20 ตุลาคม 2552 17:38 น.
ketana
ได้ยินเสียงแสนเศร้ากาเหว่าเอ๋ย
คำเจ้าเผยเพ้อพร่ำร่ำเรียกหา
ก้องกังวาลค่ำยลเมื่อสนธยา
เจ้าแก้วตาค่ำนี้อยู่ที่ใด
จะเป็นตายร้ายดีไม่มีเห็น
ยะเยือกเย็นค่ำนี้นอนที่ไหน
หรือเหน็บหนาวยามดึกกลางพฤกษ์ไพร
อาจหนาวในอกทรวงไร้รวงรัง
นกขมิ้นเหลืองอ่อนร่อนถลา
ถึงผืนฟ้าอีกฟากอยากตามหวัง
ความเหนื่อยล้าโถมเทประเดประดัง
พอได้ฟังกาเหว่าเจ้ารำพัน
ถึงบางใครคนหนึ่งซึ่งไกลห่าง
ไร้หนทางได้ดูแลแม้ในฝัน
เฝ้ารออย่างทรมานอยู่นานวัน
อยู่อย่างนั้นแหนหวงในห้วงจินต์
ฟังสำเนียงจำนรรจาเจ้ากาเหว่า
ต้องอยู่อย่างเงียบเหงาเฝ้าถวิล
ดีกว่าต้องเก็บน้ำตามาดื่มกิน
เหมือนนกขมิ้นร่อนเร่พเนจร
ทนโดดเดี่ยวโหยหาชะตาลิขิต
ให้ชีวิตหมองหม่นทนเหนื่อยอ่อน
เปล่าเปลี่ยวไร้ใครมาให้อาวรณ์
ทนทอดถอนโดดเดี่ยวเพียงเดียวดาย
นกขมิ้นตอบวาจาเจ้ากาเหว่า
ความเงียบเหงาไม่ลางเลือนเหมือนสหาย
ต่างกันตรง ณ ใต้ฟ้าดาราราย
ในความหมายต่างก็เฝ้ารอคอย
จวบอรุณรุ่งทิวาอุษาสาง
บนฟ้ากว้างแสนเศร้าดูเหงาหงอย
นกขมิ้นจากลาน้ำตาปรอย
เจ้าล่องลอยบินสู่โลกแห่งโชคชะตา
13 มิถุนายน 2552 15:21 น.
ketana
ในวัฏฏะแห่งกรรมได้กำหนด
ปฐมบทครั้งแรกให้แตกต่าง
ขีดเอาไว้ให้เห็นเป็นเส้นทาง
ทั้งสองข้างคือฝันและความจริง
จึงดิ้นรนขวนขวายด้วยหมายมั่น
ในเคลิ้มฝันคณานับทุกสรรพสิ่ง
ความสำเร็จมาแนบได้แอบอิง
จนทอดทิ้งจากกรอบความชอบธรรม
จึงเทใจทุ่มแรงแสวงหา
ตามไขว่คว้าหวังปลื้มมาดื่มด่ำ
หวังเสพสุขรื่นฤดีสิ่งที่ทำ
ยึดถือให้ชี้นำและค้ำจุน
ใช้ชีวิตเริงรมย์เพียงสมสู่
แค่รับรู้พานพบความอบอุ่น
ที่ขาดหายมาเพื่อเกื้อการุณ
ความว้าวุ่นคุ้นชินที่ดิ้นรน
ใกล้จุดหมายปลายทางอย่างที่หวัง
เริ่มชิงชังในวิถีอันปี้ป่น
หวนระลึกตรึกตรองทางของตน
ยิ่งสับสนวิปโยคในโชคชะตา
หากวัฏฏะแห่งกรรมคอยกำหนด
ทางเคี้ยวคดขีดไว้ให้ฟันฝ่า
เพื่อไปถึงเส้นชัยเมื่อวัยชรา
หรือปรารถนาลิขิตชีวิตตน
6 มีนาคม 2552 09:23 น.
