12 ตุลาคม 2547 01:38 น.
ketana
ลมหายใจรวยริน
เหมือนใกล้สิ้นลมปราณ
อกแหลกแตกสะท้าน
ความร้ารานผลาญดวงแด
ผ่านความสุขชั่วครู่
ดวงจิตรู้ใช่สิ่งแท้
ความจริงสิยิ่งแน่
เหลือไว้แค่ความทรงจำ
บนถนนชีวิต
ที่ยึดติดแต่ความช้ำ
เจ็บร้าวมาก้าวนำ
ยังก้าวย่ำยิ่งจำใจ
เผื่อใจหวังไว้ว่า
เมื่อกายล้าก้าวไม่ไหว
พบทางแยกแปลกไป
ชีวิตใหม่ได้เริ่มเดิน
ไม่ลังเลจะก้าว
ถึงร้อนหนาวจะทำเมิน
พร้อมกายใจจะเผชิญ
ไม่ยากเกินความตั้งใจ
จะไปให้สุดทาง
ขอวางเท้าเดินก้าวให้
ใครขวางไม่หวั่นไหว
พร้อมจะไปและพร้อมจะเป็น
สู้เพื่ออรุณรุ่ง
แล้ววันพรุ่งคงได้เห็น
แม้จะยากลำเค็ญ
คงได้เห็นแสงรำไร
9 ตุลาคม 2547 09:33 น.
ketana
ข้าวิงวอน เทพไท ในสวรรค์
จงบันดาล ความวอดวาย ให้ใจนี้
ความบรรลัย ฉิบหาย ในฤดี
กว่าชีวี มอดม้วย มรณา
ด้วยส่วนบุญ หนุนไป ในภพก่อน
ขอวิงวอน ก่อนไป ในชาติหน้า
อย่าได้มี ใครเข้าใจ เลยสักครา
ขอขมา ฟ้าดิน ถ้าสิ้นใจ
ไปภพใหม่ ขอเกิดเป็น เดรัจฉาน
ขอกราบกราน ไหว้วาน ผ่านองค์ไหน
พญายม มัจจุราช หรือท่านใด
จะช่วยให้ เป็นไป ได้สักที
ขายวิญญาณ กายแลก แหลกสลาย
หากต้องตาย ดวงจิต ไม่คิดหนี
ถ้าได้ไป สู่แดน สุขาวดี
เกิดอีกที อย่าทุกข์ทน เป็นคนเลย
3 ตุลาคม 2547 10:08 น.
ketana
เฝ้าออดอ้อน เว้าวอน ก่อนใครใคร
เธอกับให้ คนไหน ไม่ใช่ฉัน
ฤ เพียงเรา เพียรง้อ รอทุกวัน
ใจเรามัน มิมีค่า ราคาเลย
เธอมองข้าม ความหวังดี ที่มีให้
มองผ่านไป ตามทาง อย่างเมินเฉย
จะรู้สึก บ้างไหม หรือไม่เลย
ไม่เคยเอ่ย ให้ซึ้ง ตรึงทรวงใน
แค่ปล่อยให้ ฉันหวั่นไหว ไปวันวัน
แต่เธอนั้น ฝันซึ้ง ไปถึงไหน
ไม่เคยมี ฉันสักนิด ในจิตใจ
กับคนใหม่ เท่าไหร่ ก็เท่ากัน
แต่กับฉัน ไม่เคย เลยสักนิด
ก็ไม่ผิด ไม่รู้สึก นึกถึงฉัน
ไม่เป็นไร หากวันนี้ ไม่มีกัน
ขอความฝัน ที่เธอใฝ่ ดั่ง่ใจปอง
ฉันคงไป ตามทาง อย่างเหงาเหงา
จะเก็บเอา รักร้าว คราวหม่นหมอง
เดินจากมา ทั้งอุรา น้ำตานอง
เหมือนหันมอง เธอเก้อ เพ้อรำพึง
จะไปสู่ บรรพชิต จิตห้ามหัก
ทิ้งความรัก ปักอุรา คราคิดกึง
ความอาวรณ์ ห่วงหา ที่ตราตรึง
จะไปพึ่ง รสพระธรรม ค้ำชีวัน
จะขอใช้ พระธรรม คำสั่งสอน
ปลดนิวรณ์ อาทร ก่อนดับขันธ์
ภาวนา หวังไว้ ในสักวัน
พบนิพพาน สู่สวรรค์ นิรันดร