11 เมษายน 2549 22:57 น.
ketana
เพราะชีวิตหักเหจึงเร่ร่อน
พเนจรหมอนบิ่นไกลถิ่นฐาน
เดินดั้นด้นทั่วแคว้นแดนกันดาร
จำจากบ้านที่เกิดกำเนิดกาย
เพราะความจนข้นแค้นแสนสาหัส
อัตคัดดิ้นรนทนขวนขวาย
ต้องล้มลุกทุกข์ทนทุรนทราย
ทุ่มเททั้งแรงกายขายแลกเงิน
สักวันหนึ่งหวังไว้คงได้กลับ
มั่งมีทรัพย์รวยล้นคนสรรเสริญ
ลบคำหยามประณามด่าหมายังเมิน
ทางเจริญได้ดีไม่มีวัน
จดจำคำหยามหมิ่นว่าสิ้นท่า
ออกตามหาทางไปดังใจฝัน
อุปสรรคขวางหน้าคอยฝ่าฟัน
ไม่หวาดหวั่นพ่ายแพ้แก่ชะตา
ถึงวันนี้หนทางที่ย่างก้าว
ยังทอดยาวเกิดก่อข้อกังขา
จะอีกนานเท่าใดใช้เวลา
หรือจนกว่าชีวันจะบรรลัย
บนถนนปวดร้าวที่ก้าวย่าง
ดูเคว้งคว้างสับสนเกินทนไหว
แต่เลือกแล้วทางที่ปองก็ต้องไป
เพื่อวันใหม่คงดีกว่าที่เป็น
1 เมษายน 2549 10:16 น.
ketana
ฉันไม่เหลือความหมายในชีวิต
มืดตลอดบอดสนิทดวงจิตฉัน
ต้องซัดเซพเนจรซ่อนจาบัลย์
ปล่อยคืนวันผ่านไปไม่อยากจำ
เดินเดียวดายโดดเดี่ยวไม่เกี่ยวข้อง
คิดจะมองหาผู้ใดให้เจ็บช้ำ
ทนก้มหน้ายินยอมพร้อมรับกรรม
ไม่อยากซ้ำรอยแพ้ให้แผลใจ
ผ่านหน้าหนาวร้าวในหัวใจหวั่น
เข้าคิมหันต์ร้อนรนทนมิไหว
ลมแล้งพัดโบยพลิ้วละลิ่วไป
ท้องฟ้าใยหมองคล้ำดำมืดมน
เสียงคำรามเสียงฟังแล้วหวาด
สายฟ้าฟาดก้องดังทั้งเวหน
กัมปนาทแปลบปลาบวาบกมล
แล้วหยาดฝนพร่างพรูสู่ธรณิน
ความรุ่มร้อนผ่อนคลายสบายจิต
คร่ำครวญคิดตัวเราเฝ้าถวิล
ฝนยังหลงฟากฟ้าลงมาดิน
แต่รักสิ้นลาลับไม่กลับคืน