19 กันยายน 2547 14:26 น.
ketana
ธาราแห่ง อารมณ์ ช่างตรมตรอม
คอยจะน้อม อ่อนเอน เป็นไฉน
ไม่จำหรือ ความระทม ระบมใน
ยังไม่หาย เวรกรรม ที่ซ้ำทรวง
ชลนา หลั่งริน ไม่สิ้นเนตร
เกิดอาเพศ เหตุกล คนซ่อนลวง
ด้วยวาจา พร่างพรูมา ว่าเป็นห่วง
จนใจล่วง เลยเถิด เกิดจริงจัง
มาสร้างฝัน คอยอยู่ เป็นคู่ข้าง
จะร่วมทาง ที่ไป ดั่งใจหวัง
ช่วยเติมให้ หากฤทัย ไร้พลัง
เป็นกำลัง ยามเหนื่อยอ่อน ให้ผ่อนคลาย
คือทุกอย่าง เนรมิต วิจิตให้
เป็นสิ่งใด ทุกอย่าง ไม่ห่างหาย
เป็นมิ่งขวัญ เอียงแอบ แนบชิดกาย
มากกว่าสาย ใยโยง โพงสัมพันธ์
ให้เธอเป็น มากกว่า ค่าสิ่งไหน
มอบหัวใจ กายพร้อม น้อมความฝัน
จะอยู่ได้ หรือไม่ ให้เธอนั้น
เพียงโปรดปราณ ปราณี ก็ดีใจ
หรือจะปล่อย ลอยล่อง ท่องธารา
จนชีวา ชอกช้ำ ตามธารไหล
สำลักน้ำ ปริ่มว่า จะขาดใจ
คงปล่อยให้ จมหาย ในสายชล
14 กันยายน 2547 16:52 น.
ketana
อนงค์นางนวลไหนจะได้เท่า
เสมอเจ้าร่วมเรียงเคียงคู่ข้า
แม้เอนกายทอดลงตรงกายา
หาใครมาเทียบเท่าเจ้าไม่มี
อรชรงามพิสุจน์ดุจอัปสร
ชะแอ้นอ้อนยามเยื้องย่างงามสมศรี
สุรเสียงเพียงรำเพยเอ่ยวจี
ดวงฤดีรำพึงเก้อเพ้อถึงนาง
ณ ราตรีค่ำหนึ่งคนึงอยู่
เคียงพธูดูดารานภากว้าง
ตะวัดแขนเชื้อชวนเนื้อนวลปราง
มาอยู่ข้างเบียดชิดติดตัวช้า
ดั่งน้ำหยดลงหินยังสิ้นแกร่ง
ข้าไร้แรงเข็งขืนฝืนปรารถนา
เจ้าคงเป็นเช่นสายน้ำไหลในธารา
เซาะศิลาให้ละล้าเป็นอาจิณ
เจ้าคงเปรยเปรียบไว้อย่างสายชล
ไหลเวียนวนเข้าซอกตามตรอกหิน
บางก็เอื่อยเฉื่อยชะระรวยริน
คอยถวิลถั่งโถมเข้าโรมรัน
เลี้ยวลัดเลาะโยกซ้ายย้ายไปขวา
ไหลเรื่อยมาผ่านช่อชุมปทุมถัน
ผ่าดงไม้ท่วมพฤกษานานาพรรณ
กระแทกพลันถาท้นเอ่อล้นมา
ครั้นมาถึงที่ต่ำกระหน่ำไหล
ลื่นลงไปเรื่ยวแรงไม่อ่อนล้า
ยิ่งยาวไกลถาโถมโหมตามมา
ถึงหน้าผาตกแตกแยกละออง
แต่ราตรีคืนนี้ไม่มีเจ้า
มองเดือนดาวคราที่ไม่มีน้อง
ช่างซบเซาเหงาหงอยค่อยประครอง
มีเจ้าของไปเป็นอื่นคืนนี้ตรม
คงลืมฝันวันวานหวานหวามไหว
ยอดดวงใจแช่มชื่นข้าขื่นขม
คงไปอยู่กับเขาคงเฝ้าชม
น้ำตาพรมระรินรอบขอบดวงตา
4 กันยายน 2547 10:07 น.
ketana
เอื้อมไม่ถึง จึงคว้าลม มาห่มไว้
เผื่อว่าใจ จะหายหนาว ในคราวนี้
ตะเกียกกาย ป่ายปีน สิ้นแรงมี
ไร้ฤทธี เหาะเหิร เกินปัญญา
เมื่อยามเหงา เราเฝ้าดู อยู่ห่างห่าง
ระยะทาง ระหว่างเรา เศร้านักหนา
แม้แต่ยาม หลับตานอน ก่อนนิทรา
มือยังคว้า ไม่ถึง จึงรำพัน
อยากติดปีก รีบร่อน จรไปหา
เจรจา พาถ้อย ร้อยคำนั้น
พร่ำคำรัก ฝากใจ ไว้ด้วยกัน
นาทีฝัน ขอเท่านี้ นาทีเดียว
อกุศล หนไหน มาดลจิต
พรมหลิขิต ขีดไว้ ไร้ใครเหลียว
จึงต้องเศร้า ดวงแด แต่ผู้เดียว
หนาวเปล่าเปลี่ยว เบี้ยวบิด ชีวิตตรม
ฤดูกาล ผันผ่าน นานหลายหน
เปลี่ยนจากฝน เป็นหนาวเหน็บ เจ็บขื่นขม
เพียงผ้าผวย ห่มกายา คราระทม
ร้าวระบม ข่มจิต อย่าคิดไป
เธออยู่สูง เกินกว่า จะคว้าครอง
อย่านึกปอง มองเห็น เป็นสุขใจ
ยามนึกถึง พึงแหงนมอง จ้องขึ้นไป
คือดวงใจ ไหววาว สกาวเดือน
20 สิงหาคม 2547 13:35 น.
