14 กรกฎาคม 2548 13:02 น.
ketana
ชีวิตยังดำเนินเดินไปต่อ
แม้หัวใจมันท้อจะขอสู้
จึงใคร่ครวญตรึกตรองลองนึกดู
ฤ ใครรู้ความเป็นไปในสากล
สิ่งทั้งหลายย่อมมีที่กำเนิด
แม้ก่อเกิดร้ายดีมีเหตุ-ผล
ทั้งสุขทุกข์คลุกเคล้าเฝ้าเวียนวน
คงมิพ้นจนกว่าสิ้นดวงวิญญาณ
ความปราโมทย์ปรีเปรมเกษมศรี
จักต้องมีคืนวันอันร้าวฉาน
ความโศกเศร้าทุกข์ท้อทรมาน
คงเลยผ่านหลุดห่วงห้วงคำนึง
ความน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิต
ยังสะกิดติดตามคอยถามถึง
หยิ่งผยองพองขนตนเป็นหนึ่ง
ดูก้ำกึ่งคอยเปลี่ยยเวียนเข้ามา
สู้สังขาร์ยากยิ่งจะวิ่งหลบ
หากพานพบความจริงยิ่งผวา
ด้วยผลบุญหรือกรรมหนุนนำพา
ปรารถนาหรือไม่ใช่เลือกเอง
3 กรกฎาคม 2548 03:03 น.
ketana
ขอวิงวอนองค์พระปฏิมา
น้อมวันทานำหนุนบุญกุศล
สิ้นอาฆาตมาดร้ายในใจคน
ดั่งน้ำมนต์ไหลอาบชะบาปกรรม
บริภาษไว้ว่าทุรยศ
จงสลดวอดวายฉิบหายซ้ำ
แม้ผลบุญความดีที่เคยทำ
อย่าได้นำให้วิมุตหลุดห้วงเวร
จะสาปแช่งอย่างไรฉันไม่ว่า
แม้นกายายากแค้นช่างแสนเข็ญ
ถึงให้ฉันพิไรไปทั้งเป็น
ให้ลำเค็ญหม่นหมองต้องราคะ
เพราะความรักบดบังมิชั่งจิต
ลืมถูกผิดลืมตัวชั่วขณะ
คำอาฆาตวางลงใต้องค์พระ
มิอาจละความแค้นแน่นอุรา
ฉันวิงวอนตั้งจิตอธิฐาน
นมัสการพระธรรมคำศาสนา
ขอพรอันประเสริฐบังเกิดมา
จงช่วยพาทุกข์ทนเธอพ้นไป
ขอเธอมีชีวันอันพิสุทธิ์
เปรียบประดุจดวงแก้วที่แววใส
สิ้นราคีมัวหมอง ณ ห้องใจ
จงก้าวไปประสบพบสิ่งดี
เราทำบุญร่วมกันนั้นมาน้อย
รักจึงค่อยสลายมลายหนี
ขาดเยื่อใยตัดรักลงสักที
สุดท้ายนี้ขออโหสิกรรม
1 กรกฎาคม 2548 22:17 น.
ketana
เพราะเธอรักมากล้นจนเคียดแค้น
มันผังแน่นชิงชังดุจดังว่า
อยากให้อยู่ทุกข์ทนทรมา
มรณาแค่นั้นมันสบาย
เขียนกระดาษสาปส่งใต้องค์พระ
สักการะเมื่อใดให้ฉิบหาย
คือข้อความเธอนั้นเขียนบรรยาย
สาธุจงวอดวายไม่เหลือดี
ฉันทำผิดอะไรมากมายนัก
หรือเพราะรักเปลี่ยนเป็นดังเช่นนี้
มันบดบังถูกผิดคิดชั่วดี
ฤเป็นผีดลใจหรือไงกัน
หากชีวิตสลับกลับอีกด้าน
คนที่ผ่านสิ่งร้ายกลายเป็นฉัน
ใครว่าเธอเแพศยาสารพัน
เป็นนางนั้นกากีที่หลายใจ
ฉันก็พร้อมยอมรับเธอกลับสู่
เปิดประตูจงกลับมาอย่าสงสัย
ดวงฤดีฉันพร้อมยอมอภัย
เริ่มต้นใหม่ที่แล้วไปไม่เอาความ
ขอให้ฉันตายลงคงดีกว่า
ถ้อยวาจาจงเกลียดคำเหยียดหยาม
ฤ คำรักพลั้งเผลอเธอนิยาม
ก็คือความเคียดแค้นแน่นในทรวง
24 มิถุนายน 2548 22:47 น.
ketana
ผิดที่ฉันหลงละเมอทำเซ่อซ่า
คิดเองว่าเราสองจะครองมั่น
เพียงมีเราเคียงคู่อยู่ด้วยกัน
ที่แท้ฉันนั้นเก้อเพ้อคนเดียว
ผิดที่ฉันฝันไปเกินใจคิด
ห้วงแห่งจิตถลำไปไม่เฉลียว
ประมาทเองไม่รู้สึกนึกแล้วเชียว
ต้องเปล่าเปลี่ยวเงียบเหงาเข้ากับตัว
ผิดที่ฉันไม่ตักน้ำใส่กะโหลก
ลืมชะโงกส่องเงาดูเงาหัว
ไม่หล่อเหลาซ้ำหน้าตายังน่ากลัว
เพราะรูปชั่วตัวดำต้องจำทน
ผิดที่ฉันค่นแค้นแสนลำบาก
มันทุกข์ยากอัตคัตดูขัดสน
ก็มีเพียงเท่านั้นฉันมันจน
จึงต้องหม่นมัวหมองนองน้ำตา
ผิดที่ฉันพลั้งเผลอทะเยอทะยาน
ทำห้าวหาญใจเพชรเด็ดดอกฟ้า
หมายแอบอิงน้าวกิ่งโน้มลงมา
สมน้ำหน้าหมาวัดไม่หัดเจียม
23 มิถุนายน 2548 22:47 น.
ketana
ยามฝนตกชะขี้................หมูไหล
พาพัดคนจัญไร................รวมกลุ่มก้อน
สร้างความชั่วร้ายใน.........พิภพ
ชาวประชาเดือดร้อน........ทั่วทั้งแผ่นดิน
มันโกงกินเกือบสิ้น...........ประเทศชาติ
ใครจะพังพินาศ................ไม่รู้
นรกฤจะขยาด...................หวาดหวั่น
ใครเล่าจะกอบกู้................ลบล้างมันไป
กราบวิงวอนเทพไท้...........บนสวรรค์
ลงโทษโปรดลงทัณฑ์........สาปให้
สายฝนพัดพวกมัน..............ลงสู่
นรกภูมิหมกไหม้................ดับสิ้นวิญญาณ