ketana
อยากบอกเธอไม่ต้อง.........เสียใจ
กับอดีตที่ผ่านไป...............เจ็บเศร้า
กล้ำกลืนสะอื้นใน..............หัวอก
หวาดวิตกคอยเฝ้า.............พร่ำเพ้อขื่นขม
ตรอมตรมระทมทุกข์ท้อ......ทรมาน
คงเจ็บปวดไม่นาน.............อีกแล้ว
จะลืมเรื่องร้าวราน..............หมองหม่น
พ้นผ่านเจ้าดวงแก้ว...........ผ่านพ้นโศกศัลย์
ในวันรุ่งพรุ่งนี้...................น้ำตา
เคยหยดหยาดทาบทา.........อาบแก้ม
พี่เพียงปรารถนา................คอยซับ
และประดับรอยยิ้มแย้ม......เพื่อเจ้าจอมขวัญ
วันต่อไปจากนี้...................นิจนิรันดร์
ความรักจักนำฝัน..............วาดไว้
เราสองแค่เธอฉัน.............ก้อยเกี่ยว
มิโดดเดี่ยวโหยไห้.............อย่าได้เสียใจ
4 ตุลาคม 2551 17:21 น.
ketana
เหมือนรอยทางล้อเกวียนที่เวียนหมุน
ตามทางฝุ่นทอดยาวได้ก้าวผ่าน
ด้วยหมายมุ่งคว้าหยิบทิพย์วิมาน
จากคำเล่ากล่าวขานมานานนม
ระหว่างรอยทางเกวียนที่เปลี่ยนผัน
ข้ามคืนวันเหงาหงอยต้องคอยข่ม
ความเงียบเหงาเหว่ว้าในอารมณ์
จนพระพรมหท่านลิขิตขีดเส้นทาง
ให้พบเธอผู้ฝันใฝ่จะไขว่หา
สุดปลายฟ้าจุดหมายไม่แตกต่าง
จึงร่วมเดินเอาจิตดุจมิตรวาง
ช่วยฝ่าฟันอุปสรรคขวางทางสัญจร
บนทางเกวียนแสนสุขสนุกสนาน
สองชื่นบานเหนื่อยหนักก็พักผ่อน
สองคนคอยช่วยเหลือเอื้ออาทร
ความอาวรณ์ทำให้หวงและห่วงใย
วันหนึ่งฝันพิสุจน์ถึงจุดเปลี่ยน
แค่เพียงเกวียนลากดึงจะถึงไหม
ความท้อแท้เหนื่อยยากลำบากใจ
หวังวาดไว้หวาดหวั่นพรั่นวิญญา
ขอเธอจงไปต่ออย่าท้อถอย
ฝันยังคอยอยู่เบื้องบนให้ค้นหา
โปรดเดินไปตามฝันอย่าหันมา
ทิ้งฉันไว้ที่ปลายฟ้า...อย่ากังวน
6 สิงหาคม 2551 08:51 น.
ketana
เหมือนผ้าใบราคาถูกมันถูกขึง
จนเรียบตึงโดยรอบกรอบสี่เหลี่ยม
ขีดเส้นร่างยิ่งใหญ่เกินใครเทียม
ดูยอดเยี่ยมภาพศิลป์ในจินตนา
คอยแต่งเติมลวดลายให้วิจิตร
ภาพชีวิตคอยวาดดั่งปรารถนา
ระบายตรงนั้นแต้มตรงนี้ภาพชีวา
ใช้เวลาวาดฝันเขียนบรรยาย
แต่ผืนผ้าเลอะเทอะดูเปรอะเปื้อน
ดูเลอะเลือนเกินงามหมดความหมาย
สกปรกเหมือนจำอวดเล่นลวดลาย
โง่งมงายปลาบปลื้มหลงรื่นรมย์
อยากให้ผ้าเปื้อนสีเป็นสีขาว
ลบเรื่องราวคลายคืนสิ้นขื่นขม
แต่ร่องรอยร้าวรานมานานนม
มันทับถมติดตรึงถึงเนื้อใน
ภาพชีวิตที่วาดด้วยปรารถนา
ดูทึมทายากแท้จะแก้ไข
ยากลืมเลือนลบล้างค้างคาใจ
คงเริ่มใหม่ด้วยผ้าที่เป็นสีเทา
เหมือนผ้าใบสีหม่นทนถูกขึง
โดนตอกตึงกลับคืนผ้าผืนเก่า
เริ่มวาดใหม่ได้แค่ภาพแรเงา
บนความเหงาของชีวิตจิตวิญญาณ