ketana
จงเริ่มต้น อย่างคน ที่หาญกล้า
อย่าอ่อนล้า สิ้นแรง จงแข็งขืน
ให้เป็นดัง ต้นไม้น้อย ค่อยหยัดยืน
ผ่านวันคืน กิ่งกาง อย่างมั่นคง
หยั่งรากลึก ลงไว้ ในผืนดิน
ต่อชีวิน จิตใจ อย่าไหลหลง
เปลื่ยนความท้อ แท้ใจ ให้ทรนง
อย่าพะวง กลัวชีวิต ผิดพลาดไป
จงยอมรับ ในสิ่ง ที่พลั้งเผลอ
อาจพร่ำเพ้อ ครวญคร่ำ น้ำตาไหล
คิดเสียว่า พลาดไป ใช่เรื่องใหญ่
จงทำใจ รับมัน อย่าหวั่นเกรง
ให้อภัย เรื่องใด ที่ใจเจ็บ
ขออย่าเก็บ ใครย้ำ ทำข่มเหง
ถือเอาไว้ ไร้สุข ทุกข์ไปเอง
ให้ละเลง ปล่อยหาย ในเวลา
ชีวิตคน ใช่ยืนยาว ราวความฝัน
มันแสนสั้น ทำใจ ให้สูงค่า
อย่าไปสน คำคน ทนนินทา
หวังเพียงว่า ยืนสู้ อยู่อย่างไร
....อย่าไปสนใจ ทางข้างหน้าย่อมมีขวากหนามบ้าง
รู้คุณค่าแห่งตัวเอง รู้ความผิดพลาดของตัวเอง
แล้วแก้ไข ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า การรู้จักให้อภัย....
10 สิงหาคม 2547 23:23 น.
ketana
ณ ชายขอบ อาณาเขต ประเทศหนึ่ง
ชายผู้ซึ่ง ตามหา ล่าสมบัติ
เดินทางทั่ว ฟ้าอมร อย่างจรจัด
บางครั้งพลัด พลาดงง เดินหลงไป
ด้วยราชา ให้หา สิ่งที่เลิศ
ของประเสริฐ ของดี ที่หาได้
และสิ่งที่ ชั่วช้า เกินกว่าร้าย
จะยกให้ ธิดา เพียงหามา
ด้วยใจภักดิ์ รักนาง อย่างท่วมท้น
อยากบันดล บันดาล ฝันได้คว้า
จึงดั้นด้น กายกำลัง หวังตามหา
เพื่อน้องยา แนบทรวง ดั่งดวงใจ
มีเจ้าชาย มากมาย ในทั่วแคว้น
ทุกดินแดน หาสิ่งเลิศ ประเสริฐไว้
ด้วยหมายมั่น คู่ครอง น้องยาใจ
แต่ก็ไม่ ปรารถนา องค์ราชันย์
วณิพก ผู้หนึ่ง จึงเข้าเฝ้า
ว่าตัวเรา มีของร้าย ในโลกันต์
ว่าตัวข้า มีของดี กว่าสวรรค์
องค์ราชันย์ ตกใจ ไหนว่ามา
วณิพก ตกใจก้ม ประนมกราบ
ด้วยข้าทราบ จากข่าว เขาลือว่า
คนผู้ใด หาของดี ที่สุดหล้า
คนผู้ใด หาของร้าย ในพสุธา
พระราชา มอบธิดา เป็นรางวัล
ข้ามีสิ่ง ดีสุด จนหยุดโลก
วิปโยค สิ่งร้าย ในกายนั้น
แล้วแลบลิ้น ให้ราชันย์ นั้นดูพลัน
ว่าสิ่งนั้น คือชิวหา ของข้าเอง
องค์ราชา พิโรธ โกรธยิ่งนัก
นี่เจ้าจัก หมิ่นข้า หากลัวเกรง
หรือไม่หวั่น โทษภัย ใกล้ตัวเอง
มิยำเกรง ล้อข้าเล่น ทำเช่นนี้
มาหบพิต โปรดครุ่นคิด สักนิดว่า
อันชิวหา คือสิ่งเลิศ ประเสริฐศรี
คือสิ่งทำ ให้ร้าย กลายเป็นดี
เอ่ยวลี ปอปั้น ยันยกยอ
เอ่ยวลี อาฆาต ที่มาดร้าย
หวังทำลาย คนดี มีแต่ท้อ
ให้วาดวาย มลายหวัง ยังไม่พอ
หรือจะขอ ให้ด่าวดิ้น ใช้ลิ้นทำ
พระราชา คร่ำครวญ หวนใจคิด
เพ่งพินิจ ถ้อยเอ่ย เฉลยคำ
เพียงแค่ใช้ ลิ้นลากไป ให้กระทำ
เกิดผลนำ ตามมา ว่าชั่วดี
สิ่งที่ดีที่สุด
หรือ สิ่งที่เลวที่สุด
ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน
มันอยู่ในตัวเรา
เพียงแต่ เราจะใช้มัน
ให้คุณหรือให้โทษ เท่านั้นเอง