โดนลมปาก ฝากรัก มักลุ่มหลง
จิตพะวง ปรารถนา จะคว้าใฝ่
จึงต้องเจ็บ จำจด สลดใจ
แค่โง่ไป ในลมปาก ฝากรักลวง
27 กันยายน 2547 08:35 น.
ketana
ร่ายร้อยกรอง จองจำ น้ำคำเจ้า
ความเปลี่ยวเปล่า อาดรู คงพูนเพิ่ม
ความรันทด หมดหวัง ยังซ้ำเติม
บทแรกเริ่ม ร้อยแก้ว แล้วจอมใจ
พจนารถ พร่างพรู ให้รู้แจ้ง
อยากแสดง บทนี้ กวีใฝ่
ว่าวาจา ลำนำ ที่พร่ำไป
มาจากไหน ใจเจ้า หรือเฝ้าลวง
ช่างอาวรณ์ ซ่อนวจี ที่เอ่ยอ้าง
ไม่อ้างว้าง ความสลด จงหมดห่วง
จะเคียงแขน แน่นแนบ ไม่แอบลวง
ใจทั้วดวง สนองตอบ มอบวิญญาณ
มาก้าวล่วง ดวงใจ ก็ไหวหวั่น
มาสู่ฝัน บรรเจิด เถิดนงค์คราญ
มาลิขิต ชีวิตไป ให้แหลกราน
สนุกสนาน บันเทิงใน ใจของเธอ
ถูกจองจำ น้ำคำ พร่ำว่ารัก
เหมือนหาญหัก รักนั้น พลันเสนอ
เหมือยกายดับ สดับไป คล้ายละเมอ
หรือเธอเผลอ ที่พร่ำ น้ำคำลวง
19 กันยายน 2547 14:26 น.
ketana
ธาราแห่ง อารมณ์ ช่างตรมตรอม
คอยจะน้อม อ่อนเอน เป็นไฉน
ไม่จำหรือ ความระทม ระบมใน
ยังไม่หาย เวรกรรม ที่ซ้ำทรวง
ชลนา หลั่งริน ไม่สิ้นเนตร
เกิดอาเพศ เหตุกล คนซ่อนลวง
ด้วยวาจา พร่างพรูมา ว่าเป็นห่วง
จนใจล่วง เลยเถิด เกิดจริงจัง
มาสร้างฝัน คอยอยู่ เป็นคู่ข้าง
จะร่วมทาง ที่ไป ดั่งใจหวัง
ช่วยเติมให้ หากฤทัย ไร้พลัง
เป็นกำลัง ยามเหนื่อยอ่อน ให้ผ่อนคลาย
คือทุกอย่าง เนรมิต วิจิตให้
เป็นสิ่งใด ทุกอย่าง ไม่ห่างหาย
เป็นมิ่งขวัญ เอียงแอบ แนบชิดกาย
มากกว่าสาย ใยโยง โพงสัมพันธ์
ให้เธอเป็น มากกว่า ค่าสิ่งไหน
มอบหัวใจ กายพร้อม น้อมความฝัน
จะอยู่ได้ หรือไม่ ให้เธอนั้น
เพียงโปรดปราณ ปราณี ก็ดีใจ
หรือจะปล่อย ลอยล่อง ท่องธารา
จนชีวา ชอกช้ำ ตามธารไหล
สำลักน้ำ ปริ่มว่า จะขาดใจ
คงปล่อยให้ จมหาย ในสายชล
14 กันยายน 2547 16:52 น.
ketana
อนงค์นางนวลไหนจะได้เท่า
เสมอเจ้าร่วมเรียงเคียงคู่ข้า
แม้เอนกายทอดลงตรงกายา
หาใครมาเทียบเท่าเจ้าไม่มี
อรชรงามพิสุจน์ดุจอัปสร
ชะแอ้นอ้อนยามเยื้องย่างงามสมศรี
สุรเสียงเพียงรำเพยเอ่ยวจี
ดวงฤดีรำพึงเก้อเพ้อถึงนาง
ณ ราตรีค่ำหนึ่งคนึงอยู่
เคียงพธูดูดารานภากว้าง
ตะวัดแขนเชื้อชวนเนื้อนวลปราง
มาอยู่ข้างเบียดชิดติดตัวช้า
ดั่งน้ำหยดลงหินยังสิ้นแกร่ง
ข้าไร้แรงเข็งขืนฝืนปรารถนา
เจ้าคงเป็นเช่นสายน้ำไหลในธารา
เซาะศิลาให้ละล้าเป็นอาจิณ
เจ้าคงเปรยเปรียบไว้อย่างสายชล
ไหลเวียนวนเข้าซอกตามตรอกหิน
บางก็เอื่อยเฉื่อยชะระรวยริน
คอยถวิลถั่งโถมเข้าโรมรัน
เลี้ยวลัดเลาะโยกซ้ายย้ายไปขวา
ไหลเรื่อยมาผ่านช่อชุมปทุมถัน
ผ่าดงไม้ท่วมพฤกษานานาพรรณ
กระแทกพลันถาท้นเอ่อล้นมา
ครั้นมาถึงที่ต่ำกระหน่ำไหล
ลื่นลงไปเรื่ยวแรงไม่อ่อนล้า
ยิ่งยาวไกลถาโถมโหมตามมา
ถึงหน้าผาตกแตกแยกละออง
แต่ราตรีคืนนี้ไม่มีเจ้า
มองเดือนดาวคราที่ไม่มีน้อง
ช่างซบเซาเหงาหงอยค่อยประครอง
มีเจ้าของไปเป็นอื่นคืนนี้ตรม
คงลืมฝันวันวานหวานหวามไหว
ยอดดวงใจแช่มชื่นข้าขื่นขม
คงไปอยู่กับเขาคงเฝ้าชม
น้ำตาพรมระรินรอบขอบดวงตา
4 กันยายน 2547 10:07 น.
ketana
เอื้อมไม่ถึง จึงคว้าลม มาห่มไว้
เผื่อว่าใจ จะหายหนาว ในคราวนี้
ตะเกียกกาย ป่ายปีน สิ้นแรงมี
ไร้ฤทธี เหาะเหิร เกินปัญญา
เมื่อยามเหงา เราเฝ้าดู อยู่ห่างห่าง
ระยะทาง ระหว่างเรา เศร้านักหนา
แม้แต่ยาม หลับตานอน ก่อนนิทรา
มือยังคว้า ไม่ถึง จึงรำพัน
อยากติดปีก รีบร่อน จรไปหา
เจรจา พาถ้อย ร้อยคำนั้น
พร่ำคำรัก ฝากใจ ไว้ด้วยกัน
นาทีฝัน ขอเท่านี้ นาทีเดียว
อกุศล หนไหน มาดลจิต
พรมหลิขิต ขีดไว้ ไร้ใครเหลียว
จึงต้องเศร้า ดวงแด แต่ผู้เดียว
หนาวเปล่าเปลี่ยว เบี้ยวบิด ชีวิตตรม
ฤดูกาล ผันผ่าน นานหลายหน
เปลี่ยนจากฝน เป็นหนาวเหน็บ เจ็บขื่นขม
เพียงผ้าผวย ห่มกายา คราระทม
ร้าวระบม ข่มจิต อย่าคิดไป
เธออยู่สูง เกินกว่า จะคว้าครอง
อย่านึกปอง มองเห็น เป็นสุขใจ
ยามนึกถึง พึงแหงนมอง จ้องขึ้นไป
คือดวงใจ ไหววาว สกาวเดือน