28 ธันวาคม 2547 20:04 น.
ketana
มหันตภัย ในสายน้ำ
โหมกระหน่ำ ซ้ำมนุษย์
ทนทุกข์เข็ญ เป็นที่สุด
มายื้อยุด ฉุดวิญญาณ
แม่คงคา ท่านโกรธเกรี้ยว
คลื่นเป็นเกลียว สูงตระหง่าน
ซัดชายฝั่ง จนแหลกราญ
ทรมาน ชาวประชา
ขอวิงวอน เพื่อนร่วมชาติ
จิตมุ่งมาด ปรารถนา
จงช่วยกันซับน้ำตา
ด้วยศรัทธา ทั้งหัวใจ
ขออุทิศ ส่วนกุศล
จงบันดล บันดาลให้
ผู้ที่พบ ประสบภัย
พระรัตนตรัย โปรดคุ้มครอง
18 ธันวาคม 2547 12:24 น.
ketana
เอาความสุข ใส่แอก แบกขึ้นบ่า
ลากมันมา ตามทางลาด บาทวิถี
หลบหลีกเลี่ยง เกี่ยงเศร้า เหงาฤดี
อยากมุ่งมี แต่สุข ทุกข์ไม่เอา
คอยเลือกแต่ ชื่มชม โสมนัส
ที่ข้องขัด ไม่นำ ทำโง่เขลา
จะบ่ายเบี่ยง อย่างไร ไม่พ้นเรา
ต้องเก็บเศร้า ไปบ้าง สร้างสมดุลย์
มีหรือที่ ภิรมย์ สมใจนึก
ลองนั่งตรึก ตรองกัน มันว้าวุ่น
ไม่เลือกรรม หวังค้ำ นำแต่บุญ
จงคิดครุ่น มองย้อน สอนหัวใจ
เลยต้องเอา ทุกข์ใส่ ที่ไหล่ขวา
ลากมันมา กับแอก แบกให้ไหว
สู่หนทาง ชีวิต อีกยาวไกล
สุขทุกข์ใจ เก็บไว้ ไปด้วยกัน
เหมือนทรงตัว บนกระดาน ผ่านห้วยหนอง
ข้ามคูคลอง ไปได้ ดั่งใจฝัน
ประคองย่าง สร้างสมดุล ศูนย์ถ่วงกัน
ให้แม่นมั่น ค่อยวางเท้า แล้วก้าวเดิน
15 ธันวาคม 2547 01:35 น.
ketana
ห่างกันไม่ เท่าไหร่ แค่ปลายฟ้า
ผืนนภา กั้นขวาง ทางเอาไว้
ไม่เกินกว่า คิดถึง พึงข้ามไป
ฝากลมให้ พิทักษ์ รักของเรา
คำหวานชื่น แผ่วหาย กลายเป็นขม
หรือพระพรหม เสแสร้ง แกล้งให้เหงา
เพียงพระพาย โบกสะบัด ก็พัดเอา
ซึ่งความเศร้า แทนรำพึง คิดถึงเธอ
ธารน้ำตา ถาโถม โหมกระหน่ำ
หทัยช้ำ กายมันเก็บ เจ็บเสมอ
เหมือนวิงวอน อ้อนคำ พร่ำละเมอ
นั่งคอยเก้อ ทั้งทิวา และราตรี
เปิดหัวใจ เธอหน่อย ช่วยคอยรับ
เพียงสดับ ได้ไหม อย่าหน่ายหนี
ความห่วงหา อาทร ซ่อนวจี
จากฟ้านี้ ถึงสุดหล้า ว่ามีใคร
นิททรารมณ์ ขมขื่น สะอื้นหา
ในอุรา เทิ้มสั่น มันหวั่นไหว
หนาวสะท้าน ไม่หาย ทั้งกายใจ
โศกาลัย กับหมอน ก่อนหลับตา
11 ธันวาคม 2547 20:01 น.
ketana
เพราะดวงจิต พิสมัย ในสันโดษ
มิเคยโกรธ พรหมลิขิต ชีวิตฉัน
ข้ามเวลา ผ่านขมขื่น ทุกคืนวัน
หรือสุขสันต์ จดจำ เพียงลำพัง
ความสนุก ด้วยสลับ จับอักษร
เป็นบทกลอน เรียงถ้อย ร้อยความหวัง
คราวแห้งแล้ง หัวใจ ไร้พลัง
ช่วยรินหลั่ง พอชุ่มชื่น ฟื้นชีวา
สหายบางคน บนถนนของคนอยากเขียนด้วยกัน
เคยถามผมว่า
ทำไมไม่เขียนเรื่องที่จบลงด้วย ความสนุกสนานบ้าง
มีความสุขบ้าง ทำไม
เพราะว่าความทุกข์นั้น มากมายบรรยายไม่หมด
แต่ความสุขมันน้อยนิด จึงอยากเก็บมันไว้ข้างใน ลึก ลึก
กลัว ไม่อยากให้ใครรับรู้
กลัว จะถูกแย่งมันไป กลัวจะถูกแบ่งปัน
สะบัดปลาย ปากกา เหว่ว้าจิต
ยังคงติด ความช้ำ ร่ำเรียกหา
ผ่านร้อยแก้ว เรียงถัก อักษรา
ปรารถนา เขียนบรรยาย คลายอารมณ์
วนเวียนว่าย เวิ้งฝัน วรรณกรรม
ร้อยลำนำ บทนิยาม ความขื่นขม
จะมีบ้าง สุขเลือนลาง วางบนตรม
เหมือนคอยบ่ม ความแกร่ง แห่งหัวใจ
ยิ่งผ่านร้าย เรื่องราว ร้าวกี่หน
จะหมองหม่น อกแตก แหลกแค่ไหน
เมื่อสักวัน ทุกข์ดับ มองกลับไป
สิ่งยิ่งใหญ่ คือเรานั้น ผ่านมันมา
8 ธันวาคม 2547 23:56 น.
ketana
แสงสุรีย์ ทอประกาย ดูฉายฉาน
เปิดตำนาน นกน้อย รอคอยหวัง
ค่อยคาบเก็บ ต้นหญ้า หาใบบัง
มาสร้างรัง เรือนรัก ไว้พักกาย
ทีละกิ่ง ครั้งละก้าน ค่อยสานต่อ
มาถักทอ ด้วยพลัง ดังใจหมาย
มีแต่น้อย ทำไป ไม่น่าอาย
สุดแรงกาย สู้บากบั่น กลั้นน้ำตา
ไม่งามเหมือน คนอื่น เป็นหมื่นแสน
สานไม่แน่น บิดเบี่ยง เอียงซ้ายขวา
ความภาคภูมิ ของเรา เฝ้าสร้างมา
ด้วยกายา ฤดี ที่ชื่นชม
คือนกน้อย ทำรัง แต่พอตัว
อย่าหวั่นกลัว ทีละน้อย ค่อยสะสม
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง ช่างตรอมตรม
คอยเก็บบ่ม สักวัน ฝันเป็นจริง