9 มกราคม 2549 00:20 น.
ketana
เธอไม่มีความหมายใดอีกแล้ว
มิเหลือแววสายสวาทเคยพาดถึง
มิเหลือเยื่อเหลือใยให้คำนึง
เหลือเพียงหนึ่งความจำคือช้ำใจ
เธอไม่มีความหมายใดมากกว่า
ผงธุลีพัดพามาจากไหน
ระคายเคืองเจ็บจนชลนัยน์
หากมิได้เขี่ยออกนอกดวงตา
เธอไม่มีความหมายใดกับฉัน
ไม่มีวันคร่ำครวญหวนคืนหา
เหลือฤดีร้าวรันทดหมดศรัทธา
เพราะคำว่ารักนั้นมันหลอกลวง
21 ธันวาคม 2548 14:19 น.
ketana
เห็นวิหคหลงทางอยู่กลางฟ้า
แรงเริ่มล้าเหนื่อยอ่อนร่อนมิไหว
จึงร่วงลงจากเวหานภาลัย
แทบขาดใจดับดิ้นสิ้นชีวา
เหมือนตัวฉันความหวังพังทลาย
สิ่งมุ่งหมายเกินใจจะไขว่หา
ชีวิตต้องหม่นเศร้าเคล้าน้ำตา
ที่ถมทับวิญญาณ์สุดจาบัลย์
หวังจะช่วยปฐมพยาบาล
เพราะสงสารปักษีมันมีฝัน
เฝ้ารักษาอาการอยู่นานวัน
อยากให้มันโบยบินกลับถิ่นเดิม
จากร่างที่ระรทดระทวยช่วยพลิกฟื้น
เรี่ยวแรงคืนแรงใจค่อยใส่เสริม
ความเมตตาแบ่งปันหมั่นคอยเติม
บาดแผลเริ่มบรรเทาทุเลาลง
แล้ววันหนึ่งแผลกายหายสนิท
เจ้านกคิดเริ่มไปตามความประสงค์
สู่จุดหมายปลายฝันอย่างมั่นคง
มิกลัวหลงทิศทางอย่างก่อนมา
เจ้าปักษีโผผินบินไปแล้ว
ข้ามขอบแนวเวหนเพื่อค้นห้า
เพราะฉันช่วยหรือเราเฝ้าเยียวยา
ต่างรักษาแผลใจให้แก่กัน
1 ธันวาคม 2548 23:12 น.
ketana
สองตาเจ้ารับรู้ สิ่งใด
มองแค่ความเป็นไป เท่านั้น
งามเพียงรูปหลงใหล ในเสน่ห์
ซ่อนเล่ห์เหลี่ยมเชิงชั้น เนตรเจ้าเห็นฤๅ
สองหูเจ้าได้แค่ ยินเสียง
สารพัดสำเนียง นับร้อย
รื่นรสพจน์ร้อยเรียง ลมเล่ห์
ดื่มด่ำคำหวานถ้อย แน่แล้วจริงฤๅ
แค่หนึ่งนาสิกนั้น ดอมดม
กลิ่นบุบผาน่าชม ยั่วเย้า
กายลอยล่องภิรมย์ หลงรส
ควันพิษหรือเปล่าเจ้า ที่เพ้อละเมอถึง
หนึ่งปากรับรสด้วย ชิวหา
บริโภคภักษา อร่อยลิ้น
ใช้เพื่อรจนา ผูกมิตร
ฆ่าอริจนดับดิ้น ก็ด้วยวาจา
ตาหูจมูกปากลิ้น ของเรา
หากรับอย่างโง่เขลา ไม่แคล้ว
รูปรสกลิ่นมัวเมา เสพติด
แม้นจิตบ่มั่นแล้ว สติสิ้นปัญญาดับ
18 พฤศจิกายน 2548 15:03 น.
ketana
มองเห็นคนก่อความน่ารำคาญ
เที่ยววิจารณ์ตำหนิติไปทั่ว
หรืออยากดังเพิ่มค่าราคาตัว
จึงเมามั่วเหยียดหยามคงย่ามใจ
แสดงตัวแสดงตนเหมือนคนขลาด
ชิ ! บังอาจกระทำเหมือนหยามใส่
จนหลายคนบอกระอากว่าสิ่งใด
แหม !ช่างไร้ยางอายทำลายคน
นักวิจารณ์อวดเบ่งหากเก่งกล้า
อยากขอท้าประชันกันสักหน
แน่จริงร่ายอักษรสร้างกลอนกล
แล้วจะบ่นจะพล่ามตามสบาย
หากว่าปอดถอดใจไม่คิดสู้
ก็อย่าอยู่ตรงนี้จงหนีหาย
แล้วอย่ากลับมาจุ้นทำวุ่นวาย
คิดทำร้ายความฝันกันอีกเลย
15 พฤศจิกายน 2548 08:37 น.
ketana
จับอารมณ์หลากหลายในส่วนลึก
ความรู้สึกสับสนคราวหม่นหมอง
ยามสุขเศร้าขื่นขมหรือสมปอง
เป็นร้อยกรองร้อยแก้วแล้วแต่ใจ
เอาชีวิตทุกข์เข็ญเป็นกระดาษ
ขาวสะอาดหมดจดสวยสดใส
ดินสอเป็นประสบการณ์ที่ผ่านไป
บันทึกไว้บนกระดาษวาดเวลา
อาจมิแม่นตามผังอย่างโบราณ
เพียงขับขานเรียงถ้อยร้อยภาษา
เป็นคำพูดสามัญชนคนธรรมดา
ไม่หรูหราวิจิตพิสดาร
แค่บันทึกเรื่องดีร้ายในชีวิต
วาดความคิดช่วงนาทีที่ผันผ่าน
มิหวังสร้างให้โดดเด่นเป็นตำนาน
สนุกสนานกับอักษรกลอนกวี