14 พฤศจิกายน 2547 16:18 น.
ketana
หยุดขวนขวาย ดิ้นรน เอาไว้ก่อน
หลับตานอน แน่นิ่ง ไม่ติงไหว
ใช้ความคิด เรื่องราว ที่ผ่านไป
หากขอได้ หยุดเวลา ค้นหาตัว
บนวิถี เส้นทาง ที่ผ่านเลย
คงเหมือนเฉย มืดมิด จิตสลัว
ดูใครใคร แรมร้าง ช่างน่ากลัว
เหมือนหมองมัว เคว้งคว้าง อย่างผ่านมา
จะเหลียวซ้าย แลขวา หน้าหรือหลัง
เคยพลาดพลั้ง ล้มลุก ทุกห้วงหา
ความสำเร็จ มีบ้าง บางเวลา
แต่อุรา บอกไม่ใช่ หทัยลวง
ให้ตัวเรา เห็นภาพ ที่ฉาบหน้า
จิตนาการทั้งนั้นที่ฉันหวง
สำนึกบอก เอาไว้ ใจมันลวง
จนติดบ่วง ใยโยง โกงฤทัย
หยุดเวลา ความบ้าบิ่น คงสิ้นแล้ว
ตั้งจิตแน่ว แน่แท้ ต้องแก้ไข
วางไว้ก่อน ฝันบรรเจิด เกิดจากใจ
คอยอาศัย ยามสะดุด ก็หยุดดู
หยุดหยุดหยุด สติ พินิจพิเคราะห์
ให้พอเหมาะ อย่าให้ ใจอดสู
บนทางเดิน หัวใจ ใครรับรู้
หรือมาอยู่ เพื่อล่วงผ่าน กาลเวลา
8 พฤศจิกายน 2547 02:26 น.
ketana
เดินข้ามเส้น กั้นขวาง สู่ทางรัก
ลงสลัก ปักหมุด สุดใจหมาย
ได้เล้าโลม ชมรูป กอดจูบกาย
สติตาย คล้ายผีวิ่ง มาสิงสู่
ธารารมณ์ เวียนว่าย ไปไม่สิ้น
ใฝ่ถวิล เคียงเคย หวังเชยชู้
สายสวาท พาดผ่าน พล่านพร่างพรู
ได้รับรู้ ลิ้มลอง ต้องหทัย
ระรี้ริก รื่นเริง หลงเหลิงชม
คลื่นอารมณ์ ถั่งโถม ทนไม่ไหว
ระเริงรัก เลยล่องลอย ปล่อยกายใจ
ไหลเลื่อนไป ตามจิตวาด ปรารถนา
ลืมวันคืน ปล่อยมัน ให้ผันผ่าน
จนถึงกาล ล่วงลับ กลับห่วงหา
อีกด้านหนึ่ง เสี้ยวกระผีก ซีกชีวา
จึงไขว่คว้า ตามติด ชีวิตจริง
เรื่องสำคัญ ผ่านเลย ไม่เคยมอง
ใช่จะหมอง ต้องอดสู เพราะผู้หญิง
ไช่จะห่าง ร้างไร้ ไม่แอบอิง
หวนประวิง จิตร้อน อ่อนใจกาย
ระเริงรัก เมื่อร้าว หนาวหัวอก
น้ำตาตก รินหลั่ง หวังหดหาย
คนเคยคู่ เลยลับ มากลับกลาย
สิ้นสลาย มลายลง ตรงใจเรา
7 พฤศจิกายน 2547 15:29 น.
ketana
อย่ายื้อยุดฉุดดึงตรึงเอาไว้
อย่าอาลัยมากไปใจยึดถือ
ชีวิตเปลี่ยนเวียนแค่ว่าพลิกฝ่ามือ
จะมัวถืออัตตาหาค่าใด
นั่นของกูนี่ของกูโน่นของกู
ใจไม่รู้จักพอขอถึงไหน
ไม่ปรีเปรมอิ่มเอมบ้างหรือไร
หวังอยากได้ไม่ปลดปลงลงสักที
แบกเอาไว้คอนเอาไว้ให้เต็มบ่า
แสวงหาเก็บถึงแคว้นแดนสุขี
จะถือไปจนกายดับลับชีวี
หวังจะมีความสุขทุกชาติไป
เวลามาเอาอะไรใส่มาเล่า
ก็ตัวเปล่าทั้งนั้นเชื่อฉันไหม
แต่พอคราวิญญาจะจากไป
ที่หาไว้เอาไปได้หรือไรกัน
หาแต่พอหล่อเลี้ยงเพียงชีพอยู่
เพียรเรียนรู้ละวางสร้างทางฝัน
สำนึกเห็นตั้งจิตเห็นเป็นสำคัญ
อัตตานั้นลดได้สบายใจ
นั่นของเขานี่ของเขาโน่นของเขา
แม้ตัวเราใช่ของเราเศร้าไฉน
หายใจอยู่บุญทานทำเข้าไป
หมดหายใจเมื่อไหร่ได้ใช้มัน
4 พฤศจิกายน 2547 17:36 น.
ketana
ท้องทะเล เวิ้งว้าง แสนกว้างใหญ่
ระริ้วไหล พลิ้วฟอง ละอองคลื่น
สะท้อนเงา แสงดาว พราวค่ำคืน
ทนกล้ำกลืน ล่องธารา ว้าเหว่ใจ
กำปั่นน้อย เคลื่อนคล้อย ลอยจากฝั่ง
ทิ้งความหวัง ความฝัน วันวานไว้
หันหัวเรือ เพื่อค้น ดั้นด้นใน
ชลาศัย ราตรี นี้เงียบงัน
จากภูผา เดียวดาย โดยโดดเดี่ยว
ไม่อยากเหลียว ให้เหหวน ครวญเหหัน
เป็นคนจร ท่องแดนเถื่อน ลบเลือนวัน
ตามเก็บฝัน วันสวย ด้วยใจเรา
ฟ้าก็เหงา ภูเขาก็ว้าเหว่ ทะเลก็เดียวดาย
อยู่ที่ไหน หัวใจ ก็เปลี่ยวเปล่า
ไปตามแสง แห่งจันทรา คราทอดเงา
ถนนเศร้า เราก็อยู่ เพียงผู้เดียว
2 พฤศจิกายน 2547 00:44 น.
ketana
รอยรสรัก เริ่มต้น ปนร้าวราน
ดังถูกผลาญ เผาไฟ ใจหมองไหม้
จะมอดม้วย มรณา เวลาใด
จะทนได้ ไปอีก สักกี่ครา
มันลุกลาม ตามตัว ถึงหัวอก
น้ำตาตก รดราด ปรารถนา
ทั้งดวงเนตร พรูพร่าง หลั่งธารา
อัคคีพา อุราร้อน อ่อนละลาย
ทั้งมหา นที ที่ไพศาล
หรือลำธาร ใหญ่น้อย คอยมุ่งหมาย
เอามาดับ อัคคีภัย ที่ในกาย
กลับเลวร้าย ลุกลามทั่ว ทั้งตัวตน
ธารน้ำใจ จากใคร จะไหลหลั่ง
ลดพลัง อัคคีร้าย ได้สักหน
ช่วยชะโลม พรมพร่าง ล้างกังวน
ยื้ดยุดคน จากไฟ บรรลัยกัลป์